“แน่ะ...มีเขิน”“เออนะ” ยลดาเอ่ยอายๆ อยู่ๆ เพลงพิณก็มาแซวกันซะได้“ข้อเสนอแก ฉันขอผ่านแล้วกัน”“เอ้า!...ไมอ่ะแก” ว่าที่เจ้าสาวสายฟ้าแลบเลิกคิ้วถาม “ฉันไม่อยากเลี้ยงต้อย คุยกับเด็กยิ่งไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่ด้วย” “แหม…ลองคบดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่แก เอามั้ย ฉันมีคนนึงจะแนะนำ” คนๆ นั้นอยู่ๆ ก็แวบเข้ามาในความคิดของยลดา เขาคือช่างภาพที่ถ่ายรูปพรีเวดดิ้งให้เธอนั่นเอง หนำซ้ำยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับแฟนหนุ่มของเธอด้วย “ไม่เอา บอกแล้วว่าไม่นิยมกินเด็ก แกกินไปคนเดียวเลย...ชิส์”“ไม่อยากเป็นอมตะเหรอ เขาว่ากินเด็กแล้วอมตะนะแก ฉันลองแล้ว ตีนกาหายในครั้งแรก มันแบบฟินมาก สนมั้ยแก เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” ยลดายังคงตื้อต่อ “นี่แฟนแกรู้ไหม ว่าแกหื่นแบบนี้เนี่ย”“รู้…แต่เขาก็หื่นไม่แพ้ฉันหรอก แฮะๆ” ว่าที่เจ้าสาวยิ้มอายๆ แล้วเอ่ยต่อ “เออนี่…แต่งงานแล้วฉันจะไปฮันนีมูนที่เยอรมันนะแก”“เยอรมันเหรอ พูดแล้วก็อยากไปเที่ยวที่นั่นอีกจัง ไปมาครั้งก่อนยังเที่ยวไม่หนำใจเลย” แววตาของเพลงพิณดูวิบวับยามเอ่ยถึงสถานที่ที่เธอกับยลดาไปเที่ยวล่าสุดมา “แกจะไปกับฉันไหมล่ะ”“ไม่…ฉันไม่อยากไปเป็นกอขอคองอจอฉอ เกิดต่อมริษยาฉันทำง
“ใช่…นายเป็นโจร ที่จะเข้ามาขโมยของในบ้านฉันกลางวันแสกๆ กล้ามาก ไม่กลัวตายเลยใช่ไหม” ขณะถามก็ทำท่าจะฟาดไม้ เบสบอลใส่ฟาโรห์อีกครั้ง “ไอไม่ได้เป็นโจร” คนถูกฟาดสะดุ้งหลบหลีกแทบไม่ทัน ปากก็แก้ต่างให้ตนเอง นี่ถ้าเป็นพี่สะใภ้จริงโหดขนาดนี้ พี่ชายเขาจะเป็นยังไงบ้างนะ“ไม่ได้เป็นโจร แล้วปีนเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ ไหนตอบมาสิ” เจ้าของบ้านคาดคั้นอย่างหาเรื่อง“นี่บ้านยูเหรอ” ชายหนุ่มมองอย่างไม่มั่นใจ เริ่มเชื่อแล้วว่าเธออาจจะเป็นแฟนกับพี่ชายจริงๆ ไม่งั้นจะอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไง“ใช่” คำตอบของหญิงสาวตรงหน้าทำให้ฟาโรห์นิ่ง หรือว่าพี่ชายเขาจะไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยคนเดียวเสียแล้ว มิน่า...ติดต่อหาเท่าไหร่ก็เงียบ หรือเธอคนนี้จะใช่คนที่เฟร์เรบอกว่าจะมาตามหาฟาโรห์กวาดสายตามองผู้หญิงตรงหน้า แม้จะสวย แต่เขาฟันธงว่าเธอไม่ใช่สเปคแน่นอน เขาไม่ชอบผู้หญิงที่ดุเป็นเสือแบบนี้ เขาอยากมีเมีย ไม่ใช่ผู้คุม “ยูเป็นอะไรกับพี่ชายไอ” เมื่อสงสัยจึงถามออกไป ดูยังไงก็ไม่เหมือนสาวในฝันที่พี่ชายตามหาอยู่ดี เธอคนนั้นดูหวานกว่านี้ ไม่โหดร้ายทารุณ“พี่ชาย...ใคร นี่อย่ามานอกเรื่อง” เจ้าของบ้านชี้หน้ามองโจร รูปห
หลังจากจบภารกิจจับผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาคือโจรเสร็จ เพลงพิณก็ขับรถไปทำงานที่โรงพยาบาลจนกระทั่งออกเวร จึงไปทำงานที่คลินิกทำฟันที่เธอสร้างมาเองกับมือ คลินิกเล็กๆ แต่เธอก็แสนจะภูมิใจ นั่งทำงานได้สักพัก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น มือเรียวคว้าขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นใบหน้าน้องสาวคนเดียวโชว์อยู่บนหน้าจอ นั่นทำให้เพลงพิณกดรับสายแล้วเอ่ยทักทายไป“ว่าไงพร้าว” ความที่อายุห่างกันเพียงสามปี เพลงพิณกับแพรวพราวหรือมะพร้าว จึงค่อนข้างที่จะสนิทกัน แม้นิสัยใจคอของสองพี่น้องจะแตกต่างกันไปบ้างก็เถอะ แพรวพราวนั้นมุ้งมิ้งน่ารักเวลาอยู่กับพี่ แต่ต่อหน้าคนอื่นก็ห้าวไม่แพ้ใครส่วนพี่สาวอย่างเพลงพิณนั้น หึ…รายนี้เรียกได้ว่า ห้าวเสมอต้น เสมอปลาย “คิดถึงนะพี่พิณ” แพรวพราวหยอดคำหวานออกไปก่อน แอบอมยิ้มกลั้นหัวเราะอย่างเต็มกำลัง“ปากหวานแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ” คนรู้ทันก็ตอบกลับทันที น้องสาวเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่อยากจะเอาแต่ใจ“แหม…นี่ก็รู้ใจอีก” คนถูกรู้ใจยิ้มหวานกับตัวเอง ทำท่าทางเขินอายเดินไปเดินมารอบห้องราวกับคุยกับคนรัก ก็อ้อนพี่สาวทั้งทีต้องจัดใหญ่สักหน่อย“มีอะไรว่ามา” เพลงพิณไม่หวานตาม ถามตรงประเด็นอย่างไม่รอช้
แต่…ทว่าความใกล้ชิด ในจังหวะที่ทันตแพทย์สาวโน้มตัวลงไปตรวจภายในช่องปากนั้น กลิ่นหอมๆ ที่ลอยออกมาจากตัวเธอก็ทำให้หัวใจของเฟร์เรเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะที่ปากก็อ้ากว้างออกเพื่อให้เธอได้ตรวจอย่างถนัด เขาก็เพ่งมองใบหน้าเนียนที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ แม้เธอจะมีหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกไว้ แต่ดวงตาและคิ้วสวยๆ ของเธอกลับเด่นจนน่ามอง“ถ้าเจ็บแล้วบอกนะคะ” เสียงทันตแพทย์สาวดังขึ้น นั่นเพราะเธอเห็นก้างปลาที่ติดอยู่ตรงร่องระหว่างฟันกรามของชายหนุ่มแล้ว เธอขออุปกรณ์จากผู้ช่วย ก่อนจะคีบเจ้าก้างปลาที่เห็นออกมา ก่อนจะเอ่ยบอก“เสร็จแล้วค่ะ” “เสร็จแล้ว” เฟร์เรเอ่ยทวนประโยคที่ได้ยิน เพราะเขาแค่นอนนิ่งๆ แทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำไป จู่ๆ ทันตแพทย์สาวก็บอกว่าเสร็จแล้ว“อื้อ…นี่ไง หลักฐาน” เพลงพิณคีบก้างปลามาให้เฟร์เรเห็น นั่นทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาดังเฮือกที่เห็นว่าก้างปลามันหลุดออกไปจากฟันเขาแล้ว เพราะเขาไม่สนุกที่มีก้างปลาติดฟันแบบนี้“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น และเพราะเขาไม่มีก้างปลาชิ้นที่สองให้เพลงพิณเอาออก นั่นทำให้เฟร์เรต้องกลับออกไปจากห้องทำงานของเธอยืนมาอ่านป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าห้อง “ท
“เออๆ ไม่ต้องพูด ฉันเดาได้” เพลงพิณรีบยกมือขึ้นห้าม “งั้นพรุ่งนี้ผมจะมาถามอาการมันแต่เช้า” เฟร์เรเอ่ยขึ้นบ้าง แม้ลุคเขาจะออกเถื่อนๆ แต่ใครจะรู้ว่าเขาอ่อนโยนกับสัตว์มากเหมือนกัน “ได้ครับ” เสียงทุ้มของสัตวแพทย์โปรดตอบกลับไป ก่อนจะพินิจมองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า แล้วหันมากระซิบกระซาบถามเพื่อนสาวที่ยืนตัวเตี้ยอยู่ข้างๆ “พิณ…ใครวะ แฟนแกเหรอ” น้ำเสียงของโปรดนั้นฟังดูตื่นเต้น จนเพลงพิณค้อนให้อย่างหมั่นไส้ “แฟนที่ไหน เพื่อนบ้าน รั้วติดกันเลย เขาชื่อ…” พอจะตอบคำถามโปรด เพลงพิณก็ชะงัก นั่นสิ…ผู้ชายข้างๆ เธอนี่ชื่อว่าอะไร ถ้าจำไม่ผิด เขาน่าจะชื่อว่าเฟร์เรใช่ไหม แต่เพราะฟอร์ม เพลงพิณจึงแสร้งทำเป็นจำชื่อหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ เธอหันกลับมามองหน้าเฟร์เร แล้วเอ่ยถามชื่อเขาออกไป “ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะ”“เฟร์เร ผมชื่อเฟร์เรหรือจะเรียกผมว่าเบคก็ได้” เมื่อได้ยินแบบนี้ เพลงพิณก็หันมาคุยกับโปรด“แกได้ยินแล้วใช่ไหม เขาชื่อเบค” “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมโปรด เป็นเจ้าของคลินิก” เอ่ยทักทายเสร็จก็ยื่นมือไปรอสัมผัส เฟร์เรไม่ลังเลที่จะสัมผัสมือของโปรดกลับมา“ส่วนคนข้างๆ นี่พิณ” โปรดแนะนำเพลงพิณเสร็จสรรพ “ยินดีท
“อื้อ…คนที่ฟาดนายด้วยไม้เบสบอลนั่นแหละ เธอยังเข้าใจผิดว่าฉันคือนาย” พูดไปแล้วก็รู้สึกแปลกๆ แม้ก่อนหน้านี้จะมีเหตุการณ์เข้าใจผิดว่าคนไหนคือเขา คนไหนคือน้องชายฝาแฝด แต่เฟร์เรกลับไม่รู้สึกอะไร แต่ครั้งนี้ทำไมเขาถึงไม่ชอบก็ไม่รู้ “เอ้า! แล้วนายได้บอกไปมั้ย ว่านายเป็นใคร” งานนี้น้องชายแปลกใจ ปกติเฟร์เรจะออกตัวว่าตนมีฝาแฝดป้องกันการเข้าใจผิด“ไม่ได้บอก”“อืม…อีกหน่อยเธอก็คงรู้เองว่าเราเป็นฝาแฝดกัน” ฟาโรห์เลิกคิ้วสูง ในเมื่อดูเหมือนพี่ชายไม่อยากบอก ไม่มีเหตุผลอะไรที่ตนจะต้องไปออกตัว“แต่ฉันกลับไม่อยากให้เธอรู้” เฟร์เรเอ่ยกับตัวเอง เขามีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อยากให้ผู้หญิงบ้านข้างๆ รู้ว่าเขานั้นมีฝาแฝด เพราะถ้ารู้ก็กลัวว่าเธอจะหลงความหล่อของฟาโรห์จนไม่มีใจมองมาที่เขา แต่ทว่า…ความคิดนี้ก็ต้องหยุดลง เพราะเหตุผลหลักๆ ที่เฟร์เรมาที่นี่คือการมาตามหาหญิงสาวในภาพถ่ายคนนั้นให้พบ คนที่เขาหลงรักอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ใช่แบ่งใจไปรักผู้หญิงอื่น แต่ก็ไม่วายที่จะมองไปยังบ้านหลังที่อยู่ติดกัน“จะไม่เข้าบ้านเหรอ” พอเห็นว่าพี่ชายเอาแต่ยืนนิ่ง ฟาโรห์ก็เอ่ยขึ้น“อืม” เสียงทุ้มเอ่ยรับในลำคอ ก่อนจะเดินผ่านน้องชาย และเสี
“แล้วใครจะได้สิทธิ์เลี้ยงก่อน” คำถามของเพลงพิณทำเอาโปรดคิ้วขมวด เพราะกำลังหาทางออกให้“เอางี้ เล่นกับดวงเลยแล้วกัน ถ้ารถที่เลี้ยวเข้ามาคลินิกทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคู่ พิณเอาไปเลี้ยงก่อน แต่ถ้าลงท้ายด้วยเลขคี่ เบคเอาไปเลี้ยง โอเคนะ” “โอเค” เพลงพิณเอ่ยรับ ใครมันจะไปกล้าขัดสัตวแพทย์โปรดได้...หืม “ครับ” เฟร์เรเอ่ยรับเช่นกัน ก่อนจะภาวนาให้รถที่เล่นเข้ามาภายในคลินิกคันต่อไปทะเบียนลงท้ายด้วยเลขคี่ ส่วนเพลงพิณก็ภาวนาตรงกันข้าม เลขคู่ เลขคู่ เลขคู๊!!! เสียงแอคโค่เธอดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาท แต่ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้างคนสวยอยากเลี้ยวแมว“เลขที่ออก...เจ็ด…จบข่าว อาทิตย์แรกเบคได้เลี้ยงเจ้าลัคกี้ก่อน ส่วนอาทิตย์ต่อไปก็แกพิณ” โปรดเอ่ยสรุปให้เสร็จสรรพ ก่อนจะได้ยินเสียงคนผิดหวังเบาๆ “อื้อ” เมื่อตกลงเรื่องใครจะเลี้ยงก่อนเลี้ยงหลังลงตัว เฟร์เรและเพลงพิณจึงเข้าไปดูอาการของเจ้าแมวน้อยใกล้ๆ และคนที่ขอตัวก่อนคนแรกคือเพลงพิณ เพราะใกล้ได้เวลาทำงานแล้ว ตามด้วยเฟร์เรโปรดยืนกอดอกมองรถสองคันที่กำลังขับออกไปจากคลินิก อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแปลกๆ หรือทั้งคู่กำลังชอบพอกันอยู่“ไม่จริงมั้ง” โปรดส่าย
“บ้า…มาจูบสิ รสปลาร้าเต็มๆ” พี่ใหญ่ของกลุ่มค้อนควักให้คนแซวเรื่องปาก ที่มาแซวอะไรเอาตอนนี้ เดี๋ยวตบด้วยข้าวเหนียวในมือซะเลย “เผ็ดเหรอเจ้” สีหน้าของลลินดานั้นแสดงออกว่าห่วงเจ้ของเธอแบบสุดๆ “อื้อ…วันนี้ป้าแกโกรธอะไรเจ้เปล่า ใส่พริกซะเยอะซะแยะ เคี้ยวคำไหนเจอแต่พริก”“ไม่ได้โกรธหรอก คงเป็นพริกค้างครกมากกว่า เอ้า...น้ำๆ จะได้แก้เผ็ด” เอ่ยเสร็จ ลลินดาก็ส่งน้ำเย็นๆ ให้เพลงพิณดื่มดับเผ็ด“ขอบใจจ้ะ”“นี่เจ้…เค้ากำลังจะแต่งงานแหละ” ประโยคนี้ของลลินดาทำเอาเพลงพิณแทบจะบ้วนน้ำเย็นๆ ลงแก้วที่ถืออยู่ ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนรุ่นน้องตาปริบๆ “นี่เจ้เผ็ดจนหูแว่วไปเลยเหรอที่ได้ยินมิ้นบอกว่าจะแต่งงาน” เพลงพิณยิ้มแห้งๆ ให้ เพราะคิดว่าตัวเองหูฟาด “ไม่ได้หูแว่ว เค้ากำลังจะแต่งงานจริงๆ” ลลินดาย้ำให้ได้ยินอีกครั้ง ส่วนบุหลันนั้นก็ดูจะอึ้งไปอีกคน อึ้งจนข้าวเหนียวที่เพิ่งส่งเข้าปากหล่นมากองบนโต๊ะอย่างไม่รู้ตัว “แต่งกับใคร” คนที่เอ่ยถามถึงว่าที่เจ้าบ่าวของลลินดาคือเพลงพิณ เพราะดูท่าเธอจะตั้งสติได้แล้ว “ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละเจ้ก็” ท่าทางของว่าที่เจ้าสาวดูขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด เพราะผักบุ้งที่อยู่ในมือตอนน
เช้าวันรุ่งขึ้น เพลงพิณและเฟร์เรก็ออกไปพบกันที่หน้าบ้านอย่างไม่ได้นัดหมาย ทันตแพทย์สาวอยู่ในชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์พอดีตัวขาดๆ หน่อย รองเท้าผ้าใบและมีหมวกทรงสวยไว้บังแดด แต่กว่าจะลงตัวที่ชุดนี้ เธอก็เลือกแล้วเลือกอีกส่วนเฟร์เรนั้นก็เซอร์เป็นกิจวัตร แต่เป็นลุคเซอร์แบบสะอาดๆ น่าซบ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือกล้องถ่ายรูป และก่อนจะออกไป เขาก็ดูแลลัคกี้เรียบร้อยแล้ว เย็นนี้ค่อยส่งมอบให้เธอดูแลต่อ วันนี้เขายังใจดีอาสาเป็นคนขับรถให้ไกด์ส่วนตัว ส่วนเพลงพิณก็ทำหน้าที่บอกทาง กระทั่งมาถึงท่าเรือจึงต้องจอดรถไว้แล้วเปลี่ยนไปนั่งเรือข้ามฟากแทนจะว่าไปนี่เป็นครั้งที่สามที่เพลงพิณมาเที่ยวเกาะเกร็ด ความที่มาบ่อยกว่าเฟร์เรเธอจึงพอรู้สถานที่ เมื่อลงเรือเสร็จก็ชวนเขาไปไหว้พระเสียหน่อย จากนั้นก็เช่าจักรยานมาปั่นเที่ยวรอบๆ เกาะ แวะดูการปั้นเครื่องปั้นดินเผา หาขนมไทยอร่อยๆ ทาน ส่วนเฟร์เรก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูป เพราะเสียงชัตเตอร์ดังมาให้เพลงพิณได้ยินแทบจะตลอดเวลา“ลูกชุบ” เฟร์เรอุทานชื่อขนมไทยชนิดแรกที่เขารู้จักและได้ชิมออกมา จากนั้นก็
กว่าเพลงพิณจะออกเวรที่โรงพยาบาล ก็ทำเอาเธอแทบหมดเรี่ยวหมดแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงแวะไปนั่งทำงานต่อที่คลินิกอีกหลายชั่วโมงกระทั่งปิดก็ขับรถกลับบ้าน แต่เพราะท้องมันร้องประท้วงว่าหิว ไม่อาจขับรถต่อจนถึงบ้านได้แน่ๆ จึงจำต้องเลี้ยวรถจอดริมถนนก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปสั่งบะหมี่เกี๊ยวร้านดัง ที่เปิดร้านอยู่ก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้าน มานั่งทานคนเดียวแบบสวยๆ แต่ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนลากเก้าอี้มานั่งด้วย เธอจึงรีบเงยหน้าขึ้นมอง“เอ้า! คุณเบค” เพลงพิณเอ่ยออกมา ทั้งๆ ที่ในปากยังคงมีเส้นบะหมี่อยู่ จึงรีบเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงท้อง“หิวตอนดึกเหมือนกันเหรอคะ”“ครับ…ว่าแต่ผมขอนั่งด้วยคนได้มั้ย” จะว่าไปตอนนี้ เฟร์เรหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีแดง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถามความสมัครใจของเพลงพิณเสียด้วยซ้ำ“ไม่ได้ค่ะ” น้ำเสียงตึงๆ เอ่ยบอก นั่นทำเอาเฟร์เรหน้าเสียทันที ก่อนที่เพลงพิณจะรีบเฉลย เพราะขืนยังไม่รีบ เดี๋ยวหนุ่มมาดเซอร์ ขวัญใจจะถอดใจย้ายไปนั่
“แมวผมเองครับ”“อุ๊ย! แมวเบคเหรอคะ น่ารักจังเลย ชื่ออะไรคะ” พอได้ยินว่าแมวตรงหน้าเป็นของเฟร์เร อามาเรียก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นคนรักสัตว์ขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่เธอนั้นเกลียดชังแมวเป็นที่สุดลัคกี้เข้าไปคลอเคลียเลียหลังมือของเฟร์เร นั่นทำให้เขาอุ้มมันขึ้นมาวางบนตัก“ลัคกี้ครับ”“ว้าว! ชื่อเพราะมากเลย ลัคกี้มานี่มา มาให้อามาเรียอุ้มหน่อยนะ” เอ่ยจบก็ยื่นมือไปคว้าลัคกี้จากตักของเฟร์เรมาอุ้ม แต่เหมือนลัคกี้จะไม่อยากผูกมิตรด้วยสักเท่าไหร่ เพราะมันเอาแต่ดิ้นจะลงจากตักของอามาเรียท่าเดียว“ผมว่าลัคกี้มันคงอยากออกไปเดินเล่น คุณปล่อยมันลงดีกว่า”“อามาเรียก็คิดว่างั้นเหมือนกันค่ะ” นางแบบสาวยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะยอมวางลัคกี้ลง นั่นทำให้เจ้าแมวรีบเดินหายไปอีกทางอย่างรู้งาน ส่วนอามาเรียได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากจะอุ้มแมวสกปรกๆ ตัวนี้สักเท่าไหร่นักหรอก กลับไปคงต้องรีบเอาแอลกอฮอล์ล้างทั้งตัว 
“อื้อ…เขาเรียกขนมลูกชุบ กินดูแล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่เผ็ด” เห็นขนมลูกชุบแล้วก็นึกถึงคนซื้อ คงไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากบุหลัน และก็แทนที่จะซื้อให้มันหลากหลายแบบ ดั้นซื้อมาแต่แบบที่ปั้นเป็นพริก“คุณไม่ได้หลอกผมใช่มั้ย” น้ำเสียงที่ถามนั้น ช่างฟังดูน่าสงสาร เพลงพิณได้แต่คิดในใจว่า โถ…ใครจะไปกล้าหลอกได้ลง“เอ้า! แล้วฉันจะไปหลอกคุณทำไม ไม่เชื่อ เอามา เดี๋ยวกินให้ดู” เอ่ยจบก็คว้าลูกชุบในมือของเฟร์เรมาถือไว้ ก่อนจะส่งเข้าปาก“เฮ้!…คุณ” เฟร์เรเอ่ยห้ามเสียงหลง ก่อนจะหน้าตาตื่นๆ เมื่อเห็นเพลงพิณแสดงออกว่ากำลังเผ็ด“คุณขอน้ำ ขอน้ำหน่อย เผ็ดๆ”“ผมบอกแล้วว่านั่นพริก” เอ่ยจบก็รีบส่งน้ำให้เธอ แล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“เป็นไง เผ็ดมากมั้ย” เพลงพิณก้มหน้าก้มตามองพื้น นั่นเพราะกำลังกลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้เล็ดลอดออกมาตอนนี้ พอเงยหน้าขึ้นมาก็ยิ้มแป้นให้คนข้างๆ ไม่ได้มีท่าทีเผ็ดอีกต่อไป&nbs
เฟร์เรลงมือตัดแต่งกิ่งต้นโมกอย่างไม่รีรอ มือหนาตัดฉับๆ กิ่งต้นโมกให้โดยไม่ปริปากบ่น แม้อากาศจะค่อนข้างร้อนไปหน่อยก็เถอะ ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง ต้นโมกที่กิ่งก้านระเกะระกะก็ได้ทรงสวย“น้ำค่ะ” เพลงพิณที่แวบเข้าไปเอาน้ำเย็นๆ ในบ้านเมื่อครู่เอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นให้เฟร์เรที่ตอนนี้เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เพิ่งรู้ว่างานตัดแต่งกิ่งไม้มันใช้พลังงานมากโขอยู่เหมือนกัน สงสัยวันนี้เขาคงไม่ต้องออกกำลังกายอย่างอื่นเพิ่มแล้ว“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับรับน้ำมาดื่มดับกระหาย น้ำเย็นๆ ทำให้เขาสดชื่นได้มากโข แต่ภาพที่เฟร์เรกำลังดื่มน้ำ แล้วมีน้ำบางส่วนหยดลงจากริมฝีปากไหลไปตามลำคอช่างดูเซ็กซี่ ชวนคนโสดข้างๆ น้ำลายสอ“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยตัดกิ่งต้นโมกให้ ไม่อย่างนั้นพุ่มรกๆ นี่อาจเป็นที่อยู่ของงูเข้า”“ไม่เป็นไรครับ ตัดแต่งกิ่งต้นไม้พวกนี้ได้เหงื่อมากกว่าออกกำลังกายเสียอีก”“ฉันก็ว่างั้น”“แล้วนี่คุณส้มกลับไปแล้วเหรอครับ&
“อื้อ…หนุ่มข้างบ้านเจ้หล่อเซอร์โดนใจเค้ามาก เห็นปุ๊บเค้าปิ๊งปั๊บเลยอ่ะ”“ห๊า!” ประโยคแรกว่าอึ้งแล้ว แต่ประโยคนี้ของบุหลันทำเอาเพลงพิณอึ้งยิ่งกว่า“เค้าถามเจ้จริงๆ สักข้อสิ ถามจากใจเลยนะ” บุหลันยิ้มเขิน ลืมความคิดแรกที่จะไปเป็นแม่สื่อให้เพลงพิณไปเสียสนิท“ถามว่า”“ตอนนี้เจ้คิดอะไร ยังไงกับเบคมั้ยอ่ะ”“อ้อ…คือ” ยังไม่ทันที่เพลงพิณจะได้ตอบ บุหลันก็ชิงเอ่ยตัดบทเสียก่อน ใบหน้าของสาวเจ้าดูเคลิบเคลิ้มเสียจนเหมือนนางเอกซีรีส์เกาหลีถูกบอกรัก“ถ้าเจ้ไม่ได้คิดอะไร งั้นเค้าจีบเบคนะ”“ห๊า!” เพลงพิณถึงกับอึ้ง อึ้งจนพูดไม่ถูก อยู่ๆ เธอก็มีคู่แข่งทางหัวใจเพิ่มมาหนึ่งหน่อซะอย่างนั้นจากที่คุยๆ กัน คือบุหลันจะมาช่วยสืบเรื่องที่เฟร์เรโสดไม่โสดให้เธอไม่ใช่เหรอ ซึ่งคำตอบเรื่องนี้โปรดทำให้เธอกระจ่างแล้ว ว่าเฟร์เรโสด!แล้ววันนี้ ไ
การเลือกซื้อหลอดไฟ ที่เคยเป็นงานง่ายมากสำหรับเพลงพิณ ง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก แต่ตอนนี้กลับเป็นงานยาก นั่นเพราะเธอจงใจทำเป็นยืนงงๆ สับสนกับขนาดของหลอดไฟ ว่าควรซื้อแบบไหน อะไร ยังไงดี ท่าทางของเธอพลอยทำให้เฟร์เรยิ้มกับคำถามที่ได้ยินตลอด“อันนี้ดีไหม แล้วอันนี้ล่ะใช้ได้หรือเปล่า ถ้าซื้อไปแล้วเกิดใช้ไม่ได้ทำไง เอามาเปลี่ยนเหรอ” เพลงพิณถามเอง ตอบเอง กระทั่งเฟร์เรก็ชักจะมึนๆ จนต้องให้พนักงานขายมาช่วยอธิบาย จึงได้ข้อสรุปว่าควรซื้อหลอดไฟแบบไหนจากนั้นเพลงพิณก็พาเฟร์เรไปทานอาหาร ซึ่งเธอเลือกร้านอาหารไทยแท้ ซึ่งรับรองว่าอาหารที่นี่อร่อยถูกปากหนุ่มมาดเซอร์แน่นอน ซึ่งก็เป็นอย่างที่เพลงพิณคาดการณ์ไว้ เพราะเฟร์เรชมอาหารที่ได้ทานแทบไม่ขาดปากหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาบ้าน เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟให้เสร็จ โดยเฟร์เรเลือกที่จะนำหลอดไฟที่เพิ่งซื้อมาไปเปลี่ยนให้เพลงพิณ แล้วนำหลอดไฟดวงเก่าที่เปลี่ยนให้เธอไปเมื่อคืนกลับไปใช้ต่อ ความใส่ใจของเขายิ่งทำให้เพลงพิณเพ้อหนักไปกว่าเดิมอีก“น่ารัก” เพลงพิณเอ่ยชมเฟร์เรอยู่ห่างๆ มองชายหนุ่มด้วยสายตาชื่นชม
“งั้นเรารีบออกไปซื้อกันดีกว่า ป่านนี้ห้างสรรพสินค้าคงยังไม่ปิด”“ป่านนี้ไม่ปิดก็ใช่ แต่กว่าจะขับรถไปถึง ประตูห้างก็คงปิดพอดี ไว้พรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนก็ได้ค่ะ”“งั้นคุณยืนรอผมตรงนี้ก่อน” เอ่ยบอกเสร็จ เฟร์เรก็หมุนตัวกลับมายังบ้านทันที เพลงพิณยืนงงๆ ว่าชายหนุ่มจะให้เธอรออะไร แต่สักพักพอเห็นเขาเดินมาพร้อมหลอดไฟในมือ เธอก็ถึงบางอ้อ“หลอดไฟ คุณไปเอามาจากไหน”“ก็ในห้องรับแขกผมนั่นแหละ”“เอ้า! แบบนี้บ้านคุณก็มืดน่ะสิ” เพลงพิณอุทานออกมาเสียงสูง“บ้านผมมืดไม่อันตรายเท่าบ้านคุณมืดหรอก ไปครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนหลอดไฟให้” เฟร์เรเอ่ยตัดบท“แต่ว่า…”“อย่าห่วงเลย ผมอยู่มืดๆ ได้ อีกอย่างไฟหน้าบ้านหลังบ้านก็มี ขาดก็แค่ตรงกลางเท่านั้นเอง”“ก็ได้ค่ะ” เพลงพิณเอ่ยรับ ก่อนจะพาเฟร์เรเข้าบ้าน เธออาสาจะไปเอาบันไดมาให้ แต่สุดท้ายเฟร์เรก็ไปช่วยแบกมาจากหลังบ้าน ก่อนจะปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟให้เธอเสร็จสรรพ โดยเจ้าของบ้านช่วยจับบันไดให้อีกแรง
“ก็ยี่ห้อที่ขายในคลินิกโปรดน่ะ ถ้าคุณชอบ เดี๋ยวฉันซื้อมาฝาก”“ครับ…แล้วนี่คุณกินอะไรหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“แล้วง่วงหรือยังครับ” เมื่อประโยคแรกคำตอบไม่เป็นไปอย่างที่คิด เฟร์เรก็เอ่ยถามอีกประโยค นั่นเพราะยังไม่อยากให้เพลงพิณกลับเข้าบ้านของเธอในตอนนี้ “ยังค่ะ” ต่อให้ง่วง แต่เพลงพิณก็จะถ่างตาให้ไม่ง่วง ไหนๆ จะจีบหนุ่มแล้ว เธอก็ต้องหมั่นหาจังหวะขายขนมจีบจริงไหม หรือถ้ายังจีบไม่เป็น ทอดสะพานเหมือนที่โปรดบอกไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย แต่มาคิดๆ ดูเพลงพิณก็แอบกังวล เกิดเธอทอดสะพานให้แล้วเฟร์เรไม่สนใจ งานนี้เธอได้อายจนมุดแผ่นดินหนีแน่ แต่ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง เธอก็พร้อมจะรับมัน “งั้นดีเลย ถ้าผมจะรบกวนคุณเข้าไปนั่งเล่นกับลัคกี้ในบ้านฆ่าเวลาตอนผมกินข้าว จะได้ไหมครับ” แม้คำชวนมันจะไม่ค่อยสมเหตุ สมผลสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเพลงพิณก็พยักหน้าให้ “ได้สิ”“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มของเฟร์เรเอ่ยรับ ก่อนจะเปิดประตูเชื้อเชิญเพื่อนบ้านสาวสวยแต่ติดลุคทอมบอยเข้าไปภายในบ้านที่รูปทรงภายนอกนั้นไม่ได้ต่างไปจากบ้านของเพลงพิณสักเท่าไหร่นัก แต่การตกแต่งที่บ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าบ้านต่างหากที่แตกต่างกัน เพราะบ