“เหรอ แล้วไอ้ที่ฉันเห็นตอนมาถึง ว่าแกกำลังตัดหญ้าอยู่คืออะไร”“ก็หญ้ามันยาว ฉันก็แค่ตัดไง” ฟังแล้วโปรดก็ส่ายหน้าอีกครั้ง “ฉันล่ะอยากดีดหน้าผากชะนีอย่างหล่อนจริงๆ แทนที่จะเอ่ยปากขอให้หนุ่มข้างบ้านมาช่วยตัดให้ แค่นี้หล่อนก็ได้ใกล้ชิดเขาแล้ว พอเขาตัดหญ้าเสร็จ เสียเหงื่อใช่มั้ย แกก็ชวนเขาออกไปกินน้ำ กินข้าว บอกเลี้ยงขอบคุณอะไรก็ว่าไป” โปรดร่ายยาวส่วนเพลงพิณน่ะเหรอ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักให้ เพราะไม่ทันคิดจริงๆ “ก็ไม่ทันคิด” น้ำเสียงอ้อมแอ้มเอ่ยตอบ “หลังจากนี้ก็หัดคิดได้แล้ว อยากแอ๊วหนุ่มมาแอ้มมันต้องใช้จริตหน่อยสิ เกิดเป็นหญิงอย่าให้เสียชาติเกิด อะไรอ่อนแอก็จงอ่อนแอ อย่าทำเป็นเข้มแข็ง ทำได้ไปเสียทุกอย่าง ผู้ชายเขาไม่ปลื้มหรอกจะบอกให้ เขาอยากแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ อยากโชว์แมน”“อ้อ…แกนี่ช่างเข้าใจชะนีอย่างฉันจริงๆ เอามดลูกไปเลยมะ ฉันยกให้”“ถ้าเอามาต่อกับกระเพาะฉันแล้วมันทำงานได้ปกติเหมือนอยู่ในตัวแก ฉันเอามานานแล้วย่ะ” คำพูดของสัตวแพทย์โปรด ทำให้คนฟังขำก๊ากออกมา ก่อนที่โปรดจะจัดคอร์สมารยาหญิงให้เพลงพิณเพื่อนำไปใช้อ่อยหนุ่มข้างบ้านที่ชื่อเฟร์เร ซึ่งขณะนั่งเรียนวิชาแอ๊วหนุ่มอยู่นั้น เพล
“ก็ยี่ห้อที่ขายในคลินิกโปรดน่ะ ถ้าคุณชอบ เดี๋ยวฉันซื้อมาฝาก”“ครับ…แล้วนี่คุณกินอะไรหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“แล้วง่วงหรือยังครับ” เมื่อประโยคแรกคำตอบไม่เป็นไปอย่างที่คิด เฟร์เรก็เอ่ยถามอีกประโยค นั่นเพราะยังไม่อยากให้เพลงพิณกลับเข้าบ้านของเธอในตอนนี้ “ยังค่ะ” ต่อให้ง่วง แต่เพลงพิณก็จะถ่างตาให้ไม่ง่วง ไหนๆ จะจีบหนุ่มแล้ว เธอก็ต้องหมั่นหาจังหวะขายขนมจีบจริงไหม หรือถ้ายังจีบไม่เป็น ทอดสะพานเหมือนที่โปรดบอกไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย แต่มาคิดๆ ดูเพลงพิณก็แอบกังวล เกิดเธอทอดสะพานให้แล้วเฟร์เรไม่สนใจ งานนี้เธอได้อายจนมุดแผ่นดินหนีแน่ แต่ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง เธอก็พร้อมจะรับมัน “งั้นดีเลย ถ้าผมจะรบกวนคุณเข้าไปนั่งเล่นกับลัคกี้ในบ้านฆ่าเวลาตอนผมกินข้าว จะได้ไหมครับ” แม้คำชวนมันจะไม่ค่อยสมเหตุ สมผลสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเพลงพิณก็พยักหน้าให้ “ได้สิ”“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มของเฟร์เรเอ่ยรับ ก่อนจะเปิดประตูเชื้อเชิญเพื่อนบ้านสาวสวยแต่ติดลุคทอมบอยเข้าไปภายในบ้านที่รูปทรงภายนอกนั้นไม่ได้ต่างไปจากบ้านของเพลงพิณสักเท่าไหร่นัก แต่การตกแต่งที่บ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าบ้านต่างหากที่แตกต่างกัน เพราะบ
“งั้นเรารีบออกไปซื้อกันดีกว่า ป่านนี้ห้างสรรพสินค้าคงยังไม่ปิด”“ป่านนี้ไม่ปิดก็ใช่ แต่กว่าจะขับรถไปถึง ประตูห้างก็คงปิดพอดี ไว้พรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนก็ได้ค่ะ”“งั้นคุณยืนรอผมตรงนี้ก่อน” เอ่ยบอกเสร็จ เฟร์เรก็หมุนตัวกลับมายังบ้านทันที เพลงพิณยืนงงๆ ว่าชายหนุ่มจะให้เธอรออะไร แต่สักพักพอเห็นเขาเดินมาพร้อมหลอดไฟในมือ เธอก็ถึงบางอ้อ“หลอดไฟ คุณไปเอามาจากไหน”“ก็ในห้องรับแขกผมนั่นแหละ”“เอ้า! แบบนี้บ้านคุณก็มืดน่ะสิ” เพลงพิณอุทานออกมาเสียงสูง“บ้านผมมืดไม่อันตรายเท่าบ้านคุณมืดหรอก ไปครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนหลอดไฟให้” เฟร์เรเอ่ยตัดบท“แต่ว่า…”“อย่าห่วงเลย ผมอยู่มืดๆ ได้ อีกอย่างไฟหน้าบ้านหลังบ้านก็มี ขาดก็แค่ตรงกลางเท่านั้นเอง”“ก็ได้ค่ะ” เพลงพิณเอ่ยรับ ก่อนจะพาเฟร์เรเข้าบ้าน เธออาสาจะไปเอาบันไดมาให้ แต่สุดท้ายเฟร์เรก็ไปช่วยแบกมาจากหลังบ้าน ก่อนจะปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟให้เธอเสร็จสรรพ โดยเจ้าของบ้านช่วยจับบันไดให้อีกแรง
การเลือกซื้อหลอดไฟ ที่เคยเป็นงานง่ายมากสำหรับเพลงพิณ ง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก แต่ตอนนี้กลับเป็นงานยาก นั่นเพราะเธอจงใจทำเป็นยืนงงๆ สับสนกับขนาดของหลอดไฟ ว่าควรซื้อแบบไหน อะไร ยังไงดี ท่าทางของเธอพลอยทำให้เฟร์เรยิ้มกับคำถามที่ได้ยินตลอด“อันนี้ดีไหม แล้วอันนี้ล่ะใช้ได้หรือเปล่า ถ้าซื้อไปแล้วเกิดใช้ไม่ได้ทำไง เอามาเปลี่ยนเหรอ” เพลงพิณถามเอง ตอบเอง กระทั่งเฟร์เรก็ชักจะมึนๆ จนต้องให้พนักงานขายมาช่วยอธิบาย จึงได้ข้อสรุปว่าควรซื้อหลอดไฟแบบไหนจากนั้นเพลงพิณก็พาเฟร์เรไปทานอาหาร ซึ่งเธอเลือกร้านอาหารไทยแท้ ซึ่งรับรองว่าอาหารที่นี่อร่อยถูกปากหนุ่มมาดเซอร์แน่นอน ซึ่งก็เป็นอย่างที่เพลงพิณคาดการณ์ไว้ เพราะเฟร์เรชมอาหารที่ได้ทานแทบไม่ขาดปากหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาบ้าน เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟให้เสร็จ โดยเฟร์เรเลือกที่จะนำหลอดไฟที่เพิ่งซื้อมาไปเปลี่ยนให้เพลงพิณ แล้วนำหลอดไฟดวงเก่าที่เปลี่ยนให้เธอไปเมื่อคืนกลับไปใช้ต่อ ความใส่ใจของเขายิ่งทำให้เพลงพิณเพ้อหนักไปกว่าเดิมอีก“น่ารัก” เพลงพิณเอ่ยชมเฟร์เรอยู่ห่างๆ มองชายหนุ่มด้วยสายตาชื่นชม
“อื้อ…หนุ่มข้างบ้านเจ้หล่อเซอร์โดนใจเค้ามาก เห็นปุ๊บเค้าปิ๊งปั๊บเลยอ่ะ”“ห๊า!” ประโยคแรกว่าอึ้งแล้ว แต่ประโยคนี้ของบุหลันทำเอาเพลงพิณอึ้งยิ่งกว่า“เค้าถามเจ้จริงๆ สักข้อสิ ถามจากใจเลยนะ” บุหลันยิ้มเขิน ลืมความคิดแรกที่จะไปเป็นแม่สื่อให้เพลงพิณไปเสียสนิท“ถามว่า”“ตอนนี้เจ้คิดอะไร ยังไงกับเบคมั้ยอ่ะ”“อ้อ…คือ” ยังไม่ทันที่เพลงพิณจะได้ตอบ บุหลันก็ชิงเอ่ยตัดบทเสียก่อน ใบหน้าของสาวเจ้าดูเคลิบเคลิ้มเสียจนเหมือนนางเอกซีรีส์เกาหลีถูกบอกรัก“ถ้าเจ้ไม่ได้คิดอะไร งั้นเค้าจีบเบคนะ”“ห๊า!” เพลงพิณถึงกับอึ้ง อึ้งจนพูดไม่ถูก อยู่ๆ เธอก็มีคู่แข่งทางหัวใจเพิ่มมาหนึ่งหน่อซะอย่างนั้นจากที่คุยๆ กัน คือบุหลันจะมาช่วยสืบเรื่องที่เฟร์เรโสดไม่โสดให้เธอไม่ใช่เหรอ ซึ่งคำตอบเรื่องนี้โปรดทำให้เธอกระจ่างแล้ว ว่าเฟร์เรโสด!แล้ววันนี้ ไ
เฟร์เรลงมือตัดแต่งกิ่งต้นโมกอย่างไม่รีรอ มือหนาตัดฉับๆ กิ่งต้นโมกให้โดยไม่ปริปากบ่น แม้อากาศจะค่อนข้างร้อนไปหน่อยก็เถอะ ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง ต้นโมกที่กิ่งก้านระเกะระกะก็ได้ทรงสวย“น้ำค่ะ” เพลงพิณที่แวบเข้าไปเอาน้ำเย็นๆ ในบ้านเมื่อครู่เอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นให้เฟร์เรที่ตอนนี้เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เพิ่งรู้ว่างานตัดแต่งกิ่งไม้มันใช้พลังงานมากโขอยู่เหมือนกัน สงสัยวันนี้เขาคงไม่ต้องออกกำลังกายอย่างอื่นเพิ่มแล้ว“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับรับน้ำมาดื่มดับกระหาย น้ำเย็นๆ ทำให้เขาสดชื่นได้มากโข แต่ภาพที่เฟร์เรกำลังดื่มน้ำ แล้วมีน้ำบางส่วนหยดลงจากริมฝีปากไหลไปตามลำคอช่างดูเซ็กซี่ ชวนคนโสดข้างๆ น้ำลายสอ“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยตัดกิ่งต้นโมกให้ ไม่อย่างนั้นพุ่มรกๆ นี่อาจเป็นที่อยู่ของงูเข้า”“ไม่เป็นไรครับ ตัดแต่งกิ่งต้นไม้พวกนี้ได้เหงื่อมากกว่าออกกำลังกายเสียอีก”“ฉันก็ว่างั้น”“แล้วนี่คุณส้มกลับไปแล้วเหรอครับ&
“อื้อ…เขาเรียกขนมลูกชุบ กินดูแล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่เผ็ด” เห็นขนมลูกชุบแล้วก็นึกถึงคนซื้อ คงไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากบุหลัน และก็แทนที่จะซื้อให้มันหลากหลายแบบ ดั้นซื้อมาแต่แบบที่ปั้นเป็นพริก“คุณไม่ได้หลอกผมใช่มั้ย” น้ำเสียงที่ถามนั้น ช่างฟังดูน่าสงสาร เพลงพิณได้แต่คิดในใจว่า โถ…ใครจะไปกล้าหลอกได้ลง“เอ้า! แล้วฉันจะไปหลอกคุณทำไม ไม่เชื่อ เอามา เดี๋ยวกินให้ดู” เอ่ยจบก็คว้าลูกชุบในมือของเฟร์เรมาถือไว้ ก่อนจะส่งเข้าปาก“เฮ้!…คุณ” เฟร์เรเอ่ยห้ามเสียงหลง ก่อนจะหน้าตาตื่นๆ เมื่อเห็นเพลงพิณแสดงออกว่ากำลังเผ็ด“คุณขอน้ำ ขอน้ำหน่อย เผ็ดๆ”“ผมบอกแล้วว่านั่นพริก” เอ่ยจบก็รีบส่งน้ำให้เธอ แล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“เป็นไง เผ็ดมากมั้ย” เพลงพิณก้มหน้าก้มตามองพื้น นั่นเพราะกำลังกลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้เล็ดลอดออกมาตอนนี้ พอเงยหน้าขึ้นมาก็ยิ้มแป้นให้คนข้างๆ ไม่ได้มีท่าทีเผ็ดอีกต่อไป&nbs
“แมวผมเองครับ”“อุ๊ย! แมวเบคเหรอคะ น่ารักจังเลย ชื่ออะไรคะ” พอได้ยินว่าแมวตรงหน้าเป็นของเฟร์เร อามาเรียก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นคนรักสัตว์ขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่เธอนั้นเกลียดชังแมวเป็นที่สุดลัคกี้เข้าไปคลอเคลียเลียหลังมือของเฟร์เร นั่นทำให้เขาอุ้มมันขึ้นมาวางบนตัก“ลัคกี้ครับ”“ว้าว! ชื่อเพราะมากเลย ลัคกี้มานี่มา มาให้อามาเรียอุ้มหน่อยนะ” เอ่ยจบก็ยื่นมือไปคว้าลัคกี้จากตักของเฟร์เรมาอุ้ม แต่เหมือนลัคกี้จะไม่อยากผูกมิตรด้วยสักเท่าไหร่ เพราะมันเอาแต่ดิ้นจะลงจากตักของอามาเรียท่าเดียว“ผมว่าลัคกี้มันคงอยากออกไปเดินเล่น คุณปล่อยมันลงดีกว่า”“อามาเรียก็คิดว่างั้นเหมือนกันค่ะ” นางแบบสาวยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะยอมวางลัคกี้ลง นั่นทำให้เจ้าแมวรีบเดินหายไปอีกทางอย่างรู้งาน ส่วนอามาเรียได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากจะอุ้มแมวสกปรกๆ ตัวนี้สักเท่าไหร่นักหรอก กลับไปคงต้องรีบเอาแอลกอฮอล์ล้างทั้งตัว 
เช้าวันรุ่งขึ้น เพลงพิณและเฟร์เรก็ออกไปพบกันที่หน้าบ้านอย่างไม่ได้นัดหมาย ทันตแพทย์สาวอยู่ในชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์พอดีตัวขาดๆ หน่อย รองเท้าผ้าใบและมีหมวกทรงสวยไว้บังแดด แต่กว่าจะลงตัวที่ชุดนี้ เธอก็เลือกแล้วเลือกอีกส่วนเฟร์เรนั้นก็เซอร์เป็นกิจวัตร แต่เป็นลุคเซอร์แบบสะอาดๆ น่าซบ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือกล้องถ่ายรูป และก่อนจะออกไป เขาก็ดูแลลัคกี้เรียบร้อยแล้ว เย็นนี้ค่อยส่งมอบให้เธอดูแลต่อ วันนี้เขายังใจดีอาสาเป็นคนขับรถให้ไกด์ส่วนตัว ส่วนเพลงพิณก็ทำหน้าที่บอกทาง กระทั่งมาถึงท่าเรือจึงต้องจอดรถไว้แล้วเปลี่ยนไปนั่งเรือข้ามฟากแทนจะว่าไปนี่เป็นครั้งที่สามที่เพลงพิณมาเที่ยวเกาะเกร็ด ความที่มาบ่อยกว่าเฟร์เรเธอจึงพอรู้สถานที่ เมื่อลงเรือเสร็จก็ชวนเขาไปไหว้พระเสียหน่อย จากนั้นก็เช่าจักรยานมาปั่นเที่ยวรอบๆ เกาะ แวะดูการปั้นเครื่องปั้นดินเผา หาขนมไทยอร่อยๆ ทาน ส่วนเฟร์เรก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูป เพราะเสียงชัตเตอร์ดังมาให้เพลงพิณได้ยินแทบจะตลอดเวลา“ลูกชุบ” เฟร์เรอุทานชื่อขนมไทยชนิดแรกที่เขารู้จักและได้ชิมออกมา จากนั้นก็
กว่าเพลงพิณจะออกเวรที่โรงพยาบาล ก็ทำเอาเธอแทบหมดเรี่ยวหมดแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงแวะไปนั่งทำงานต่อที่คลินิกอีกหลายชั่วโมงกระทั่งปิดก็ขับรถกลับบ้าน แต่เพราะท้องมันร้องประท้วงว่าหิว ไม่อาจขับรถต่อจนถึงบ้านได้แน่ๆ จึงจำต้องเลี้ยวรถจอดริมถนนก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปสั่งบะหมี่เกี๊ยวร้านดัง ที่เปิดร้านอยู่ก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้าน มานั่งทานคนเดียวแบบสวยๆ แต่ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนลากเก้าอี้มานั่งด้วย เธอจึงรีบเงยหน้าขึ้นมอง“เอ้า! คุณเบค” เพลงพิณเอ่ยออกมา ทั้งๆ ที่ในปากยังคงมีเส้นบะหมี่อยู่ จึงรีบเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงท้อง“หิวตอนดึกเหมือนกันเหรอคะ”“ครับ…ว่าแต่ผมขอนั่งด้วยคนได้มั้ย” จะว่าไปตอนนี้ เฟร์เรหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีแดง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถามความสมัครใจของเพลงพิณเสียด้วยซ้ำ“ไม่ได้ค่ะ” น้ำเสียงตึงๆ เอ่ยบอก นั่นทำเอาเฟร์เรหน้าเสียทันที ก่อนที่เพลงพิณจะรีบเฉลย เพราะขืนยังไม่รีบ เดี๋ยวหนุ่มมาดเซอร์ ขวัญใจจะถอดใจย้ายไปนั่
“แมวผมเองครับ”“อุ๊ย! แมวเบคเหรอคะ น่ารักจังเลย ชื่ออะไรคะ” พอได้ยินว่าแมวตรงหน้าเป็นของเฟร์เร อามาเรียก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นคนรักสัตว์ขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่เธอนั้นเกลียดชังแมวเป็นที่สุดลัคกี้เข้าไปคลอเคลียเลียหลังมือของเฟร์เร นั่นทำให้เขาอุ้มมันขึ้นมาวางบนตัก“ลัคกี้ครับ”“ว้าว! ชื่อเพราะมากเลย ลัคกี้มานี่มา มาให้อามาเรียอุ้มหน่อยนะ” เอ่ยจบก็ยื่นมือไปคว้าลัคกี้จากตักของเฟร์เรมาอุ้ม แต่เหมือนลัคกี้จะไม่อยากผูกมิตรด้วยสักเท่าไหร่ เพราะมันเอาแต่ดิ้นจะลงจากตักของอามาเรียท่าเดียว“ผมว่าลัคกี้มันคงอยากออกไปเดินเล่น คุณปล่อยมันลงดีกว่า”“อามาเรียก็คิดว่างั้นเหมือนกันค่ะ” นางแบบสาวยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะยอมวางลัคกี้ลง นั่นทำให้เจ้าแมวรีบเดินหายไปอีกทางอย่างรู้งาน ส่วนอามาเรียได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากจะอุ้มแมวสกปรกๆ ตัวนี้สักเท่าไหร่นักหรอก กลับไปคงต้องรีบเอาแอลกอฮอล์ล้างทั้งตัว 
“อื้อ…เขาเรียกขนมลูกชุบ กินดูแล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่เผ็ด” เห็นขนมลูกชุบแล้วก็นึกถึงคนซื้อ คงไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากบุหลัน และก็แทนที่จะซื้อให้มันหลากหลายแบบ ดั้นซื้อมาแต่แบบที่ปั้นเป็นพริก“คุณไม่ได้หลอกผมใช่มั้ย” น้ำเสียงที่ถามนั้น ช่างฟังดูน่าสงสาร เพลงพิณได้แต่คิดในใจว่า โถ…ใครจะไปกล้าหลอกได้ลง“เอ้า! แล้วฉันจะไปหลอกคุณทำไม ไม่เชื่อ เอามา เดี๋ยวกินให้ดู” เอ่ยจบก็คว้าลูกชุบในมือของเฟร์เรมาถือไว้ ก่อนจะส่งเข้าปาก“เฮ้!…คุณ” เฟร์เรเอ่ยห้ามเสียงหลง ก่อนจะหน้าตาตื่นๆ เมื่อเห็นเพลงพิณแสดงออกว่ากำลังเผ็ด“คุณขอน้ำ ขอน้ำหน่อย เผ็ดๆ”“ผมบอกแล้วว่านั่นพริก” เอ่ยจบก็รีบส่งน้ำให้เธอ แล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“เป็นไง เผ็ดมากมั้ย” เพลงพิณก้มหน้าก้มตามองพื้น นั่นเพราะกำลังกลั้นเสียงหัวเราะไม่ให้เล็ดลอดออกมาตอนนี้ พอเงยหน้าขึ้นมาก็ยิ้มแป้นให้คนข้างๆ ไม่ได้มีท่าทีเผ็ดอีกต่อไป&nbs
เฟร์เรลงมือตัดแต่งกิ่งต้นโมกอย่างไม่รีรอ มือหนาตัดฉับๆ กิ่งต้นโมกให้โดยไม่ปริปากบ่น แม้อากาศจะค่อนข้างร้อนไปหน่อยก็เถอะ ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง ต้นโมกที่กิ่งก้านระเกะระกะก็ได้ทรงสวย“น้ำค่ะ” เพลงพิณที่แวบเข้าไปเอาน้ำเย็นๆ ในบ้านเมื่อครู่เอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นให้เฟร์เรที่ตอนนี้เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เพิ่งรู้ว่างานตัดแต่งกิ่งไม้มันใช้พลังงานมากโขอยู่เหมือนกัน สงสัยวันนี้เขาคงไม่ต้องออกกำลังกายอย่างอื่นเพิ่มแล้ว“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับรับน้ำมาดื่มดับกระหาย น้ำเย็นๆ ทำให้เขาสดชื่นได้มากโข แต่ภาพที่เฟร์เรกำลังดื่มน้ำ แล้วมีน้ำบางส่วนหยดลงจากริมฝีปากไหลไปตามลำคอช่างดูเซ็กซี่ ชวนคนโสดข้างๆ น้ำลายสอ“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยตัดกิ่งต้นโมกให้ ไม่อย่างนั้นพุ่มรกๆ นี่อาจเป็นที่อยู่ของงูเข้า”“ไม่เป็นไรครับ ตัดแต่งกิ่งต้นไม้พวกนี้ได้เหงื่อมากกว่าออกกำลังกายเสียอีก”“ฉันก็ว่างั้น”“แล้วนี่คุณส้มกลับไปแล้วเหรอครับ&
“อื้อ…หนุ่มข้างบ้านเจ้หล่อเซอร์โดนใจเค้ามาก เห็นปุ๊บเค้าปิ๊งปั๊บเลยอ่ะ”“ห๊า!” ประโยคแรกว่าอึ้งแล้ว แต่ประโยคนี้ของบุหลันทำเอาเพลงพิณอึ้งยิ่งกว่า“เค้าถามเจ้จริงๆ สักข้อสิ ถามจากใจเลยนะ” บุหลันยิ้มเขิน ลืมความคิดแรกที่จะไปเป็นแม่สื่อให้เพลงพิณไปเสียสนิท“ถามว่า”“ตอนนี้เจ้คิดอะไร ยังไงกับเบคมั้ยอ่ะ”“อ้อ…คือ” ยังไม่ทันที่เพลงพิณจะได้ตอบ บุหลันก็ชิงเอ่ยตัดบทเสียก่อน ใบหน้าของสาวเจ้าดูเคลิบเคลิ้มเสียจนเหมือนนางเอกซีรีส์เกาหลีถูกบอกรัก“ถ้าเจ้ไม่ได้คิดอะไร งั้นเค้าจีบเบคนะ”“ห๊า!” เพลงพิณถึงกับอึ้ง อึ้งจนพูดไม่ถูก อยู่ๆ เธอก็มีคู่แข่งทางหัวใจเพิ่มมาหนึ่งหน่อซะอย่างนั้นจากที่คุยๆ กัน คือบุหลันจะมาช่วยสืบเรื่องที่เฟร์เรโสดไม่โสดให้เธอไม่ใช่เหรอ ซึ่งคำตอบเรื่องนี้โปรดทำให้เธอกระจ่างแล้ว ว่าเฟร์เรโสด!แล้ววันนี้ ไ
การเลือกซื้อหลอดไฟ ที่เคยเป็นงานง่ายมากสำหรับเพลงพิณ ง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก แต่ตอนนี้กลับเป็นงานยาก นั่นเพราะเธอจงใจทำเป็นยืนงงๆ สับสนกับขนาดของหลอดไฟ ว่าควรซื้อแบบไหน อะไร ยังไงดี ท่าทางของเธอพลอยทำให้เฟร์เรยิ้มกับคำถามที่ได้ยินตลอด“อันนี้ดีไหม แล้วอันนี้ล่ะใช้ได้หรือเปล่า ถ้าซื้อไปแล้วเกิดใช้ไม่ได้ทำไง เอามาเปลี่ยนเหรอ” เพลงพิณถามเอง ตอบเอง กระทั่งเฟร์เรก็ชักจะมึนๆ จนต้องให้พนักงานขายมาช่วยอธิบาย จึงได้ข้อสรุปว่าควรซื้อหลอดไฟแบบไหนจากนั้นเพลงพิณก็พาเฟร์เรไปทานอาหาร ซึ่งเธอเลือกร้านอาหารไทยแท้ ซึ่งรับรองว่าอาหารที่นี่อร่อยถูกปากหนุ่มมาดเซอร์แน่นอน ซึ่งก็เป็นอย่างที่เพลงพิณคาดการณ์ไว้ เพราะเฟร์เรชมอาหารที่ได้ทานแทบไม่ขาดปากหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาบ้าน เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟให้เสร็จ โดยเฟร์เรเลือกที่จะนำหลอดไฟที่เพิ่งซื้อมาไปเปลี่ยนให้เพลงพิณ แล้วนำหลอดไฟดวงเก่าที่เปลี่ยนให้เธอไปเมื่อคืนกลับไปใช้ต่อ ความใส่ใจของเขายิ่งทำให้เพลงพิณเพ้อหนักไปกว่าเดิมอีก“น่ารัก” เพลงพิณเอ่ยชมเฟร์เรอยู่ห่างๆ มองชายหนุ่มด้วยสายตาชื่นชม
“งั้นเรารีบออกไปซื้อกันดีกว่า ป่านนี้ห้างสรรพสินค้าคงยังไม่ปิด”“ป่านนี้ไม่ปิดก็ใช่ แต่กว่าจะขับรถไปถึง ประตูห้างก็คงปิดพอดี ไว้พรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนก็ได้ค่ะ”“งั้นคุณยืนรอผมตรงนี้ก่อน” เอ่ยบอกเสร็จ เฟร์เรก็หมุนตัวกลับมายังบ้านทันที เพลงพิณยืนงงๆ ว่าชายหนุ่มจะให้เธอรออะไร แต่สักพักพอเห็นเขาเดินมาพร้อมหลอดไฟในมือ เธอก็ถึงบางอ้อ“หลอดไฟ คุณไปเอามาจากไหน”“ก็ในห้องรับแขกผมนั่นแหละ”“เอ้า! แบบนี้บ้านคุณก็มืดน่ะสิ” เพลงพิณอุทานออกมาเสียงสูง“บ้านผมมืดไม่อันตรายเท่าบ้านคุณมืดหรอก ไปครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนหลอดไฟให้” เฟร์เรเอ่ยตัดบท“แต่ว่า…”“อย่าห่วงเลย ผมอยู่มืดๆ ได้ อีกอย่างไฟหน้าบ้านหลังบ้านก็มี ขาดก็แค่ตรงกลางเท่านั้นเอง”“ก็ได้ค่ะ” เพลงพิณเอ่ยรับ ก่อนจะพาเฟร์เรเข้าบ้าน เธออาสาจะไปเอาบันไดมาให้ แต่สุดท้ายเฟร์เรก็ไปช่วยแบกมาจากหลังบ้าน ก่อนจะปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟให้เธอเสร็จสรรพ โดยเจ้าของบ้านช่วยจับบันไดให้อีกแรง
“ก็ยี่ห้อที่ขายในคลินิกโปรดน่ะ ถ้าคุณชอบ เดี๋ยวฉันซื้อมาฝาก”“ครับ…แล้วนี่คุณกินอะไรหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“แล้วง่วงหรือยังครับ” เมื่อประโยคแรกคำตอบไม่เป็นไปอย่างที่คิด เฟร์เรก็เอ่ยถามอีกประโยค นั่นเพราะยังไม่อยากให้เพลงพิณกลับเข้าบ้านของเธอในตอนนี้ “ยังค่ะ” ต่อให้ง่วง แต่เพลงพิณก็จะถ่างตาให้ไม่ง่วง ไหนๆ จะจีบหนุ่มแล้ว เธอก็ต้องหมั่นหาจังหวะขายขนมจีบจริงไหม หรือถ้ายังจีบไม่เป็น ทอดสะพานเหมือนที่โปรดบอกไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย แต่มาคิดๆ ดูเพลงพิณก็แอบกังวล เกิดเธอทอดสะพานให้แล้วเฟร์เรไม่สนใจ งานนี้เธอได้อายจนมุดแผ่นดินหนีแน่ แต่ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง เธอก็พร้อมจะรับมัน “งั้นดีเลย ถ้าผมจะรบกวนคุณเข้าไปนั่งเล่นกับลัคกี้ในบ้านฆ่าเวลาตอนผมกินข้าว จะได้ไหมครับ” แม้คำชวนมันจะไม่ค่อยสมเหตุ สมผลสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเพลงพิณก็พยักหน้าให้ “ได้สิ”“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มของเฟร์เรเอ่ยรับ ก่อนจะเปิดประตูเชื้อเชิญเพื่อนบ้านสาวสวยแต่ติดลุคทอมบอยเข้าไปภายในบ้านที่รูปทรงภายนอกนั้นไม่ได้ต่างไปจากบ้านของเพลงพิณสักเท่าไหร่นัก แต่การตกแต่งที่บ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าบ้านต่างหากที่แตกต่างกัน เพราะบ