บทที่ 2
“ฝน...แกก็พูดเว่อร์ไป เราอยากเรียนออกแบบมากกว่า ก็เลยเลือกมหาวิทยาลัย…นั่น” ภัทรานิษฐ์เอื้อมมือมาตีหมับลงไปบนต้นแขนของศิรดาเบาๆ ที่เอ่ยเรื่องน่าอายของเธอออกมา เพระทุกอย่างมันคือความจริง แค่การได้เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนั่นก็ใช่ว่าเธอจะได้สานสัมพันธ์กับพัฒน์ชนะมากขึ้นเสียเมื่อไหร่ เพราะชายหนุ่มก็ยังเป็นหนุ่มฮอตเหมือนเดิม มีแต่คนสนใจโดยเฉพาะสาวๆ ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงจะอยู่ใกล้กันแค่ไหนแต่สำหรับเธอ พัฒน์ชนะเหมือนอยู่ไกลจนเอื้อมไม่ถึง เขาไม่เคยมองเห็นเธอในสายตาด้วยซ้ำ แม้จะทำตัวเด่นก็ตาม “ไม่เว่อร์ล่ะ ถ้าแกเลิกชอบพี่แพทนานแล้ว ป่านนี้ทำไมยังโสดวะ เรียนจบมาก็ตั้งสองสามปี ไม่เห็นจะมีแฟน หน้าตาแกก็สวยจนไปประกวดนางงามยังได้เลย” คำถามของเพื่อนช่างจี้ใจดำคนโสดแบบไม่ตั้งใจโดยแท้ “อ้าว...ทำไงได้ ก็คนมันยังไม่รักใครนี่นา อยู่แบบโสดๆ อย่างนี้ชีวิตฉันก็สบายดีออก” คนโสดยักไหล่ให้ เพราะบางครั้งคนไม่โสดอย่างใครบางคนข้างหน้าก็แอบอิจฉาคนโสดอย่างเธอเหมือนกัน เพราะในกลุ่มคนที่มีแฟนและมีแววว่าจะสละโสดคนแรกนั่นคือศิรดา “เหรอ…ถามหัวใจแกก่อนค่อยตอบฉันก็ได้ ชิชิ อย่าหาว่าไม่รู้” ศิรดายิ้มกริ่ม เพราะรู้ว่าภัทรานิษฐ์แอบแซวเธอ “รู้ดี...ขอหวยงวดหน้าหน่อยสิยัยฝน ฉันจะได้ขายร้านเวดดิ้งมาซื้อ”ภัทรานิษฐ์แบมือไปยังเพื่อน สีหน้ายิ้มๆ อยู่ในที “โยกโย้นะแก…เก๋ไฟเขียวแล้ว เลิกเติมแก้ม" เพื่อนสาวหันมาแยกเขี้ยวให้คนขับรถ ก่อนจะสะกิดบอกลักขณาให้รู้ตัว “เออๆ”คนขับรถวางตลับแป้งลง ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์และรีบเหยียบคันเร่งเพื่อขับรถให้ผ่านแยกนรกนี้ให้ได้ ถ้าขืนติดไฟแดงอีกรอบพวกเธอก็คงไม่ต้องเข้างานมันแล้ว เลี้ยวรถกลับบ้านเลยดีกว่า พัฒน์ชนะขับรถแซงคันที่สาวๆ นั่งอยู่ เนื่องจากเลนของเขาค่อนข้างว่าง แต่ก็ไม่วายมองรถคันดังกล่าวผ่านกระจกหลัง เนื่องจากใบหน้าของหญิงสาวที่เห็นยังติดตาและอยากรู้ว่าเธอคือใคร พัฒน์ชนะขับรถมาถึงหน้าโรงแรม ชายหนุ่มแทบไม่ต้องวนหาที่จอดรถเพราะเพียงแค่พนักงานเห็นทะเบียนรถเขาเท่านั้นก็วิ่งไปเอากรวยที่กั้นจุดจอดรถของแขกระดับวีไอพีออกให้ชายหนุ่มได้เลี้ยวรถเข้าไปจอดทันที เมื่อจอดรถเรียบร้อย เจ้าของโรงแรมก็เปิดประตูรถแล้วก้าวออกมา ก่อนจะเดินผิวปากขึ้นไปยังห้องจัดเลี้ยงทันที “แพท...ทางนี้เพื่อน”อนุภพเอ่ยเรียกพร้อมทั้งโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณเรียกพัฒน์ชนะ ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะตัวดังกล่าว สายตาของสาวๆ ทุกคนในงานล้วนจับจ้องมายังชายหนุ่ม ผู้ที่ฮอตมากที่สุดสมัยเรียนนั่นคือพัฒน์ชนะ บางคนถึงขั้นเขินอายหน้าตาร้อนผ่าวๆ เพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมางานวันนี้ด้วย เนื่องจากทุกปีที่ผ่านมาไม่เห็นวี่แวว ส่วนรุ่นน้องบางคนที่เข้าเรียนไม่ทันตอนที่พัฒน์ชนะเรียนอยู่ แทบไม่ต้องบอกเล่า เพียงแค่ได้เห็นหน้าชายหนุ่มตอนนี้ก็ต่างพากันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่จนแทบจะลืมอายุ เรียกได้ว่าพอเดินเข้ามาในงาน พัฒน์ชนะก็กลบรัศมีผู้ชายแทบทุกคนก็ว่าได้ แม้จะผ่านมาหลายปีแต่ชายหนุ่มก็ยังคงเป็นจุดสนใจได้อยู่เสมอ “โทษทีว่ะ รถมันติด”เสียงทุ้มๆ ของพัฒน์ชนะเอ่ยบอกเพื่อนร่วมโต๊ะ ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง “เออ แต่เอ็งไม่น่ามาเลยว่ะ พวกข้าเรตติ้งตกกันหมดพอดี สาวๆ รุ่นพี่รุ่นน้องรุ่นเดียวกันในงานมองเอ็งคนเดียวไอ้แพท”พูดจบอนุภพก็ลอบถอนหายใจออกมา รู้สึกปลงๆ กับชีวิตอย่างบอกไม่ถูก “เอ็งยังไม่ชินเหรอวะไอ้ภพ” “ยังโว้ย เอ็งนี่หลงตัวเองไม่เลิก” “ไม่ได้หลง มันเรียกว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย พอรู้ว่าตัวเองยังฮอตแบบนี้ก็คุ้มค่าที่จะมางานเลี้ยงรุ่นหน่อย”พัฒน์ชนะเอ่ยอย่างภูมิใจ เพราะคิดว่าความฮอตของเขาจะหล่นหายไปตามกาลเวลาเสียแล้ว “เออ…ไอ้คนหล่อ" อนุภพเอ่ยตอบทำนองหมั่นไส้ พัฒน์ชนะนั้นแทบไม่ได้นั่งติดที่ เพราะมีสาวๆ เข้ามาขอคุยด้วยอย่างต่อเนื่อง ถามไถ่เรื่องนั้นเรื่องนี้แต่จะเน้นเรื่องคนรักเสียเป็นส่วนใหญ่ คนไหนที่พัฒน์ชนะเคยควงสมัยเรียน พอมาเจอกันวันนี้หญิงสาวก็ต่างพยายามทำให้ตัวเองดูโดดเด่น เพื่อให้ชายหนุ่มนั้นกลับไปสนใจอีกครั้ง แต่พัฒน์ชนะยังคงนิ่งเฉย จนสาวๆ พวกนั้นอดรนทนไม่ไหวเป็นฝ่ายเดินเข้ามาคุยกับชายหนุ่มเสียเอง ขณะที่ภายในงานกำลังครึกครื้นด้วยมีคนสร้างสีสันอย่างพัฒน์ชนะอยู่ทั้งคน ทางด้านภัทรานิษฐ์และเพื่อนทั้งสองก็กำลังวนหาที่จอดรถภายในโรงแรมเหมือนกัน นอกเสียจากรถจะติดจนชวนให้อยากกลับบ้านแล้ว ที่จอดรถก็ยังหายากอีกซึ่งกว่าจะมีที่ว่างสามสาวก็ช่วยกันมองหาจนคอแทบเคล็ด “โรงแรมอะไร ที่จอดรถน้อยชะมัด” ขณะเดินเข้าโรงแรม ลักขณาก็เอ่ยแบบไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก “เอาน่าแก วันนี้แขกคงเยอะ ไหนจะงานแต่ง งานอื่นๆ อีก เพราะแค่งานเลี้ยงรุ่นของเราก็ปาเข้าไปเกือบร้อยคนแล้วมั้ง ที่จอดรถก็ต้องเต็มเป็นธรรมดา”ศิรดาเอ่ยขึ้น เพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวหน้านิ่วคิ้วขมวด เดี๋ยวจะไม่สวย “สวย คิดบวก”ลักขณาหันมาแซวเพื่อน ศิรดาจึงรีบเอ่ยรับทันที “ขอบคุณที่ชม” “สวยทั้งคู่นั่นแหละ เข้างานกันเถอะ”ภัทรานิษฐ์เอ่ยปิดประเด็น ก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องจัดเลี้ยง พอก้าวเข้าไปในห้องได้ สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมายังภัทรานิษฐ์เป็นตาเดียว เหมือนกับตอนที่มองพัฒน์ชนะไม่มีผิด หญิงสาวออกอาการประหม่านิดหน่อย เพราะนานแล้วที่ไม่ได้ตกอยู่ในสายตาของคนมากมายแบบนี้ สามสาวเดินไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนผู้หญิงโบกไม้โบกมือให้อยู่ ++++++++++++++++ ฝากติดตามผลงานของนักเขียนนามปากกา วรนิษฐา ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะบทที่ 3“น้องยี่หวามาด้วยเหรอวะ ยิ่งโต ยิ่งสวย ผ่านมากี่ปีก็ยังสวยไม่เปลี่ยน”สายตาของอนุภพจับจ้องไปยังภัทรานิษฐ์แบบไม่กระพริบ บางครั้งก็แอบลามกสำรวจทรวดทรงองค์เอวของเธอ เพราะภัทรานิษฐ์ในความทรงจำนั้นใส่แค่ชุดนักเรียนและชุดนิสิต แต่วันนี้เธอเป็นสาวสะพรั่ง หน้าอกหน้าใจอวบอูม เอวคอดกิ่ว ผิวสวยๆ ที่เห็นเมื่อไหร่ก็อยากเข้าไปสัมผัสแต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด“ไหนวะ น้องยี่หวาของเอ็ง" พัฒน์ชนะมองตามสายตาของอนุภพไปเหมือนกัน ก่อนจะเอ่ยถามว่าคนที่ทำให้เพื่อนออกอาการเพ้อได้ขนาดนี้คือใคร “นั่นไง คนที่ใส่ชุดเกาะอกสีฟ้านะ”อนุภพเอ่ยบอกพิกัดพัฒน์ชนะจึงมองตามไปก่อนจะถึงบางอ้อ ที่เขาไม่ทันเห็นเมื่อครู่ก็เพราะมีหนุ่มๆ ยืนล้อมหน้าล้อมหลังเธออยู่นั่นเอง “อ้อ...ผู้หญิงในรถนั่นเอง” “อ้อ...อุทานเหมือนไม่รู้จัก เฮ้ย...อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้จักน้องเขา”คนขี้สงสัยเอ่ยถาม เพราะอนุภพไม่เชื่อว่าพัฒน์ชนะจะไม่รู้จักภัทรานิษฐ์ แต่ก็อาจจะไม่แน่เพราะเพื่อนของเขานั้นออกจะเป็นหนุ่มเนื้อหอมมีสาวๆ รายล้อมอยู่เป็นประจำ“ไม่รู้จัก”พัฒน์ชนะเอ่ยตอบตามตรง แม้จะไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ที่เขารู้สึกว่าคุ้นหน้า คงเป็นเพราะเคยเรียนที
บทที่ 4 ส่วนศิรดาและลักขณาซึ่งนั่งประกบซ้ายขวาขนาบข้าง ภัทรานิษฐ์อยู่ หันมามองคนตรงกลางพร้อมกันหลังจากบรรดาหนุ่มๆ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นเดียวกัน และรุ่นน้องที่มาร่วมงานต่างก็เข้ามาทักทายภัทรานิษฐ์และทักเพื่อนอย่างพวกเธอตามมารยาทได้กลับไปนั่งที่โต๊ะหมดแล้ว เสียงตื่นเต้นและดีใจของศิรดาก็ดังขึ้น “ยี่หวา...พี่แพทมาด้วยล่ะ กรี๊ด!!!” “เหรอ หวาไม่ยักจะเห็นพี่เขาเลย” ภัทรานิษฐ์แสดงสีหน้าได้เรียบเฉยมาก แต่ใจนั้นไม่ใช่เลย “แกนี่...พี่แพทนั่งแแปลกๆ?อยู่โต๊ะนู้นไม่เห็นเหรอ” พูดจบศิรดาก็แอบมองไปยังโต๊ะที่รุ่นพี่สุดฮอตนั่งอยู่อีกครั้งด้วยท่าทีขัดเขิน ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นว่ามีสาวนางหนึ่งไปเจ๊าะแจ๊ะกับขวัญใจของเธอ “ไม่เห็น” เสียงใสๆ ของภัทรานิษฐ์ก็ยังคงปฏิเสธ ก่อนจะหยิบแก้วที่มีน้ำพั้นช์สีสวยขึ้นดื่มแก้คอแห้ง “ผู้ชายในดวงใจที่แกแอบชอบพี่เขามานานแสนนาน นั่งอยู่ในงานแกจะไม่เห็นได้ยังไง แถมตอนนี้ยังมีชะนีนางหนึ่งไปคุยกับพี่เขาอยู่ด้วย” “ฝน...เราไม่ได้ชอบพี่เขาแล้ว เลิกพูดสักที อีกอย่างพี่เขาจะคุยกับใครมันไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย” ภัทรานิษฐ์เอ่ยค้าน “ตามใจ” ศิรดาเอ่ยตบอกแบบปลงๆ เพราะรู้อยู่ว่าเพื่อนส
บทที่ 5“ว่างๆ เราไปกินข้าวกันนะครับ” “อืม...ขอคิดดูก่อนนะคะ เพราะหวากลัวแฟนพี่ภพจะว่าเอา” “ครับๆ” อนุภพจำเป็นต้องเอ่ยรับ เพราะรู้ว่านั่นคือการปฏิเสธแบบอ้อมๆ อย่างถนอมน้ำใจจากเธอ เมื่ออนุภพแยกตัวออกไปชายหนุ่มก็มีสาวๆ มาขอชนแก้วและคุยด้วยไม่น้อยเลย โดยส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ กันมากกว่า ชายหนุ่มพยายามปลีกตัวไปหาพัฒน์ชนะและเขาก็ทำได้สำเร็จ ทันที่ที่หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ได้ก็เอ่ยบอกในสิ่งที่ได้รู้มา “น้องเขามีแฟนแล้วว่ะ”“แล้วไง” พัฒน์ชนะเอ่ยถามอย่างเป็นเรื่องปรกติ เขาไม่สนถ้าจะมีอะไรกับผู้หญิงที่มีแฟนแล้ว เพราะพวกผู้หญิงที่ข้องเกี่ยวกับเขาส่วนใหญ่ต่างก็เป็นฝ่ายสมยอมให้กับเขาเอง เขาไม่ได้บังคับใจใครสักหน่อย“ไอ้นี่หนิ” อนุภพส่ายหน้าให้ ก่อนจะพูดเรื่องที่อยากพูดแต่ทำได้เพียงแค่อ้าปากก็ต้องหยุด เพราะมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้น “พี่แพท พี่ภพคะ ชนแก้วกันหน่อยสิ” สาวสวยสามสี่คนล้อมหน้าล้อมหลังอนุภพกับพัฒน์ชนะจนแทบไม่มีความเป็นส่วนตัว “อย่าไปไหน เดี๋ยวข้ามาคุยต่อ” อนุภพพาสาวๆ ออกไปก่อนเพื่อหวังจะกลับมาคุยกับเพื่อนใหม่ ส่วนภัทรานิษฐ์เองก็มีหนุ่มๆ อีกหลายคนเดินเข้าไปคุย ชวนเธอชนแก้ว ถามเรื่องงานบ
บทที่ 6“แต่ก็ไม่ผิดนะที่จะบอกใครบางคนว่าเราชอบเขา” ลักขณาพยายามเสนอ เพราะไม่อยากให้ภัทรานิษฐ์เก็บความรู้สึกนี้ไว้คนเดียวจนวันตาย “ก็ไม่ผิด แต่ติดที่เราไม่กล้าเอง จบไหมเพื่อน”“เออ…จบประเด็น” พอได้ยินคำตอบของเพื่อนสาวก็ทำเอาคนฟังไปไม่เป็นเหมือนกัน แต่ยิ่งรู้แบบนี้พัฒน์ชนะก็ยิ่งอยากได้อยากจะเอาชนะภัทรานิษฐ์มากขึ้นเท่านั้น มันคือความท้าทายแบบผิดๆ ของชายหนุ่มที่จะเป็นโซ่ผูกเขาไปจนวันตาย “เออนี่เก๋…เห็นกระเป๋าเราไหม” พูดจบสายตาของภัทรานิษฐ์ก็มองหากระเป๋าตัวเอง “ไม่นี่…ลืมไว้บนโต๊ะที่ห้องจัดเลี้ยงหรือเปล่า”“ท่าทางจะเป็นแบบนั้น เดี๋ยวเราลงไปเอาก่อนนะ ฝากยายฝนด้วย” คำพูดของภัทรานิษฐ์ทำให้พัฒน์ชนะรีบหลบออกไป “อืม” ลักขณาเอ่ยรับ ก่อนจะมองภัทรานิษฐ์ที่เดินออกจากห้องไป แล้วมองคนขี้เมาที่นอนอยู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกไปโทรหาแฟนหนุ่มของเธอ และเลือกออกไปคุยที่ระเบียงห้องพักอย่างกระหนุง กระหนิงตามประสาคนรักเพื่อรอภัทรานิษฐ์ส่วนคนขี้ลืมทั้งๆ ที่ไม่น่าลืมก็กดลิฟต์ลงไปยังห้องจัดเลี้ยง ซึ่งตอนนี้ภายในห้องจัดเลี้ยงค่อนข้างมืดเพราะปิดไฟเกือบหมดเพื่อให้ทุกคนที่มางานออกสเต็ปแดนซ์ตามจังหวะเสียงเพลงที่ดั
บทที่ 7“ไม่อยากให้เป็นแบบนี้หรอกเหรอครับ” พัฒน์ชนะเดินเข้ามาหาภัทรานิษฐ์ที่ในตอนนี้หญิงสาวยิ่งขยับหนีเพื่อออกห่าง ดึงสติกลับมาเพราะไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของเขาว่ามันคืออะไร หรือแค่อยากลองใจเธอ ภัทรานิษฐ์รู้ว่าพัฒน์ชนะนั้นเป็นเพลย์บอยมากแค่ไหน เพราะเหตุนี้เธอจึงไม่ยอมบอกว่าชอบเขา เพียงเพื่อจะได้เป็นของเล่นของชายหนุ่มแน่ๆ แล้วที่เขาบอกว่าชอบเธอก็ใช่ว่าจะเชื่อถือมันได้ว่าคือความจริง “ไม่ค่ะ เพราะยี่หวาไม่ได้ชอบพี่แพท ขอตัวก่อนนะคะ” ภัทรานิษฐ์รวบรวมความกล้า เดินผ่านพัฒน์ชนะเพื่อตรงไปยังประตูแต่ชายหนุ่มกลับจับข้อมือบางของเธอไว้ “เดี๋ยวสิ”“พี่แพท…ปล่อยแขนยี่หวาด้วยค่ะ” ภัทรานิษฐ์พยายามออกแรงยื้อให้หลุดจากการจับของพัฒน์ชนะ แต่คำพูดของชายหนุ่มกลับทำให้ตัวของภัทรานิษฐ์รู้สึกเย็นวาบ“คงไม่ได้” “พี่แพท!” ความกลัวทำให้ภัทรานิษฐ์ตัวสั่น เธอไม่เคยกลัวพัฒน์ชนะแบบนี้มาก่อน แววตาของชายหนุ่มเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ความรู้สึกของเธอบอกให้ออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด “รู้ไหมว่าพี่เป็นผู้ชายที่ถ้าอยากได้อะไรแล้วต้องได้”“ไม่ทราบค่ะ ปล่อย!”“พี่อยากได้ยี่หวา” คำพูดที่แสนเห็นแก่ตัวของพัฒน์ชนะทำให้ภัทรานิษฐ์
บทที่ 8“ไม่ได้” ชายหนุ่มสบตาที่สั่นระริกของภัทรานิษฐ์ แต่ไม่ได้มีความสงสารให้เธอเพียงนิด เพราะความต้องการของเขามีมากเกินจะหยุดได้แล้ว “สารเลว ปล่อยนะ อื้อ…” คำด่าทอและขอร้องถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากอีกครั้ง มือข้างหนึ่งของพัฒน์ชนะจับข้อมือของภัทรานิษฐ์จุดที่มีเนกไทมัดไว้ ส่วนอีกข้างกำลังสำรวจร่างกายเธอ ภัทรานิษฐ์ถึงกับสะดุ้งหนียามถูกมือหนาสัมผัส น้ำตาของความกลัวไหลอาบแก้มแต่พัฒน์ชนะไม่รับรู้เพียงนิด ชายหนุ่มถอนจูบออก ก่อนจะไซ้ซอกคอหอมๆ ของเธอ จูบต่ำลงไปเรื่อยๆ เมื่อริมฝีปากบางเป็นอิสระภัทรานิษฐ์ก็เฝ้าบอกให้เขาหยุดและปล่อยเธอ แต่มีหรือที่พัฒน์ชนะจะฟังคำพูดของเธอ ยามใดที่ริมฝีปากของชายหนุ่มสัมผัสถูกกายสาวภัทรานิษฐ์ก็สะดุ้งรับ สัมผัสวาบหวิวและเร่าร้อนซึ่งไม่เคยมีชายใดทำแบบนี้กับเธอมาก่อนมันทั้งน่าลิ้มลองและน่าหวาดกลัวไปพร้อมๆ กันชุดเกาะอกสีฟ้าของภัทรานิษฐ์ถูกพัฒน์ชนะร่นมันลงไปกองที่เอวคอดได้รูป ก่อนจะรั้งซิลิโคนที่หญิงสาวสวมแทนบราออกไปด้วย เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มไร้อาภรณ์ใดๆ ปิดกั้น ริมฝีปากร้อนๆ ของชายหนุ่มทั้งเฝ้าจูบ และขบเม้มรอบฐานดอกบัวคู่สวยทั้งสองข้าง มือก็ขยำขยี้ฟอนเฟ้นจนตั้งชัน
“ไม่นะ” ภัทรานิษฐ์สะดุ้งสุดตัว เบิกตากว้าง ทั้งตัวรู้สึกเย็นวูบสลับร้อน ไม่กล้ามองด้วยซ้ำว่าพัฒน์ชนะกำลังทำอะไรกับส่วนนั้นของเธอ แต่ชายหนุ่มมีหรือจะยอมหยุด เขารู้สาเหตุที่ภัทรานิษฐ์ไม่ประสาเรื่องบนเตียงแล้ว เพราะเธอยังบริสุทธิ์นั่นเอง เยื่อบางๆ ที่กั้นไม่ให้ลิ้นและนิ้วของเขาผ่านเข้าไปในตัวเธอมันบอกแบบนั้น ยิ่งได้รู้แบบนี้ พัฒน์ชนะก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้นไปอีกชายหนุ่มไม่ได้สนใจถุงยางอนามัยเลย เขารีบจัดการถอดอันเดอร์แวร์ของตัวเองออก ก่อนจะก้มลงไปใช้ลิ้นสัมผัสความเป็นหญิงของเธอหนักๆ จนภัทรานิษฐ์ขาสั่นไปหมดก็ว่าได้ หญิงสาวกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือดกับสัมผัสวาบหวิวเร่าร้อนที่เกิดขึ้น ตอนนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธความต้องการได้แล้ว มือที่ถูกมัดกำเข้าหากันแน่นยามที่ลิ้นของชายหนุ่มสัมผัสจุดที่ไวต่อความรู้สึกกลางตัว“อะ…พี่แพท” คนที่กำลังหลอมละลายเอ่ยเรียกชื่อพัฒน์ชนะ ไม่เต็มเสียงนัก ร่างบางของภัทรานิษฐ์บิดเร่าไปมา ท้องน้อยปั่นป่วนไปหมด ขนอ่อนบนร่างกายทุกเส้นตั้งชัน ขาทั้งสองข้างสั่นไหวเหมือนกับใจของเธอในตอนนี้ ที่มีทั้งความหวาดกลัวและอยากลิ้มลองรสเสน่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูที่ดังติดกันหลายครั้ง ทำให้ลักขณาที่กึ่งหลับกึ่งตื่น สะลึมสะลือเดินออกไปเปิดประตูให้ แต่ความง่วงแทบหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เคาะประตูว่าเป็นใคร“พะ…พี่แพท”“พี่แค่แวะมาดู ได้ข่าวว่าเพื่อนน้องเมามาก” พัฒน์ชนะเอาเรื่องเมามาเป็นข้ออ้าง สายตาแอบมองเข้าไปในห้องหวังได้พบภัทรานิษฐ์“อ้อ…ค่ะ ขะ…ขอบคุณ” ลักขณาเอ่ยตอบแบบงงๆ พัฒน์ชนะรู้เรื่องที่เธอพาศิรดามานอนในห้องนี้ได้ยังไง“แล้วนี่เรานอนกันกี่คน ที่นอนพอไหม”“พะ…พอค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่ถาม” ยิ่งรุ่นพี่หนุ่มถามมากเท่าไหร่ ลักขณาก็ออกอาการงงมากขึ้นเท่านั้น ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะมาถาม แต่ทำไมวันนี้ถึงได้สนใจเธอนัก“จริงสิ ในงานพี่เห็นยี่หวาแวบๆ กะว่าจะเข้าไปคุยเรื่องธุรกิจที่เขากำลังทำด้วยเสียหน่อย แต่พอหันมาอีกทีก็ไม่เห็นเขาแล้ว” พัฒน์ชนะเอาเ