จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้งพร้อมเด็กชายคนหนึ่ง ชนิดาภาและลูกจะพบเจอกับอะไรบ้างจากคนใจร้ายเช่นเขา หากสุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏ นายหัวจะตามรักคืนอ้อมอกแกร่งสำเร็จหรือไม่ มาอ่านกัน
View Moreผู้คนที่เพิ่งลงจากเครื่องต่างคนต่างก็เข้ามารับกระเป๋าของตนเองที่ช่องรับกระเป๋าผู้โดยสาร หญิงสาวร่างเล็กบอบบางผมยาวตรงสลวยราวกับแพรไหม ดวงหน้าวงลีรูปไข่เรียวสวย ริมฝีปากบางจิ้มลิ้ม ดวงตากลมโต ผิวขาวอมชมพู สูง 158 ซม. อยู่ในชุดเดินทางผ้ายีนส์
ด้านข้างของเธอมีเด็กชายอายุ 5 ขวบ ใบหน้าออกลูกครึ่ง หน้าตาน่ารักดวงตาสีน้ำตาลประกายทอง
“หม่ามี้ฮะ เรารอมาตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่จะได้กระเป๋าสักที นิคตื่นเต้น อยากเห็นบ้านที่เมืองไทยของหม่ามี้แล้ว” หนุ่มน้อยเริ่มงอแง
“ใจเย็น ๆ ลูกรัก เดี๋ยวกระเป๋าของเราก็มาถึง คนอื่นเขาก็ยืนรอเหมือนเราทั้งนั้น คนที่ได้ก่อนเป็นของไฟล์บินที่เขาลงจอดก่อนเรา ใจเย็น ๆ นะครับเด็กดี”
หน้าเรียวสวยพูดอย่างยิ้ม ๆ ให้ลูกชายตัวน้อยเพื่อเป็นการปลอบใจให้หนุ่มน้อยใจเย็น แต่ดูเหมือนว่าสายเลือดความใจร้อนที่มีอยู่ในกระแสเลือดของหนุ่มน้อยเข้มข้นกว่า
คำพูดของชนิดาภาเหมือนจะใช้ไม่ค่อยได้ผลเอาซะเลยกับเด็กชายนิค หรือ ธนาวิน หนุ่มน้อยหน้ามุ่ยขัดใจ ทำหน้านึกเซ็งบิดเบ้ปากจิ้มลิ้มเล็กน้อย เมื่อไม่ได้ดั่งที่ใจตนเองปรารถนา
“มาแล้ว มาแล้ว นั่นไงกระเป๋าของเรา หม่ามี๊ รีบหยิบสิฮะ” ร่างเล็กร้องบอกดีใจแทบกระโดดโลดเต้น
“เห็นแล้วจ้าใจเย็น ๆ เดี๋ยวเราก็ได้รับ”
“หม่ามี้ฮะ นี่เรายังต้องไปนั่งเครื่องบินต่ออีกเหรอฮะ นิคนึกว่าถึงบ้านของหม่ามี้แล้วซะอีก นิคอยากนั่งดูการ์ตูนโปรดสบาย ๆ ในห้องของตัวเองแล้ว ว่าแต่บ้านของหม่ามี๊ใหญ่หรือเปล่าฮะ เท่าบ้านเช่าของเราที่อเมริกาหรือเปล่า”
คำถามไร้เดียงสาบนใบหน้าหล่อเหลาเล็ก ๆ ที่เงยขึ้นถามมารดาอย่างอยากรู้ กัดกินใจมารดาเช่นเธออย่างหนักจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้กับลูกน้อยดี นิคมีความฉลาดอยู่เต็มตัว จนใครที่พบเห็นก็ได้แต่นึกชม และอิจฉาหญิงสาวที่มีลูกชายมีแววฉลาดตั้งแต่เด็กรวมถึงรูปร่างหน้าตาที่มีแววว่าโตขึ้นมาหล่อเหลาไม่แพ้นายแบบระดับโลกอย่างแน่นอน
“เออ… ถ้าหม่ามี๊ตอบว่าเรายังไม่มีบ้านเป็นของตัวเองล่ะจ๊ะ นิคจะเสียใจหรือเปล่า ไปถึงที่โน่นเราอาจจะต้องเช่าห้องพักในโรงแรม หรืออาจจะหาบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ อยู่กันสักช่วงก่อน รอหม่ามี๊หาเงินได้มากพอ เราค่อยซื้อบ้านเป็นของเราเองดีมั้ย”
“ว้า… สรุปแล้ว หม่ามี้ไม่มีบ้านที่เมืองไทยอย่างนั้นเหรอฮะ งั้นเรากลับมาที่นี่ทำไมล่ะฮะ ไม่อยู่ที่อเมริกาเหมือนเดิม อย่างน้อย ๆ บ้านเช่าที่นู่นนิคชอบ แถมไม่ต้องแยกจากเพื่อน ๆ ด้วย กลับมาที่นี่นิคยังต้องหาเพื่อนใหม่อีก” ใบหน้าเล็กซึมเศร้าสลดลงรู้สึกสงสารมารดาจับใจและสงสารตัวเองด้วย
“หม่ามี้ยังเหลือบุญคุณที่ยังจะต้องมาตอบแทนน่ะ”
“บุญคุณ บุญคุณอะไรเหรอฮะหม่ามี๊ ให้นิคช่วยตอบแทนด้วยได้หรือเปล่า จะได้หมดไว ๆ เราจะได้กลับอเมริกากันไงฮะ”
คำพูดไร้เดียงสาจากปากจิ้มลิ้มหนุ่มน้อยธนาวิน ทำให้ดวงตากลมโตของผู้เป็นมารดารู้สึกซึ้งใจในความเป็นห่วงของหนุ่มน้อย ที่มักมีให้เธอเห็นเสมอ ถึงแม้อะไรหลาย ๆ อย่างในตัวของธนาวินจะออกไปทางบิดาค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าแทบจะ 80% เลยทีเดียว โดยเฉพาะนิสัย ถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะเหมือนเด็กลูกครึ่งทั่วไปไม่ได้ถอดแบบบิดามาทั้งหมด
จนเธอนึกน้อยใจในบางครั้ง ว่าทำไมโชคชะตาต้องให้ลูกของเธอเหมือนคนใจร้ายมากขนาดนี้ด้วย แม้แต่นิสัยชอบเอาแต่ใจ ปากร้ายนิคก็ยังได้มา ในบางครั้งเมื่อเพื่อน ๆ ทำอะไรไม่ถูกใจ หนุ่มน้อยก็พร้อมที่จะพาลเข้าใส่ เช่นเดียวกับเวลาที่เพื่อน ๆ คิดหาเรื่องหนุ่มน้อย หนุ่มน้อยก็พร้อมที่จะตอบโต้และสู้ไม่ถอย
จนเธอถูกเรียกตามตัวให้ไปพบผอ.โรงเรียนนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่นิคเข้าโรงเรียนมา
“ทุกท่านโปรดทราบคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยด้วยนะคะ อีก 10 นาที เครื่องจะลงจอดที่สนามบินจังหวัดภูเก็ตแล้วค่ะ”
คำประกาศเตือนจากปากของนางฟ้าประจำเครื่องบิน ทำให้เด็กน้อยยิ่งรู้สึกตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้นั่งเครื่องบินร่อนลงกับพื้นนับตั้งแต่เขาเกิดมา ถึงแม้ในใจลึก ๆ จะนึกกังวลบ้าง และเสียใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ามารดาไม่มีบ้านเป็นของตัวเองอยู่ที่เมืองไทย
หนุ่มน้อยตั้งปณิธานในใจเอาไว้ลึก ๆ ว่าหากโตขึ้นจนเขาสามารถหาเงินเองได้ เขาจะซื้อบ้านหลังใหญ่โตให้กับมารดาได้อยู่อย่างสบาย จะไม่ปล่อยให้มารดาต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างเช่นทุกวันนี้
ด้านหน้าสนามบินจังหวัดภูเก็ต
รถโดยสารมากมายที่เข้ามาจอดรับผู้โดยสาร ทำให้หนุ่มน้อยมองดูรอบ ๆ อย่างสำราวจรวมถึงผู้คนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับที่อเมริกา บ้านเรือนหรือแม้แต่รถโดยสารก็ยังมีความแตกต่างกัน
ส่วนผู้คนเส้นผมสีดำส่วนใหญ่ เค้าโครงหน้าจมูกไม่โด่งสักเท่าไหร่นัก ไม่เหมือนผู้คนที่อเมริกาและตัวของเขา ที่มีจมูกโด่งเป็นสันหน้าตาออกไปทางยุโรปมากกว่าไม่เหมือนมารดา จนหลายครั้งแล้วที่หนุ่มน้อยนึกสงสัยว่าตนเองคงจะเหมือนกับบิดา เพราะเขาเคยส่องกระจกเห็นว่าตัวเองแทบจะไม่มีส่วนไหนที่เหมือนมารดาเลยสักนิด ยกเว้นเส้นผมที่ดกดำเงาเรียบรื่น
“สรุปแล้วเราจะไปนอนโรงแรมหรือหาบ้านเช่าล่ะฮะหม่ามี๊”
เสียงเล็ก ๆ เงยหน้าถามมารดา พร้อมกับมือเล็กลากจูงกระเป๋าใบเล็กลายซุปเปอร์แมนของตนเอง เตรียมที่จะขึ้นรถโดยสารเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ต่างทยอยออกมาจากสนามบิน บางคนก็มีรถโก้หรูมารับพร้อมกับมี ญาติ ๆ มาโอบกอดต้อนรับอย่างอบอุ่น จนหนุ่มน้อยมองด้วยสายตาละห้อยและอยากให้ตนเองกับแม่มีภาพอย่างนี้บ้าง
“นี่ก็ใกล้เย็นแล้วหม่ามี๊ว่า เราไปหาโรงแรมพักก่อนดีกว่านะ”
“โอเคฮะหม่ามี๊ หม่ามี้อยู่ที่ไหนนิคก็อยู่ได้ ขอเพียงแค่มีมัมมี๊อยู่ด้วยก็พอ”
หนุ่มน้อยยิ้มให้กำลังใจเล็กน้อยให้กับมารดาถึงแม้ในใจจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองด้อยต้อยต่ำกว่าเด็กคนอื่นทั่วไป เพราะเขาไม่มีพ่อเหมือนเด็กคนอื่น ๆ
แถมเพิ่งรู้ว่ามารดาไม่มีบ้านที่เมืองไทยอีก อีกทั้งยังไร้ญาติพี่น้องแม้แต่บิดามารดาแท้ ๆ ก็ตายไปหมดแล้ว แต่มารดาก็เลือกที่จะพาเขากลับไทยอยู่ดี
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แหม... นายหัวนี่ตลกนะคะ” ป้าแม่บ้านหัวเราะทั้งน้ำตาเช่นเดียวกับคุณกรกนกด้านหน้าโรงพยาบาลสามแม่ลูกพึ่งลงจากรถโดยสารสีหน้าเศร้าสร้อยไร้ซึ่งความสุข ดวงตาของชนิดาภากับนิคยังบวมเบ่งแดงก่ำ“หม่ามี้คุณย่าจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ” นิคเงยหน้าถามในขณะที่กำลังอยู่ในลิฟท์กับมารดา“แน่นอน พวกเราคือกำลังใจของท่าน ต่อไปเราจะไม่กลับไปที่เชียงรายอีก หม่ามี้ตัดสินใจแล้วที่จะขายที่นั่น เราจะอยู่ที่เกาะแก้วมายาเป็นเพื่อนและดูแลคุณย่าของหนู”“เย้ ดีจังเลยครับ ถ้าคุณย่ารู้ต้องดีใจมากแน่”รอยยิ้มดีใจของนิคที่เธอพึ่งได้เห็นเป็นครั้งแรก ตั้งแต่นิคได้รู้ข่าวของบิดา เขาเศร้าตลอด จนเธอนึกเสียใจที่ตนเองมีส่วนทำลายความสุขของลูกด้วย เธอเองก็เสียใจและเจ็บปวดไม่แพ้นิคกับคนอื่นก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังก่อนเปิดเข้ามา ชนิดาภากับนิคยืนนิ่งราวกับช็อค น้ำตาทั้งสองไหลพล่านจนตัวโยน ความฐิติในใจหญิงสาวหายหมดสิ้น ขอเพียงเขายังมีชีวิตอยู่“แด๊ดยังไม่ตาย หม่ามี้แด๊ดยังไม่ตาย ไชโย” นิควิ่งเข้ากอดบิดาแน่นเช่นเดียวกับราเชนทร์ ที่อ้าแขนรอรับ“แด แด กอด นันนี่ ด้วย”เสียงใสที่ยังพูดไม่ชัดเท่าไหร่นัก กับสองแขนท
“เอ่อ... คือ... เท่าที่ผมรู้ นายหัวประสบอุบัติเหตุขากลับจากเชียงรายจนรถไหม้ทั้งคัน เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว หลังจากมาพบคุณ”“หมายความว่า... ฮือ ฮือ เขา... เขา... ““ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีมีงานต้องไปจัดการต่อ หากเป็นไปได้รบกวนคุณแอมนำเอกสารของตัวเองและเด็กไปให้ผมด้วยนะครับ ผมจะได้ติดต่อทำเรื่องตามพินัยกรรมให้เสร็จ”“ขอบคุณค่ะที่คุณทนายอุตส่าห์เสียเวลามาที่นี่ตั้งไกล”“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ เอ่อ... ไม่ทราบว่าคุณแอมทราบหรือเปล่าครับ ว่าคุณกรกนกตอนนี้ก็กำลังอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะตรอมใจที่เสียคุณราเชนทร์ ตอนนี้กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”“พรุ่งนี้เราทั้งสามจะไปที่นั่นค่ะ ขอบคุณนะคะ พวกเราไม่เคยรู้มาก่อน อาจเป็นเพราะไม่มีใครรู้ว่าจะติดต่อพวกเราที่ไหน”ทนายความกลับไปแล้ว น้ำตาของเธอยังคงหลั่งไหลเช่นเดิม เป็นเพราะคำพูดของเธอ เขาถึงได้จากไปแบบนี้ชนิดาภานึกโทษตัวเอง ความเจ็บปวดในใจกับการสูญเสียจนนึกอยากตายตามเขาไป หากเธอไม่มีลูกให้ต้องดูแล เธอคงเลือกตามคนรักไปแล้ว เธอไม่คิดว่าเขาจะยกเงินในบัญชีมากมายให้กับเธอ นี่เขารักเธอจริงงั้นเหรอ เธอไม่น่าปฏิเสธเขาเลย “ฮือ ฮือ แอมม
“ปล่อยค่ะ ฉันมีคนรักแล้ว เกิดเขามาเห็นเข้าจะเข้าใจผิดได้นะคะ ฉันหมดรักคุณแล้ว ปล่อยเถอะค่ะ เราเป็นแค่พ่อและแม่ของนิคกับฮันนี่เท่านั้น”อ้อมแขนแกร่งหมดเรี่ยวแรงปล่อยเธอเป็นอิสระ ร่างสูงในตอนนี้เสมือนร่างไร้วิญญาณ มองดูเธออย่างรักหมดใจ น้ำตาที่หญิงสาวไม่เคยเห็นหลั่งลงมาอย่างไม่อาย “ขอบคุณที่เคยรักและจริงใจกับพี่เสมอมา พี่ไม่ดีเอง พี่มันเลว ไม่สมควรจะได้ความรักตอบจากแอมมี่หรอก ตอนนี้พี่รู้ตัวเองแล้ว ว่าพี่มันเลว ต่อให้แก้ไขตัวเองให้ดีในตอนนี้คงไม่มีความหมายสำหรับแอมมี่แล้ว ขอให้ผู้ชายคนนั้นรักแอมมี่ให้มาก ๆ และเอ็นดูลูกของเราเสมือนลูกแท้ ๆ ลาก่อน”รถยนต์วิ่งออกไปนานแล้ว แต่ชนิดาภายังคงยืนนิ่งทั้งน้ำตาอยู่ตรงนั้น ทุกคำพูดของชายหนุ่มเจ้าของหัวใจเธอยังดังก้องในหัวเหมือนคำสั่งลาไม่มีผิด จนใจดวงเล็กรู้สึกเป็นห่วงและสังหรณ์แปลก ๆ ตลอดทั้งคืนเธอนอนแทบไม่หลับ อีกทั้งยังฝันร้ายให้ต้องหวาดผวาหนึ่งเดือนต่อมาเกาะแก้วมายาเต็มไปด้วยความเศร้าเมื่อคุณกรกนกตรอมใจล้มป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล ตั้งแต่ราเชนทร์ขับรถกลับจากเชียงรายในครั้งนั้นประสบอุบัติเหตุรถยนต์ไหม้เกรียมทั้งคัน ตำรวจสันนิฐานว่าเขาตายในกองเพลิ
“เราไม่มีสิทธิ์จะไปห้ามหนูแอมมี่ได้รู้มั้ย เขาหย่ากับเราตั้งนานแล้ว ตอนนี้มีแค่สถานะพ่อและแม่ของนิคกับฮันนี่เท่านั้น แค่หนูแอมมี่ไม่กีดกันการพบเจอกับลูกแกก็ดีเท่าไหร่แล้ว”คำตอบมารดาทำให้ชายหนุ่มใจห่อเหี่ยวแทบหมดแรงกายแรงใจที่จะสู้ต่อ ขากำยำทั้งสองรู้สึกเหมือนแผ่นดินตรงหน้ากำลังจะทรุดตัวลงหายไป“แต่เธอเป็นเมียผม ถึงจะเป็นเมียที่หย่าไปแล้ว แต่ผมเชื่อว่าที่ผ่านมาเธอมีผมคนเดียวแน่ ผมจะไปตามทุกคนกลับมา ผมจะแต่งงานกับแอมมี่ใหม่ ขอตัวนะครับแม่”ราเชนทร์รีบเดินขึ้นไปบนห้องอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เก็บเสื้อผ้าเข้ากระเป๋าใบเล็ก“เฮ่อ... แม่ขออวยพรให้แกสมหวังนะราเชนทร์”จ. เชียงราย ราเชนทร์เคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนตอนที่พัสกรกับแพรลตาจัดงานแต่งงานกัน ชายหนุ่มขับรถมาเพียงคนเดียวด้วยความรีบร้อน แม้ร่างกายยังไม่ได้พักผ่อนเลยสักนิดก็ตาม“อุ้ย พี่ราเชนทร์นั่นเอง แพรนึกว่าใครที่ไหนซะอีกค่ะ เชิญเข้าบ้านก่อนสิคะ”แพรลตายิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าแขกในยามวิกาลใกล้สามทุ่ม“ขอโทษทีนะ ที่พี่มารบกวนในตอนนี้”“รบกวนอะไรกันคะ แพรชวนพี่มาเที่ยวที่นี่ตั้งหลายครั้ง แต่พี่ก็ไม่ยอมมาเลย”“เออ... น้องแพรค
“พี่จะนอนด้วย”“ไม่ค่ะ ออกไปสิคะ”ราเชนทร์ไม่ฟังเดินเลี่ยงร่างบางในชุดนอนน่ารักเหมือนเด็กสาววัยรุ่นลายคิดตี้สีชมพูยาวเหนือหัวเข่า โชว์เรียวขาขาวนวลเนียวสวยจนเขาแอบลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระหายหิว อยู่ใกล้กันแต่ไม่อาจจับเธอมากลืนกินได้ ทรมานเขาโดยแท้“แด แด มาแย้ว”มือเล็กกลมป้อมยกชูให้บิดาอุ้มปากเล็กยิ้มกว้างทั้งน้ำตาอาบแก้ม เมื่อเห็นพ่อแม่เดินมาหาตน“มาครับเด็กดี แด๊ดดี้มาแล้ว ขอนอนด้วยคนนะครับ”“นอน นอน นี่ แด้ เหม็น”หนูน้อยย่นจมูกโด่งเรียวเล็ก เมื่อได้กลิ่นเหล้าโชยมาแตะปลายจมูก ราเชนทร์กำลังจะก้มลงหอมแก้มลูกสาวโดยลืมไปว่าเขาพรมเหล้าตามเสื้อผ้าและดื่มมาเล็กน้อยตามแผนการที่หารแนะนำ เพื่อแกล้งเมาเข้าหาเมีย แต่ตอนนี้แผนเสียหมดแล้ว“ขอโทษที แด๊ดไปอาบน้ำก่อน”ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องน้ำสักพัก ก่อนออกมาในชุดเสื้อคุมเรียบร้อย ชายหนุ่มมองภาพบนเตียงอึ้งปนอิจฉาลูกสาวตัวน้อย ที่มือเล็กอวบกำลังล้วงจับแตะต้องดอกบัวตูมของมารดาเล่น“แบ่งแด๊ดเล่นด้วยได้หรือเปล่าฮันนี่”ปากกล่าวกับบุตรสาว แต่ดวงตาเร่าร้อนมองสบตาเธอ จนหญิงสาวหน้าร้อนผ่าวเขินอาย ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้เขากล้
เกาะแก้วมายาตลอดทั้งอาทิตย์ที่มาอยู่ที่นี่ ชนิดาภาไม่ยอมคุยและคอยหลบหน้านายหัวราเชนทร์เสมอ ส่วนนิคกับมีความสุขกับเพื่อนเก่าบนเกาะ จนลืมความโกรธเคืองที่มีต่อบิดาและคุณย่าหมดแล้ว เขาชอบที่นี่และอยากอยู่ที่นี่ ยิ่งตอนนี้บิดากับคุณย่าเอาใจเขาทุกอย่าง จนความบาดหมางแทบไม่เหลือตามประสาเด็กโกรธง่ายลืมง่าย“นิคมานี่สิลูก” เสียงอ่อนโยนของคุณย่าเรียกขาน“มีอะไรหรือครับคุณย่า โอ้โห เรื่องเพชรเยอะจังเลยครับ”“หลานชอบชุดไหน ย่าจะยกให้ เอาเก็บไว้วันข้างหน้าเวลาหลานไปสู่ขอสาวไงลูก”“เออ... จะดีหรือครับ ตอนนี้พึ่งแปดขวบเองนะครับ อีกนานกว่าผมจะโต”“ดีสิจ๊ะ ถือว่ารับขวัญหลานชายคนโต ส่วนหลานฮันนี่ต้องชุดนี้ หลานว่าสวยมั้ย”“สวยมากครับ งั้นผมเอาก็ได้ครับ ตอนนี้ผมยังเก็บไม่เป็นให้หม่ามี้เก็บให้ได้หรือเปล่าครับคุณย่า”“ได้สิจ๊ะ ชุดใหญ่นี้ย่าจะให้หม่ามี้ของหลาน จะได้มีไว้สวมใส่ออกงานกับพ่อหนู”“คุณย่าไม่เกลียดหม่ามี้แล้วเหรอครับ” คุณกรกนกชะงักอึ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างกับคำถาม“ตอนนั้นย่าผิดไปแล้วลูก ตอนนี้ย่าปรับปรุงตัวเองแล้ว ย่าน่ะรักแม่หนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งแล้วล่ะ ดีมั้ย”“ดีจังเลยครับที่คุณย่ารักหม่
“คุณพี่คะ หนูแอมกับหลานกลับมาแล้วนะคะ คุณพี่มีหลานเป็นทายาทรุ่นต่อไปจากราเชนทร์แล้วนะคะ ลูกเราจะไม่อยู่โดดเดี่ยวในยามแก่ชราแล้วนะคะ นี่คือหลานสาวของเราเธอน่ารักมาก” เธอกล่าวกับสามีด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตาชนิดาภามองภาพนั้นน้ำตาซึม ไม่คิดว่าผ่านไปหลายปี คุณกรกนกจะเปลี่ยนไปมากเช่นเดียวกับนายหัว“แด๊ดครับ เมียผมกลับมาแล้วครับ” ราเชนทร์ตั้งใจพูดให้ร่างเล็กที่นั่งด้านข้างได้ยิน“นี่คุณ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ”“ก็เป็นความจริงนี่”“หนูแอมบอกคุณลุงสิลูก ว่าหนูจะกลับมาอยู่ที่เกาะแก้วมายา รู้มั้ยลุงเจสันของหนูรักหนูมากแค่ไหน ป้าเองขอโทษกับทุกเรื่องที่ผ่านมา ราเชนทร์รักหนูมากนะ อาจรู้ตัวช้าไปหน่อย แต่ป้าหวังว่าหนูจะให้อภัยป้าและราเชนทร์ อย่าไปไหนอีกเลยนะหนูแอมมี่”ดวงหน้าวิงวอนขอความเห็นใจจากมารดาชายหนุ่มกล่าวทั้งน้ำตาซึม ทำให้หญิงสาวไม่อาจแข็งใจตอบปฏิเสธได้“เอ่อ คือ หนู คงไม่สะดวกกลับมาอยู่ที่เกาะหรอกค่ะ เพราะหนูซื้อบ้านให้ตัวเองแล้ว”“นี่หนูจะปฏิเสธคำสั่งก่อนเสียคุณลุงงั้นเหรอ หากยังมีชีวิตอยู่เจสันคงเสียใจแย่ ฮือ ฮือ คุณพี่คะ คุณพี่ได้ยินมั้ยคะว่าหนูแอมมี่ขัดคำสั่งของคุณพี่ จะพาหลานหนีไปอีกแล้ว ฮือ
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ไอ้หาญแกมารับแขกแทนฉันที”“ได้ครับนายหัว อุ้ย คุณแอม คุณแอมจริงด้วย สวัสดีครับคุณแอม คุณแอมไปอยู่ที่ไหนมาครับ รู้มั้ยครับนายหัวตามหาคุณแอมมาโดยตลอด คุณท่านทั้งสองก็รอคุณแอมเสมอ” ชนิดาภาทำหน้าไม่ถูกกับสิ่งที่ได้ยิน“มาสิ พี่จะพาเข้าไปกราบคุณพ่อ” มือหนายื่นโอบเอวบางบังคับออกเดิน“ปล่อยมือคุณออกเถอะค่ะ ฉันเดินไม่สะดวก”“ใช่ครับ นายหัวควรปล่อยมือจากเอวหม่ามี้ได้แล้ว”นิคที่วิ่งตามมาทันกล่าวท้วงติง แต่นิคต้องตกใจนอกจากนายหัวไม่ปล่อย ยังเอื้อมมือหนามาจับกุมมือเล็กของเขาจูงเดินไปด้วยกัน ความอุ่นที่มือทำให้ฐิติในใจนิคแทบเลือนหายผู้คนในงานต่างหันมามองภาพตรงหน้า ภาพทั้งสี่บ่งบอกถึงความเป็นครอบครัว หนูน้อยยิ้มสวยราวกับนางแบบโพสท่าไร้เดียงสาอย่างน่าเอ็นดู ทำให้บรรยากาศเศร้าหมองของงานศพเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงซุบซิบอยากรู้เริ่มดังไปทั่วงาน ไม่เว้นแม้แต่นักข่าวแชะ แชะ แชะแสงเฟลซทำให้ชนิดาภายกมือป้องตาหนูน้อยด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะมีกองทัพนักข่าวในงานนี้ด้วย ถึงแม้ตระกูลของนายหัวจะมีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับในต่างประเทศ“ใครคะนายหัว ช่วยตอบคำถามหน่อยค่ะ”“ภรรยากับลูกผมเองครับ
วันนี้เป็นงานศพวันสุดท้ายก่อนที่จะเผาในตอนบ่ายสามโมงเย็น คุณเจสันเมื่อก่อนนับถือคริตส์ แต่เมื่อได้แต่งงานกับภรรยาชาวไทย เขาที่ชื่นชอบความเป็นไทยก็เปลี่ยนมานับถือพุทธอย่างถาวรแพรลตากับพัสกรอยู่ช่วยงานศพได้สามวันแล้ว พวกเขาตั้งใจว่าหลังเผาศพเรียบร้อยก็จะกลับเชียงราย เหล่าคนงานทั่วเกาะและในบริษัททุกสาขาล้วนส่งตัวแทนมาช่วยงานอย่างเต็มใจราเชนทร์ที่คอยทำหน้าที่รับแขกทั้งในและนอกสีหน้าเศร้าหมองแทบไร้รอยยิ้มดวงตาคมเหลือบมองรอบงานเสมอด้วยความหวัง ว่าจะเห็นชนิดาภากับลูกบ้าง แต่ความหวังเหล่านั้นคงไม่มีแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเผา โชคดีที่สองหนุ่มน้อยมายืนเป็นเพื่อนคอยชวนคุยสร้างบรรยากาศให้ไม่เศร้าเกินไป“หม่ามี้ฮะ นั่นน้องกายกับน้องสิงห์นี่นา พวกเขารู้จักคุณปู่ด้วยเหรอครับ”นิคทำหน้าสงสัยถามมารดาอย่างตัดสินใจว่าจะเข้าไปเลยดีมั้ย อีกใจก็กลัวจะถูกคุณกรกนกกับนายหัวราเชนทร์ขับไล่ออกมา เขาและแม่กับน้องเหมารถโดยสารจากสนามบินมาที่นี่ และอยู่ในรถมาสักพักแล้วอย่างตัดสินใจไม่ได้“นี่ค่าโดยสารค่ะ ไม่ต้องทอนนะคะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”ทั้งสามลงจากท้ายรถโดยสารมุ่งหน้ามาที่น้องกายกับน้องสิงห์ ที่คอยทำหน้าที่รั
Comments