แต่…ทว่าความใกล้ชิด ในจังหวะที่ทันตแพทย์สาวโน้มตัวลงไปตรวจภายในช่องปากนั้น กลิ่นหอมๆ ที่ลอยออกมาจากตัวเธอก็ทำให้หัวใจของเฟร์เรเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะที่ปากก็อ้ากว้างออกเพื่อให้เธอได้ตรวจอย่างถนัด เขาก็เพ่งมองใบหน้าเนียนที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ แม้เธอจะมีหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกไว้ แต่ดวงตาและคิ้วสวยๆ ของเธอกลับเด่นจนน่ามอง“ถ้าเจ็บแล้วบอกนะคะ” เสียงทันตแพทย์สาวดังขึ้น นั่นเพราะเธอเห็นก้างปลาที่ติดอยู่ตรงร่องระหว่างฟันกรามของชายหนุ่มแล้ว เธอขออุปกรณ์จากผู้ช่วย ก่อนจะคีบเจ้าก้างปลาที่เห็นออกมา ก่อนจะเอ่ยบอก“เสร็จแล้วค่ะ” “เสร็จแล้ว” เฟร์เรเอ่ยทวนประโยคที่ได้ยิน เพราะเขาแค่นอนนิ่งๆ แทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำไป จู่ๆ ทันตแพทย์สาวก็บอกว่าเสร็จแล้ว“อื้อ…นี่ไง หลักฐาน” เพลงพิณคีบก้างปลามาให้เฟร์เรเห็น นั่นทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาดังเฮือกที่เห็นว่าก้างปลามันหลุดออกไปจากฟันเขาแล้ว เพราะเขาไม่สนุกที่มีก้างปลาติดฟันแบบนี้“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น และเพราะเขาไม่มีก้างปลาชิ้นที่สองให้เพลงพิณเอาออก นั่นทำให้เฟร์เรต้องกลับออกไปจากห้องทำงานของเธอยืนมาอ่านป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้อง “ท
“เออๆ ไม่ต้องพูด ฉันเดาได้” เพลงพิณรีบยกมือขึ้นห้าม “งั้นพรุ่งนี้ผมจะมาถามอาการมันแต่เช้า” เฟร์เรเอ่ยขึ้นบ้าง แม้ลุคเขาจะออกเถื่อนๆ แต่ใครจะรู้ว่าเขาอ่อนโยนกับสัตว์มากเหมือนกัน “ได้ครับ” เสียงทุ้มของสัตวแพทย์โปรดตอบกลับไป ก่อนจะพินิจมองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า แล้วหันมากระซิบกระซาบถามเพื่อนสาวที่ยืนตัวเตี้ยอยู่ข้างๆ “พิณ…ใครวะ แฟนแกเหรอ” น้ำเสียงของโปรดนั้นฟังดูตื่นเต้น จนเพลงพิณค้อนให้อย่างหมั่นไส้ “แฟนที่ไหน เพื่อนบ้าน รั้วติดกันเลย เขาชื่อ…” พอจะตอบคำถามโปรด เพลงพิณก็ชะงัก นั่นสิ…ผู้ชายข้างๆ เธอนี่ชื่อว่าอะไร ถ้าจำไม่ผิด เขาน่าจะชื่อว่าเฟร์เรใช่ไหม แต่เพราะฟอร์ม เพลงพิณจึงแสร้งทำเป็นจำชื่อหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ เธอหันกลับมามองหน้าเฟร์เร แล้วเอ่ยถามชื่อเขาออกไป “ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะ”“เฟร์เร ผมชื่อเฟร์เรหรือจะเรียกผมว่าเบคก็ได้” เมื่อได้ยินแบบนี้ เพลงพิณก็หันมาคุยกับโปรด“แกได้ยินแล้วใช่ไหม เขาชื่อเบค” “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมโปรด เป็นเจ้าของคลินิก” เอ่ยทักทายเสร็จก็ยื่นมือไปรอสัมผัส เฟร์เรไม่ลังเลที่จะสัมผัสมือของโปรดกลับมา“ส่วนคนข้างๆ นี่พิณ” โปรดแนะนำเพลงพิณเสร็จสรรพ “ยินดีท
“อื้อ…คนที่ฟาดนายด้วยไม้เบสบอลนั่นแหละ เธอยังเข้าใจผิดว่าฉันคือนาย” พูดไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆ แม้ก่อนหน้านี้จะมีเหตุการณ์เข้าใจผิดว่าคนไหนคือเขา คนไหนคือน้องชายฝาแฝด แต่เฟร์เรกลับไม่รู้สึกอะไร แต่ครั้งนี้ทำไมเขาถึงไม่ชอบก็ไม่รู้ “เอ้า! แล้วนายได้บอกไปมั้ย ว่านายเป็นใคร” งานนี้น้องชายแปลกใจ ปกติเฟร์เรจะออกตัวว่าตนมีฝาแฝดป้องกันการเข้าใจผิด“ไม่ได้บอก”“อืม…อีกหน่อยเธอก็คงรู้เองว่าเราเป็นฝาแฝดกัน” ฟาโรห์เลิกคิ้วสูง ในเมื่อดูเหมือนพี่ชายไม่อยากบอก ไม่มีเหตุผลอะไรที่ตนจะต้องไปออกตัว“แต่ฉันกลับไม่อยากให้เธอรู้” เฟร์เรเอ่ยกับตัวเอง เขามีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อยากให้ผู้หญิงบ้านข้างๆ รู้ว่าเขานั้นมีฝาแฝด เพราะถ้ารู้ก็กลัวว่าเธอจะหลงความหล่อของฟาโรห์จนไม่มีใจมองมาที่เขา แต่ทว่า…ความคิดนี้ก็ต้องหยุดลง เพราะเหตุผลหลักๆ ที่เฟร์เรมาที่นี่คือการมาตามหาหญิงสาวในภาพถ่ายคนนั้นให้พบ คนที่เขาหลงรักอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ใช่แบ่งใจไปรักผู้หญิงอื่น แต่ก็ไม่วายที่จะมองไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน“จะไม่เข้าบ้านเหรอ” พอเห็นว่าพี่ชายเอาแต่ยืนนิ่ง ฟาโรห์ก็เอ่ยขึ้น“อืม” เสียงทุ้มเอ่ยรับในลำคอ ก่อนจะเดินผ่านน้องชาย และเสี
“แล้วใครจะได้สิทธิ์เลี้ยงก่อน” คำถามของเพลงพิณทำเอาโปรดคิ้วขมวด เพราะกำลังหาทางออกให้“เอางี้ เล่นกับดวงเลยแล้วกัน ถ้ารถที่เลี้ยวเข้ามาคลินิกทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคู่ พิณเอาไปเลี้ยงก่อน แต่ถ้าลงท้ายด้วยเลขคี่ เบคเอาไปเลี้ยง โอเคนะ” “โอเค” เพลงพิณเอ่ยรับ ใครมันจะไปกล้าขัดสัตวแพทย์โปรดได้...หืม “ครับ” เฟร์เรเอ่ยรับเช่นกัน ก่อนจะภาวนาให้รถที่เล่นเข้ามาภายในคลินิกคันต่อไปทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคี่ ส่วนเพลงพิณก็ภาวนาตรงกันข้าม เลขคู่ เลขคู่ เลขคู๊!!! เสียงแอคโค่เธอดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาท แต่ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้างคนสวยอยากเลี้ยวแมว“เลขที่ออก...เจ็ด…จบข่าว อาทิตย์แรกเบคได้เลี้ยงเจ้าลัคกี้ก่อน ส่วนอาทิตย์ต่อไปก็แกพิณ” โปรดเอ่ยสรุปให้เสร็จสรรพ ก่อนจะได้ยินเสียงคนผิดหวังเบาๆ “อื้อ” เมื่อตกลงเรื่องใครจะเลี้ยงก่อนเลี้ยงหลังลงตัว เฟร์เรและเพลงพิณจึงเข้าไปดูอาการของเจ้าแมวน้อยใกล้ๆ และคนที่ขอตัวก่อนคนแรกคือเพลงพิณ เพราะใกล้ได้เวลาทำงานแล้ว ตามด้วยเฟร์เรโปรดยืนกอดอกมองรถสองคันที่กำลังขับออกไปจากคลินิก อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแปลกๆ หรือทั้งคู่กำลังชอบพอกันอยู่“ไม่จริงมั้ง” โปรดส่าย
“บ้า…มาจูบสิ รสปลาร้าเต็มๆ” พี่ใหญ่ของกลุ่มค้อนควักให้คนแซวเรื่องปาก ที่มาแซวอะไรเอาตอนนี้ เดี๋ยวตบด้วยข้าวเหนียวในมือซะเลย “เผ็ดเหรอเจ้” สีหน้าของลลินดานั้นแสดงออกว่าห่วงเจ้ของเธอแบบสุดๆ “อื้อ…วันนี้ป้าแกโกรธอะไรเจ้เปล่า ใส่พริกซะเยอะซะแยะ เคี้ยวคำไหนเจอแต่พริก”“ไม่ได้โกรธหรอก คงเป็นพริกค้างครกมากกว่า เอ้า...น้ำๆ จะได้แก้เผ็ด” เอ่ยเสร็จ ลลินดาก็ส่งน้ำเย็นๆ ให้เพลงพิณดื่มดับเผ็ด“ขอบใจจ้ะ”“นี่เจ้…เค้ากำลังจะแต่งงานแหละ” ประโยคนี้ของลลินดาทำเอาเพลงพิณแทบจะบ้วนน้ำเย็นๆ ลงแก้วที่ถืออยู่ ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนรุ่นน้องตาปริบๆ “นี่เจ้เผ็ดจนหูแว่วไปเลยเหรอที่ได้ยินมิ้นบอกว่าจะแต่งงาน” เพลงพิณยิ้มแห้งๆ ให้ เพราะคิดว่าตัวเองหูฟาด “ไม่ได้หูแว่ว เค้ากำลังจะแต่งงานจริงๆ” ลลินดาย้ำให้ได้ยินอีกครั้ง ส่วนบุหลันนั้นก็ดูจะอึ้งไปอีกคน อึ้งจนข้าวเหนียวที่เพิ่งส่งเข้าปากหล่นมากองบนโต๊ะอย่างไม่รู้ตัว “แต่งกับใคร” คนที่เอ่ยถามถึงว่าที่เจ้าบ่าวของลลินดาคือเพลงพิณ เพราะดูท่าเธอจะตั้งสติได้แล้ว “ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละเจ้ก็” ท่าทางของว่าที่เจ้าสาวดูขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด เพราะผักบุ้งที่อยู่ในมือตอนน
งานแต่งงานของยลดาและเจ้าบ่าวร้อยล้าน ที่ได้ชื่อแบบนี้เพราะเจ้าบ่าวอย่างบูรพานั้น เป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง แค่เอ่ยชื่อ คนครึ่งค่อนประเทศก็ร้องอ๋อ ภายในงานประดับประดาด้วยดอกไม้สีม่วงขาว ซึ่งเป็นสีโปรดของเจ้าสาว และคนที่โดดเด่นที่สุดของงานก็คงหนีไม่พ้นยลดา ที่วันนี้มาในชุดแต่งงานสีขาวจากแบรนด์ดัง ยิ่งส่งให้เธอเหมือนเจ้าหญิงที่ควงแขนมากับเจ้าชายผู้หล่อเหลา ธีมงานแต่งงาน คือธีมในฝันของสาวโสดหลายๆ คน ทุกอย่างดูโรแมนติกมาก มากเสียจนต่อมอิจฉาของเพลงพิณทำงานอย่างแรง“เฮ้อ...เราจะมีงานแบบนี้กับเขาบ้างมั้ยน้อ” คนโสดที่รั้งตำแหน่งคนสุดท้ายของกลุ่มตัดพ้อในโชคชะตา เรื่องเรียน เรื่องกิจกรรม เธอมักจะคว้าที่หนึ่งหรือลำดับต้นๆ มาครองเสมอ แต่เรื่องสละคานกลับรั้งที่สุดท้ายเสียได้ แต่ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เพลินๆ ช่อบูเก้เจ้าสาวก็หล่นตุ้บมาอยู่บนตัก สายตาแทบทุกคู่ในงานจับจ้องมาที่ทันตแพทย์คนสวยทันที เพลงพิณยิ้มแห้งๆ ให้ทุกคน ก่อนจะถูกลากตัวขึ้นไปบนเวที“ว่าที่เจ้าสาวคนต่อไป” คำพูดของพิธีกรในงานยิ่งทำให้เพลงพิณเป็นจุดสนใจ และยิ่งสนใจยกกำลังสอง เมื่อทุกคนในงานรู้ว่าเธอยัง ‘โสด’“ว้าว! ไม่น่าเชื่อ
ตลอดเวลาที่เจ้าโชคดีหรือลัคกี้ รักษาตัวอยู่ที่คลินิกสัตว์ของโปรด ทั้งเพลงพิณและเฟร์เรก็ต่างแวะเวียนไปเยี่ยมเจ้าแมวน้อย แต่ไปทีไรก็คลาดกันตลอด กระทั่งครั้งล่าสุดที่เพลงพิณแวะไปก็เห็นว่าโชคดีนอนอยู่บนตักเฟร์เร“หมั่นไส้”“เอ้า! แกนี่ก็แปลก อยู่ๆ มาบอกหมั่นไส้ฉัน” เพลงพิณหันมาแหวใส่คนข้างๆ “แกนี่เลยจุดว่าหมั่นไส้ไปนานแล้วย่ะ ที่ฉันหมั่นไส้คืออีแมวนั่นต่างหาก แหม…ทีอย่างนี้มาทำเป็นอ้อน นอนตักผู้ชาย ทีฉัน…แค่จับนางมาตรวจแผลหน่อยเดียว มีข่วน มีขู่ฟ่อๆ ยังกะงูเห่า” โปรดเบ้ปาก หมั่นไส้แมวได้น่าหมั่นไส้มาก แต่ความจริงคือเขาเป็นคนชอบสัตว์ทุกชนิดต่างหาก ไม่งั้นคงไม่เรียนและเลือกที่จะมาเป็นหมอสัตว์หรอก “นังบ้า อิจฉาได้แม้กระทั่งแมว”“หรือไม่จริง” สีหน้าของโปรดยังคงจริงจังอยู่ เพลงพิณหมั่นไส้จึงตีลงไปบนแขนแรงๆ จนสัตวแพทย์หนุ่มสะดุ้ง “สงสัยแมวมันจะรู้ว่าแกคือชะนีในร่างผู้ชาย นางเลยไม่ยอมให้เข้าใกล้”“สู่รู้ไปนะนังแมวน้อย...ชิส์” สะบัดหน้าใส่แมวเสร็จก็เดินกลับไปทำงานต่อ เพราะมีเคสผ่าตัดคลอดให้สุนัขอยู่อีกเคส แต่พอนึกขึ้นได้ว่าลืมบอกเพลงพิณ จึงเดินกลับมาใหม่“ฉันมีเคสผ่าตัดหมาคลอดลูก คงอีกนานกว่าจ
ของคาวผ่านไปก็ตามด้วยของหวาน เฟร์เรได้แต่มอง ขณะที่เพลงพิณสั่งของหวานมาทาน สีหน้าเขาดูงุนงงกับของหวานที่ได้เห็น เพราะนึกว่าจะเป็นไอศกรีมหรือเค้กเสียอีก“ลองทานดูไหมคะ”“ของหวานของคุณหน้าตาแปลกดี” เฟร์เรมองไปยังถ้วยของหวานที่มีน้ำแข็งและอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้จักลอยอยู่ในนั้น “มันเรียกว่าสละลอยแก้ว ทานตอนอากาศร้อนๆ อร่อย” สีหน้าของคนพูดดูจะมีความสุขกับการได้กินเมนูโปรดหน้าร้อน “ชื่อก็แปลก”“แน่สิ…ก็อาหารไทยนี่นา ลองชิมดู” เพลงพิณหยิบช้อนอีกคันมาตักสละลอยแก้วแล้วยื่นให้เฟร์เร ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยื่นมือไปรับช้อนคันนั้นมาถือไว้ ก่อนจะลองชิมรสชาติดู “อร่อยไหม” คำถามของเพลงพิณ เฟร์เรตอบด้วยการส่ายหน้า นั่นทำให้เธอหัวเราะออกมา สงสัยเขาจะไม่ชอบรสหวานอมเปรี้ยวติดเค็มที่ปลายลิ้นของสละลอยแก้วถ้วยนี้ แต่สำหรับเธอ บอกเลยว่า ปลื้มมากเมื่อทานอิ่ม เฟร์เรก็ขับรถพาเพลงพิณกลับมาที่คลินิกสัตว์ของโปรด ช่วยเธอถือของไปเก็บไว้ในรถที่จอดอยู่ “ขอบคุณมากนะคะ สำหรับบัตรส่วนลด รวมถึงข้าวหนึ่งมื้อด้วย” ทันตแพทย์สาวเอ่ยขอบคุณเจ้าภาพใจดีของวันนี้ “ยินดีครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกขึ้นรถข
เช้าวันรุ่งขึ้น เฟร์เรก็อุ้มลัคกี้มาหาเพลงพิณที่บ้าน โดยตั้งใจมาแต่เช้าหน่อย จะได้พบเพลงพิณ ก่อนที่เธอจะออกไปทำงานแม้ใจจริงอยากอาสาดูแลลัคกี้ไปตลอด นั่นเพราะเขาไม่ได้ทำงานประจำ แต่เพราะได้ตกลงลัดกันเลี้ยงคนละอาทิตย์ ทำให้เฟร์เรไม่อาจเลี้ยงคนเดียวได้หนุ่มมาดเซอร์ที่ยังคงมัดผมไว้กลางศีรษะอย่างทุกวันยืนกดออดอยู่นาน คนในบ้านก็ยังไม่มีท่าทีจะออกมาเปิดให้ จะว่าเพลงพิณออกไปทำงานแล้วก็ไม่น่าใช่ นั่นเพราะรถเธอยังคงจอดอยู่ แต่จังหวะที่กำลังยืนชะเง้ออยู่นั้น เพื่อนบ้านสาวที่ตอนนี้เปียกมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็โผล่หน้าออกมาให้เห็นแบบอายๆ“คุณพิณ เกิดอะไรขึ้นครับ”“คือท่อน้ำหลังบ้านมันแตกน่ะค่ะ”“แล้วปิดวาล์วน้ำหลักหรือยังครับเนี่ย” น้ำเสียงและสีหน้าของคนถามนั้น แสดงออกว่าห่วงอยู่ไม่น้อย“ปิดแล้วค่ะ แต่กว่าจะนึกขึ้นได้ ก็ปล้ำกับท่อที่มันแตกจนเปียกอย่างที่เห็นอยู่ตั้งนาน...แฮ่” เพลงพิณส่งยิ้มแห้งๆ ให้เฟร์เร รู้สึกเขินกับคว
แต่สติของเพลงพิณต้องกระเจิงยิ่งกว่าเก่า เมื่ออยู่ๆ เฟร์เรก็ ขโมยจูบจากริมฝีปากอิ่มของเธอไปครองซึ่งหน้า ดวงตากลมโตของคนในอ้อมกอดเบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าฉากจูบที่เธอแอบคิดมโนอยู่คนเดียว จะมีบุคคลที่สามยืนมองตาขวาง พร้อมกับทำหน้าที่เป็นพยานแบบนี้อามาเรียกัดฟันกรอดๆ กับฉากจูบที่เธอเรียกร้องอยากจะเห็นและได้เห็นแบบเต็มๆ ตาเสียด้วย ส่วนเฟร์เรจากที่จะจูบแค่ผิวเผิน พอได้สัมผัสริมฝีปากอิ่มของเพลงพิณเขาก็มีอันต้องเปลี่ยนใจ ความนุ่ม ความหอมหวานที่ได้สัมผัส ทำให้เขาไม่อาจตัดใจถอนจูบออกได้ในตอนนี้เพราะตกใจ ตอนนี้เพลงพิณจึงได้แต่ยืนนิ่งงัน ปล่อยให้เฟร์เรจูบอยู่นานสองนาน และเพราะมีใจให้เขาเป็นทุนเดิม เธอจึงปล่อยใจไปกับจูบที่แสนจะหอมหวานในครั้งนี้ การจูบตอบกลับจากเธอทำให้เฟร์เรยิ้ม แต่คนที่ยิ้มไม่ออกคืออามาเรีย เธอไม่อาจทนมองภาพบาดตาบาดใจได้อีก จึงกระทืบเท้าเร่าๆ ก่อนจะรีบกลับออกไปทันทีและพอถึงรถก็กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง พาลอารมณ์เสียใส่ลูกศรที่นั่งรออยู่อีกชุดใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่แคร์&ldq
เธอรื้อของฝากที่ซื้อมาจากเกาะเกร็ด ก่อนจะพบว่าสองถุงเป็นของเฟร์เรและตั้งใจเอามาคืนให้เขา แต่ภาพที่เห็นก็ทำเอาต่อมหึงเธอทำงาน“เสน่ห์แรงจริงๆ พ่อคุณ ผู้ชายอะไร หัวบันไดบ้านไม่เคยแห้ง... หึ๋ย” เพลงพิณยืนกัดฟันกรอดๆ จ้องผู้หญิงในบ้านเฟร์เรจนตาเขียวปัด หรือเธอคนนี้จะใช่คนรักของเฟร์เรรังสีอำมหิตจากตัวเพลงพิณที่แผ่กระจายออกไปนั้น ทำให้อามาเรียต้องหันมามอง พอเห็นว่าเป็นใครเธอก็ส่งยิ้มให้ งานนี้เป็นไงเป็นกัน เธอไม่มีทางปล่อยเฟร์เรให้ผู้หญิงลุคทอมผสมป้าแน่นอน“อุ๊ย! นั่นใครเหรอคะเบค” เพราะต้องการแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของให้ผู้มาใหม่ได้เห็น อามาเรียจึงเข้าไปยืนใกล้เฟร์เรพร้อมกับควงแขนชายหนุ่ม แต่กลับถูกเขาปัดมือออก นั่นเพราะเขารู้ ว่าอามาเรียต้องการอะไร และเขาเองก็ต้องการให้เธอเห็นอะไรเช่นกัน จะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเขาเสียทีเมื่อปัดมืออามาเรียออก เฟร์เรก็เดินไปหาเพลงพิณ ทำเอาอามาเรียเหวอรับประทานที่ถูกหักหน้า ส่วนเพลงพิณนะเหรอ หึ…เธอได้แต่ยืนสะใจอยู่นอกรั้วบ้าน ถ้าเธอไ
เช้าวันรุ่งขึ้น เพลงพิณและเฟร์เรก็ออกไปพบกันที่หน้าบ้านอย่างไม่ได้นัดหมาย ทันตแพทย์สาวอยู่ในชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์พอดีตัวขาดๆ หน่อย รองเท้าผ้าใบและมีหมวกทรงสวยไว้บังแดด แต่กว่าจะลงตัวที่ชุดนี้ เธอก็เลือกแล้วเลือกอีกส่วนเฟร์เรนั้นก็เซอร์เป็นกิจวัตร แต่เป็นลุคเซอร์แบบสะอาดๆ น่าซบ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือกล้องถ่ายรูป และก่อนจะออกไป เขาก็ดูแลลัคกี้เรียบร้อยแล้ว เย็นนี้ค่อยส่งมอบให้เธอดูแลต่อ วันนี้เขายังใจดีอาสาเป็นคนขับรถให้ไกด์ส่วนตัว ส่วนเพลงพิณก็ทำหน้าที่บอกทาง กระทั่งมาถึงท่าเรือจึงต้องจอดรถไว้แล้วเปลี่ยนไปนั่งเรือข้ามฟากแทนจะว่าไปนี่เป็นครั้งที่สามที่เพลงพิณมาเที่ยวเกาะเกร็ด ความที่มาบ่อยกว่าเฟร์เรเธอจึงพอรู้สถานที่ เมื่อลงเรือเสร็จก็ชวนเขาไปไหว้พระเสียหน่อย จากนั้นก็เช่าจักรยานมาปั่นเที่ยวรอบๆ เกาะ แวะดูการปั้นเครื่องปั้นดินเผา หาขนมไทยอร่อยๆ ทาน ส่วนเฟร์เรก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูป เพราะเสียงชัตเตอร์ดังมาให้เพลงพิณได้ยินแทบจะตลอดเวลา“ลูกชุบ” เฟร์เรอุทานชื่อขนมไทยชนิดแรกที่เขารู้จักและได้ชิมออกมา จากนั้นก็
กว่าเพลงพิณจะออกเวรที่โรงพยาบาล ก็ทำเอาเธอแทบหมดเรี่ยวหมดแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงแวะไปนั่งทำงานต่อที่คลินิกอีกหลายชั่วโมงกระทั่งปิดก็ขับรถกลับบ้าน แต่เพราะท้องมันร้องประท้วงว่าหิว ไม่อาจขับรถต่อจนถึงบ้านได้แน่ๆ จึงจำต้องเลี้ยวรถจอดริมถนนก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปสั่งบะหมี่เกี๊ยวร้านดัง ที่เปิดร้านอยู่ก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้าน มานั่งทานคนเดียวแบบสวยๆ แต่ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนลากเก้าอี้มานั่งด้วย เธอจึงรีบเงยหน้าขึ้นมอง“เอ้า! คุณเบค” เพลงพิณเอ่ยออกมา ทั้งๆ ที่ในปากยังคงมีเส้นบะหมี่อยู่ จึงรีบเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงท้อง“หิวตอนดึกเหมือนกันเหรอคะ”“ครับ…ว่าแต่ผมขอนั่งด้วยคนได้มั้ย” จะว่าไปตอนนี้ เฟร์เรหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีแดง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถามความสมัครใจของเพลงพิณเสียด้วยซ้ำ“ไม่ได้ค่ะ” น้ำเสียงตึงๆ เอ่ยบอก นั่นทำเอาเฟร์เรหน้าเสียทันที ก่อนที่เพลงพิณจะรีบเฉลย เพราะขืนยังไม่รีบ เดี๋ยวหนุ่มมาดเซอร์ ขวัญใจจะถอดใจย้ายไปนั่
“แมวผมเองครับ”“อุ๊ย! แมวเบคเหรอคะ น่ารักจังเลย ชื่ออะไรคะ” พอได้ยินว่าแมวตรงหน้าเป็นของเฟร์เร อามาเรียก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นคนรักสัตว์ขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่เธอนั้นเกลียดชังแมวเป็นที่สุดลัคกี้เข้าไปคลอเคลียเลียหลังมือของเฟร์เร นั่นทำให้เขาอุ้มมันขึ้นมาวางบนตัก“ลัคกี้ครับ”“ว้าว! ชื่อเพราะมากเลย ลัคกี้มานี่มา มาให้อามาเรียอุ้มหน่อยนะ” เอ่ยจบก็ยื่นมือไปคว้าลัคกี้จากตักของเฟร์เรมาอุ้ม แต่เหมือนลัคกี้จะไม่อยากผูกมิตรด้วยสักเท่าไหร่ เพราะมันเอาแต่ดิ้นจะลงจากตักของอามาเรียท่าเดียว“ผมว่าลัคกี้มันคงอยากออกไปเดินเล่น คุณปล่อยมันลงดีกว่า”“อามาเรียก็คิดว่างั้นเหมือนกันค่ะ” นางแบบสาวยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะยอมวางลัคกี้ลง นั่นทำให้เจ้าแมวรีบเดินหายไปอีกทางอย่างรู้งาน ส่วนอามาเรียได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากจะอุ้มแมวสกปรกๆ ตัวนี้สักเท่าไหร่นักหรอก กลับไปคงต้องรีบเอาแอลกอฮอล์ล้างทั้งตัว
“อื้อ…เขาเรียกขนมลูกชุบ กินดูแล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่เผ็ด” เห็นขนมลูกชุบแล้วก็นึกถึงคนซื้อ คงไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากบุหลัน และก็แทนที่จะซื้อให้มันหลากหลายแบบ ดั้นซื้อมาแต่แบบที่ปั้นเป็นพริก“คุณไม่ได้หลอกผมใช่มั้ย” น้ำเสียงที่ถามนั้น ช่างฟังดูน่าสงสาร เพลงพิณได้แต่คิดในใจว่า โถ…ใครจะไปกล้าหลอกได้ลง“เอ้า! แล้วฉันจะไปหลอกคุณทำไม ไม่เชื่อ เอามา เดี๋ยวกินให้ดู” เอ่ยจบก็คว้าลูกชุบในมือของเฟร์เรมาถือไว้ ก่อนจะส่งเข้าปาก“เฮ้!…คุณ” เฟร์เรเอ่ยห้ามเสียงหลง ก่อนจะหน้าตาตื่นๆ เมื่อเห็นเพลงพิณแสดงออกว่ากำลังเผ็ด“คุณขอน้ำ ขอน้ำหน่อย เผ็ดๆ”“ผมบอกแล้วว่านั่นพริก” เอ่ยจบก็รีบส่งน้ำให้เธอ แล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“เป็นไง เผ็ดมากมั้ย” เพลงพิณก้มหน้าก้มตามองพื้น นั่นเพราะกำลังกลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้เล็ดลอดออกมาตอนนี้ พอเงยหน้าขึ้นมาก็ยิ้มแป้นให้คนข้างๆ ไม่ได้มีท่าทีเผ็ดอีกต่อไป&nbs
เฟร์เรลงมือตัดแต่งกิ่งต้นโมกอย่างไม่รีรอ มือหนาตัดฉับๆ กิ่งต้นโมกให้โดยไม่ปริปากบ่น แม้อากาศจะค่อนข้างร้อนไปหน่อยก็เถอะ ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง ต้นโมกที่กิ่งก้านระเกะระกะก็ได้ทรงสวย“น้ำค่ะ” เพลงพิณที่แวบเข้าไปเอาน้ำเย็นๆ ในบ้านเมื่อครู่เอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นให้เฟร์เรที่ตอนนี้เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เพิ่งรู้ว่างานตัดแต่งกิ่งไม้มันใช้พลังงานมากโขอยู่เหมือนกัน สงสัยวันนี้เขาคงไม่ต้องออกกำลังกายอย่างอื่นเพิ่มแล้ว“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับรับน้ำมาดื่มดับกระหาย น้ำเย็นๆ ทำให้เขาสดชื่นได้มากโข แต่ภาพที่เฟร์เรกำลังดื่มน้ำ แล้วมีน้ำบางส่วนหยดลงจากริมฝีปากไหลไปตามลำคอช่างดูเซ็กซี่ ชวนคนโสดข้างๆ น้ำลายสอ“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยตัดกิ่งต้นโมกให้ ไม่อย่างนั้นพุ่มรกๆ นี่อาจเป็นที่อยู่ของงูเข้า”“ไม่เป็นไรครับ ตัดแต่งกิ่งต้นไม้พวกนี้ได้เหงื่อมากกว่าออกกำลังกายเสียอีก”“ฉันก็ว่างั้น”“แล้วนี่คุณส้มกลับไปแล้วเหรอครับ&
“อื้อ…หนุ่มข้างบ้านเจ้หล่อเซอร์โดนใจเค้ามาก เห็นปุ๊บเค้าปิ๊งปั๊บเลยอ่ะ”“ห๊า!” ประโยคแรกว่าอึ้งแล้ว แต่ประโยคนี้ของบุหลันทำเอาเพลงพิณอึ้งยิ่งกว่า“เค้าถามเจ้จริงๆ สักข้อสิ ถามจากใจเลยนะ” บุหลันยิ้มเขิน ลืมความคิดแรกที่จะไปเป็นแม่สื่อให้เพลงพิณไปเสียสนิท“ถามว่า”“ตอนนี้เจ้คิดอะไร ยังไงกับเบคมั้ยอ่ะ”“อ้อ…คือ” ยังไม่ทันที่เพลงพิณจะได้ตอบ บุหลันก็ชิงเอ่ยตัดบทเสียก่อน ใบหน้าของสาวเจ้าดูเคลิบเคลิ้มเสียจนเหมือนนางเอกซีรีส์เกาหลีถูกบอกรัก“ถ้าเจ้ไม่ได้คิดอะไร งั้นเค้าจีบเบคนะ”“ห๊า!” เพลงพิณถึงกับอึ้ง อึ้งจนพูดไม่ถูก อยู่ๆ เธอก็มีคู่แข่งทางหัวใจเพิ่มมาหนึ่งหน่อซะอย่างนั้นจากที่คุยๆ กัน คือบุหลันจะมาช่วยสืบเรื่องที่เฟร์เรโสดไม่โสดให้เธอไม่ใช่เหรอ ซึ่งคำตอบเรื่องนี้โปรดทำให้เธอกระจ่างแล้ว ว่าเฟร์เรโสด!แล้ววันนี้ ไ