“ไม่นะ” ภัทรานิษฐ์สะดุ้งสุดตัว เบิกตากว้าง ทั้งตัวรู้สึกเย็นวูบสลับร้อน ไม่กล้ามองด้วยซ้ำว่าพัฒน์ชนะกำลังทำอะไรกับส่วนนั้นของเธอ แต่ชายหนุ่มมีหรือจะยอมหยุด เขารู้สาเหตุที่ภัทรานิษฐ์ไม่ประสาเรื่องบนเตียงแล้ว เพราะเธอยังบริสุทธิ์นั่นเอง เยื่อบางๆ ที่กั้นไม่ให้ลิ้นและนิ้วของเขาผ่านเข้าไปในตัวเธอมันบอกแบบนั้น ยิ่งได้รู้แบบนี้ พัฒน์ชนะก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้นไปอีกชายหนุ่มไม่ได้สนใจถุงยางอนามัยเลย เขารีบจัดการถอดอันเดอร์แวร์ของตัวเองออก ก่อนจะก้มลงไปใช้ลิ้นสัมผัสความเป็นหญิงของเธอหนักๆ จนภัทรานิษฐ์ขาสั่นไปหมดก็ว่าได้ หญิงสาวกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือดกับสัมผัสวาบหวิวเร่าร้อนที่เกิดขึ้น ตอนนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธความต้องการได้แล้ว มือที่ถูกมัดกำเข้าหากันแน่นยามที่ลิ้นของชายหนุ่มสัมผัสจุดที่ไวต่อความรู้สึกกลางตัว“อะ…พี่แพท” คนที่กำลังหลอมละลายเอ่ยเรียกชื่อพัฒน์ชนะ ไม่เต็มเสียงนัก ร่างบางของภัทรานิษฐ์บิดเร่าไปมา ท้องน้อยปั่นป่วนไปหมด ขนอ่อนบนร่างกายทุกเส้นตั้งชัน ขาทั้งสองข้างสั่นไหวเหมือนกับใจของเธอในตอนนี้ ที่มีทั้งความหวาดกลัวและอยากลิ้มลองรสเสน่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูที่ดังติดกันหลายครั้ง ทำให้ลักขณาที่กึ่งหลับกึ่งตื่น สะลึมสะลือเดินออกไปเปิดประตูให้ แต่ความง่วงแทบหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เคาะประตูว่าเป็นใคร“พะ…พี่แพท”“พี่แค่แวะมาดู ได้ข่าวว่าเพื่อนน้องเมามาก” พัฒน์ชนะเอาเรื่องเมามาเป็นข้ออ้าง สายตาแอบมองเข้าไปในห้องหวังได้พบภัทรานิษฐ์“อ้อ…ค่ะ ขะ…ขอบคุณ” ลักขณาเอ่ยตอบแบบงงๆ พัฒน์ชนะรู้เรื่องที่เธอพาศิรดามานอนในห้องนี้ได้ยังไง“แล้วนี่เรานอนกันกี่คน ที่นอนพอไหม”“พะ…พอค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่ถาม” ยิ่งรุ่นพี่หนุ่มถามมากเท่าไหร่ ลักขณาก็ออกอาการงงมากขึ้นเท่านั้น ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะมาถาม แต่ทำไมวันนี้ถึงได้สนใจเธอนัก“จริงสิ ในงานพี่เห็นยี่หวาแวบๆ กะว่าจะเข้าไปคุยเรื่องธุรกิจที่เขากำลังทำด้วยเสียหน่อย แต่พอหันมาอีกทีก็ไม่เห็นเขาแล้ว” พัฒน์ชนะเอาเ
วันรุ่งขึ้นภัทรานิษฐ์ก็จำต้องแข็งใจลุกขึ้นมาเปิดร้านของเธอตามปรกติ แม้จะอยากหนีไปให้พ้นๆ ก็ตามที แม้ดวงตาจะบวมมากเพราะร้องไห้อย่างหนักมาทั้งคืนก็ แต่หญิงสาวมีชุดแต่งงานที่ต้องตัดให้เสร็จเรียบร้อยภายในเดือนนี้ จึงต้องเก็บเรื่องส่วนตัวเอาไว้ ไม่ให้กระทบกับงาน แต่มันก็ยากเสียเหลือเกิน ตั้งแต่เปิดร้านและปักชุดแต่งงานอยู่ เข็มปลายแหลมปักนิ้วของภัทรานิษฐ์ไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนลูกน้องออกอาการเป็นห่วงเจ้านายอย่างเห็นได้ชัดส่วนพัฒน์ชนะก็เข้าบริษัท เนื่องจากชายหนุ่มมีประชุมด่วนเรื่องที่จะขยายตลาดธุรกิจห้างสรรพสินค้าไปยังประเทศจีน แม้จะไม่คิดเรื่องเมื่อคืนแต่ภาพมันก็มักฉายเข้ามาในสมองของทั้งสองคนเสมอจนชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดตัวเอง แต่ก็ต้องคุมตัวเองไว้เหมือนกัน“ผมจะไปคุมงานที่จีนเองครับพ่อ” พัฒน์ชนะเอ่ยขึ้น เมื่อจบการประชุมและตอนนี้เขาอยู่กับบิดาเพียงสองคน ชายหนุ่มอยากรับผิดชอบงานนี้ตั้งแต่รู้ว่ามีโปรเจกต์ขยายฐานธุรกิจไปยังประเทศจีนแล้ว“ไม่เห็นต้องไปเอง ให้คนอื่นไปก็ได้” บรรพตเงยหน้าขึ้นมองลูกชายคนรอง“ผมอยากทำง
ขับรถเข้าไปในซอยประมาณสามร้อยเมตร พัฒน์ชนะก็พบร้าน ที่เขาต้องการ ภัทรา เวดดิ้ง ตั้งอยู่ตรงมุมของทาวน์โฮมทรงสวย ชั้นหนึ่งถึงสามเป็นกระจกและมีผ้าม่านประดับตกแต่งอย่างสวยงาม รวมถึงมีชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาวโชว์อยู่หลายชุด ภายในร้านมีคนอยู่หลายคนรวมทั้งคนที่ชายหนุ่มอยากพบเองก็กำลังคุยกับผู้หญิงที่สวมชุด เจ้าสาวอยู่ พัฒน์ชนะขับรถเข้าไปจอดข้างร้าน ด้วยความที่กระจกรถเขาติดฟิล์มค่อนข้างมืดคนภายนอกจึงไม่สามารถมองเห็นภายในรถได้แต่ชายหนุ่มนั้นสามารถมองเห็นทุกอย่างนอกรถได้ชัดเจน“เก่งนี่ที่ยังยิ้มได้” พัฒน์ชนะเอ่ยชม สายตาของเขาจับจ้องไปที่ภัทรานิษฐ์แทบไม่กระพริบตา หญิงสาวยังคงไม่รู้เรื่องเธอยังคงตั้งใจทำงาน แม้ภายนอกจะยังยิ้ม แต่ลึกๆ ภายในใจก็เจ็บปวดเหมือนกัน“ขอบคุณมากนะคะ” ภัทรานิษฐ์เปิดประตูให้ลูกค้าที่เข้ามาลองชุดแต่งงาน ก่อนจะกลับไปหย่อนตัวนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดเรี่ยวแรง ทำเอาบรรดาลูกน้องต่างเหลือบตากันมองหน้าเจ้านายอย่างสงสาร เพราะรู้ว่างานค่อนข้างรีบไม่น้อย พวกเธอนั้นทำได้ในส่วนที่ทำได้ แต่ชุดแต่งงานส่วนใหญ่ภัทรานิษฐ์จะรับผิดชอบรายละเอียดยิบย่อยที่พ
“หวา น้องจะคุยด้วย” ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกปลายสาย ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ลูกชายได้คุยกับพี่สาวบ้าง แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่สองพี่น้องก็รักใคร่กันดี เห็นแบบนี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ดีใจไปด้วย“ว่าไงแม็ค”“พี่หวา ตอนนี้แม็ครวยแล้วนะ” วสุวัสรีบคุยโวใส่ทันที แต่ดูจะมีแค่ภัทรานิษฐ์เท่านั้นแหละที่ชายหนุ่มจะพูดแบบนี้ให้ฟัง“จริงเหรอ รวยแล้วอย่าลืมแบ่งพี่บ้างนะ”“แน่นอนอยู่แล้ว ต่อไปแม็คจะเลี้ยงพี่หวา แม่ พ่อด้วยเหมือนกัน” ชายหนุ่มเอ่ยรับปาก เพราะรู้ว่าภัทรานิษฐ์มีบุญคุณมากแค่ไหน“เลี้ยงตัวเองให้ดีก่อนเถอะแม็ค” เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น ก่อนจะส่ายหน้าให้ เพราะเธอไม่ได้หวังให้ลูกมาเลี้ยงหรอก ขอแค่ได้มองดูชีวิตพวกเขาประสบความสำเร็จก็ภูมิใจมากมายแล้ว“นั่นสิ แต่พี่ขอบใจแม็คนะที่ช่วยดูแลแม่กับพ่อ ตอนที่พี่ไม่อยู่บ้านแบบนี้นะ”“สบายมากฮะ” เสียงทุ้มๆของน้องชายเอ่ยรับ ทำให้ภัทรานิษฐ์ยิ้มออกมา“จ้ะ...ว่างๆ ก็พาแม่กับพ่อขึ้นมาหา
เมื่อมาถึงร้านภัทรานิษฐ์ก็บอกให้ลูกน้องกลับบ้านไปก่อนทันที แม้จะยังไม่ถึงเวลาปิดร้านก็ตาม เพราะตอนนี้เธออยากอยู่คนเดียวคิดอะไรคนเดียวและไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้นแล้ว ลูกน้องของ ภัทรานิษฐ์ต่างกังวลกับอาการป่วยของเจ้านายเหมือนกัน เพราะกลับจากโรงพยาบาลแล้วดูไม่ดีเลย จะถามก็ไม่กล้า จึงพากัน ออกจากร้านไปเงียบๆเมื่ออยู่ตามลำพังสองคน ภัทรานิษฐ์ถึงกับปล่อยโฮออกมาเธอร้องไห้หนักมาก ศิรดาคว้าร่างที่สั่นเทาของเพื่อนเข้ามากอด เห็นแบบนี้แล้วน้ำตาของเธอก็พลอยจะร่วงตามไปอีกคน แต่ถ้าขืนกอดคอกันร้องไห้คนที่จะแย่คงหนีไม่พ้นภัทรานิษฐ์ เพราะเพื่อนอย่างเธอมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งแทนที่จะช่วยคิดหาทางออก ผ่านไปเกือบชั่วโมงอาการร้องไห้ของ ภัทรานิษฐ์จึงค่อยๆ หยุดลง“ฝน เราจะทำยังไงดี” เสียงสั่นๆ ของภัทรานิษฐ์เอ่ยถาม เพราะเธอไม่รู้จะทำยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้แล้ว“ตั้งสติก่อน ตั้งสติ” ศิรดาตบบ่าของภัทรานิษฐ์หนักๆ ร่างบอบบางที่เคยเข้มแข็ง ตอนนี้อ่อนแอเสียจนเพื่อนอย่างเธอสงสารมาก ใครไม่มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้คงไม่เข้าใจหรอก“ทำไมต้อ
“ห๊า...กับใครวะ” คนฟังอุทานเสียงหลง“ถามแล้ว แต่หวาไม่ยอมบอก แถมกำชับไม่ให้ถามอีกว่าใครคือพ่อของเด็ก” พูดจบศิรดาก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ เพราะเธอเองก็กลุ้มใจไม่แพ้ภัทรานิษฐ์เหมือนกัน“เวรกรรม ไอ้หวามันคิดอะไรของมัน เรื่องนี้ผู้ชายต้องรู้สิ จะได้ช่วยกันคิดหาทางออก”“ฉันก็พูดแบบนี้ แต่มันไม่ยอม ให้ทำไง” สองสาวมองหน้ากัน เพราะรู้จักนิสัยของภัทรานิษฐ์ดีว่าเป็นคนยังไง เห็นอ่อนโยน สวย หวานแบบนี้ แต่ลึกๆ กลับหัวรั้น ไม่ยอมฟังใครง่ายๆ “ฉันจะลองพูดกับหวาดู เผื่อจะเปลี่ยนใจ” ลักขณาเดินขึ้นไปยังชั้นสี่ของทาวน์โฮม ก่อนจะมองเห็นภัทรานิษฐ์นั่งกอดตัวเองเป็นก้นกลมอยู่บนมุมโซฟาอย่างคนเหม่อลอย ลักขณาลงไปนั่งข้างๆ เพื่อนก่อนจะวางมือลงไปบนหัวเข่า ภัทรานิษฐ์หันมองลักขณาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“เก๋...”“ฉันรู้แล้วแก ใจเย็นๆ ก่อนนะ”“ฉันจะทำยังไงดี” ที่ภัทรานิษฐ์ต้องกลัวและหวั่นไหวแบบนี้ เพราะหญิงสาวไม่ได้เตรียมใจรับมือเรื่องตั้งท้องมาก่อน อีก
“เออ เห็นด้วย” เสียงของศิรดาเอ่ยสมบท ทั้งสองคนนั่งคิดหาทางออก เด็กต้องเอาไว้แน่นอน แต่จะให้ภัทรานิษฐ์อยู่ที่ทาวน์โฮมคนเดียวตอนท้องแบบนี้คงไม่สะดวกแน่นอน และถ้าพวกเธอจะมาอยู่ด้วยก็คงไม่ได้อีกนั่นแหละ“ฝน บ้านที่ม๊าแกปล่อยให้เช่า ว่างอยู่ไหม” คำถามของลักขณาทำให้ศิรดาสงสัย แต่สำหรับลักขณาเรื่องที่อยู่ต้องให้คุณหนูอย่างศิรดาเข้ามาช่วย เพราะบ้านของศิรดาเป็นเจ้าของธุรกิจบ่อพลอยที่เมืองกาญ ฐานะมั่นคงแถมแม่ของเพื่อนคนนี้ยังชอบซื้อบ้านไว้ปล่อยเช่าอีกต่างหาก“บ้านเช่าเหรอ ขอไปถามม๊าก่อนนะ เพราะเรื่องนี้ฉันไม่รู้ว่ะแกจะเอาไปทำอะไร”“จะให้ยายหวาไปอยู่ ท้องอยู่แบบนี้เดินขึ้นลงบ้านเกือบห้าชั้น อันตราย”“เดี๋ยวถามม๊าให้ ตอนนี้เลยแล้วกัน” ศิรดาหยิบโทรศัพท์โทรออกไปหาแม่ทันที ไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ลักขณารู้ว่านั่นคือคำตอบว่าพอจะมีบ้านว่างอยู่“มีใช่ไหม”“อืม หมู่บ้านแถวนี้พอดี แต่ค่าเช่าสูงมากเดือนเกือบแสน เพราะม๊าให้ฝรั่งเช่าอยู่ แต่จะหมดสัญญาสิ้นเดื
“ดีมากจ้ะ” ภัทรานิษฐ์ลูบใบหน้าพลอยประภัสเบาๆ เด็กหญิงจึงได้ทีถามแม่เรื่องการแต่งตัว เพราะอยากให้ชม“แม่จ๋า… น้องพราวแต่งตัวเสร็จแล้ว เก่งไหมคะ”“เก่งค่ะ ว่าแต่วันนี้ใครแต่งตัวให้น้องพราวของแม่นะ” ภัทรานิษฐ์มองชุดที่ลูกสาวสวมอยู่ ไม่มีอะไรเกินความคาดหมายวันนี้พลอยประภัสมาในชุดเสื้อยืดเท่ๆ กางเกงยีนส์ขายาว คาดเข็มขัด ผมยาวเลยบ่าไปแล้ว มัดสูงขึ้นรวบตึงที่ด้านหลัง ใส่หมวกอีกใบคงเท่ขึ้นเป็นกอง“พี่พลอย”“ขอบคุณพี่หรือยังคะ”“ยังค่ะ”“หนูต้องทำยังไง” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูก พลอยประภัสหันมองหาพลอยไพลิน เมื่อเห็นว่ากำลังเดินลงมาจากบันไดก็เข้าไปกอดและเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้ม ก่อนจะเอ่ยบอก“ขอบคุณค่ะ พี่สาวของน้องพราว” พลอยไพลินที่ลงมาช้า เพราะพึ่งแต่งตัวเสร็จ หลังจับน้องจอมซนใส่เสื้อผ้าแล้ว เด็กหญิงยิ้มให้น้องทันที ก่อนจะจูงมือไปยังโต๊ะอาหารที่พ่อนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งภัทรานิษฐ์และพัฒน์ชนะยิ้มให้ เพราะทั้งสองคนมักจะบอกลูกๆ ว่าใ
ห้าปี ต่อมาครอบครัวของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ สมบูรณ์แบบตามคำว่าครอบครัว มีความรักลอยอบอวลอยู่รอบข้างของเหล่าสมาชิกที่ตอนนี้เพิ่มมาเป็นสี่คนและอีกหนึ่งคนกำลังเติบโตอยู่ในท้องของภัทรานิษฐ์รอเวลาลืมตาดูโลก ภาพตอนนี้ คือทั้งสี่คนกำลังยืนแปรงฟันหน้ากระจกและอ่างล่างหน้าที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันไดไปตามความสูง เริ่มที่พัฒน์ชนะ ภัทรานิษฐ์ พลอยไพลินและพลอยประภัส สมาชิกคนที่สี่ที่ตอนนี้อายุได้สามขวบแล้ว ส่วนพลอยไพลินเป็นพี่ใหญ่อายุเจ็ดขวบครึ่ง“แปรงให้สะอาดนะคะ” เสียงอบอุ่นของแม่เอ่ยบอก ทั้งสามีและลูกๆ ของเธอ“ค่ะ/ค่ะแม่” เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวทั้งสองคนเอ่ยตอบภัทรานิษฐ์กลับไป ยิ่งนานวันครอบครัวนี้ก็ยิ่งมีแต่ความสุขและความน่ารักของสมาชิก“ไหน… อ้าปากให้พ่อดูหน่อย น้องพลอย น้องพราว” พัฒน์ชนะที่แปรงฟันเสร็จแล้ว ลงไปนั่งยองๆ มองหน้าลูกทั้งสองคน“อ้า...” พลอยไพลินและพลอยประภัสอ้าปากให้ผู้เป็นพ่อดูความสะอาด ก่อนจะยิ้มแฉ่งอวดฟันซี่เล็กๆ สีขาวที่ดูแลเป็นอย่างดี“โอ้โห้...ฟันขาวสะอาดกั
“คุณเก๋!” น้ำเสียงตึงๆ ของศุภวุฒิดังขึ้นไปอีก ชายหนุ่มกำลังโกรธเพราะหึงอยู่นั่นเอง ลักขณาจึงเอ่ยดักทางไว้“ทำเสียงเข้มๆ แบบนั้นทำไมคะ หึงหรือไง”“เปล่า ไม่ได้หึง” ศุภวุฒิรีบปฏิเสธทันที ก่อนจะกลับไปทำ หน้าตาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ลักขณาส่ายหน้าให้ผู้ชายปากแข็ง ลักขณาขี้เกียจจะซักต่อ จึงเอ่ยถามถึงที่หลับที่นอนของเขาแทน“เปล่าก็เปล่า แล้วนี่คุณวุฒิจะพักที่ไหน”“ที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยตอบแบบไม่รีรอ คนฟังอุทานเสียงดังทันที“เอ๋…ได้ไงคะ”“ทำไมจะไม่ได้ ผมจะนอนที่นี่”“เก๋…พึ่งรู้ว่าคุณวุฒิเอาแต่ใจ”“อืม จะว่าไปที่นี่มีโรงเรียนอนุบาลหรือยังนะ” ศุภวุฒิไม่ตอบคำถามนั้นของลักขณา ก่อนจะทำท่าคิด เรื่องที่เขาต้องการจะทำอีกอย่าง“ถามทำไมคะ”“คงต้องสำรวจตลาดกันสักหน่อย เผื่อจะมีคู่แข่ง” สีหน้าของชายหนุ่มดูจริงจังมาก ก่อนจะควานหาอะไรในกระเป๋
หลังเสร็จงานแต่งงานของพัฒน์ชนะและภัทรานิษฐ์ที่แสนเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความทรงจำที่แสนล้ำค่า พอเห็นลูกมีความสุขจรรยาและทวี รวมทั้งวสุวัสก็ขอตัวกลับบ้าน ภัทรานิษฐ์อยากให้ครอบครัวเธออยู่ต่ออีกหน่อย แต่ทุกคนกลับส่ายหน้าให้ เพราะสามสี่วันที่ได้อยู่ดัวยกันมันก็มีค่ามากพอแล้ว อีกอย่างกรุงเทพฯ - ตราดก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ ไปมาหาสู่ได้สบาย อนุภพมีงานก็ขอตัวกลับด้วยเหมือนกันส่วนศิรดาและรัชยศก็ขอตัวกลับกรุงเทพฯ เพราะศิรดามีนัดตรวจครรภ์ ลักขณาเองก็ต้องกลับโดยมีศุภวุฒิขับรถไปส่งเธอใจจริงหญิงสาวอยากอยู่นานๆ แต่ด้วยงานที่ต้องรับผิดชอบจึงทำแบบนั้นไม่ได้ ที่ชะอำในตอนนี้จึงมีแต่เหล่าสมาชิกของบ้านสุนทรโรจน์อยู่กันพร้อมหน้า พวกเขาจะอยู่ต่ออีกวัน พรุ่งเช้าค่อยกลับกรุงเทพฯ ศุภวุฒิขับรถมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ชายหนุ่มเข้าไปรับตั๋วเครื่องบินให้ลักขณา เพราะเขาจองตั๋วไว้แล้ว แต่ในมือศุภวุฒิลับมีตั๋วถึงสองใบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะส่งตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งให้เธอ“คุณวุฒิ… จะบินไปไหนคะ”“ผมมีงานน่ะครับ” ศุภวุฒิ ไม่ได้บอกว่าเขามีงานที่ไหน ลักขณาออกอาการงง
“พี่รักยี่หวา”“ยี่หวาก็รักพี่แพทค่ะ”“เราจะรักกันไปจนวันตาย”“ค่ะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยรับคำพูดนั้น ทุกคนที่ได้ยินทั้งสองเอ่ยคำรักกันและกัน ถึงกับยิ้มอย่างตื้นตัน เมื่อสวมแหวนเรียบร้อย บ่าวสาวก็เดินไปนั่งตรงซุ้มที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ให้ทุกคนได้รดน้ำสังข์ แต่น้ำสังข์ของงานแต่งงานครั้งนี้เป็นทรายสีชมพูที่ผ่านการอวยพรมาจากทุกคนที่ทั้งสองรักบรรยากาศรดน้ำสังข์ทำเอาน้ำตาของภัทรานิษฐ์ไหลนองหน้า คำอวยพรจากพ่อแม่ของเธอ รวมทั้งพ่อและแม่ของพัฒน์ชนะ มันทำให้หญิงสาวมีความสุขจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เพราะทุกคนล้วนอวยพรให้เธอและพัฒน์ชนะมีความสุขทั้งนั้น ลักขณาและศิรดาก็แอบปาดน้ำตาเหมือนกัน เธอดีใจที่ภัทรานิษฐ์มีวันนี้ วันที่เพื่อนเธอมีความสุข และคนรอบข้างก็อวยพรให้อย่างจริงใจและปรารถนาดีเมื่อผ่านการรดน้ำสังข์และได้รับคำอวยพรจากทุกคน ภัทรานิษฐ์ก็โยนช่อดอกไม้ โดยมีบรรดาสาวโสดที่เป็นพนักงานของรีสอร์ตมายืนรอกันไม่น้อย แต่กลับไม่มีลักขณา เพราะเธอเขินจึงยืนหลบอยู่กลังศุภวุฒิ แต่โชคชะตาก็ได้กำหนดให้ช่อกอดไม้ของภัทรานิษฐ์ มาหล่
“หวา… อย่าพึ่งร้องไห้สิ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ศิรดาเอ่ยบอกเพื่อน ซึ่งมันดูยากที่จะห้ามเหลือเกิน เพราะเธอเคยผ่านอารมณ์การแต่งงานมาแล้ว จึงพอเข้าใจว่าตื่นเต้นมากแค่ไหน แถมพัฒน์ชนะยังทำเซอร์ไพรส์ใหญ่แบบนี้ ไม่ตกใจก็ให้มันรู้ไปสิ“ก็คนมันอดไม่ได้ แกสองคนรู้เรื่องนี้กันตั้งแต่ตอนไหน”“เรื่องอะไร ฉันไม่รู้” ลักขณาปฏิเสธตาใส ภัทรานิษฐ์จึงคาดคั้น“ฝน เก๋ เล่ามา”“เสร็จงานก่อน แล้วพวกฉันจะสารภาพนะเพื่อน” ศิรดายิ้มให้ ก่อนจะบรรจงแต่งหน้าภัทรานิษฐ์ให้สวยที่สุด ลักขณาหยิบดอกไม้สีขาวขึ้นมาปักบนเส้นผมที่จัดแต่งอย่างสวยงามของเพื่อน ตามด้วยมงกุฎเพชร ที่เข้ากับชุดแต่งงานสีขาวนั่นเป็นที่สุดเมื่อหน้าผมพร้อม ภัทรานิษฐ์ก็เปลี่ยนชุด เธอยืนมองตัวเองหน้ากระจกเป็นนาน ลูบชุดแต่งงานเกาะอกสีขาวบริสุทธิ์ที่สวมอยู่อย่างเบามือ มุกและคริสตัลทุกเม็ด รวมทั้งลูกไม้ที่ปักอยู่สวยงามไม่มีที่ติ ที่สำคัญเธอใส่มันได้พอดี จึงชวนให้คิดวันที่ศิรดาขอวัดตัวเธอ แล้วบอกว่าจะตัดชุดส่งไปให้ญาติที่ต่างประเทศ ที่แท้ก็เ
“พี่แพท” ภัทรานิษฐ์เอ่ยเรียกชายหนุ่มไม่เต็มเสียงนัก ตาปรือๆ มองสบตากันผ่านกระจก ท่วงท่ายั่วยวนของภัทรานิษฐ์แบบนี้ ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่มได้ดี พัฒน์ชนะเริ่มทำให้เธอครางไม่หยุด เขาขยับเข้าออกรัวเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นช้าๆ เนิบๆ จนภัทรานิษฐ์ส่ายหน้าให้ บอกว่าไม่ไหวแล้ว“ในน้ำ” พัฒน์ชนะกระซิบข้างหูภัทรานิษฐ์ ก่อนจะพาเธอไปยังอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอยู่เกือบเต็ม ชายหนุ่มลงไปนอนในนั้นโดยมีภัทรานิษฐ์นั่งคร่อมหันหลังให้อยู่ด้านบน เธอได้จังหวะขยับเข้าออก ยิ่งอยู่ในน้ำ ความคับแน่นก็ยิ่งมีมากขึ้น พัฒน์ชนะถึงกับกำขอบอ่างแน่น“ที่รักคะ”“ครับ… สุดยอด” ชายหนุ่มขานรับ ก่อนจะเอ่ยบอกความรู้สึก ภัทรานิษฐ์ได้ใจขยับเร่งจังหวะของสะโพกขึ้นลงหนักหน่วงขึ้น เพราะรู้ว่าตัวเองต้องการแบบไหน รวมทั้งตอบสนองความต้องการของพัฒน์ชนะด้วย รสเซ็กส์แม้จะคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียวอยู่ที่คนเล่นว่าจะพัฒนาฝีมือ ทำให้คู่ครองชอบได้มากแค่ไหนพัฒน์ชนะรั้งตัวภัทรานิษฐ์ให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาชายหนุ่มเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าอกข
“อากาศดีจังเลยนะคะ” ภัทรานิษฐ์เอ่ยบอก คนที่ยืนกอดซ้อนหลังเธออยู่ ทั้งสองคนออกมายืนรับลมตรงระเบียงของรีสอร์ต เสียงคลื่นซัดทราย ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะมาก“ใช่…” เสียงทุ้มๆ เอ่ยรับ ภัทรานิษฐ์เอียงใบหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะได้ถามอะไร พัฒน์ชนะก็หอมแก้มเธอหนักๆ“จริงสิคะ หวาจะถามตั้งแต่มาถึงแล้ว ข้างหน้าเขาจะมีงานอะไรหรือเปล่า เห็นจัดสถานที่ไว้”“เห็นทางรีสอร์ตบอกจะมีงานแต่งงาน” พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แต่บอกไม่หมดว่ามันคืองานแต่งงานของเขากับเธอ“จริงเหรอคะ ไม่น่าละ บรรยากาศดูสวย และอบอุ่นขึ้นเป็นกอง”“ยี่หวาละ อยากมีงานแต่งงานแบบไหน”“ไม่เคยคิดค่ะ” คำถามของพัฒน์ชนะ ทำให้ภัทรานิษฐ์รู้สึกแปลกๆ เธอไม่เคยพูดเรื่องที่จะให้เขามาแต่งงานด้วย เพราะกลัวเขาจะหลงตัวเอง คิดว่าเธออยากแต่งงานด้วยมาก แต่เรื่องานแต่งงานของตัวเอง เธอยังไม่ได้คิดจริงๆ ไม่มีแผนในสมองสักนิด เพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แม้แต่ชุดแต่งงานเธอก็ไม่เคยคิดว่าอยากใส่แบบไหนอะไรยังไงด้วยซ้ำ คงเป็นเพ
“พี่แพท เป็นยังไงบ้างคะ”“ไม่มีปัญหาครับ พ่อและแม่ของยี่หวาถึงจะไม่พอใจที่พี่ทำแบบนั้นลงไป แต่พี่ก็สู้ไม่ถอย จนท่านสองคนใจอ่อนลงไปมากแล้ว” พัฒน์ชนะกุมมือของภัทรานิษฐ์ไว้ เพราะรู้ว่าเธอกังวล แต่ตัวของชายหนุ่มกลับลงไปกองบนโซฟา เมื่อถูกวสุวัสปล่อยหมัดใส่แบบไม่ทันตั้งตัว“แม็ค… ทำอะไร” ภัทรานิษฐ์ผลักอกน้องชายให้ออกห่างจากพัฒน์ชนะ ไม่รู้ว่าไปใจร้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นยังดีๆ อยู่เลย ศิรดาเองก็ออกอาการอึ้ง ไม่แพ้พลอยไพลิน“ต่อยไงพี่หวา อยากทำแบบนี้ตั้งแต่แรกที่เจอหน้าแล้ว”“ไม่เป็นไร” คนถูกต่อยเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หมัดแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดอะไรมากมายนักหรอก“คุณเป็นผู้ชายประสาอะไร ทำไมถึงทำกับพี่สาวผมแบบนี้ ห๊า…หน้าตัวเมีย” คำพูดของวสุวัส ทำให้ภัทรานิษฐ์ตกใจ เพราะท่าทางน้องชายของเธอโกรธมาก ศิรดาดึงสติกลับมาได้ก่อน จึงเข้าไปรั้งแขนของวสุวัสไว้“แม็ค ใจเย็น…”“จะต่อยอีกไหม พี่ให้