เขาจ้างเธอมาเป็นภรรยาในนาม แต่เมื่อความใกล้ชิดทำให้ความสัมพันธ์เกินเลย และคนรักตัวจริงของเขากลับมา เธอจึงยอมเดินจากไปพร้อมลูกในท้องที่เขาไม่รู้ . . . . รมิดา เลขาสาวสู้ชีวิต ทำงานส่งตัวเองเรียนจนได้ทำงานเป็นเลขาของ หัสวีร์ หรือ ไรอัน หนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ปู่ย่าของหัสวีร์ ไม่ชอบผู้หญิงต่างชาติ หัสวีร์มีผู้หญิงที่คบหากันอยู่เธอเป็นเน็ตไอดอลและเป็นนางงามเวทีชื่อ ‘คาเรน’ แต่ระยะนี้คาเรนไม่ได้อยู่เมืองไทย ปู่ของหัสวีร์ต้องการให้หลานชายแต่งงานกับผู้หญิงที่ปู่ย่าเลือก หัสวีร์ตั้งใจรอคาเรนกลับมา แต่เพราะไม่ต้องการให้ปู่ย่ามาวุ่นวายเรื่องว่าที่ภรรยาจึงตัดสินใจจ้างเลขามาเป็นเมียปลอมๆ เพื่อปู่ย่ายกเลิกการดูตัวทั้งหมด รมิดายอมรับเงื่อนไขเพราะต้องการใช้เงิน เขาทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเธอไม่ยอมหย่ากับเขาง่ายๆ แต่เมื่อได้ใกล้ชิดกัน ความสัมพันธ์จึงเกินเลย และเมื่อคาเรนกลับมา รมิดาจึงจากมาพร้อมลูกในท้องที่เขาไม่รู้
ดูเพิ่มเติมแม้จะพักที่เดียวกัน แต่รมิดาไม่ได้ออกจากคอนโดพร้อมเจ้านาย แต่เช้านี้เธอได้รับข้อความที่ส่งมาทางไลน์ ‘รอที่ประตูทางออก’ หลังจากตื่นขึ้นมา รมิดาไม่แปลกใจที่ตัวเองสวมแค่ชุดชั้นใน ปกติเธอนอนคนเดียวบางคืนก็ใส่แค่บราเซียกับกางเกงขาสั้น นอนไม่เปิดแอร์เพราะอยากประหยัดค่าไฟ ถึงจะได้ฟรีค่าห้องแต่ค่าน้ำค่าไฟเธอจ่ายเองนี่นะ แรกทีเดียวเธอก็ไม่คิดอะไร ปวดหัวนิดหน่อยเพราะอาการเมาค้างแต่พอกินกาแฟดำก็บรรเทาได้มาก แต่ที่เธอตกใจก็คือกล่องขนมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างขวดเหล้าสาโท นี่มันกล่องขนมจากร้านคุณหัสดิน หรือคุณหัสดินเข้ามาห้องเธอ เจอสภาพเธอกลายเป็นขี้เมา แล้วปกติคุณหัสดินไม่เคยมาที่ห้องเธอเลย ตลอดเวลาทำงานมาเกือบห้าปี เวลาที่คุณหัสดินหิ้วขนมของกินมาให้ชิมจะเรียกเธอไปที่ห้องของหัสวีร์เสมอ แล้วยิ่งเห็นหมายเลขโทรเข้าที่เธอไม่ได้รับสายนี่อีก โอ๊ย! เธอทำอะไรรั่วๆใส่เจ้านายไปหรือเปล่านะ เสียงแตรรถทำให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง รถเก๋งคันหรูจอดเทียบทางเดิน รมิดาสูดลมหายใจลึกแล้วใช้ความมั่นที่เวลานี้เหลือน้อยนิดเปิดประตูรถด้านหลัง “ข้างหน้าสิ! ผมไม่
สัมพันธ์ลับ(รัก)ประธานพันล้าน ตอนที่ 15. ยัยเลขาบ้า! “ใคร...อ่อ...ท่านประธานพันล้านนี่เอง” เสียงอ้อแอทักคนที่ยืนอยู่หน้าประตู ชายหนุ่มขมวดคิ้วที่เห็นสภาพของเลขาสาวในขณะนี้ "เธอ...เป็นอะไร เปิดประตูให้ผมเข้าไปเดี๋ยวนี้” “แค่เป็นเจ้านาย ก็สั่งเอาสั่งเอาได้เหรอ” พูดไม่จบประโยคดีก็ได้ยินเสียงเรอออกมา มือเล็กยกขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะคิกคัก หัสวีร์ได้ยินคำเรียกแปลกประหลาดนั้นชัดเจน แต่ไม่คิดเอามาใส่ใจในเวลานี้ ประตูแง้มเล็กน้อยแค่โผล่ใบหน้าหวานแดงก่ำ เขาใช้แรงไม่มากก็ดันประตูให้เปิดกว้างเพื่อแทรกตัวเข้าไปด้านใน รมิดาไม่ทันตั้งตัวก็เซถอยหลังจวนเจียนจะล้มแต่ฝ่ามือแกร่งโอบแผ่นหลังเธอไว้ได้ทันในขณะที่มือเรียวเล็กยื่นไปหาหลักยึดเหนี่ยวทำให้เกี่ยวคอของเขาไว้อย่างช่วยไม่ได้ ส่วนมืออีกข้างของเขาก็ถือกล่องขนม “ท่าน...ประธาน...” “เป็นอะไรของคุณ” เขาขมวดคิ้วงุนงง ไม่เคยเห็นรมิดาเป็นอย่างนี้มาก่อน แต่เพราะอยู่ใกล้กันมากจนเขาได้กลิ่น...กลิ่น... “คุณดื่มเหล้า?” “ม่ายยยย” รมิดาหัวเราะร่วนพยายามทร
สัมพันธ์ลับ(รัก)ประธานพันล้าน ตอนที่ 14.นิ้วนางข้างซ้าย ไม่น่าเชื่อเลยว่า คนอย่างรมิดาจะได้ใส่แหวนแต่งงานด้วย ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องสัญญาในการทำงานกับหัสวีร์ แต่เพราะเธอไม่เคยเชื่อใจเรื่องพวกนี้ แม่ก็ยุให้หาจับผู้ชายรวยๆ เป็นสามี ส่วนพี่สาวก็ถูกผู้ชายหลอก เธอไม่อยากอยู่ในวังวนแบบนี้ ทางเดียวที่ทำให้เธอมั่นใจก็คือการมีเงินในบัญชี ซึ่งตอนนี้...เธอมีเงินหลักล้านในบัญชี ‘ผมไม่จ่ายที่เดียวหมดหรอกนะ เผื่อคุณหนีสัญญา’ รมิดาจำได้ว่าเขาพูดชัดเจนขณะที่ลงชื่อในสัญญาฉบับนั้นและเขาเก็บไว้หนึ่งชุด เธอเห็นเขาโยนเอกสารใส่ตู้เซฟในห้องพักของเขา ‘แหวนนั่นนะ ใส่ให้มันชินนิ้วไว้ก็ดี’ ‘บอสไม่อยากให้คนอื่นรู้ไม่ใช่เหรอคะ’ ‘ก็คุณพูดเองนี่ว่าคุณใส่อะไรก็เหมือนของปลอม ให้คุณใส่แหวนแต่งงานก็ไม่มีใครเชื่อหรอก’ หญิงสาวยกมือข้างที่สวมแหวนขึ้นดู คนขี้งกอย่างเธอทำทุกอย่างเพื่อเงินได้จริงๆ อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหาค่าเทอมและค่ายาให้น้องโมกข์ได้หรือไม่ นี่เธอควรฉลองดีไหมนะ ฉลองที่มีเงินในบัญชีหลักล้านเสียที นั้นสิ
รมิดาใช้เวลาหนึ่งคืนกับหนึ่งวันในการร่างสัญญาการทำงานเป็นภรรยาของหัสวีร์ อันที่จริงเธอใช้เวลาในการตัดสินใจไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ เงินสิบล้านทำให้เธอไม่ต้องคิดมากเลยด้วยซ้ำ มันเป็นการทำงานชนิดหนึ่งเท่านั้น เขาเองก็คงเชื่อใจและไว้ใจเธอถึงได้ยอมจ้างเธอจดทะเบียนสมรสแบบนี้ จะว่าไปก็ไม่ใช่แค่เธอที่เสียเปรียบ เพราะเขาก็เองก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอเหมือนกัน เธอจึงทำร่างสัญญาให้รัดกุมที่สุด หัสวีร์เองก็ใช้เวลาอ่านเอกสารที่เธอทำให้โดยใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เซ็นชื่อโดยมีหัสดินที่ถูกโทรตามตัวมาเป็นพยานอย่างกระทันหัน “เอาจริงด้วย” หัสดินอ่านสัญญาแล้วลงนามลงไป “มาถึงขั้นนี้แล้วก็ไปจดทะเบียนสมรสเลยเถอะ แค่เอาบัตรประชาชนไป อ้อ ทะเบียนบ้านไปคัดเอาที่สำนักงานเขตก็ได้” “ต้องรีบร้อนขนาดนี้เลยหรือคะ” รมิดาเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง “ไม่อยากใช้เงินหรือไง” หัสวีร์ลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปสำนักงานเขตแค่สิบห้านาที ตอนนี้พยานก็มีก็ลากไปด้วยจะได้ทำทุกอย่างให้มันเรียบร้อย” “ใช่ๆ ทำทุกอย่างให้เสร็จแล้วก็ปาร์ตี้ฉลอง” “ฉลองบ้าบออะไร” หั
“ฮัชเช่ย!”ใครนินทาฉันนะ!รมิดารู้สึกคันจมูกยุกยิก มือเรียวยื่นไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดจมูก ‘ไม่รู้คนคิดถึงหรือคนนินทา’ เธอบ่นขณะนั่งทำเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานของตนเอง“ไม่สบายหรือไง”เสียงดุๆ ของท่านประธานดังอยู่เหนือศีรษะ หญิงสาวสาวรีบเช็ดจมูกแล้วพูดขึ้น“เปล่าค่ะไม่ได้เป็นอะไรคันจมูกนิดหน่อยสงสัยจะเป็นภูมิแพ้” รมิดาพูดแล้วฉีกยิ้มด้วยความมั่นใจ“นั่นสิ อย่างเธอจะเป็นอะไรได้ อดทนยิ่งกว่าวัว”รมิดาได้ฟังก็หน้านิ่งรอยยิ้มยังคงประดับบนใบหน้า ทว่าในใจตรงข้าม จะว่าไปเขาพูดแค่นี้ยังนับว่า ‘เบา’มาก ช่วงที่เธอมาทำงานกับเขาใหม่ๆ ทำอะไรไม่ทันหรือไม่ดีอย่างที่เขาต้องการ เธอเคยถูกเขาตวาดจนแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำก็หลายครั้ง เขาเป็นคนปากร้ายแต่เฉพาะกับเรื่องงานที่เขาเข้มงวดเท่านั้น แต่กับสาวๆ ของเขา ถ้าคนไหน ‘ล้ำเส้น’หัสวีร์มองสีหน้าของเลขา จากที่ทำงานด้วยกันมาเกือบห้าปี เขารู้ดีว่าเธอคงก่นด่าเขาในใจ แต่เธอมักเก็บทุกความรู้สึกไว้ภายใต้รอยยิ้มซื่อๆนั้น เขานึกถึงคำพูดของหัสดิน ‘มีแต่เรนนี่ที่รับมือพี่ชายของผมไหว’ ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่อยากนั้น ช่วงที่เธอทำงานสามเดือนแรก เธอโดนเขาทั้งด่
สัมพันธ์ลับ(รัก)ประธานพันล้าน ตอนที่ 11. อยากอุ้มเหลนแล้ว คฤหาสน์ตระกูลศาตนันท์ในบ่ายวันนี้ หลานชายสองคนผู้สืบทอดกิจการศาตนันท์กำลังนั่งจิบน้ำชาในสวนหย่อมอันแสนรื่นรมย์ของคฤหาสน์ แต่ใบหน้าของหัสวีร์บึ้งตึงเพราะความอดทนของเขากำลังจะหมดลง “ถ้าไม่ชอบหนูลิลลี่ก็ลองดูหนูมิ้นต์ก็ได้ ลูกหลานเพื่อนปู่ชาติตระกูลดี รับรองว่า...” “พอเถอะครับปู่” หัสวีร์พูดขึ้นน้ำเสียงหงุดหงิดเต็มที่ อุตส่าห์กลับมาบ้านทั้งที ปู่ก็ยังพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ “ปู่ไม่เบื่อหรือครับ พูดเรื่องพวกนี้ทุกครั้งที่เจอหน้าผม” “เบื่อสิ” ปู่ทำหน้าเบื่อหน่ายจริงๆ หัสดินกลั้นหัวเราะแล้วตัดเค้กชิ้นขนาดพอดีส่งให้ปู่กับย่า “เค้กน้ำผึ้งครับ เป็นเค้กนึ่งนะครับเหมาะกับผู้สูงอายุที่รักษาสุขภาพ กินกับน้ำชาเข้ากันมากเลย” คุณย่ารับจานเค้กมาแล้วตัดกินคำเล็กๆ แล้วพยักหน้ารับ “อร่อย ตาดินทำขนมอร่อยขึ้นทุกวัน” “ถ้าทำขนมไม่อร่อยก็ไปปิดร้านดีกว่า เสียชื่อเชฟเปล่าๆ” หัสวีร์ไม่ชอบกินขนมจึงไปไม่สนใจแม้น้องชายต่างแม่จะตัดแบ่งให้เขาด้วย “ปู่ไม่หาเมียให้ไอ้ดินบ้างล่ะ ทำไมว
เด็กชายโมกข์ยืนขึ้นแล้วกำมือเลียนแบบไมค์โครโฟน ทำกระแอมไอเหมือนคนประกวดร้องเพลงที่เคยดูในโทรทัศน์“เพื่อเงินสิบบาทเลยนะเนี้ย”“ร้องดีเดี๋ยวน้าให้ยี่สิบบาท” รมิดาหยิบแบงค์ยี่สิบโบกไปมา ธาตรีนั่งข้างพี่สาวแล้วตบมือเชียร์หลานชาย“นี่ไม่ได้ง่ายๆนะ น้าฝนไม่ได้ควักเงินออกมาง่ายๆเชียว”“นายตรี!” รมิดาแยกเขี้ยวใส่“ตั้งใจฟังสิ หลานจะร้องเพลงแล้ว” ลาวัลย์พูดขึ้นแล้วพยักหน้าให้ลูกชาย เด็กชายจึงส่งเสียงร้องเพลงที่ได้เรียนออกมา“เอ บี ซี ดี อี เอฟ จี” โมกข์โยกตัวประกอบเพลง “เฮช ไอ เจ เค”คราวนี้สามคนพี่น้องประสานเสียงหัวเราะพร้อมกัน ก็จริงนะ เพลงภาษาอังกฤษจริงๆ“พี่สาวผมได้เสียเงินยี่สิบบาท ฮ่าๆๆ” ธาตรีหัวเราะร่า โมกข์เห็นน้าสาวกับน้าชายหัวเราะก็ยิ่งเต้นส่ายเอวไปมารมิดามองพี่สาวแล้วตบหลังมือเบาๆ “เรื่องยาของน้องโมกข์เป็นยังไง”เห็นโมกข์ร่าเริงแบบนี้ แต่เด็กน้อยเป็นโรค G6PD คือโรคขาดเอ็นไซม์ G6PD ในเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยตำแหน่งยีนที่ผิดปกติบนโครโมโซม ซึ่งอยู่บนโครโมโซมเพศ ดังนั้น โรคนี้จึงอยู่ติดตัว ไปตลอดชีวิต และอาจถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานได้ การขาดเอ็นไซน์นี้ จึงทำให
เจ้าหลานตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาผู้เป็นน้าด้วยความคิดถึง เพราะเจอน้าคนนี้ทีไร น้องโมกข์ เด็กชายวัย 5 ขวบ จะได้กินของอร่อยๆ เสมอ“เห็นแก่ของกินเหมือนใครเนี่ย”เสียงของธาตรีบ่นหลานชายตัวน้อยที่ทำเอารมิดาค้อนขวับเข้าให้“นายว่าใคร” รมิดากลับจากสิงคโปร์ก็ยุ่งเรื่องเคลียร์เอกสารต่างๆ เพิ่งจะได้มีวันหยุดหอบเอาของกินของฝากและซื้อของใช้เข้ามาบ้านมาให้ด้วย“ผมจะว่าใครได้นอกจากพี่สาวคนดีของผม” ธาตรียักคิ้วหลิวตาให้ “ก็พี่สาวผมน่ะสิ เห็นแก่ของกินเป็นที่สุด”“ทำไม! ถ้าฉันเห็นแก่ของกินแล้วผิดตรงไหน มันก็ของดีๆ ทั้งนั้น” เธอชี้ให้ดูของที่อยู่ในถุง“ของนะมันดีอยู่แล้ว แต่พฤติกรรมเห็นแก่ของกินเป็นใหญ่ของพี่ฝนนี่มันถ่ายทอดไปถึงหลานโมกข์นะครับ”“งั้นก็ไม่ต้องกิน”“ได้เหรอ ผมช่วยหิ้วลงจากรถแท็กซี่เลยนะ” นานทีปีหนพี่สาวสุดขี้เหนียวจะยอมควักเงินนั่งรถแท็กซี่ แต่เพราะวันนี้พี่สาวคนรองซื้อของเข้าบ้านมาเยอะและยังมีของฝากอีกด้วย ไม่อยากนั้นไม่มีวันที่คนอย่างรมิดาจะยอมเสียเงินค่าเดินทางด้วยแท็กซี่ “พอแล้วพอแล้ว อย่าเถียงกันเลย” ลาวัลย์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ดีจังเลยนะ วันนี้ได้อยู่พร้อมหน้ากัน สามคน”“แล้วงานใหม่พี่
รมิดาได้ยินแบบนั้นแต่ก็ยังฉีกยิ้มประจบประแจง คงเพราะจับน้ำเสียงเขาได้ว่าเขาอารมณ์ดี อาจเพราะการเจรางานวันนี้ลุล่วงด้วยดี ทุกอย่างเรียกว่าสมบูรณ์แบบ เธอรู้ว่าเขาเองก็ทำงานหนักไม่น้อยไปกว่าเธอ เขาคือหัสวีร์ประธารบริษัทศาตนันท์กรุ๊ฟรุ่นที่สาม เขาเองก็ต้องการพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับจากคนทุกคนเช่นกัน “ผมเบื่องานเลี้ยงแล้ว หาที่นั่งดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” “ถ้าดื่มที่อื่นเราต้องจ่ายค่าเครื่องดื่มเองนะคะ” “คุณรมิดา” “รับทราบค่ะบอส” แล้วจะถามเธอทำไม ในเมื่อมีที่อยากไปอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องร่ำลาใครมากมาย เจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดสูทเรียบหรูก้าวเท้าออกจากงานเลี้ยงโดยมีเลขาสาวสวยเดินตามหลังไม่ห่างนัก รมิดาไม่เคยถามว่าเขาจะพาเธอไปไหน กลับเต็มไปด้วยความเชื่อใจ หัสวีร์มีผู้หญิงที่คบหา เอ่อ...เรียกว่าเพื่อนเที่ยวดีกว่า เป็นเพื่อนสนิทชิดบนเตียงหลายคน เรื่องนี้เธอรู้เพราะเธอเป็นคนดูแลผู้หญิงเหล่านั้น ถนอมน้ำใจพวกเธอด้วยการส่งของขวัญในวาระพิเศษต่างๆ โดยที่หัสวีร์ให้เธอจัดการตามความเหมาะสม เว้นแค่เรื่องของคุณคาเรนที่ดูท่าทา
ความคิดเห็น