Share

ตอนที่2. แววตาเหมือนเด็กเล็กๆ

มุมหนึ่งของห้องพักสุดหรูคือที่ออกกำลังกายของชายหนุ่มเจ้าของห้อง กระสอบทรายที่แขวนอยู่แกว่งไปมาตามแรงหมัดที่กระแทกใส่ เหงื่อเกาะพราวบนแผงอกกำยำมีรอยสักมังกรใหญ่ยักษ์ที่เวลานี้เปลือยเปล่าเห็นกล้ามท้องเป็นมัด  จังหวะเต้นฟุตเวิร์คที่สอดคล้องกับจังหวะการหายใจ ทำเอาคนที่ยืนมองอยู่ถึงกับผงกศีรษะยอมรับความสามารถของพี่ชายต่างมารดาคนนี้

            “ใส่นวมแล้วมาต่อยกันสักหมัดสองหมัดสิ” 

            “อย่ามาหลอกเลย” คนถูกชวนส่ายหน้าไปมา “หมัดสองหมัดมีที่ไหน”

            ชายหนุ่มซัดหมัดหนักๆ ออกไปอีกหมัดก่อนยุติการซ้อม เขายื่นมือไปรับผ้าขนหนูจาก น้องชายแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ริมระเบียง

            “ออกกำลังกายให้เหงื่อมันออกเสียบ้างจะได้เลิกบ่นว่านอนไม่หลับเสียที” หัสวีร์พูดแล้วเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ “เอาแต่พึ่งยานอนหลับมันจะไม่ดีกับสุขภาพ”

            “เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยได้กินยานอนหลับแล้วล่ะ” หัสดินเดินไปหยิบน้ำแร่จากตู้เย็นแล้วเดินกลับมาหาพี่ชายคนละแม่ “ใครกล้ากวนใจพี่ชายผม หรือไม่ได้คุยกับคาเรน” 

            หัสดินพูดพลางหัวเราะร่วน ถือขวดน้ำแร่แล้วเดินไปนั่งใกล้ๆ แม้เป็นพี่น้องต่างมารดา แต่ทั้งคู่สนิทกันมาก ซึ่งก่อนจะมาสนิทกันได้ขนาดนี้ก็ผ่านอะไรมากมาย เพราะแม่ของเขาเป็นเมียเก็บของคุณชาคริต-พ่อของเขาเอง

            หัสวีร์เลิกคิ้วเล็กน้อย รับขวดน้ำแร่จากหัสดินมาดื่ม  ทั้งสองไม่ใช่พี่น้องแม่เดียวกัน แม่ของเขาเป็นเมียหลวง กล้ำกลืนฝืนทนที่รู้ว่าสามีแสนเจ้าชู้มีลูกกับเมียเก็บทั้งที่สัญญาไว้แล้วว่าจะมีลูกกับนางเพียงคนเดียว อาจเพราะได้ลูกชายพ่อเลยอยากให้เป็นพี่น้องกันจึงตั้งชื่อคล้องกัน หัสวีร์-หัสดิน ศาตนันท์

            “ถ้าพี่ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร” หัสดินยิ้ม พอเข้าใจปัญหาระหว่างหัสวีร์กับคาเรน-สาวสวยที่พี่ชายคบอยู่  “ผมโทรหาเรนนี่นะ วันนี้เอามัฟฟินมาให้เรนนี่ชิม”

            “เดี๋ยว”  หัสวีร์ขมวดคิ้ว “นี่นายมาหาฉันเพราะอยากเจอเลขาของฉันหรอกเหรอ”

            “ก็มาหาพี่ด้วยไง”  หัสดินยกมือลูบท้ายทอยแก้เขิน “แต่พี่ไม่กินขนมนี่ก็ต้องหาคนที่ช่วยชิมขนมของผมได้”

            “แถวบ้านไม่มีคนกินหรือไง” หัสวีร์เค้นเสียงไม่พอใจในลำคอ

            “ก็ผมมาหาพี่ แล้วเรนนี่ก็พักที่เดียวกับพี่ ก็เท่ากับว่าผมมาที่เดียวได้เจอทั้งสองคนไง” หัสดินยิ้มทะเล้นแล้วหยิบสมาร์ทโฟนกดเบอร์เลขาสาวของพี่ชาย

            “คุณเรนนี่” หัสดินกรอกเสียงทักทายไปทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย “ว่างไหมครับ เชิญที่ห้องพี่ไรอันหน่อย อ้อ!ไม่ใช่เรื่องงานครับ ได้ครับ อีกสิบนาทีเจอกันครับ”

            หัสวีร์ที่นั่งใกล้ๆ ได้ยินแล้วก็กลอกตามองบน  เขาเองก็ได้ชื่อว่าเป็นคาสโนว่าแต่ไม่ชอบทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ผู้หญิงแบบนี้

            หัสวีร์ ศาตนันท์คือชื่อจริงตามบัตรประชาชน ส่วนชื่อเล่นที่คนในครอบครัวเรียกคือ ‘วีร์’ ซึ่งเท่าที่จำได้มีแค่พ่อกับแม่ที่เรียก ส่วน ‘ไรอัน’ เป็นอีกชื่อที่ใช้อยู่เมืองนอก เขาเรียนโรงเรียนประจำที่อเมริกาตั้งแต่อายุสิบสองจนจบระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง  ห้าปีก่อนเขากลับมาอยู่เมืองไทยแบบถาวรเพื่อดูแลกิจการของครอบครัวต่อจากบิดา  เดิมที่พ่อเลือกเลขาไว้ให้ แต่เขารู้สึกเหมือนมีพี่เลี้ยงหรือไม่ก็คนของพ่อที่ตามประกบเขาและรายงานกับพ่ออีกที  แม้ว่าพ่อจะส่งมอบบริษัทให้เขาบริหารจัดการต่อแต่ไม่ได้หมายความว่าวางมือจากทุกอย่าง สิ่งที่เขาดูแลอยู่เป็นหนึ่งในหลายสิบกิจการของตระกูล  คราวนั้นเขายื่นคำขาดหากเขาไม่ได้เลือกเลขาด้วยตัวเองก็จะไม่ทำงานที่บริษัทของตระกูล  ทีแรกก็คิดว่ามันจะง่าย แต่กลายเป็นยุ่งยากขึ้น มีผู้สมัครเข้ามาตำแหน่งเลขาเขาเป็นร้อย ทั้งที่เขาตั้งเงื่อนไขยุ่งยาก และรู้ว่าบางคนหวังเป็นมากกว่าเลขา จนกระทั่งได้เจอกับนักศึกษาสาวที่รวบผมเป็นหางม้าคนนั้น ท่าทางไม่ใช่เด็กฝากของใคร ไม่ใช่เด็กเส้นที่แอบหวังตำแหน่งว่าที่ภรรยาในอนาคตและที่สำคัญ ดูร้ายๆ แบบที่รับมือเขาได้

            โปรไฟล์ของรมิดาไม่ได้เลิศหรูอะไร จบจากมหาวิทยาลัยเปิดด้วยเกรดเฉลี่ยยอดเยี่ยม ความสามารถพิเศษซึ่งก็ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่น แต่เธอมีความพยายามและพยายามอย่างมากที่จะทำงานให้ดีเยี่ยม ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าระยะเวลาที่ผ่านมา นอกจากสามเดือนแรกแล้ว เธอแทบไม่เคยทำงานผิดพลาดเลย และแน่นอนว่า เธอเป็นคนที่ผิดแล้วยอมรับผิด แก้ไขและปรับปรุง อาจเพราะความจนที่ทำให้เธอต้องดิ้นรนมากกว่าคนอื่น

            ‘ชื่อจริงรมิดา แล้วมีชื่อสั้นๆให้เรียกไหม?’

            ‘หมายถึงชื่อเล่นหรือคะ?’ หญิงสาวถามกลับแต่ไม่รอคำตอบ เธอก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน ‘ชื่อฝนค่ะ’

            ‘ฝน?’

            ‘ค่ะ เกิดเดือนมีนาแต่วันที่เกิดมีฝนตก แม่เลยตั้งชื่อเล่นว่าฝนค่ะ’

            ‘ชื่อเชยชะมัดเรียกผมว่าไรอัน ส่วนผมจะเรียกคุณว่าเรนนี่’

            ‘คะ?’

            เขาพูดไปตามที่คิด ยัยหางม้าหน้านิ่งแต่แววตาคุกรุ่นขึ้นมานิดๆ เขาชอบท่าทางไม่ยอมคนแบบนี้ เหมาะที่จะทำงานกับเขาที่สุด และเธอก็พิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานกับเขามาถึง4ปี9เดือน  และช่วงนี้ที่เธอคงต้องพยายามต่อสัญญางานกับเขาอีก แต่เธอจะยังทำตามเงื่อนไขของเขาได้หรือเปล่า

            เสียงกริ่งหน้าห้องทำให้หัสดินดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินผ่านหัสวีร์  เจ้าของห้องส่ายหน้าไปมาแล้วลุกขึ้นยืน  ไม่กี่นาทีต่อมารมิดาในชุดเสื้อลำลองสีม่วงอ่อน ใบหน้าแต้มแต่งมาบางๆ และยังคงรวบผมเป็นหางม้าเหมือนวันแรกที่ได้พบกัน

            “ขอโทษที่เรียกตัวมานะครับ”  หัสดินยิ้มกว้างแล้วเชิญไปนั่งที่เก้าอี้ในห้องครัวที่มีเครื่องครัวครบครันแต่เจ้าของห้องแทบไม่เคยใช้อะไรเลย “ผมทำมัฟฟินมา คุณช่วยชิมหน่อยสิ”

            “ขอบคุณค่ะ”  รมิดายิ้มน้อยๆ แต่แววตาเธอเป็นประกาย ถ้าพูดเรื่องของกิน แววตาเธอจะเหมือนเด็กเล็กๆ น่าเอ็นดูเหลือเกิน

            “ผมทำสูตรเอง วิจารณ์ได้เต็มที่เลย ชิ้นนี้เป็นมิฟฟินมะม่วง ใช้มะม่วงน้ำดอกไม้ ส่วนชิ้นนี้มัฟฟินข้าวโอ๊ต  ชิ้นนี้มัฟฟินราสป์เบอร์รีโยเกิร์ต  และชิ้นนี้มัฟฟินช็อกโกแลตรำข้าวโอ๊ต  เป็นสูตรมัฟฟินคลีน แคลอรีต่ำสำหรับสาวๆ ที่กลัวอ้วน”

            “หน้าตาน่ากินทุกชิ้นเลยค่ะ”  รมิดายิ้มแล้วปรายตาไปทางเจ้าของห้องที่เดินเปลือยแผ่นอกอวดรอยสักมังกรตัวใหญ่ “สวัสดีค่ะบอส”

            “ไม่ได้ทำงาน ไม่ต้องเรียกบอสก็ได้”  หัสวีร์พูดแล้วมองไปยังโต๊ะกินข้าว สีหน้าเบื่อหน่ายขึ้นมาทันที “หน้าตาไม่เห็นน่ากิน”

            หัสดินอ้าปากอยากจะด่าแต่ก็ทำได้แค่ทำปากขมุบขมิบ “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ มีผู้หญิงอยู่ตรงนี้ก็หัดเกรงใจบ้าง”

            “เกรงใจทำไม นี่ห้องฉัน”  หัสวีร์ยักไหล่แล้วเดินกลับไปห้องตัวเอง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status