“ไม่นะ” ภัทรานิษฐ์สะดุ้งสุดตัว เบิกตากว้าง ทั้งตัวรู้สึกเย็นวูบสลับร้อน ไม่กล้ามองด้วยซ้ำว่าพัฒน์ชนะกำลังทำอะไรกับส่วนนั้นของเธอ แต่ชายหนุ่มมีหรือจะยอมหยุด เขารู้สาเหตุที่ภัทรานิษฐ์ไม่ประสาเรื่องบนเตียงแล้ว เพราะเธอยังบริสุทธิ์นั่นเอง เยื่อบางๆ ที่กั้นไม่ให้ลิ้นและนิ้วของเขาผ่านเข้าไปในตัวเธอมันบอกแบบนั้น ยิ่งได้รู้แบบนี้ พัฒน์ชนะก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้นไปอีกชายหนุ่มไม่ได้สนใจถุงยางอนามัยเลย เขารีบจัดการถอดอันเดอร์แวร์ของตัวเองออก ก่อนจะก้มลงไปใช้ลิ้นสัมผัสความเป็นหญิงของเธอหนักๆ จนภัทรานิษฐ์ขาสั่นไปหมดก็ว่าได้ หญิงสาวกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือดกับสัมผัสวาบหวิวเร่าร้อนที่เกิดขึ้น ตอนนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธความต้องการได้แล้ว มือที่ถูกมัดกำเข้าหากันแน่นยามที่ลิ้นของชายหนุ่มสัมผัสจุดที่ไวต่อความรู้สึกกลางตัว“อะ…พี่แพท” คนที่กำลังหลอมละลายเอ่ยเรียกชื่อพัฒน์ชนะ ไม่เต็มเสียงนัก ร่างบางของภัทรานิษฐ์บิดเร่าไปมา ท้องน้อยปั่นป่วนไปหมด ขนอ่อนบนร่างกายทุกเส้นตั้งชัน ขาทั้งสองข้างสั่นไหวเหมือนกับใจของเธอในตอนนี้ ที่มีทั้งความหวาดกลัวและอยากลิ้มลองรสเสน่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูที่ดังติดกันหลายครั้ง ทำให้ลักขณาที่กึ่งหลับกึ่งตื่น สะลึมสะลือเดินออกไปเปิดประตูให้ แต่ความง่วงแทบหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เคาะประตูว่าเป็นใคร“พะ…พี่แพท”“พี่แค่แวะมาดู ได้ข่าวว่าเพื่อนน้องเมามาก” พัฒน์ชนะเอาเรื่องเมามาเป็นข้ออ้าง สายตาแอบมองเข้าไปในห้องหวังได้พบภัทรานิษฐ์“อ้อ…ค่ะ ขะ…ขอบคุณ” ลักขณาเอ่ยตอบแบบงงๆ พัฒน์ชนะรู้เรื่องที่เธอพาศิรดามานอนในห้องนี้ได้ยังไง“แล้วนี่เรานอนกันกี่คน ที่นอนพอไหม”“พะ…พอค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่ถาม” ยิ่งรุ่นพี่หนุ่มถามมากเท่าไหร่ ลักขณาก็ออกอาการงงมากขึ้นเท่านั้น ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะมาถาม แต่ทำไมวันนี้ถึงได้สนใจเธอนัก“จริงสิ ในงานพี่เห็นยี่หวาแวบๆ กะว่าจะเข้าไปคุยเรื่องธุรกิจที่เขากำลังทำด้วยเสียหน่อย แต่พอหันมาอีกทีก็ไม่เห็นเขาแล้ว” พัฒน์ชนะเอาเ
วันรุ่งขึ้นภัทรานิษฐ์ก็จำต้องแข็งใจลุกขึ้นมาเปิดร้านของเธอตามปรกติ แม้จะอยากหนีไปให้พ้นๆ ก็ตามที แม้ดวงตาจะบวมมากเพราะร้องไห้อย่างหนักมาทั้งคืนก็ แต่หญิงสาวมีชุดแต่งงานที่ต้องตัดให้เสร็จเรียบร้อยภายในเดือนนี้ จึงต้องเก็บเรื่องส่วนตัวเอาไว้ ไม่ให้กระทบกับงาน แต่มันก็ยากเสียเหลือเกิน ตั้งแต่เปิดร้านและปักชุดแต่งงานอยู่ เข็มปลายแหลมปักนิ้วของภัทรานิษฐ์ไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนลูกน้องออกอาการเป็นห่วงเจ้านายอย่างเห็นได้ชัดส่วนพัฒน์ชนะก็เข้าบริษัท เนื่องจากชายหนุ่มมีประชุมด่วนเรื่องที่จะขยายตลาดธุรกิจห้างสรรพสินค้าไปยังประเทศจีน แม้จะไม่คิดเรื่องเมื่อคืนแต่ภาพมันก็มักฉายเข้ามาในสมองของทั้งสองคนเสมอจนชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดตัวเอง แต่ก็ต้องคุมตัวเองไว้เหมือนกัน“ผมจะไปคุมงานที่จีนเองครับพ่อ” พัฒน์ชนะเอ่ยขึ้น เมื่อจบการประชุมและตอนนี้เขาอยู่กับบิดาเพียงสองคน ชายหนุ่มอยากรับผิดชอบงานนี้ตั้งแต่รู้ว่ามีโปรเจกต์ขยายฐานธุรกิจไปยังประเทศจีนแล้ว“ไม่เห็นต้องไปเอง ให้คนอื่นไปก็ได้” บรรพตเงยหน้าขึ้นมองลูกชายคนรอง“ผมอยากทำง
ขับรถเข้าไปในซอยประมาณสามร้อยเมตร พัฒน์ชนะก็พบร้าน ที่เขาต้องการ ภัทรา เวดดิ้ง ตั้งอยู่ตรงมุมของทาวน์โฮมทรงสวย ชั้นหนึ่งถึงสามเป็นกระจกและมีผ้าม่านประดับตกแต่งอย่างสวยงาม รวมถึงมีชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาวโชว์อยู่หลายชุด ภายในร้านมีคนอยู่หลายคนรวมทั้งคนที่ชายหนุ่มอยากพบเองก็กำลังคุยกับผู้หญิงที่สวมชุด เจ้าสาวอยู่ พัฒน์ชนะขับรถเข้าไปจอดข้างร้าน ด้วยความที่กระจกรถเขาติดฟิล์มค่อนข้างมืดคนภายนอกจึงไม่สามารถมองเห็นภายในรถได้แต่ชายหนุ่มนั้นสามารถมองเห็นทุกอย่างนอกรถได้ชัดเจน“เก่งนี่ที่ยังยิ้มได้” พัฒน์ชนะเอ่ยชม สายตาของเขาจับจ้องไปที่ภัทรานิษฐ์แทบไม่กระพริบตา หญิงสาวยังคงไม่รู้เรื่องเธอยังคงตั้งใจทำงาน แม้ภายนอกจะยังยิ้ม แต่ลึกๆ ภายในใจก็เจ็บปวดเหมือนกัน“ขอบคุณมากนะคะ” ภัทรานิษฐ์เปิดประตูให้ลูกค้าที่เข้ามาลองชุดแต่งงาน ก่อนจะกลับไปหย่อนตัวนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดเรี่ยวแรง ทำเอาบรรดาลูกน้องต่างเหลือบตากันมองหน้าเจ้านายอย่างสงสาร เพราะรู้ว่างานค่อนข้างรีบไม่น้อย พวกเธอนั้นทำได้ในส่วนที่ทำได้ แต่ชุดแต่งงานส่วนใหญ่ภัทรานิษฐ์จะรับผิดชอบรายละเอียดยิบย่อยที่พ
“หวา น้องจะคุยด้วย” ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกปลายสาย ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ลูกชายได้คุยกับพี่สาวบ้าง แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่สองพี่น้องก็รักใคร่กันดี เห็นแบบนี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ดีใจไปด้วย“ว่าไงแม็ค”“พี่หวา ตอนนี้แม็ครวยแล้วนะ” วสุวัสรีบคุยโวใส่ทันที แต่ดูจะมีแค่ภัทรานิษฐ์เท่านั้นแหละที่ชายหนุ่มจะพูดแบบนี้ให้ฟัง“จริงเหรอ รวยแล้วอย่าลืมแบ่งพี่บ้างนะ”“แน่นอนอยู่แล้ว ต่อไปแม็คจะเลี้ยงพี่หวา แม่ พ่อด้วยเหมือนกัน” ชายหนุ่มเอ่ยรับปาก เพราะรู้ว่าภัทรานิษฐ์มีบุญคุณมากแค่ไหน“เลี้ยงตัวเองให้ดีก่อนเถอะแม็ค” เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น ก่อนจะส่ายหน้าให้ เพราะเธอไม่ได้หวังให้ลูกมาเลี้ยงหรอก ขอแค่ได้มองดูชีวิตพวกเขาประสบความสำเร็จก็ภูมิใจมากมายแล้ว“นั่นสิ แต่พี่ขอบใจแม็คนะที่ช่วยดูแลแม่กับพ่อ ตอนที่พี่ไม่อยู่บ้านแบบนี้นะ”“สบายมากฮะ” เสียงทุ้มๆของน้องชายเอ่ยรับ ทำให้ภัทรานิษฐ์ยิ้มออกมา“จ้ะ...ว่างๆ ก็พาแม่กับพ่อขึ้นมาหา
เมื่อมาถึงร้านภัทรานิษฐ์ก็บอกให้ลูกน้องกลับบ้านไปก่อนทันที แม้จะยังไม่ถึงเวลาปิดร้านก็ตาม เพราะตอนนี้เธออยากอยู่คนเดียวคิดอะไรคนเดียวและไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้นแล้ว ลูกน้องของ ภัทรานิษฐ์ต่างกังวลกับอาการป่วยของเจ้านายเหมือนกัน เพราะกลับจากโรงพยาบาลแล้วดูไม่ดีเลย จะถามก็ไม่กล้า จึงพากัน ออกจากร้านไปเงียบๆเมื่ออยู่ตามลำพังสองคน ภัทรานิษฐ์ถึงกับปล่อยโฮออกมาเธอร้องไห้หนักมาก ศิรดาคว้าร่างที่สั่นเทาของเพื่อนเข้ามากอด เห็นแบบนี้แล้วน้ำตาของเธอก็พลอยจะร่วงตามไปอีกคน แต่ถ้าขืนกอดคอกันร้องไห้คนที่จะแย่คงหนีไม่พ้นภัทรานิษฐ์ เพราะเพื่อนอย่างเธอมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งแทนที่จะช่วยคิดหาทางออก ผ่านไปเกือบชั่วโมงอาการร้องไห้ของ ภัทรานิษฐ์จึงค่อยๆ หยุดลง“ฝน เราจะทำยังไงดี” เสียงสั่นๆ ของภัทรานิษฐ์เอ่ยถาม เพราะเธอไม่รู้จะทำยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้แล้ว“ตั้งสติก่อน ตั้งสติ” ศิรดาตบบ่าของภัทรานิษฐ์หนักๆ ร่างบอบบางที่เคยเข้มแข็ง ตอนนี้อ่อนแอเสียจนเพื่อนอย่างเธอสงสารมาก ใครไม่มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้คงไม่เข้าใจหรอก“ทำไมต้อ
“ห๊า...กับใครวะ” คนฟังอุทานเสียงหลง“ถามแล้ว แต่หวาไม่ยอมบอก แถมกำชับไม่ให้ถามอีกว่าใครคือพ่อของเด็ก” พูดจบศิรดาก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ เพราะเธอเองก็กลุ้มใจไม่แพ้ภัทรานิษฐ์เหมือนกัน“เวรกรรม ไอ้หวามันคิดอะไรของมัน เรื่องนี้ผู้ชายต้องรู้สิ จะได้ช่วยกันคิดหาทางออก”“ฉันก็พูดแบบนี้ แต่มันไม่ยอม ให้ทำไง” สองสาวมองหน้ากัน เพราะรู้จักนิสัยของภัทรานิษฐ์ดีว่าเป็นคนยังไง เห็นอ่อนโยน สวย หวานแบบนี้ แต่ลึกๆ กลับหัวรั้น ไม่ยอมฟังใครง่ายๆ “ฉันจะลองพูดกับหวาดู เผื่อจะเปลี่ยนใจ” ลักขณาเดินขึ้นไปยังชั้นสี่ของทาวน์โฮม ก่อนจะมองเห็นภัทรานิษฐ์นั่งกอดตัวเองเป็นก้นกลมอยู่บนมุมโซฟาอย่างคนเหม่อลอย ลักขณาลงไปนั่งข้างๆ เพื่อนก่อนจะวางมือลงไปบนหัวเข่า ภัทรานิษฐ์หันมองลักขณาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“เก๋...”“ฉันรู้แล้วแก ใจเย็นๆ ก่อนนะ”“ฉันจะทำยังไงดี” ที่ภัทรานิษฐ์ต้องกลัวและหวั่นไหวแบบนี้ เพราะหญิงสาวไม่ได้เตรียมใจรับมือเรื่องตั้งท้องมาก่อน อีก
“เออ เห็นด้วย” เสียงของศิรดาเอ่ยสมบท ทั้งสองคนนั่งคิดหาทางออก เด็กต้องเอาไว้แน่นอน แต่จะให้ภัทรานิษฐ์อยู่ที่ทาวน์โฮมคนเดียวตอนท้องแบบนี้คงไม่สะดวกแน่นอน และถ้าพวกเธอจะมาอยู่ด้วยก็คงไม่ได้อีกนั่นแหละ“ฝน บ้านที่ม๊าแกปล่อยให้เช่า ว่างอยู่ไหม” คำถามของลักขณาทำให้ศิรดาสงสัย แต่สำหรับลักขณาเรื่องที่อยู่ต้องให้คุณหนูอย่างศิรดาเข้ามาช่วย เพราะบ้านของศิรดาเป็นเจ้าของธุรกิจบ่อพลอยที่เมืองกาญ ฐานะมั่นคงแถมแม่ของเพื่อนคนนี้ยังชอบซื้อบ้านไว้ปล่อยเช่าอีกต่างหาก“บ้านเช่าเหรอ ขอไปถามม๊าก่อนนะ เพราะเรื่องนี้ฉันไม่รู้ว่ะแกจะเอาไปทำอะไร”“จะให้ยายหวาไปอยู่ ท้องอยู่แบบนี้เดินขึ้นลงบ้านเกือบห้าชั้น อันตราย”“เดี๋ยวถามม๊าให้ ตอนนี้เลยแล้วกัน” ศิรดาหยิบโทรศัพท์โทรออกไปหาแม่ทันที ไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ลักขณารู้ว่านั่นคือคำตอบว่าพอจะมีบ้านว่างอยู่“มีใช่ไหม”“อืม หมู่บ้านแถวนี้พอดี แต่ค่าเช่าสูงมากเดือนเกือบแสน เพราะม๊าให้ฝรั่งเช่าอยู่ แต่จะหมดสัญญาสิ้นเดื