บทที่ 6
“แต่ก็ไม่ผิดนะที่จะบอกใครบางคนว่าเราชอบเขา” ลักขณาพยายามเสนอ เพราะไม่อยากให้ภัทรานิษฐ์เก็บความรู้สึกนี้ไว้คนเดียวจนวันตาย
“ก็ไม่ผิด แต่ติดที่เราไม่กล้าเอง จบไหมเพื่อน” “เออ…จบประเด็น” พอได้ยินคำตอบของเพื่อนสาวก็ทำเอาคนฟังไปไม่เป็นเหมือนกัน แต่ยิ่งรู้แบบนี้พัฒน์ชนะก็ยิ่งอยากได้อยากจะเอาชนะภัทรานิษฐ์มากขึ้นเท่านั้น มันคือความท้าทายแบบผิดๆ ของชายหนุ่มที่จะเป็นโซ่ผูกเขาไปจนวันตาย “เออนี่เก๋…เห็นกระเป๋าเราไหม” พูดจบสายตาของภัทรานิษฐ์ก็มองหากระเป๋าตัวเอง “ไม่นี่…ลืมไว้บนโต๊ะที่ห้องจัดเลี้ยงหรือเปล่า” “ท่าทางจะเป็นแบบนั้น เดี๋ยวเราลงไปเอาก่อนนะ ฝากยายฝนด้วย” คำพูดของภัทรานิษฐ์ทำให้พัฒน์ชนะรีบหลบออกไป “อืม” ลักขณาเอ่ยรับ ก่อนจะมองภัทรานิษฐ์ที่เดินออกจากห้องไป แล้วมองคนขี้เมาที่นอนอยู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกไปโทรหาแฟนหนุ่มของเธอ และเลือกออกไปคุยที่ระเบียงห้องพักอย่างกระหนุง กระหนิงตามประสาคนรักเพื่อรอภัทรานิษฐ์ ส่วนคนขี้ลืมทั้งๆ ที่ไม่น่าลืมก็กดลิฟต์ลงไปยังห้องจัดเลี้ยง ซึ่งตอนนี้ภายในห้องจัดเลี้ยงค่อนข้างมืดเพราะปิดไฟเกือบหมดเพื่อให้ทุกคนที่มางานออกสเต็ปแดนซ์ตามจังหวะเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม พัฒน์ชนะนั้นตามภัทรานิษฐ์มาไม่ห่างเหมือนกัน ยิ่งได้ยินว่าเธอชอบเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแบบนี้ก็ยิ่งเข้าทาง อนุภพเองก็พยายามตามหาเพื่อนเพื่อจะยกเลิกในเรื่องที่วางเดิมพันกันไว้แต่ก็หาไม่พบ และเพราะความเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี ทำให้อนุภพนั้นรู้นิสัยของ พัฒน์ชนะเป็นอย่างดี หนุ่มหล่อรวยและเพลย์บอย ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ยังไม่มีคนรักจนถึงตอนนี้ก็เพราะรักชีวิตสนุก ไม่คิดผูกมัดกับใคร ชอบก็ฟันถ้าผู้หญิงยอม ซึ่งส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อยเป็นต้องยอมเพราะพัฒน์ชนะหน้าตาดี แต่เขาไม่อยากให้เพื่อนทำร้ายภัทรานิษฐ์แบบนั้น เพราะรู้ว่าหญิงสาวเป็นคนดีคนหนึ่ง พัฒน์ชนะไม่ควรเอาความดีและน่ารักของเธอมาล้อเล่นเพียงเพราะต้องการเอาชนะด้วยการพนันที่เขาก็บ้าไปเล่นกับมันด้วย “หาอะไรอยู่ครับน้องยี่หวา” เสียงทุ้มๆ ของพัฒน์ชนะเอ่ยถาม น้ำเสียงของเขาแทบกลบเสียงเพลงภายในห้องจัดเลี้ยงได้ด้วยซ้ำภัทรานิษฐ์ถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่คิดว่าจะเจอกับชายหนุ่มในตอนนี้ “เอ๊ะ” “พี่ทำให้ตกใจเหรอครับ” รู้ทั้งรู้แต่พัฒน์ชนะก็ยังถาม ชายหนุ่มลอบยิ้มเจ้าเล่ห์กับท่าทางของภัทรานิษฐ์ที่แสดงออกว่าเธอกำลังตกใจที่ได้เจอเขาอยู่ “ไม่เป็นไรค่ะ” “ว่าแต่กำลังหาอะไรอยู่ครับ ให้พี่ช่วยไหม” “เอ่อ…กระเป๋าค่ะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก ใจเธอสั่นมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกับพัฒน์ชนะ ไม่รู้มาก่อนว่าชายหนุ่มจะรู้จักชื่อของเธอ ตอนที่เขาเรียกว่าน้องยี่หวา เธอดีใจอย่างบอกไม่ถูก “ใบนี้หรือเปล่า” มือใหญ่ของพัฒน์ชนะส่งกระเป๋าถือใบสวยมาให้ภัทรานิษฐ์ หญิงสาวจึงรีบยื่นมือไปรับ “ใช่…ขอบคุณค่ะ” จังหวะที่คว้ากระเป๋ามาถือไว้ มือของภัทรานิษฐ์ที่สั่นเทาก็ทำให้กุญแจห้องที่ถืออยู่หล่นกับพื้น เธอรีบก้มเก็บทันที ซึ่งเข้าทางพัฒน์ชนะที่ใช้โอกาสนี้สลับกุญแจห้องให้เธอทันที เพราะความมืดจึงทำให้หญิงสาวไม่ได้มองว่ากุญแจที่พัฒน์ชนะจงใจยัดเยียดให้นั้นถูกห้องหรือไม่เพียงแค่สัมผัสถูกมือชายหนุ่มหญิงสาวก็สะดุ้งแล้ว ภัทรานิษฐ์โค้งศีรษะให้พัฒน์ชนะนิดหน่อย เพราะไม่มีอะไรจะต้องพูดกับเขาอีก รู้สึกอายและเขินเขาไปหมด หญิงสาวรีบเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง ตรงไปยังลิฟต์ก่อนจะยืนงงว่าเมื่อครู่เธอลงมาจากชั้นไหน สงสัยจะประหม่ากับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นกับพัฒน์ชนะเพียงเล็กน้อยนั่นเกินไปจนสติหลุดไปแล้วก็เป็นได้ “บ้าไปแล้วเหรอยี่หวา แค่นี้ก็ประหม่าซะได้” ภัทรานิษฐ์เอ่ยกับตัวเอง ก่อนจะนึกออกว่าเธอมีกุญแจห้องอยู่ในมือ หญิงสาวกดลิฟต์จากหมายเลขห้องที่โชว์อยู่ เพราะสองตัวหน้าคือหมายเลยชั้นที่พักนั่นเอง พัฒน์ชนะยืนยิ้มกริ่มกับแผนการที่เขาวางไว้ ชายหนุ่มกดลิฟต์ขึ้นไปบนห้องตามภัทรานิษฐ์ไปเหมือนกัน ความที่ไม่ได้คิดอะไร ทำให้หญิงสาวไขกุญแจเข้าไปในห้องที่ถูกพัฒน์ชนะเตรียมไว้รอ หญิงสาวออกอาการงง เพราะในห้องมันหรูหราต่างจากเมื่อครู่ตอนที่เธอเข้ามากับลักขณาและศิรดาลิบลับ แถมภายในยังไม่มีเพื่อนของเธออยู่สักคน ภัทรานิษฐ์จึงคิดว่ากุญแจนี่น่าจะสลับกับของใครสักคนที่ทำหล่นไว้ก่อนหน้า หญิงสาวกำลังจะก้าวไปยังประตู แต่ประตูกลับถูกเปิดออกพร้อมคนที่เธอไม่คาดคิด “พี่แพท” “อ้าว…เจอกันอีกแล้วนะครับ” พัฒน์ชนะทำเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ “อะ…เอ่อ ยี่หวาคงเข้าผิดห้อง” คนที่ไม่รู้เรื่องอย่างภัทรานิษฐ์ เริ่มทำตัวไม่ถูก หญิงสาวยืนหลบมุม สะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง เธอถึงกับหน้าซีดมองไปยังประตูที่มีชายหนุ่มยืนขวางอยู่ “อะไรครับ ไม่ดีเหรอที่เราจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้” “เอ๊ะ…หมายความว่ายังไงคะ”คำพูดของพัฒน์ชนะเรียกสติของภัทรานิษฐ์กลับมา หญิงสาวชักสีหน้าให้คำพูดแบบนั้นทันที “พี่ได้ยินมาว่าน้องยี่หวา แอบชอบพี่มาตั้งหลายปี เรื่องนี้จริงหรือเปล่าครับ” สิ่งที่ได้ยินทำให้ภัทรานิษฐ์รู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว พัฒน์ชนะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แต่ถึงเขาจะรู้เธอก็ไม่ยอมรับ “แค่เรื่องที่เขาอำกันเล่นๆ เท่านั้นเอง พี่แพทไม่ต้องไปซีเรียสหรอกค่ะ” “ต้องซีเรียสสิ เพราะพี่ก็ชอบน้องยี่หวาเหมือนกัน” คำว่าชอบจอมปลอมดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม ยิ่งทำให้คนฟังตกใจ แต่ลึกๆ คือดีใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินแบบนี้ “เอ๊ะ”บทที่ 7“ไม่อยากให้เป็นแบบนี้หรอกเหรอครับ” พัฒน์ชนะเดินเข้ามาหาภัทรานิษฐ์ที่ในตอนนี้หญิงสาวยิ่งขยับหนีเพื่อออกห่าง ดึงสติกลับมาเพราะไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของเขาว่ามันคืออะไร หรือแค่อยากลองใจเธอ ภัทรานิษฐ์รู้ว่าพัฒน์ชนะนั้นเป็นเพลย์บอยมากแค่ไหน เพราะเหตุนี้เธอจึงไม่ยอมบอกว่าชอบเขา เพียงเพื่อจะได้เป็นของเล่นของชายหนุ่มแน่ๆ แล้วที่เขาบอกว่าชอบเธอก็ใช่ว่าจะเชื่อถือมันได้ว่าคือความจริง “ไม่ค่ะ เพราะยี่หวาไม่ได้ชอบพี่แพท ขอตัวก่อนนะคะ” ภัทรานิษฐ์รวบรวมความกล้า เดินผ่านพัฒน์ชนะเพื่อตรงไปยังประตูแต่ชายหนุ่มกลับจับข้อมือบางของเธอไว้ “เดี๋ยวสิ”“พี่แพท…ปล่อยแขนยี่หวาด้วยค่ะ” ภัทรานิษฐ์พยายามออกแรงยื้อให้หลุดจากการจับของพัฒน์ชนะ แต่คำพูดของชายหนุ่มกลับทำให้ตัวของภัทรานิษฐ์รู้สึกเย็นวาบ“คงไม่ได้” “พี่แพท!” ความกลัวทำให้ภัทรานิษฐ์ตัวสั่น เธอไม่เคยกลัวพัฒน์ชนะแบบนี้มาก่อน แววตาของชายหนุ่มเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ความรู้สึกของเธอบอกให้ออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด “รู้ไหมว่าพี่เป็นผู้ชายที่ถ้าอยากได้อะไรแล้วต้องได้”“ไม่ทราบค่ะ ปล่อย!”“พี่อยากได้ยี่หวา” คำพูดที่แสนเห็นแก่ตัวของพัฒน์ชนะทำให้ภัทรานิษฐ์
บทที่ 8“ไม่ได้” ชายหนุ่มสบตาที่สั่นระริกของภัทรานิษฐ์ แต่ไม่ได้มีความสงสารให้เธอเพียงนิด เพราะความต้องการของเขามีมากเกินจะหยุดได้แล้ว “สารเลว ปล่อยนะ อื้อ…” คำด่าทอและขอร้องถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากอีกครั้ง มือข้างหนึ่งของพัฒน์ชนะจับข้อมือของภัทรานิษฐ์จุดที่มีเนกไทมัดไว้ ส่วนอีกข้างกำลังสำรวจร่างกายเธอ ภัทรานิษฐ์ถึงกับสะดุ้งหนียามถูกมือหนาสัมผัส น้ำตาของความกลัวไหลอาบแก้มแต่พัฒน์ชนะไม่รับรู้เพียงนิด ชายหนุ่มถอนจูบออก ก่อนจะไซ้ซอกคอหอมๆ ของเธอ จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ เมื่อริมฝีปากบางเป็นอิสระภัทรานิษฐ์ก็เฝ้าบอกให้เขาหยุดและปล่อยเธอ แต่มีหรือที่พัฒน์ชนะจะฟังคำพูดของเธอ ยามใดที่ริมฝีปากของชายหนุ่มสัมผัสถูกกายสาวภัทรานิษฐ์ก็สะดุ้งรับ สัมผัสวาบหวิวและเร่าร้อนซึ่งไม่เคยมีชายใดทำแบบนี้กับเธอมาก่อนมันทั้งน่าลิ้มลองและน่าหวาดกลัวไปพร้อมๆ กันชุดเกาะอกสีฟ้าของภัทรานิษฐ์ถูกพัฒน์ชนะร่นมันลงไปกองที่เอวคอดได้รูป ก่อนจะรั้งซิลิโคนที่หญิงสาวสวมแทนบราออกไปด้วย เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มไร้อาภรณ์ใดๆ ปิดกั้น ริมฝีปากร้อนๆ ของชายหนุ่มทั้งเฝ้าจูบ และขบเม้มรอบฐานดอกบัวคู่สวยทั้งสองข้าง มือก็ขยำขยี้ฟอนเฟ้นจนตั้งชัน
“ไม่นะ” ภัทรานิษฐ์สะดุ้งสุดตัว เบิกตากว้าง ทั้งตัวรู้สึกเย็นวูบสลับร้อน ไม่กล้ามองด้วยซ้ำว่าพัฒน์ชนะกำลังทำอะไรกับส่วนนั้นของเธอ แต่ชายหนุ่มมีหรือจะยอมหยุด เขารู้สาเหตุที่ภัทรานิษฐ์ไม่ประสาเรื่องบนเตียงแล้ว เพราะเธอยังบริสุทธิ์นั่นเอง เยื่อบางๆ ที่กั้นไม่ให้ลิ้นและนิ้วของเขาผ่านเข้าไปในตัวเธอมันบอกแบบนั้น ยิ่งได้รู้แบบนี้ พัฒน์ชนะก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้นไปอีกชายหนุ่มไม่ได้สนใจถุงยางอนามัยเลย เขารีบจัดการถอดอันเดอร์แวร์ของตัวเองออก ก่อนจะก้มลงไปใช้ลิ้นสัมผัสความเป็นหญิงของเธอหนักๆ จนภัทรานิษฐ์ขาสั่นไปหมดก็ว่าได้ หญิงสาวกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือดกับสัมผัสวาบหวิวเร่าร้อนที่เกิดขึ้น ตอนนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธความต้องการได้แล้ว มือที่ถูกมัดกำเข้าหากันแน่นยามที่ลิ้นของชายหนุ่มสัมผัสจุดที่ไวต่อความรู้สึกกลางตัว“อะ…พี่แพท” คนที่กำลังหลอมละลายเอ่ยเรียกชื่อพัฒน์ชนะ ไม่เต็มเสียงนัก ร่างบางของภัทรานิษฐ์บิดเร่าไปมา ท้องน้อยปั่นป่วนไปหมด ขนอ่อนบนร่างกายทุกเส้นตั้งชัน ขาทั้งสองข้างสั่นไหวเหมือนกับใจของเธอในตอนนี้ ที่มีทั้งความหวาดกลัวและอยากลิ้มลองรสเสน่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูที่ดังติดกันหลายครั้ง ทำให้ลักขณาที่กึ่งหลับกึ่งตื่น สะลึมสะลือเดินออกไปเปิดประตูให้ แต่ความง่วงแทบหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เคาะประตูว่าเป็นใคร“พะ…พี่แพท”“พี่แค่แวะมาดู ได้ข่าวว่าเพื่อนน้องเมามาก” พัฒน์ชนะเอาเรื่องเมามาเป็นข้ออ้าง สายตาแอบมองเข้าไปในห้องหวังได้พบภัทรานิษฐ์“อ้อ…ค่ะ ขะ…ขอบคุณ” ลักขณาเอ่ยตอบแบบงงๆ พัฒน์ชนะรู้เรื่องที่เธอพาศิรดามานอนในห้องนี้ได้ยังไง“แล้วนี่เรานอนกันกี่คน ที่นอนพอไหม”“พะ…พอค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่ถาม” ยิ่งรุ่นพี่หนุ่มถามมากเท่าไหร่ ลักขณาก็ออกอาการงงมากขึ้นเท่านั้น ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะมาถาม แต่ทำไมวันนี้ถึงได้สนใจเธอนัก“จริงสิ ในงานพี่เห็นยี่หวาแวบๆ กะว่าจะเข้าไปคุยเรื่องธุรกิจที่เขากำลังทำด้วยเสียหน่อย แต่พอหันมาอีกทีก็ไม่เห็นเขาแล้ว” พัฒน์ชนะเอาเ
วันรุ่งขึ้นภัทรานิษฐ์ก็จำต้องแข็งใจลุกขึ้นมาเปิดร้านของเธอตามปรกติ แม้จะอยากหนีไปให้พ้นๆ ก็ตามที แม้ดวงตาจะบวมมากเพราะร้องไห้อย่างหนักมาทั้งคืนก็ แต่หญิงสาวมีชุดแต่งงานที่ต้องตัดให้เสร็จเรียบร้อยภายในเดือนนี้ จึงต้องเก็บเรื่องส่วนตัวเอาไว้ ไม่ให้กระทบกับงาน แต่มันก็ยากเสียเหลือเกิน ตั้งแต่เปิดร้านและปักชุดแต่งงานอยู่ เข็มปลายแหลมปักนิ้วของภัทรานิษฐ์ไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนลูกน้องออกอาการเป็นห่วงเจ้านายอย่างเห็นได้ชัดส่วนพัฒน์ชนะก็เข้าบริษัท เนื่องจากชายหนุ่มมีประชุมด่วนเรื่องที่จะขยายตลาดธุรกิจห้างสรรพสินค้าไปยังประเทศจีน แม้จะไม่คิดเรื่องเมื่อคืนแต่ภาพมันก็มักฉายเข้ามาในสมองของทั้งสองคนเสมอจนชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดตัวเอง แต่ก็ต้องคุมตัวเองไว้เหมือนกัน“ผมจะไปคุมงานที่จีนเองครับพ่อ” พัฒน์ชนะเอ่ยขึ้น เมื่อจบการประชุมและตอนนี้เขาอยู่กับบิดาเพียงสองคน ชายหนุ่มอยากรับผิดชอบงานนี้ตั้งแต่รู้ว่ามีโปรเจกต์ขยายฐานธุรกิจไปยังประเทศจีนแล้ว“ไม่เห็นต้องไปเอง ให้คนอื่นไปก็ได้” บรรพตเงยหน้าขึ้นมองลูกชายคนรอง“ผมอยากทำง
ขับรถเข้าไปในซอยประมาณสามร้อยเมตร พัฒน์ชนะก็พบร้าน ที่เขาต้องการ ภัทรา เวดดิ้ง ตั้งอยู่ตรงมุมของทาวน์โฮมทรงสวย ชั้นหนึ่งถึงสามเป็นกระจกและมีผ้าม่านประดับตกแต่งอย่างสวยงาม รวมถึงมีชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาวโชว์อยู่หลายชุด ภายในร้านมีคนอยู่หลายคนรวมทั้งคนที่ชายหนุ่มอยากพบเองก็กำลังคุยกับผู้หญิงที่สวมชุด เจ้าสาวอยู่ พัฒน์ชนะขับรถเข้าไปจอดข้างร้าน ด้วยความที่กระจกรถเขาติดฟิล์มค่อนข้างมืดคนภายนอกจึงไม่สามารถมองเห็นภายในรถได้แต่ชายหนุ่มนั้นสามารถมองเห็นทุกอย่างนอกรถได้ชัดเจน“เก่งนี่ที่ยังยิ้มได้” พัฒน์ชนะเอ่ยชม สายตาของเขาจับจ้องไปที่ภัทรานิษฐ์แทบไม่กระพริบตา หญิงสาวยังคงไม่รู้เรื่องเธอยังคงตั้งใจทำงาน แม้ภายนอกจะยังยิ้ม แต่ลึกๆ ภายในใจก็เจ็บปวดเหมือนกัน“ขอบคุณมากนะคะ” ภัทรานิษฐ์เปิดประตูให้ลูกค้าที่เข้ามาลองชุดแต่งงาน ก่อนจะกลับไปหย่อนตัวนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดเรี่ยวแรง ทำเอาบรรดาลูกน้องต่างเหลือบตากันมองหน้าเจ้านายอย่างสงสาร เพราะรู้ว่างานค่อนข้างรีบไม่น้อย พวกเธอนั้นทำได้ในส่วนที่ทำได้ แต่ชุดแต่งงานส่วนใหญ่ภัทรานิษฐ์จะรับผิดชอบรายละเอียดยิบย่อยที่พ
“หวา น้องจะคุยด้วย” ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกปลายสาย ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ลูกชายได้คุยกับพี่สาวบ้าง แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่สองพี่น้องก็รักใคร่กันดี เห็นแบบนี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ดีใจไปด้วย“ว่าไงแม็ค”“พี่หวา ตอนนี้แม็ครวยแล้วนะ” วสุวัสรีบคุยโวใส่ทันที แต่ดูจะมีแค่ภัทรานิษฐ์เท่านั้นแหละที่ชายหนุ่มจะพูดแบบนี้ให้ฟัง“จริงเหรอ รวยแล้วอย่าลืมแบ่งพี่บ้างนะ”“แน่นอนอยู่แล้ว ต่อไปแม็คจะเลี้ยงพี่หวา แม่ พ่อด้วยเหมือนกัน” ชายหนุ่มเอ่ยรับปาก เพราะรู้ว่าภัทรานิษฐ์มีบุญคุณมากแค่ไหน“เลี้ยงตัวเองให้ดีก่อนเถอะแม็ค” เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น ก่อนจะส่ายหน้าให้ เพราะเธอไม่ได้หวังให้ลูกมาเลี้ยงหรอก ขอแค่ได้มองดูชีวิตพวกเขาประสบความสำเร็จก็ภูมิใจมากมายแล้ว“นั่นสิ แต่พี่ขอบใจแม็คนะที่ช่วยดูแลแม่กับพ่อ ตอนที่พี่ไม่อยู่บ้านแบบนี้นะ”“สบายมากฮะ” เสียงทุ้มๆของน้องชายเอ่ยรับ ทำให้ภัทรานิษฐ์ยิ้มออกมา“จ้ะ...ว่างๆ ก็พาแม่กับพ่อขึ้นมาหา
เมื่อมาถึงร้านภัทรานิษฐ์ก็บอกให้ลูกน้องกลับบ้านไปก่อนทันที แม้จะยังไม่ถึงเวลาปิดร้านก็ตาม เพราะตอนนี้เธออยากอยู่คนเดียวคิดอะไรคนเดียวและไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้นแล้ว ลูกน้องของ ภัทรานิษฐ์ต่างกังวลกับอาการป่วยของเจ้านายเหมือนกัน เพราะกลับจากโรงพยาบาลแล้วดูไม่ดีเลย จะถามก็ไม่กล้า จึงพากัน ออกจากร้านไปเงียบๆเมื่ออยู่ตามลำพังสองคน ภัทรานิษฐ์ถึงกับปล่อยโฮออกมาเธอร้องไห้หนักมาก ศิรดาคว้าร่างที่สั่นเทาของเพื่อนเข้ามากอด เห็นแบบนี้แล้วน้ำตาของเธอก็พลอยจะร่วงตามไปอีกคน แต่ถ้าขืนกอดคอกันร้องไห้คนที่จะแย่คงหนีไม่พ้นภัทรานิษฐ์ เพราะเพื่อนอย่างเธอมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งแทนที่จะช่วยคิดหาทางออก ผ่านไปเกือบชั่วโมงอาการร้องไห้ของ ภัทรานิษฐ์จึงค่อยๆ หยุดลง“ฝน เราจะทำยังไงดี” เสียงสั่นๆ ของภัทรานิษฐ์เอ่ยถาม เพราะเธอไม่รู้จะทำยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้แล้ว“ตั้งสติก่อน ตั้งสติ” ศิรดาตบบ่าของภัทรานิษฐ์หนักๆ ร่างบอบบางที่เคยเข้มแข็ง ตอนนี้อ่อนแอเสียจนเพื่อนอย่างเธอสงสารมาก ใครไม่มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้คงไม่เข้าใจหรอก“ทำไมต้อ