บทที่ 5
“ว่างๆ เราไปกินข้าวกันนะครับ”
“อืม...ขอคิดดูก่อนนะคะ เพราะหวากลัวแฟนพี่ภพจะว่าเอา” “ครับๆ” อนุภพจำเป็นต้องเอ่ยรับ เพราะรู้ว่านั่นคือการปฏิเสธแบบอ้อมๆ อย่างถนอมน้ำใจจากเธอ เมื่ออนุภพแยกตัวออกไปชายหนุ่มก็มีสาวๆ มาขอชนแก้วและคุยด้วยไม่น้อยเลย โดยส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ กันมากกว่า ชายหนุ่มพยายามปลีกตัวไปหาพัฒน์ชนะและเขาก็ทำได้สำเร็จ ทันที่ที่หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ได้ก็เอ่ยบอกในสิ่งที่ได้รู้มา “น้องเขามีแฟนแล้วว่ะ” “แล้วไง” พัฒน์ชนะเอ่ยถามอย่างเป็นเรื่องปรกติ เขาไม่สนถ้าจะมีอะไรกับผู้หญิงที่มีแฟนแล้ว เพราะพวกผู้หญิงที่ข้องเกี่ยวกับเขาส่วนใหญ่ต่างก็เป็นฝ่ายสมยอมให้กับเขาเอง เขาไม่ได้บังคับใจใครสักหน่อย “ไอ้นี่หนิ” อนุภพส่ายหน้าให้ ก่อนจะพูดเรื่องที่อยากพูดแต่ทำได้เพียงแค่อ้าปากก็ต้องหยุด เพราะมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น “พี่แพท พี่ภพคะ ชนแก้วกันหน่อยสิ” สาวสวยสามสี่คนล้อมหน้าล้อมหลังอนุภพกับพัฒน์ชนะจนแทบไม่มีความเป็นส่วนตัว “อย่าไปไหน เดี๋ยวข้ามาคุยต่อ” อนุภพพาสาวๆ ออกไปก่อนเพื่อหวังจะกลับมาคุยกับเพื่อนใหม่ ส่วนภัทรานิษฐ์เองก็มีหนุ่มๆ อีกหลายคนเดินเข้าไปคุย ชวนเธอชนแก้ว ถามเรื่องงานบ้างแต่คนที่ดื่มแทนภัทรานิษฐ์นั่นคือศิรดา ที่ในวันนี้ดื่มมากเป็นพิเศษจนเกือบจะเมาแล้ว ทางด้านบนเวทีมีการแสดงคอนเสิร์ตของวงดนตรีชื่อดังที่ทางทีมงานเตรียมมาไว้ให้ ทุกคนต่างสนุกสนานแต่ภัทรานิษฐ์กำลังห้ามศิรดาไม่ให้ดื่มเหล้าต่ออยู่ “ฝน...พอแล้ว” มือเรียวๆ ของภัทรานิษฐ์เอื้อมไปรั้งมือของศิรดาที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเป็นแก้วที่เท่าไหร่ภัทรานิษฐ์ก็ลืมนับรู้แต่ว่าเพื่อนของเธอดื่มเหล้าไปเยอะมากแล้ว เรียกได้ว่าตั้งหน้าตั้งตาดื่มกันเลยทีเดียว “ยังไม่เมาเลยนะ” ศิรดาหันมาตอบภัทรานิษฐ์ แต่ตานั้นเริ่มปรือแล้ว “บ้า...จะดื่มให้เมาเลยหรือไง สร้างภาพหน่อยสิเพื่อน สวย...ท่องไว้วันนี้เราต้องสวย” ภัทรานิษฐ์พยายามบิ๊วท์อารมณ์ แต่ท่าทางจะไม่ได้ผล “ไม่สร้างมันแล้ว ตอนนี้เห็นเหล้าดีกว่าผู้ชาย” “ไอ้เพื่อนบ้า เก๋ เอาไงดี” เมื่อห้ามแล้วไม่เป็นผลภัทรานิษฐ์จึงหันไปถามลักขณาที่พอจะเข้าใจสาเหตุที่ทำให้ศิรดาดื่มหนักแบบนี้ เพราะคืนก่อนก็ชวนเธอไปเที่ยวเหมือนกัน “ปล่อยฝนมันไปเถอะ คืนนี้คิดซะว่าปล่อยผี เพราะแฟนมันไม่อยู่ บินไปทำงานที่ฮ่องกงเป็นอาทิตย์แล้ว คงเหงา” “ไหนตอนคุยโทรศัพท์บอกว่าดีใจไง จะได้มีเวลาเป็นส่วนตัว” ภัทรานิษฐ์หันไปมองศิรดาแล้วก็ส่ายหน้าให้ ที่แท้ก็ปากแข็งแต่ใจอ่อน “มันโกหกน่ะสิ หน้าอย่างเนี๊ยเหรอจะขาดพี่คริสได้” ลักขณาเอ่ยอย่างรู้ทัน “แกสองคนอย่าแขวะฉันสิ คนมันรัก พอห่างก็คิดถึงบ้างอะไรบ้าง แงๆ เมื่อไหร่แฟนฉันจะกลับมาซะที เดี๋ยวก็บินตามไปถึงฮ่องกงเลยนี่” คนที่กำลังเมาได้ที่แต่พอยังมีสติเอ่ยขึ้น ก่อนจะแกล้งร้องไห้ออกมา แต่ความคิดถึงแฟนหนุ่มนั้นไม่ได้แกล้งเลยจริงๆ “เพ้อแบบนี้ท่าทางจะไม่รอดว่ะ” “เอาไงดีล่ะเก๋ พากลับบ้านเลยไหม” ภัทรานิษฐ์เอ่ยถามลักขณา หาทางพาคนเมาออกไปจากงานก่อน “ไม่ดีกว่า กลับบ้านไปไอ้ฝนก็ต้องหาเหล้าดื่มแก้คิดถึงแฟนอยู่ดี ดีไม่ดีถูกม๊ามันดุอีก จะซวยกันไปใหญ่ คราวนี้งานได้งอกแน่นอน” “งั้นเปิดห้องให้ฝนนอนจนสร่างเมาก่อน จะได้อยู่ในสายตาเราด้วย” คำพูดของภัทรานิษฐ์ทำให้ลักขณาเห็นด้วย “อืม...ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ” ลักขณาและภัทรานิษฐ์ช่วยกันหิ้วปีกศิรดา ออกไปจากห้องจัดเลี้ยง พัฒน์ชนะเองก็เดินเลี่ยงออกมายืนดูสามสาวเหมือนกันว่าจะไปไหน เพราะคืนนี้เขาจะเสียพนันไม่ได้ ลักขณาเข้าไปเช็คอิน ก่อนจะหิ้วปีกพาคนขี้เมาขึ้นไปบนห้องพัก ส่วนภัทรานิษฐ์ก็ช่วยอีกแรงโดยหารู้ไม่ว่าพัฒน์ชนะจ้องมองพวกเธออยู่และรู้ว่าทั้งสามกำลังตรงไปห้องไหน ชายหนุ่มอาศัยฐานะของการเป็นเจ้าของโรงแรม เอ่ยถามจากพนักงานหน้าเคาน์เตอร์เช็คอินนั่นเอง พัฒน์ชนะขึ้นมาบนห้องที่ทั้งสามคนเช็คอิน ก่อนจะยืนกอดอกพิงผนังหน้าห้อง เพราะอยากรู้ว่าจะเข้าหาภัทรานิษฐ์ได้ด้วยวิธีไหน ถ้าเธอไม่ยอมออกมาจะทำยังไง ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดแต่ก็เงี่ยหูฟังการสนทนาภายใน เพราะประตูยังปิดไม่สนิท การสนทนาภายในห้องพัฒน์ชนะจึงได้ยิน “ตัวหนักชะมัดเลย ยายฝน” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบ่น ก่อนจะวางคนขี้เมาที่ตอนนี้หลับแบบไม่รู้เรื่องอะไรแล้วลงบนเตียง เมื่อกี๊ยังโต้ตอบได้ว่าไม่เมา แต่ตอนนี้กลับแทบไม่มีแรงขยับไปไหน “นั่นสิ...มันกินเหล้าหรือกินช้างเข้าไปวะเนี่ย” ลักขณาเอ่ยอย่างเห็นด้วย ก่อนจะนั่งหอบอยู่ขอบเตียงนอน ภัทรานิษฐ์เดินเข้าไปในห้องน้ำ หยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กชุบน้ำเย็นๆ ไปเช็ดตัวให้คนขี้เมา “เมื่อไหร่จะสร่างเมาเนี๊ยฝน” “คงอีกนาน รองเท้าก็กัดฉัน จะอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ขอสวยหน่อยก็มีอุปสรรคตลอด” เมื่อตอบคำถามของภัทรานิษฐ์เรื่องศิรดาไปแล้ว ลักขณาก็เอ่ยเรื่องตัวเองบ้าง หญิงสาวนั่งไขว่ห้างมองเท้าของตัวเองที่มีรอยแดงและถลอกเพราะเจ้ารองเท้าส้นสูงปลายแหลมของเธอทำพิษ “เอาน่า…แค่นี้เก๋ก็สวยแล้ว” ภัทรานิษฐ์เอ่ยชม “จ้า…แม่คนงามตั้งแต่เกิด เพื่อนจะสวยก็ยอกันเข้าไป” “ยอว่าสวยไม่ชอบเหรอ” “ก็ชอบ…เออนี่หวา วันนี้ได้เจอพี่แพทแล้ว ทำไมไม่เข้าไปบอกพี่เขาว่าแกชอบวะ” คำพูดของลักขณาทำให้คนที่แอบฟังอย่างพัฒน์ชนะยิ้มออกมา เพราะไม่คิดว่าภัทรานิษฐ์จะชอบเขา อย่างนี้อะไรๆ มันก็ยิ่งง่าย “ไม่” คนถูกถามปฏิเสธ ทำให้ใบหน้าของพัฒน์ชนะบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด ขัดใจที่เธอไม่พูดว่าชอบเขา ทั้งๆ ที่ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยจะทำแบบนั้น หรือเพราะเธอมีแฟนแล้วอย่างที่อนุภพบอก “ทำไมล่ะแก ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าแกจะเก็บความรู้สึกนี้ไปอีกนานแค่ไหน ไม่อึดอัดเหรอ” “อึดอัดแต่ชินแล้ว เก๋แกว่าเราสวยไหม” “สวย” ลักขณาเอ่ยรับแบบไม่ต้องคิด “แต่พี่แพทก็ไม่เห็นจะสนใจเราเลย แสดงว่าเขาไม่ชอบเราหรอก ขืนไปบอกว่าชอบเขาก็มีแต่จะหน้าแหกเปล่าๆ อีกอย่างเราก็อายด้วยที่จะบอกชอบใครก่อน” ขณะพูดภัทรานิษฐ์ทำหน้าที่เช็ดใบหน้าและลำคอของศิรดาไม่หยุดมือ ++++++++++++++++ ฝากติดตามผลงานของนักเขียนนามปากกา วรนิษฐา ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะบทที่ 6“แต่ก็ไม่ผิดนะที่จะบอกใครบางคนว่าเราชอบเขา” ลักขณาพยายามเสนอ เพราะไม่อยากให้ภัทรานิษฐ์เก็บความรู้สึกนี้ไว้คนเดียวจนวันตาย “ก็ไม่ผิด แต่ติดที่เราไม่กล้าเอง จบไหมเพื่อน”“เออ…จบประเด็น” พอได้ยินคำตอบของเพื่อนสาวก็ทำเอาคนฟังไปไม่เป็นเหมือนกัน แต่ยิ่งรู้แบบนี้พัฒน์ชนะก็ยิ่งอยากได้อยากจะเอาชนะภัทรานิษฐ์มากขึ้นเท่านั้น มันคือความท้าทายแบบผิดๆ ของชายหนุ่มที่จะเป็นโซ่ผูกเขาไปจนวันตาย “เออนี่เก๋…เห็นกระเป๋าเราไหม” พูดจบสายตาของภัทรานิษฐ์ก็มองหากระเป๋าตัวเอง “ไม่นี่…ลืมไว้บนโต๊ะที่ห้องจัดเลี้ยงหรือเปล่า”“ท่าทางจะเป็นแบบนั้น เดี๋ยวเราลงไปเอาก่อนนะ ฝากยายฝนด้วย” คำพูดของภัทรานิษฐ์ทำให้พัฒน์ชนะรีบหลบออกไป “อืม” ลักขณาเอ่ยรับ ก่อนจะมองภัทรานิษฐ์ที่เดินออกจากห้องไป แล้วมองคนขี้เมาที่นอนอยู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกไปโทรหาแฟนหนุ่มของเธอ และเลือกออกไปคุยที่ระเบียงห้องพักอย่างกระหนุง กระหนิงตามประสาคนรักเพื่อรอภัทรานิษฐ์ส่วนคนขี้ลืมทั้งๆ ที่ไม่น่าลืมก็กดลิฟต์ลงไปยังห้องจัดเลี้ยง ซึ่งตอนนี้ภายในห้องจัดเลี้ยงค่อนข้างมืดเพราะปิดไฟเกือบหมดเพื่อให้ทุกคนที่มางานออกสเต็ปแดนซ์ตามจังหวะเสียงเพลงที่ดั
บทที่ 7“ไม่อยากให้เป็นแบบนี้หรอกเหรอครับ” พัฒน์ชนะเดินเข้ามาหาภัทรานิษฐ์ที่ในตอนนี้หญิงสาวยิ่งขยับหนีเพื่อออกห่าง ดึงสติกลับมาเพราะไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของเขาว่ามันคืออะไร หรือแค่อยากลองใจเธอ ภัทรานิษฐ์รู้ว่าพัฒน์ชนะนั้นเป็นเพลย์บอยมากแค่ไหน เพราะเหตุนี้เธอจึงไม่ยอมบอกว่าชอบเขา เพียงเพื่อจะได้เป็นของเล่นของชายหนุ่มแน่ๆ แล้วที่เขาบอกว่าชอบเธอก็ใช่ว่าจะเชื่อถือมันได้ว่าคือความจริง “ไม่ค่ะ เพราะยี่หวาไม่ได้ชอบพี่แพท ขอตัวก่อนนะคะ” ภัทรานิษฐ์รวบรวมความกล้า เดินผ่านพัฒน์ชนะเพื่อตรงไปยังประตูแต่ชายหนุ่มกลับจับข้อมือบางของเธอไว้ “เดี๋ยวสิ”“พี่แพท…ปล่อยแขนยี่หวาด้วยค่ะ” ภัทรานิษฐ์พยายามออกแรงยื้อให้หลุดจากการจับของพัฒน์ชนะ แต่คำพูดของชายหนุ่มกลับทำให้ตัวของภัทรานิษฐ์รู้สึกเย็นวาบ“คงไม่ได้” “พี่แพท!” ความกลัวทำให้ภัทรานิษฐ์ตัวสั่น เธอไม่เคยกลัวพัฒน์ชนะแบบนี้มาก่อน แววตาของชายหนุ่มเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ความรู้สึกของเธอบอกให้ออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด “รู้ไหมว่าพี่เป็นผู้ชายที่ถ้าอยากได้อะไรแล้วต้องได้”“ไม่ทราบค่ะ ปล่อย!”“พี่อยากได้ยี่หวา” คำพูดที่แสนเห็นแก่ตัวของพัฒน์ชนะทำให้ภัทรานิษฐ์
บทที่ 8“ไม่ได้” ชายหนุ่มสบตาที่สั่นระริกของภัทรานิษฐ์ แต่ไม่ได้มีความสงสารให้เธอเพียงนิด เพราะความต้องการของเขามีมากเกินจะหยุดได้แล้ว “สารเลว ปล่อยนะ อื้อ…” คำด่าทอและขอร้องถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากอีกครั้ง มือข้างหนึ่งของพัฒน์ชนะจับข้อมือของภัทรานิษฐ์จุดที่มีเนกไทมัดไว้ ส่วนอีกข้างกำลังสำรวจร่างกายเธอ ภัทรานิษฐ์ถึงกับสะดุ้งหนียามถูกมือหนาสัมผัส น้ำตาของความกลัวไหลอาบแก้มแต่พัฒน์ชนะไม่รับรู้เพียงนิด ชายหนุ่มถอนจูบออก ก่อนจะไซ้ซอกคอหอมๆ ของเธอ จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ เมื่อริมฝีปากบางเป็นอิสระภัทรานิษฐ์ก็เฝ้าบอกให้เขาหยุดและปล่อยเธอ แต่มีหรือที่พัฒน์ชนะจะฟังคำพูดของเธอ ยามใดที่ริมฝีปากของชายหนุ่มสัมผัสถูกกายสาวภัทรานิษฐ์ก็สะดุ้งรับ สัมผัสวาบหวิวและเร่าร้อนซึ่งไม่เคยมีชายใดทำแบบนี้กับเธอมาก่อนมันทั้งน่าลิ้มลองและน่าหวาดกลัวไปพร้อมๆ กันชุดเกาะอกสีฟ้าของภัทรานิษฐ์ถูกพัฒน์ชนะร่นมันลงไปกองที่เอวคอดได้รูป ก่อนจะรั้งซิลิโคนที่หญิงสาวสวมแทนบราออกไปด้วย เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มไร้อาภรณ์ใดๆ ปิดกั้น ริมฝีปากร้อนๆ ของชายหนุ่มทั้งเฝ้าจูบ และขบเม้มรอบฐานดอกบัวคู่สวยทั้งสองข้าง มือก็ขยำขยี้ฟอนเฟ้นจนตั้งชัน
“ไม่นะ” ภัทรานิษฐ์สะดุ้งสุดตัว เบิกตากว้าง ทั้งตัวรู้สึกเย็นวูบสลับร้อน ไม่กล้ามองด้วยซ้ำว่าพัฒน์ชนะกำลังทำอะไรกับส่วนนั้นของเธอ แต่ชายหนุ่มมีหรือจะยอมหยุด เขารู้สาเหตุที่ภัทรานิษฐ์ไม่ประสาเรื่องบนเตียงแล้ว เพราะเธอยังบริสุทธิ์นั่นเอง เยื่อบางๆ ที่กั้นไม่ให้ลิ้นและนิ้วของเขาผ่านเข้าไปในตัวเธอมันบอกแบบนั้น ยิ่งได้รู้แบบนี้ พัฒน์ชนะก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้นไปอีกชายหนุ่มไม่ได้สนใจถุงยางอนามัยเลย เขารีบจัดการถอดอันเดอร์แวร์ของตัวเองออก ก่อนจะก้มลงไปใช้ลิ้นสัมผัสความเป็นหญิงของเธอหนักๆ จนภัทรานิษฐ์ขาสั่นไปหมดก็ว่าได้ หญิงสาวกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือดกับสัมผัสวาบหวิวเร่าร้อนที่เกิดขึ้น ตอนนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธความต้องการได้แล้ว มือที่ถูกมัดกำเข้าหากันแน่นยามที่ลิ้นของชายหนุ่มสัมผัสจุดที่ไวต่อความรู้สึกกลางตัว“อะ…พี่แพท” คนที่กำลังหลอมละลายเอ่ยเรียกชื่อพัฒน์ชนะ ไม่เต็มเสียงนัก ร่างบางของภัทรานิษฐ์บิดเร่าไปมา ท้องน้อยปั่นป่วนไปหมด ขนอ่อนบนร่างกายทุกเส้นตั้งชัน ขาทั้งสองข้างสั่นไหวเหมือนกับใจของเธอในตอนนี้ ที่มีทั้งความหวาดกลัวและอยากลิ้มลองรสเสน่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูที่ดังติดกันหลายครั้ง ทำให้ลักขณาที่กึ่งหลับกึ่งตื่น สะลึมสะลือเดินออกไปเปิดประตูให้ แต่ความง่วงแทบหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เคาะประตูว่าเป็นใคร“พะ…พี่แพท”“พี่แค่แวะมาดู ได้ข่าวว่าเพื่อนน้องเมามาก” พัฒน์ชนะเอาเรื่องเมามาเป็นข้ออ้าง สายตาแอบมองเข้าไปในห้องหวังได้พบภัทรานิษฐ์“อ้อ…ค่ะ ขะ…ขอบคุณ” ลักขณาเอ่ยตอบแบบงงๆ พัฒน์ชนะรู้เรื่องที่เธอพาศิรดามานอนในห้องนี้ได้ยังไง“แล้วนี่เรานอนกันกี่คน ที่นอนพอไหม”“พะ…พอค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่ถาม” ยิ่งรุ่นพี่หนุ่มถามมากเท่าไหร่ ลักขณาก็ออกอาการงงมากขึ้นเท่านั้น ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะมาถาม แต่ทำไมวันนี้ถึงได้สนใจเธอนัก“จริงสิ ในงานพี่เห็นยี่หวาแวบๆ กะว่าจะเข้าไปคุยเรื่องธุรกิจที่เขากำลังทำด้วยเสียหน่อย แต่พอหันมาอีกทีก็ไม่เห็นเขาแล้ว” พัฒน์ชนะเอาเ
วันรุ่งขึ้นภัทรานิษฐ์ก็จำต้องแข็งใจลุกขึ้นมาเปิดร้านของเธอตามปรกติ แม้จะอยากหนีไปให้พ้นๆ ก็ตามที แม้ดวงตาจะบวมมากเพราะร้องไห้อย่างหนักมาทั้งคืนก็ แต่หญิงสาวมีชุดแต่งงานที่ต้องตัดให้เสร็จเรียบร้อยภายในเดือนนี้ จึงต้องเก็บเรื่องส่วนตัวเอาไว้ ไม่ให้กระทบกับงาน แต่มันก็ยากเสียเหลือเกิน ตั้งแต่เปิดร้านและปักชุดแต่งงานอยู่ เข็มปลายแหลมปักนิ้วของภัทรานิษฐ์ไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนลูกน้องออกอาการเป็นห่วงเจ้านายอย่างเห็นได้ชัดส่วนพัฒน์ชนะก็เข้าบริษัท เนื่องจากชายหนุ่มมีประชุมด่วนเรื่องที่จะขยายตลาดธุรกิจห้างสรรพสินค้าไปยังประเทศจีน แม้จะไม่คิดเรื่องเมื่อคืนแต่ภาพมันก็มักฉายเข้ามาในสมองของทั้งสองคนเสมอจนชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดตัวเอง แต่ก็ต้องคุมตัวเองไว้เหมือนกัน“ผมจะไปคุมงานที่จีนเองครับพ่อ” พัฒน์ชนะเอ่ยขึ้น เมื่อจบการประชุมและตอนนี้เขาอยู่กับบิดาเพียงสองคน ชายหนุ่มอยากรับผิดชอบงานนี้ตั้งแต่รู้ว่ามีโปรเจกต์ขยายฐานธุรกิจไปยังประเทศจีนแล้ว“ไม่เห็นต้องไปเอง ให้คนอื่นไปก็ได้” บรรพตเงยหน้าขึ้นมองลูกชายคนรอง“ผมอยากทำง
ขับรถเข้าไปในซอยประมาณสามร้อยเมตร พัฒน์ชนะก็พบร้าน ที่เขาต้องการ ภัทรา เวดดิ้ง ตั้งอยู่ตรงมุมของทาวน์โฮมทรงสวย ชั้นหนึ่งถึงสามเป็นกระจกและมีผ้าม่านประดับตกแต่งอย่างสวยงาม รวมถึงมีชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาวโชว์อยู่หลายชุด ภายในร้านมีคนอยู่หลายคนรวมทั้งคนที่ชายหนุ่มอยากพบเองก็กำลังคุยกับผู้หญิงที่สวมชุด เจ้าสาวอยู่ พัฒน์ชนะขับรถเข้าไปจอดข้างร้าน ด้วยความที่กระจกรถเขาติดฟิล์มค่อนข้างมืดคนภายนอกจึงไม่สามารถมองเห็นภายในรถได้แต่ชายหนุ่มนั้นสามารถมองเห็นทุกอย่างนอกรถได้ชัดเจน“เก่งนี่ที่ยังยิ้มได้” พัฒน์ชนะเอ่ยชม สายตาของเขาจับจ้องไปที่ภัทรานิษฐ์แทบไม่กระพริบตา หญิงสาวยังคงไม่รู้เรื่องเธอยังคงตั้งใจทำงาน แม้ภายนอกจะยังยิ้ม แต่ลึกๆ ภายในใจก็เจ็บปวดเหมือนกัน“ขอบคุณมากนะคะ” ภัทรานิษฐ์เปิดประตูให้ลูกค้าที่เข้ามาลองชุดแต่งงาน ก่อนจะกลับไปหย่อนตัวนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดเรี่ยวแรง ทำเอาบรรดาลูกน้องต่างเหลือบตากันมองหน้าเจ้านายอย่างสงสาร เพราะรู้ว่างานค่อนข้างรีบไม่น้อย พวกเธอนั้นทำได้ในส่วนที่ทำได้ แต่ชุดแต่งงานส่วนใหญ่ภัทรานิษฐ์จะรับผิดชอบรายละเอียดยิบย่อยที่พ
“หวา น้องจะคุยด้วย” ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกปลายสาย ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ลูกชายได้คุยกับพี่สาวบ้าง แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่สองพี่น้องก็รักใคร่กันดี เห็นแบบนี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ดีใจไปด้วย“ว่าไงแม็ค”“พี่หวา ตอนนี้แม็ครวยแล้วนะ” วสุวัสรีบคุยโวใส่ทันที แต่ดูจะมีแค่ภัทรานิษฐ์เท่านั้นแหละที่ชายหนุ่มจะพูดแบบนี้ให้ฟัง“จริงเหรอ รวยแล้วอย่าลืมแบ่งพี่บ้างนะ”“แน่นอนอยู่แล้ว ต่อไปแม็คจะเลี้ยงพี่หวา แม่ พ่อด้วยเหมือนกัน” ชายหนุ่มเอ่ยรับปาก เพราะรู้ว่าภัทรานิษฐ์มีบุญคุณมากแค่ไหน“เลี้ยงตัวเองให้ดีก่อนเถอะแม็ค” เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น ก่อนจะส่ายหน้าให้ เพราะเธอไม่ได้หวังให้ลูกมาเลี้ยงหรอก ขอแค่ได้มองดูชีวิตพวกเขาประสบความสำเร็จก็ภูมิใจมากมายแล้ว“นั่นสิ แต่พี่ขอบใจแม็คนะที่ช่วยดูแลแม่กับพ่อ ตอนที่พี่ไม่อยู่บ้านแบบนี้นะ”“สบายมากฮะ” เสียงทุ้มๆของน้องชายเอ่ยรับ ทำให้ภัทรานิษฐ์ยิ้มออกมา“จ้ะ...ว่างๆ ก็พาแม่กับพ่อขึ้นมาหา