เธอรื้อของฝากที่ซื้อมาจากเกาะเกร็ด ก่อนจะพบว่าสองถุงเป็นของเฟร์เรและตั้งใจเอามาคืนให้เขา แต่ภาพที่เห็นก็ทำเอาต่อมหึงเธอทำงาน“เสน่ห์แรงจริงๆ พ่อคุณ ผู้ชายอะไร หัวบันไดบ้านไม่เคยแห้ง... หึ๋ย” เพลงพิณยืนกัดฟันกรอดๆ จ้องผู้หญิงในบ้านเฟร์เรจนตาเขียวปัด หรือเธอคนนี้จะใช่คนรักของเฟร์เรรังสีอำมหิตจากตัวเพลงพิณที่แผ่กระจายออกไปนั้น ทำให้อามาเรียต้องหันมามอง พอเห็นว่าเป็นใครเธอก็ส่งยิ้มให้ งานนี้เป็นไงเป็นกัน เธอไม่มีทางปล่อยเฟร์เรให้ผู้หญิงลุคทอมผสมป้าแน่นอน“อุ๊ย! นั่นใครเหรอคะเบค” เพราะต้องการแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของให้ผู้มาใหม่ได้เห็น อามาเรียจึงเข้าไปยืนใกล้เฟร์เรพร้อมกับควงแขนชายหนุ่ม แต่กลับถูกเขาปัดมือออก นั่นเพราะเขารู้ ว่าอามาเรียต้องการอะไร และเขาเองก็ต้องการให้เธอเห็นอะไรเช่นกัน จะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเขาเสียทีเมื่อปัดมืออามาเรียออก เฟร์เรก็เดินไปหาเพลงพิณ ทำเอาอามาเรียเหวอรับประทานที่ถูกหักหน้า ส่วนเพลงพิณนะเหรอ หึ…เธอได้แต่ยืนสะใจอยู่นอกรั้วบ้าน ถ้าเธอไ
แต่สติของเพลงพิณต้องกระเจิงยิ่งกว่าเก่า เมื่ออยู่ๆ เฟร์เรก็ ขโมยจูบจากริมฝีปากอิ่มของเธอไปครองซึ่งหน้า ดวงตากลมโตของคนในอ้อมกอดเบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าฉากจูบที่เธอแอบคิดมโนอยู่คนเดียว จะมีบุคคลที่สามยืนมองตาขวาง พร้อมกับทำหน้าที่เป็นพยานแบบนี้อามาเรียกัดฟันกรอดๆ กับฉากจูบที่เธอเรียกร้องอยากจะเห็นและได้เห็นแบบเต็มๆ ตาเสียด้วย ส่วนเฟร์เรจากที่จะจูบแค่ผิวเผิน พอได้สัมผัสริมฝีปากอิ่มของเพลงพิณเขาก็มีอันต้องเปลี่ยนใจ ความนุ่ม ความหอมหวานที่ได้สัมผัส ทำให้เขาไม่อาจตัดใจถอนจูบออกได้ในตอนนี้เพราะตกใจ ตอนนี้เพลงพิณจึงได้แต่ยืนนิ่งงัน ปล่อยให้เฟร์เรจูบอยู่นานสองนาน และเพราะมีใจให้เขาเป็นทุนเดิม เธอจึงปล่อยใจไปกับจูบที่แสนจะหอมหวานในครั้งนี้ การจูบตอบกลับจากเธอทำให้เฟร์เรยิ้ม แต่คนที่ยิ้มไม่ออกคืออามาเรีย เธอไม่อาจทนมองภาพบาดตาบาดใจได้อีก จึงกระทืบเท้าเร่าๆ ก่อนจะรีบกลับออกไปทันทีและพอถึงรถก็กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง พาลอารมณ์เสียใส่ลูกศรที่นั่งรออยู่อีกชุดใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่แคร์&ldq
เช้าวันรุ่งขึ้น เฟร์เรก็อุ้มลัคกี้มาหาเพลงพิณที่บ้าน โดยตั้งใจมาแต่เช้าหน่อย จะได้พบเพลงพิณ ก่อนที่เธอจะออกไปทำงานแม้ใจจริงอยากอาสาดูแลลัคกี้ไปตลอด นั่นเพราะเขาไม่ได้ทำงานประจำ แต่เพราะได้ตกลงลัดกันเลี้ยงคนละอาทิตย์ ทำให้เฟร์เรไม่อาจเลี้ยงคนเดียวได้หนุ่มมาดเซอร์ที่ยังคงมัดผมไว้กลางศีรษะอย่างทุกวันยืนกดออดอยู่นาน คนในบ้านก็ยังไม่มีท่าทีจะออกมาเปิดให้ จะว่าเพลงพิณออกไปทำงานแล้วก็ไม่น่าใช่ นั่นเพราะรถเธอยังคงจอดอยู่ แต่จังหวะที่กำลังยืนชะเง้ออยู่นั้น เพื่อนบ้านสาวที่ตอนนี้เปียกมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็โผล่หน้าออกมาให้เห็นแบบอายๆ“คุณพิณ เกิดอะไรขึ้นครับ”“คือท่อน้ำหลังบ้านมันแตกน่ะค่ะ”“แล้วปิดวาล์วน้ำหลักหรือยังครับเนี่ย” น้ำเสียงและสีหน้าของคนถามนั้น แสดงออกว่าห่วงอยู่ไม่น้อย“ปิดแล้วค่ะ แต่กว่าจะนึกขึ้นได้ ก็ปล้ำกับท่อที่มันแตกจนเปียกอย่างที่เห็นอยู่ตั้งนาน...แฮ่” เพลงพิณส่งยิ้มแห้งๆ ให้เฟร์เร รู้สึกเขินกับคว
เพียงแค่รูปถ่ายใบเดียว ทำให้ชายหนุ่มมาดเซอร์นัยน์ตาสีน้ำทะเลอย่าง ‘เฟร์เร เบคเคิ้ลบาวร์’ มายืนอยู่ที่เมืองไทย ทั้งๆ ที่เขาเกิดและเติบโตอยู่ที่เยอรมัน เพียงแค่รูปถ่ายใบเดียว ทำให้เขาออกตามหาเธอ…ผู้มีนัยน์ตากลมโตสีดำเข้ม ผู้หญิงที่เขาบังเอิญถ่ายรูปของเธอไว้ได้ขณะที่เธอกำลังเดินเล่นอยู่ที่ ประตูบรันเดนบูร์ก สัญลักษณ์สำคัญของเมืองเบอร์ลิน หนึ่งปี! คือเวลาที่เขาจะตามหาเธอให้พบ คนที่เขาไม่เคยรู้จักแม้กระทั่งชื่อ แต่เป็นคนที่เขาจดจำได้ทุกลมหายใจ เพราะหลังจากนี้ เขาจะทิ้งทุกอย่างไว้ที่เมืองไทยแล้วกลับบ้าน หวังว่าหนึ่งปีนี้ พระเจ้าจะมอบปาฏิหาริย์ให้กับผู้ชายที่ชื่อ เฟร์เร เบคเคิ้ลบาวร์“นายคิดอะไรของนายอยู่” เสียงของ ‘ฟาโรห์ เบคเคิ้ลบาวร์’ น้องชายฝาแฝดเอ่ยถามผ่านโทรศัพท์ทางไกล เพราะคนอย่างพี่ชายเขา ผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าที่การงานและหน้าตา ไม่จำเป็นต้องออก ตามหาผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำ “ทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม“อยู่ๆ นายก็ไปเมืองไทย เพียงเพื่อตามหาผู้หญิงที่นายไม่รู้จักเนี่ยน่ะเหรอ”“ฉันว่ามันไม่ได้แปลกอะไรที่จะมาตามหาคนที่ฉันชอบ” เฟร์เรเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ฟาโรห์ไม่อาจคัดค้านได
“แน่ะ...มีเขิน”“เออนะ” ยลดาเอ่ยอายๆ อยู่ๆ เพลงพิณก็มาแซวกันซะได้“ข้อเสนอแก ฉันขอผ่านแล้วกัน”“เอ้า!...ไมอ่ะแก” ว่าที่เจ้าสาวสายฟ้าแลบเลิกคิ้วถาม “ฉันไม่อยากเลี้ยงต้อย คุยกับเด็กยิ่งไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่ด้วย” “แหม…ลองคบดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่แก เอามั้ย ฉันมีคนนึงจะแนะนำ” คนๆ นั้นอยู่ๆ ก็แวบเข้ามาในความคิดของยลดา เขาคือช่างภาพที่ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งให้เธอนั่นเอง หนำซ้ำยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับแฟนหนุ่มของเธอด้วย “ไม่เอา บอกแล้วว่าไม่นิยมกินเด็ก แกกินไปคนเดียวเลย...ชิส์”“ไม่อยากเป็นอมตะเหรอ เขาว่ากินเด็กแล้วอมตะนะแก ฉันลองแล้ว ตีนกาหายในครั้งแรก มันแบบฟินมาก สนมั้ยแก เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” ยลดายังคงตื้อต่อ “นี่แฟนแกรู้ไหม ว่าแกหื่นแบบนี้เนี่ย”“รู้…แต่เขาก็หื่นไม่แพ้ฉันหรอก แฮะๆ” ว่าที่เจ้าสาวยิ้มอายๆ แล้วเอ่ยต่อ “เออนี่…แต่งงานแล้วฉันจะไปฮันนีมูนที่เยอรมันนะแก”“เยอรมันเหรอ พูดแล้วก็อยากไปเที่ยวที่นั่นอีกจัง ไปมาครั้งก่อนยังเที่ยวไม่หนำใจเลย” แววตาของเพลงพิณดูวิบวับยามเอ่ยถึงสถานที่ที่เธอกับยลดาไปเที่ยวล่าสุดมา “แกจะไปกับฉันไหมล่ะ”“ไม่…ฉันไม่อยากไปเป็นกอขอคองอจอฉอ เกิดต่อมริษยาฉันทำง
“ใช่…นายเป็นโจร ที่จะเข้ามาขโมยของในบ้านฉันกลางวันแสกๆ กล้ามาก ไม่กลัวตายเลยใช่ไหม” ขณะถามก็ทำท่าจะฟาดไม้ เบสบอลใส่ฟาโรห์อีกครั้ง “ไอไม่ได้เป็นโจร” คนถูกฟาดสะดุ้งหลบหลีกแทบไม่ทัน ปากก็แก้ต่างให้ตนเอง นี่ถ้าเป็นพี่สะใภ้จริงโหดขนาดนี้ พี่ชายเขาจะเป็นยังไงบ้างนะ“ไม่ได้เป็นโจร แล้วปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ ไหนตอบมาสิ” เจ้าของบ้านคาดคั้นอย่างหาเรื่อง“นี่บ้านยูเหรอ” ชายหนุ่มมองอย่างไม่มั่นใจ เริ่มเชื่อแล้วว่าเธออาจจะเป็นแฟนกับพี่ชายจริงๆ ไม่งั้นจะอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไง“ใช่” คำตอบของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ฟาโรห์นิ่ง หรือว่าพี่ชายเขาจะไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยคนเดียวเสียแล้ว มิน่า...ติดต่อหาเท่าไหร่ก็เงียบ หรือเธอคนนี้จะใช่คนที่เฟร์เรบอกว่าจะมาตามหาฟาโรห์กวาดสายตามองผู้หญิงตรงหน้า แม้จะสวย แต่เขาฟันธงว่าเธอไม่ใช่สเปคแน่นอน เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ดุเป็นเสือแบบนี้ เขาอยากมีเมีย ไม่ใช่ผู้คุม “ยูเป็นอะไรกับพี่ชายไอ” เมื่อสงสัยจึงถามออกไป ดูยังไงก็ไม่เหมือนสาวในฝันที่พี่ชายตามหาอยู่ดี เธอคนนั้นดูหวานกว่านี้ ไม่โหดร้ายทารุณ“พี่ชาย...ใคร นี่อย่ามานอกเรื่อง” เจ้าของบ้านชี้หน้ามองโจร รูปห
หลังจากจบภารกิจจับผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาคือโจรเสร็จ เพลงพิณก็ขับรถไปทำงานที่โรงพยาบาลจนกระทั่งออกเวร จึงไปทำงานที่คลินิกทำฟันที่เธอสร้างมาเองกับมือ คลินิกเล็กๆ แต่เธอก็แสนจะภูมิใจ นั่งทำงานได้สักพัก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น มือเรียวคว้าขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นใบหน้าน้องสาวคนเดียวโชว์อยู่บนหน้าจอ นั่นทำให้เพลงพิณกดรับสายแล้วเอ่ยทักทายไป“ว่าไงพร้าว” ความที่อายุห่างกันเพียงสามปี เพลงพิณกับแพรวพราวหรือมะพร้าว จึงค่อนข้างที่จะสนิทกัน แม้นิสัยใจคอของสองพี่น้องจะแตกต่างกันไปบ้างก็เถอะ แพรวพราวนั้นมุ้งมิ้งน่ารักเวลาอยู่กับพี่ แต่ต่อหน้าคนอื่นก็ห้าวไม่แพ้ใครส่วนพี่สาวอย่างเพลงพิณนั้น หึ…รายนี้เรียกได้ว่า ห้าวเสมอต้น เสมอปลาย “คิดถึงนะพี่พิณ” แพรวพราวหยอดคำหวานออกไปก่อน แอบอมยิ้มกลั้นหัวเราะอย่างเต็มกำลัง“ปากหวานแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ” คนรู้ทันก็ตอบกลับทันที น้องสาวเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่อยากจะเอาแต่ใจ“แหม…นี่ก็รู้ใจอีก” คนถูกรู้ใจยิ้มหวานกับตัวเอง ทำท่าทางเขินอายเดินไปเดินมารอบห้องราวกับคุยกับคนรัก ก็อ้อนพี่สาวทั้งทีต้องจัดใหญ่สักหน่อย“มีอะไรว่ามา” เพลงพิณไม่หวานตาม ถามตรงประเด็นอย่างไม่รอช้
แต่…ทว่าความใกล้ชิด ในจังหวะที่ทันตแพทย์สาวโน้มตัวลงไปตรวจภายในช่องปากนั้น กลิ่นหอมๆ ที่ลอยออกมาจากตัวเธอก็ทำให้หัวใจของเฟร์เรเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะที่ปากก็อ้ากว้างออกเพื่อให้เธอได้ตรวจอย่างถนัด เขาก็เพ่งมองใบหน้าเนียนที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ แม้เธอจะมีหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกไว้ แต่ดวงตาและคิ้วสวยๆ ของเธอกลับเด่นจนน่ามอง“ถ้าเจ็บแล้วบอกนะคะ” เสียงทันตแพทย์สาวดังขึ้น นั่นเพราะเธอเห็นก้างปลาที่ติดอยู่ตรงร่องระหว่างฟันกรามของชายหนุ่มแล้ว เธอขออุปกรณ์จากผู้ช่วย ก่อนจะคีบเจ้าก้างปลาที่เห็นออกมา ก่อนจะเอ่ยบอก“เสร็จแล้วค่ะ” “เสร็จแล้ว” เฟร์เรเอ่ยทวนประโยคที่ได้ยิน เพราะเขาแค่นอนนิ่งๆ แทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำไป จู่ๆ ทันตแพทย์สาวก็บอกว่าเสร็จแล้ว“อื้อ…นี่ไง หลักฐาน” เพลงพิณคีบก้างปลามาให้เฟร์เรเห็น นั่นทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาดังเฮือกที่เห็นว่าก้างปลามันหลุดออกไปจากฟันเขาแล้ว เพราะเขาไม่สนุกที่มีก้างปลาติดฟันแบบนี้“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น และเพราะเขาไม่มีก้างปลาชิ้นที่สองให้เพลงพิณเอาออก นั่นทำให้เฟร์เรต้องกลับออกไปจากห้องทำงานของเธอยืนมาอ่านป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้อง “ท
เช้าวันรุ่งขึ้น เฟร์เรก็อุ้มลัคกี้มาหาเพลงพิณที่บ้าน โดยตั้งใจมาแต่เช้าหน่อย จะได้พบเพลงพิณ ก่อนที่เธอจะออกไปทำงานแม้ใจจริงอยากอาสาดูแลลัคกี้ไปตลอด นั่นเพราะเขาไม่ได้ทำงานประจำ แต่เพราะได้ตกลงลัดกันเลี้ยงคนละอาทิตย์ ทำให้เฟร์เรไม่อาจเลี้ยงคนเดียวได้หนุ่มมาดเซอร์ที่ยังคงมัดผมไว้กลางศีรษะอย่างทุกวันยืนกดออดอยู่นาน คนในบ้านก็ยังไม่มีท่าทีจะออกมาเปิดให้ จะว่าเพลงพิณออกไปทำงานแล้วก็ไม่น่าใช่ นั่นเพราะรถเธอยังคงจอดอยู่ แต่จังหวะที่กำลังยืนชะเง้ออยู่นั้น เพื่อนบ้านสาวที่ตอนนี้เปียกมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็โผล่หน้าออกมาให้เห็นแบบอายๆ“คุณพิณ เกิดอะไรขึ้นครับ”“คือท่อน้ำหลังบ้านมันแตกน่ะค่ะ”“แล้วปิดวาล์วน้ำหลักหรือยังครับเนี่ย” น้ำเสียงและสีหน้าของคนถามนั้น แสดงออกว่าห่วงอยู่ไม่น้อย“ปิดแล้วค่ะ แต่กว่าจะนึกขึ้นได้ ก็ปล้ำกับท่อที่มันแตกจนเปียกอย่างที่เห็นอยู่ตั้งนาน...แฮ่” เพลงพิณส่งยิ้มแห้งๆ ให้เฟร์เร รู้สึกเขินกับคว
แต่สติของเพลงพิณต้องกระเจิงยิ่งกว่าเก่า เมื่ออยู่ๆ เฟร์เรก็ ขโมยจูบจากริมฝีปากอิ่มของเธอไปครองซึ่งหน้า ดวงตากลมโตของคนในอ้อมกอดเบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าฉากจูบที่เธอแอบคิดมโนอยู่คนเดียว จะมีบุคคลที่สามยืนมองตาขวาง พร้อมกับทำหน้าที่เป็นพยานแบบนี้อามาเรียกัดฟันกรอดๆ กับฉากจูบที่เธอเรียกร้องอยากจะเห็นและได้เห็นแบบเต็มๆ ตาเสียด้วย ส่วนเฟร์เรจากที่จะจูบแค่ผิวเผิน พอได้สัมผัสริมฝีปากอิ่มของเพลงพิณเขาก็มีอันต้องเปลี่ยนใจ ความนุ่ม ความหอมหวานที่ได้สัมผัส ทำให้เขาไม่อาจตัดใจถอนจูบออกได้ในตอนนี้เพราะตกใจ ตอนนี้เพลงพิณจึงได้แต่ยืนนิ่งงัน ปล่อยให้เฟร์เรจูบอยู่นานสองนาน และเพราะมีใจให้เขาเป็นทุนเดิม เธอจึงปล่อยใจไปกับจูบที่แสนจะหอมหวานในครั้งนี้ การจูบตอบกลับจากเธอทำให้เฟร์เรยิ้ม แต่คนที่ยิ้มไม่ออกคืออามาเรีย เธอไม่อาจทนมองภาพบาดตาบาดใจได้อีก จึงกระทืบเท้าเร่าๆ ก่อนจะรีบกลับออกไปทันทีและพอถึงรถก็กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง พาลอารมณ์เสียใส่ลูกศรที่นั่งรออยู่อีกชุดใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่แคร์&ldq
เธอรื้อของฝากที่ซื้อมาจากเกาะเกร็ด ก่อนจะพบว่าสองถุงเป็นของเฟร์เรและตั้งใจเอามาคืนให้เขา แต่ภาพที่เห็นก็ทำเอาต่อมหึงเธอทำงาน“เสน่ห์แรงจริงๆ พ่อคุณ ผู้ชายอะไร หัวบันไดบ้านไม่เคยแห้ง... หึ๋ย” เพลงพิณยืนกัดฟันกรอดๆ จ้องผู้หญิงในบ้านเฟร์เรจนตาเขียวปัด หรือเธอคนนี้จะใช่คนรักของเฟร์เรรังสีอำมหิตจากตัวเพลงพิณที่แผ่กระจายออกไปนั้น ทำให้อามาเรียต้องหันมามอง พอเห็นว่าเป็นใครเธอก็ส่งยิ้มให้ งานนี้เป็นไงเป็นกัน เธอไม่มีทางปล่อยเฟร์เรให้ผู้หญิงลุคทอมผสมป้าแน่นอน“อุ๊ย! นั่นใครเหรอคะเบค” เพราะต้องการแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของให้ผู้มาใหม่ได้เห็น อามาเรียจึงเข้าไปยืนใกล้เฟร์เรพร้อมกับควงแขนชายหนุ่ม แต่กลับถูกเขาปัดมือออก นั่นเพราะเขารู้ ว่าอามาเรียต้องการอะไร และเขาเองก็ต้องการให้เธอเห็นอะไรเช่นกัน จะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเขาเสียทีเมื่อปัดมืออามาเรียออก เฟร์เรก็เดินไปหาเพลงพิณ ทำเอาอามาเรียเหวอรับประทานที่ถูกหักหน้า ส่วนเพลงพิณนะเหรอ หึ…เธอได้แต่ยืนสะใจอยู่นอกรั้วบ้าน ถ้าเธอไ
เช้าวันรุ่งขึ้น เพลงพิณและเฟร์เรก็ออกไปพบกันที่หน้าบ้านอย่างไม่ได้นัดหมาย ทันตแพทย์สาวอยู่ในชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์พอดีตัวขาดๆ หน่อย รองเท้าผ้าใบและมีหมวกทรงสวยไว้บังแดด แต่กว่าจะลงตัวที่ชุดนี้ เธอก็เลือกแล้วเลือกอีกส่วนเฟร์เรนั้นก็เซอร์เป็นกิจวัตร แต่เป็นลุคเซอร์แบบสะอาดๆ น่าซบ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือกล้องถ่ายรูป และก่อนจะออกไป เขาก็ดูแลลัคกี้เรียบร้อยแล้ว เย็นนี้ค่อยส่งมอบให้เธอดูแลต่อ วันนี้เขายังใจดีอาสาเป็นคนขับรถให้ไกด์ส่วนตัว ส่วนเพลงพิณก็ทำหน้าที่บอกทาง กระทั่งมาถึงท่าเรือจึงต้องจอดรถไว้แล้วเปลี่ยนไปนั่งเรือข้ามฟากแทนจะว่าไปนี่เป็นครั้งที่สามที่เพลงพิณมาเที่ยวเกาะเกร็ด ความที่มาบ่อยกว่าเฟร์เรเธอจึงพอรู้สถานที่ เมื่อลงเรือเสร็จก็ชวนเขาไปไหว้พระเสียหน่อย จากนั้นก็เช่าจักรยานมาปั่นเที่ยวรอบๆ เกาะ แวะดูการปั้นเครื่องปั้นดินเผา หาขนมไทยอร่อยๆ ทาน ส่วนเฟร์เรก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูป เพราะเสียงชัตเตอร์ดังมาให้เพลงพิณได้ยินแทบจะตลอดเวลา“ลูกชุบ” เฟร์เรอุทานชื่อขนมไทยชนิดแรกที่เขารู้จักและได้ชิมออกมา จากนั้นก็
กว่าเพลงพิณจะออกเวรที่โรงพยาบาล ก็ทำเอาเธอแทบหมดเรี่ยวหมดแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงแวะไปนั่งทำงานต่อที่คลินิกอีกหลายชั่วโมงกระทั่งปิดก็ขับรถกลับบ้าน แต่เพราะท้องมันร้องประท้วงว่าหิว ไม่อาจขับรถต่อจนถึงบ้านได้แน่ๆ จึงจำต้องเลี้ยวรถจอดริมถนนก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปสั่งบะหมี่เกี๊ยวร้านดัง ที่เปิดร้านอยู่ก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้าน มานั่งทานคนเดียวแบบสวยๆ แต่ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนลากเก้าอี้มานั่งด้วย เธอจึงรีบเงยหน้าขึ้นมอง“เอ้า! คุณเบค” เพลงพิณเอ่ยออกมา ทั้งๆ ที่ในปากยังคงมีเส้นบะหมี่อยู่ จึงรีบเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงท้อง“หิวตอนดึกเหมือนกันเหรอคะ”“ครับ…ว่าแต่ผมขอนั่งด้วยคนได้มั้ย” จะว่าไปตอนนี้ เฟร์เรหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีแดง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถามความสมัครใจของเพลงพิณเสียด้วยซ้ำ“ไม่ได้ค่ะ” น้ำเสียงตึงๆ เอ่ยบอก นั่นทำเอาเฟร์เรหน้าเสียทันที ก่อนที่เพลงพิณจะรีบเฉลย เพราะขืนยังไม่รีบ เดี๋ยวหนุ่มมาดเซอร์ ขวัญใจจะถอดใจย้ายไปนั่
“แมวผมเองครับ”“อุ๊ย! แมวเบคเหรอคะ น่ารักจังเลย ชื่ออะไรคะ” พอได้ยินว่าแมวตรงหน้าเป็นของเฟร์เร อามาเรียก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นคนรักสัตว์ขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่เธอนั้นเกลียดชังแมวเป็นที่สุดลัคกี้เข้าไปคลอเคลียเลียหลังมือของเฟร์เร นั่นทำให้เขาอุ้มมันขึ้นมาวางบนตัก“ลัคกี้ครับ”“ว้าว! ชื่อเพราะมากเลย ลัคกี้มานี่มา มาให้อามาเรียอุ้มหน่อยนะ” เอ่ยจบก็ยื่นมือไปคว้าลัคกี้จากตักของเฟร์เรมาอุ้ม แต่เหมือนลัคกี้จะไม่อยากผูกมิตรด้วยสักเท่าไหร่ เพราะมันเอาแต่ดิ้นจะลงจากตักของอามาเรียท่าเดียว“ผมว่าลัคกี้มันคงอยากออกไปเดินเล่น คุณปล่อยมันลงดีกว่า”“อามาเรียก็คิดว่างั้นเหมือนกันค่ะ” นางแบบสาวยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะยอมวางลัคกี้ลง นั่นทำให้เจ้าแมวรีบเดินหายไปอีกทางอย่างรู้งาน ส่วนอามาเรียได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากจะอุ้มแมวสกปรกๆ ตัวนี้สักเท่าไหร่นักหรอก กลับไปคงต้องรีบเอาแอลกอฮอล์ล้างทั้งตัว 
“อื้อ…เขาเรียกขนมลูกชุบ กินดูแล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่เผ็ด” เห็นขนมลูกชุบแล้วก็นึกถึงคนซื้อ คงไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากบุหลัน และก็แทนที่จะซื้อให้มันหลากหลายแบบ ดั้นซื้อมาแต่แบบที่ปั้นเป็นพริก“คุณไม่ได้หลอกผมใช่มั้ย” น้ำเสียงที่ถามนั้น ช่างฟังดูน่าสงสาร เพลงพิณได้แต่คิดในใจว่า โถ…ใครจะไปกล้าหลอกได้ลง“เอ้า! แล้วฉันจะไปหลอกคุณทำไม ไม่เชื่อ เอามา เดี๋ยวกินให้ดู” เอ่ยจบก็คว้าลูกชุบในมือของเฟร์เรมาถือไว้ ก่อนจะส่งเข้าปาก“เฮ้!…คุณ” เฟร์เรเอ่ยห้ามเสียงหลง ก่อนจะหน้าตาตื่นๆ เมื่อเห็นเพลงพิณแสดงออกว่ากำลังเผ็ด“คุณขอน้ำ ขอน้ำหน่อย เผ็ดๆ”“ผมบอกแล้วว่านั่นพริก” เอ่ยจบก็รีบส่งน้ำให้เธอ แล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“เป็นไง เผ็ดมากมั้ย” เพลงพิณก้มหน้าก้มตามองพื้น นั่นเพราะกำลังกลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้เล็ดลอดออกมาตอนนี้ พอเงยหน้าขึ้นมาก็ยิ้มแป้นให้คนข้างๆ ไม่ได้มีท่าทีเผ็ดอีกต่อไป&nbs
เฟร์เรลงมือตัดแต่งกิ่งต้นโมกอย่างไม่รีรอ มือหนาตัดฉับๆ กิ่งต้นโมกให้โดยไม่ปริปากบ่น แม้อากาศจะค่อนข้างร้อนไปหน่อยก็เถอะ ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง ต้นโมกที่กิ่งก้านระเกะระกะก็ได้ทรงสวย“น้ำค่ะ” เพลงพิณที่แวบเข้าไปเอาน้ำเย็นๆ ในบ้านเมื่อครู่เอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นให้เฟร์เรที่ตอนนี้เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เพิ่งรู้ว่างานตัดแต่งกิ่งไม้มันใช้พลังงานมากโขอยู่เหมือนกัน สงสัยวันนี้เขาคงไม่ต้องออกกำลังกายอย่างอื่นเพิ่มแล้ว“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับรับน้ำมาดื่มดับกระหาย น้ำเย็นๆ ทำให้เขาสดชื่นได้มากโข แต่ภาพที่เฟร์เรกำลังดื่มน้ำ แล้วมีน้ำบางส่วนหยดลงจากริมฝีปากไหลไปตามลำคอช่างดูเซ็กซี่ ชวนคนโสดข้างๆ น้ำลายสอ“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยตัดกิ่งต้นโมกให้ ไม่อย่างนั้นพุ่มรกๆ นี่อาจเป็นที่อยู่ของงูเข้า”“ไม่เป็นไรครับ ตัดแต่งกิ่งต้นไม้พวกนี้ได้เหงื่อมากกว่าออกกำลังกายเสียอีก”“ฉันก็ว่างั้น”“แล้วนี่คุณส้มกลับไปแล้วเหรอครับ&
“อื้อ…หนุ่มข้างบ้านเจ้หล่อเซอร์โดนใจเค้ามาก เห็นปุ๊บเค้าปิ๊งปั๊บเลยอ่ะ”“ห๊า!” ประโยคแรกว่าอึ้งแล้ว แต่ประโยคนี้ของบุหลันทำเอาเพลงพิณอึ้งยิ่งกว่า“เค้าถามเจ้จริงๆ สักข้อสิ ถามจากใจเลยนะ” บุหลันยิ้มเขิน ลืมความคิดแรกที่จะไปเป็นแม่สื่อให้เพลงพิณไปเสียสนิท“ถามว่า”“ตอนนี้เจ้คิดอะไร ยังไงกับเบคมั้ยอ่ะ”“อ้อ…คือ” ยังไม่ทันที่เพลงพิณจะได้ตอบ บุหลันก็ชิงเอ่ยตัดบทเสียก่อน ใบหน้าของสาวเจ้าดูเคลิบเคลิ้มเสียจนเหมือนนางเอกซีรีส์เกาหลีถูกบอกรัก“ถ้าเจ้ไม่ได้คิดอะไร งั้นเค้าจีบเบคนะ”“ห๊า!” เพลงพิณถึงกับอึ้ง อึ้งจนพูดไม่ถูก อยู่ๆ เธอก็มีคู่แข่งทางหัวใจเพิ่มมาหนึ่งหน่อซะอย่างนั้นจากที่คุยๆ กัน คือบุหลันจะมาช่วยสืบเรื่องที่เฟร์เรโสดไม่โสดให้เธอไม่ใช่เหรอ ซึ่งคำตอบเรื่องนี้โปรดทำให้เธอกระจ่างแล้ว ว่าเฟร์เรโสด!แล้ววันนี้ ไ