'กินเด็กเขาว่าเป็นอมตะ แต่กินคนแก่กว่าเขาว่าเป็นนิรันดร์' “ฉันชวนเค้าไปซื้อต้นไม้มาปลูก พอดีวันก่อนได้ซุ้มชิงช้าไม้สวยๆ มา แล้วก็อยากได้พันธุ์ไม้เลื้อยออกดอกสวยๆ มาปลูกงี้”“แหม…โรแมนติกนะยะ มีชวนไปเลือกซื้อต้นมงต้นไม้ด้วย”“ฉันไม่ชวนเขาไปเลือกซื้อที่นอนก็บุญเท่าไหร่แล้วแก จะได้ทดลองนอนด้วยกัน ว่าแบบไหนจะรับแรงกระแทกกระทั้นได้ดีสุด... กรี๊ดด”
View Moreเฟร์เรลงมือตัดแต่งกิ่งต้นโมกอย่างไม่รีรอ มือหนาตัดฉับๆ กิ่งต้นโมกให้โดยไม่ปริปากบ่น แม้อากาศจะค่อนข้างร้อนไปหน่อยก็เถอะ ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง ต้นโมกที่กิ่งก้านระเกะระกะก็ได้ทรงสวย“น้ำค่ะ” เพลงพิณที่แวบเข้าไปเอาน้ำเย็นๆ ในบ้านเมื่อครู่เอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นให้เฟร์เรที่ตอนนี้เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เพิ่งรู้ว่างานตัดแต่งกิ่งไม้มันใช้พลังงานมากโขอยู่เหมือนกัน สงสัยวันนี้เขาคงไม่ต้องออกกำลังกายอย่างอื่นเพิ่มแล้ว“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับรับน้ำมาดื่มดับกระหาย น้ำเย็นๆ ทำให้เขาสดชื่นได้มากโข แต่ภาพที่เฟร์เรกำลังดื่มน้ำ แล้วมีน้ำบางส่วนหยดลงจากริมฝีปากไหลไปตามลำคอช่างดูเซ็กซี่ ชวนคนโสดข้างๆ น้ำลายสอ“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยตัดกิ่งต้นโมกให้ ไม่อย่างนั้นพุ่มรกๆ นี่อาจเป็นที่อยู่ของงูเข้า”“ไม่เป็นไรครับ ตัดแต่งกิ่งต้นไม้พวกนี้ได้เหงื่อมากกว่าออกกำลังกายเสียอีก”“ฉันก็ว่างั้น”“แล้วนี่คุณส้มกลับไปแล้วเหรอครับ&
“อื้อ…หนุ่มข้างบ้านเจ้หล่อเซอร์โดนใจเค้ามาก เห็นปุ๊บเค้าปิ๊งปั๊บเลยอ่ะ”“ห๊า!” ประโยคแรกว่าอึ้งแล้ว แต่ประโยคนี้ของบุหลันทำเอาเพลงพิณอึ้งยิ่งกว่า“เค้าถามเจ้จริงๆ สักข้อสิ ถามจากใจเลยนะ” บุหลันยิ้มเขิน ลืมความคิดแรกที่จะไปเป็นแม่สื่อให้เพลงพิณไปเสียสนิท“ถามว่า”“ตอนนี้เจ้คิดอะไร ยังไงกับเบคมั้ยอ่ะ”“อ้อ…คือ” ยังไม่ทันที่เพลงพิณจะได้ตอบ บุหลันก็ชิงเอ่ยตัดบทเสียก่อน ใบหน้าของสาวเจ้าดูเคลิบเคลิ้มเสียจนเหมือนนางเอกซีรีส์เกาหลีถูกบอกรัก“ถ้าเจ้ไม่ได้คิดอะไร งั้นเค้าจีบเบคนะ”“ห๊า!” เพลงพิณถึงกับอึ้ง อึ้งจนพูดไม่ถูก อยู่ๆ เธอก็มีคู่แข่งทางหัวใจเพิ่มมาหนึ่งหน่อซะอย่างนั้นจากที่คุยๆ กัน คือบุหลันจะมาช่วยสืบเรื่องที่เฟร์เรโสดไม่โสดให้เธอไม่ใช่เหรอ ซึ่งคำตอบเรื่องนี้โปรดทำให้เธอกระจ่างแล้ว ว่าเฟร์เรโสด!แล้ววันนี้ ไ
การเลือกซื้อหลอดไฟ ที่เคยเป็นงานง่ายมากสำหรับเพลงพิณ ง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก แต่ตอนนี้กลับเป็นงานยาก นั่นเพราะเธอจงใจทำเป็นยืนงงๆ สับสนกับขนาดของหลอดไฟ ว่าควรซื้อแบบไหน อะไร ยังไงดี ท่าทางของเธอพลอยทำให้เฟร์เรยิ้มกับคำถามที่ได้ยินตลอด“อันนี้ดีไหม แล้วอันนี้ล่ะใช้ได้หรือเปล่า ถ้าซื้อไปแล้วเกิดใช้ไม่ได้ทำไง เอามาเปลี่ยนเหรอ” เพลงพิณถามเอง ตอบเอง กระทั่งเฟร์เรก็ชักจะมึนๆ จนต้องให้พนักงานขายมาช่วยอธิบาย จึงได้ข้อสรุปว่าควรซื้อหลอดไฟแบบไหนจากนั้นเพลงพิณก็พาเฟร์เรไปทานอาหาร ซึ่งเธอเลือกร้านอาหารไทยแท้ ซึ่งรับรองว่าอาหารที่นี่อร่อยถูกปากหนุ่มมาดเซอร์แน่นอน ซึ่งก็เป็นอย่างที่เพลงพิณคาดการณ์ไว้ เพราะเฟร์เรชมอาหารที่ได้ทานแทบไม่ขาดปากหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาบ้าน เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟให้เสร็จ โดยเฟร์เรเลือกที่จะนำหลอดไฟที่เพิ่งซื้อมาไปเปลี่ยนให้เพลงพิณ แล้วนำหลอดไฟดวงเก่าที่เปลี่ยนให้เธอไปเมื่อคืนกลับไปใช้ต่อ ความใส่ใจของเขายิ่งทำให้เพลงพิณเพ้อหนักไปกว่าเดิมอีก“น่ารัก” เพลงพิณเอ่ยชมเฟร์เรอยู่ห่างๆ มองชายหนุ่มด้วยสายตาชื่นชม
“งั้นเรารีบออกไปซื้อกันดีกว่า ป่านนี้ห้างสรรพสินค้าคงยังไม่ปิด”“ป่านนี้ไม่ปิดก็ใช่ แต่กว่าจะขับรถไปถึง ประตูห้างก็คงปิดพอดี ไว้พรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนก็ได้ค่ะ”“งั้นคุณยืนรอผมตรงนี้ก่อน” เอ่ยบอกเสร็จ เฟร์เรก็หมุนตัวกลับมายังบ้านทันที เพลงพิณยืนงงๆ ว่าชายหนุ่มจะให้เธอรออะไร แต่สักพักพอเห็นเขาเดินมาพร้อมหลอดไฟในมือ เธอก็ถึงบางอ้อ“หลอดไฟ คุณไปเอามาจากไหน”“ก็ในห้องรับแขกผมนั่นแหละ”“เอ้า! แบบนี้บ้านคุณก็มืดน่ะสิ” เพลงพิณอุทานออกมาเสียงสูง“บ้านผมมืดไม่อันตรายเท่าบ้านคุณมืดหรอก ไปครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนหลอดไฟให้” เฟร์เรเอ่ยตัดบท“แต่ว่า…”“อย่าห่วงเลย ผมอยู่มืดๆ ได้ อีกอย่างไฟหน้าบ้านหลังบ้านก็มี ขาดก็แค่ตรงกลางเท่านั้นเอง”“ก็ได้ค่ะ” เพลงพิณเอ่ยรับ ก่อนจะพาเฟร์เรเข้าบ้าน เธออาสาจะไปเอาบันไดมาให้ แต่สุดท้ายเฟร์เรก็ไปช่วยแบกมาจากหลังบ้าน ก่อนจะปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟให้เธอเสร็จสรรพ โดยเจ้าของบ้านช่วยจับบันไดให้อีกแรง
“ก็ยี่ห้อที่ขายในคลินิกโปรดน่ะ ถ้าคุณชอบ เดี๋ยวฉันซื้อมาฝาก”“ครับ…แล้วนี่คุณกินอะไรหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“แล้วง่วงหรือยังครับ” เมื่อประโยคแรกคำตอบไม่เป็นไปอย่างที่คิด เฟร์เรก็เอ่ยถามอีกประโยค นั่นเพราะยังไม่อยากให้เพลงพิณกลับเข้าบ้านของเธอในตอนนี้ “ยังค่ะ” ต่อให้ง่วง แต่เพลงพิณก็จะถ่างตาให้ไม่ง่วง ไหนๆ จะจีบหนุ่มแล้ว เธอก็ต้องหมั่นหาจังหวะขายขนมจีบจริงไหม หรือถ้ายังจีบไม่เป็น ทอดสะพานเหมือนที่โปรดบอกไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย แต่มาคิดๆ ดูเพลงพิณก็แอบกังวล เกิดเธอทอดสะพานให้แล้วเฟร์เรไม่สนใจ งานนี้เธอได้อายจนมุดแผ่นดินหนีแน่ แต่ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง เธอก็พร้อมจะรับมัน “งั้นดีเลย ถ้าผมจะรบกวนคุณเข้าไปนั่งเล่นกับลัคกี้ในบ้านฆ่าเวลาตอนผมกินข้าว จะได้ไหมครับ” แม้คำชวนมันจะไม่ค่อยสมเหตุ สมผลสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเพลงพิณก็พยักหน้าให้ “ได้สิ”“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มของเฟร์เรเอ่ยรับ ก่อนจะเปิดประตูเชื้อเชิญเพื่อนบ้านสาวสวยแต่ติดลุคทอมบอยเข้าไปภายในบ้านที่รูปทรงภายนอกนั้นไม่ได้ต่างไปจากบ้านของเพลงพิณสักเท่าไหร่นัก แต่การตกแต่งที่บ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าบ้านต่างหากที่แตกต่างกัน เพราะบ
“เหรอ แล้วไอ้ที่ฉันเห็นตอนมาถึง ว่าแกกำลังตัดหญ้าอยู่คืออะไร”“ก็หญ้ามันยาว ฉันก็แค่ตัดไง” ฟังแล้วโปรดก็ส่ายหน้าอีกครั้ง “ฉันล่ะอยากดีดหน้าผากชะนีอย่างหล่อนจริงๆ แทนที่จะเอ่ยปากขอให้หนุ่มข้างบ้านมาช่วยตัดให้ แค่นี้หล่อนก็ได้ใกล้ชิดเขาแล้ว พอเขาตัดหญ้าเสร็จ เสียเหงื่อใช่มั้ย แกก็ชวนเขาออกไปกินน้ำ กินข้าว บอกเลี้ยงขอบคุณอะไรก็ว่าไป” โปรดร่ายยาวส่วนเพลงพิณน่ะเหรอ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักให้ เพราะไม่ทันคิดจริงๆ “ก็ไม่ทันคิด” น้ำเสียงอ้อมแอ้มเอ่ยตอบ “หลังจากนี้ก็หัดคิดได้แล้ว อยากแอ๊วหนุ่มมาแอ้มมันต้องใช้จริตหน่อยสิ เกิดเป็นหญิงอย่าให้เสียชาติเกิด อะไรอ่อนแอก็จงอ่อนแอ อย่าทำเป็นเข้มแข็ง ทำได้ไปเสียทุกอย่าง ผู้ชายเขาไม่ปลื้มหรอกจะบอกให้ เขาอยากแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ อยากโชว์แมน”“อ้อ…แกนี่ช่างเข้าใจชะนีอย่างฉันจริงๆ เอามดลูกไปเลยมะ ฉันยกให้”“ถ้าเอามาต่อกับกระเพาะฉันแล้วมันทำงานได้ปกติเหมือนอยู่ในตัวแก ฉันเอามานานแล้วย่ะ” คำพูดของสัตวแพทย์โปรด ทำให้คนฟังขำก๊ากออกมา ก่อนที่โปรดจะจัดคอร์สมารยาหญิงให้เพลงพิณเพื่อนำไปใช้อ่อยหนุ่มข้างบ้านที่ชื่อเฟร์เร ซึ่งขณะนั่งเรียนวิชาแอ๊วหนุ่มอยู่นั้น เพล
แม้จะต้องตื่นแต่เช้ากว่าเดิม เพราะต้องคอยดูแลโชคดีก่อนออกไปทำงาน แต่เพลงพิณกลับมีความสุขที่ได้ดูแลเจ้าแมวน้อย ที่หมั่นมาคลอเคลีย ออดอ้อน ร้องเหมียวๆ เกาะแข้งเกาะขาอยู่แทบจะตลอดเวลา เสียงอ้อนของโชคดีทำให้ทาสแมวอย่างเธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกและคนที่มาหาเธอเป็นคนแรกของอาทิตย์นี้ กลับไม่ใช่บุหลันหรือลลินดา แต่กลับเป็นหมอโปรด สัตวแพทย์เพื่อนสนิทของเพลงพิณนั่นเอง แต่พอมาถึงโปรดกลับเอาแต่ชะเง้อชะแง้มองข้างบ้านอยู่นั่น มองจนเพลงพิณหมั่นไส้“ถ้าจะมองขนาดนี้ แกไปหาเขาเลยไหม...หืม”“หึงเหรอยะ”“หึงอะไร ไม่มี แล้วอีกอย่างฉันจะหึงแกเพื่อ ในเมื่อฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” เพลงพิณออกตัว เพราะไอ้อารมณ์หึง หวง แนวๆ ชู้สาว สำหรับเธอมันห่างหายไปนานมาก นานจนแทบจำความรู้สึกนั้นไม่ได้แล้วมั้ง “อ่ะๆ ตอนนี้ยัง แต่อนาคตก็ไม่แน่” โปรดไหวไหล่เบาๆ “เพ้อ…ว่าแต่แกชะเง้อมองข้างบ้านทำไม”“พอดีฉันมีธุระจะคุยกับเบคเขาหน่อย แกคิดว่าเขาจะอยู่บ้านไหม” ขณะตอบเพลงพิณ โปรดก็ยังคงไม่หยุดชะเง้อ นั่นเพราะเขามีธุระจะคุยกับเฟร์เร ก่อนหน้านี้เฟร์เรแวะไปที่คลินิกเขาบ่อยๆ นั่นเพราะชายหนุ่มแวะไปดูอาการป่วยของแมวที่เขาพ
“งั้นวันเสาร์นี้มิ้นก็ไปบ้านเจ้ด้วยสิ จะได้ไปปาร์ตี้บ้านใหม่เจ้กัน”“ได้ค่ะ” คนถูกชวนเอ่ยรับ ก่อนที่ทั้งสามคนจะได้เวลาสลายตัวเพราะได้เวลาเลิกงานแล้ว แต่หนึ่งในสาม ยังต้องไปทำงานต่อที่คลินิกอีกสี่ชั่วโมงถึงจะกลับบ้านได้เพลงพิณรอเวลาปิดคลินิกพอๆ กับรอเวลาเลิกงานที่โรงพยาบาล เมื่อจัดการใส่กุญแจประตูเรียบร้อย เธอก็รีบขับรถตรงกลับมายังบ้านทันที และยังไม่ทันจะได้ลงจากรถ เธอก็มองเห็นหนุ่มข้างบ้านที่ชื่อว่าเฟร์เร ยืนอุ้มแมวโชคดีหรือที่เขาเรียกว่าลัคกี้รออยู่ตรงรั้วบ้านของเธอ นั่นทำให้เพลงพิณรีบจอดรถให้เรียบร้อย ก่อนจะก้าวแล้วเดินตรงไปยังเขา นั่นทำให้เธอมองเห็นเฟร์เรแบบชัดๆ ผู้ชายมาดเซอร์ผมยาวและยังคงมัดจุกยืนอุ้มแมว ช่างเป็นภาพที่น่ามองไม่น้อย เห็นแล้วอกซ้ายก็เต้นตึกๆ ตักๆ พอตั้งสติได้ จึงเอ่ยขอโทษที่ทำให้เขาต้องรอ “ขอโทษที พอดีฉันกลับดึกไปหน่อย”“ไม่เป็นไรครับ” เอ่ยจบ เฟร์เรก็ส่งลัคกี้ให้เพลงพิณอุ้ม อันที่จริงเขาแค่อุ้มลัคกี้ออกมาเดินเล่น แต่ไม่รู้เดินเล่นยังไง ถึงมาชะเง้อมองหาเพื่อนบ้านสาวที่ดึกดื่นป่านนี้แล้วเธอก็ยังไม่กลับเสียที จนอยากผิดข้อตกลง ด้วยการรับดูแลลัคกี้เพียงคนเดียว แต่ข้อ
“มีอะไรพร้าว”“ไฟห้องน้ำมันเสีย เปิดไม่ติด ทำไงดี” แพรวพราวหน้าถอดสีเล็กๆ เพราะนี่ก็ค่ำแล้ว เธอจะอาบน้ำยังไง ส่วนเพลงพิณนั้นส่ายหน้าให้น้องสาว “ทำไง ก็เปลี่ยนสิ”“เปลี่ยน ตามช่างเหรอ”“ตามทำไม พี่เปลี่ยนเองได้” เพลงพิณยิ้มมุมปาก แถมยังยักคิ้วให้คนตรงหน้า ถึงความมั่นใจว่าเธอเปลี่ยนหลอดไฟได้เองอีกต่างหาก “เอาจริง” แพรวพราวถามพี่สาวอีกครั้ง นี่ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านคนเดียว พี่สาวเธอเก่งถึงขั้นเปลี่ยนหลอดไฟได้เองแล้วเหรอ “จริง” คนเป็นพี่ตอบเสียงหนักแน่น แต่คนเป็นน้องก็ยังยืนทำหน้าอึ้งๆ งงๆ อยู่ “เดี๋ยวพี่ไปเอาบันไดหลังบ้านก่อน ระหว่างนี้พร้าวไปหยิบหลอดไฟในห้องเก็บของให้พี่ที พี่จำได้ว่าซื้อเก็บไว้อยู่ อ้อ…สับเบรกเกอร์ให้พี่ด้วย กันไฟดูดตอนพี่เปลี่ยนไว้หน่อยก็ดี ยังไม่อยากถูกช็อต”“จ้ะ” แพรวพราวพยักหน้าให้ ก่อนที่ต่างคนจะต่างแยกย้ายไปหยิบอุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนหลอดไฟ โดยที่แพรวพราวนั้นไม่ลืมที่จะสับเบรกเกอร์ไฟฟ้าตามที่พี่สาวบอกไม่ถึงห้านาที ตอนนี้เพลงพิณขึ้นมายืนอยู่บนบันไดที่ไปคว้ามาจากหลังบ้าน ส่วนแพรวพราวน้องสาวช่วยจับบันไดให้อีกแรง พร้อมกับชะเง้อมองพี่สาวที่ตอนนี้เปลี่ยนหลอดไฟด้วยท่าท
เพียงแค่รูปถ่ายใบเดียว ทำให้ชายหนุ่มมาดเซอร์นัยน์ตาสีน้ำทะเลอย่าง ‘เฟร์เร เบคเคิ้ลบาวร์’ มายืนอยู่ที่เมืองไทย ทั้งๆ ที่เขาเกิดและเติบโตอยู่ที่เยอรมัน เพียงแค่รูปถ่ายใบเดียว ทำให้เขาออกตามหาเธอ…ผู้มีนัยน์ตากลมโตสีดำเข้ม ผู้หญิงที่เขาบังเอิญถ่ายรูปของเธอไว้ได้ขณะที่เธอกำลังเดินเล่นอยู่ที่ ประตูบรันเดนบูร์ก สัญลักษณ์สำคัญของเมืองเบอร์ลิน หนึ่งปี! คือเวลาที่เขาจะตามหาเธอให้พบ คนที่เขาไม่เคยรู้จักแม้กระทั่งชื่อ แต่เป็นคนที่เขาจดจำได้ทุกลมหายใจ เพราะหลังจากนี้ เขาจะทิ้งทุกอย่างไว้ที่เมืองไทยแล้วกลับบ้าน หวังว่าหนึ่งปีนี้ พระเจ้าจะมอบปาฏิหาริย์ให้กับผู้ชายที่ชื่อ เฟร์เร เบคเคิ้ลบาวร์“นายคิดอะไรของนายอยู่” เสียงของ ‘ฟาโรห์ เบคเคิ้ลบาวร์’ น้องชายฝาแฝดเอ่ยถามผ่านโทรศัพท์ทางไกล เพราะคนอย่างพี่ชายเขา ผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าที่การงานและหน้าตา ไม่จำเป็นต้องออก ตามหาผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำ “ทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม“อยู่ๆ นายก็ไปเมืองไทย เพียงเพื่อตามหาผู้หญิงที่นายไม่รู้จักเนี่ยน่ะเหรอ”“ฉันว่ามันไม่ได้แปลกอะไรที่จะมาตามหาคนที่ฉันชอบ” เฟร์เรเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ฟาโรห์ไม่อาจคัดค้านได...
Comments