Share

ตอนที่3. นี่แหละเหตุผล

รมิดาเห็นเจ้านายหันหลังเดินไปแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเขาเปลือยแผ่นอกแบบนี้ แต่เพราะต้องคอยระวังไม่ให้ปากตัวเองไวเท่าความคิด  ท่านประธานเป็นคนจำพวกปากร้ายและร้ายไปถึงก้นบึ้งของหัวใจเลยก็ว่าได้ เท่าที่ทำงานกันมา เขาเป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาด ไร้ความปรานี  แรกทีเดียวเธอออกจะแปลกใจในเงือนไขต่างๆ ก่อนเซ็นสัญญาทำงาน แต่เมื่อทำงานด้วยกัน เธอจึงรู้ว่าเขาไม่มีแค่ธุรกิจของครอบครัวที่ดูแลอยู่ แต่มีธุรกิจสีเทาที่เป็นธุรกิจส่วนตัว ซึ่งเธอเป็นเลขาส่วนตัวของเขาทำให้ต้อง ‘เก็บข้อมูล’ไว้เป็นความลับ  จึงเป็นที่มาของเงินเดือนที่สูงกว่าอื่นๆ หากนับรวมกับเงินล่วงเวลาแล้ว เฉลี่ยต่อเดือนเธอได้เงินเดือนห้าหมื่นบาทเลยทีเดียว

            นี่แหละ เหตุผลที่เธอต้องเกาะงานที่นี่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าต้องเจอเจ้านายปากร้ายแค่ไหนก็ตาม

            “มีมัฟฟินก็ต้องมีกาแฟ” หัสดินพูดขึ้นอย่างนึกได้ เดินไปที่เครื่องชงกาแฟแคปซูล “ของเรนนี่เอาลาเต้เหมือนเดิมนะครับ”

            “ขอบคุณค่ะ”  คงมีแค่เวลาแบบนี้ที่เธอไม่ต้องเอาอกเอาใจใคร หัสดินเป็นน้องชายหัสวีร์ อายุห่างกันสามปี และนิสัยตรงกันข้ามกันอย่างกับขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้  หัสดินชอบทำอาหาร หลายครั้งเขามักหิ้วขนมหรือมาทำอาหารที่ห้องของหัสวีร์และเรียกเธอมากินด้วย แรกๆ เธอก็เกรงใจอยู่บ้าง แต่บ่อยเข้าเธอก็ลดความเกรงใจลง และหลายครั้ง เขาทำขนมมาเยอะทำให้เธอมีเสบียงไว้กิน ประหยัดเงินไปได้เยอะเลย

            หัสดินวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าเลขาสาว อีกแก้วของเขาเอง ชายหนุ่มนั่งมองอย่างคนตัวเล็กหยิบมัฟฟินขึ้นมากัดกินคำเล็กๆ แล้วพยักหน้ารับ

            “ไม่หวานมาก” เธอแล้วค่อยๆ ละเอียดรสชาติของขนมที่กินอยู่ “นุ่มดีค่ะไม่แข็งกระด้าง”

            “ถ้าเรนนี่ชอบ ผมจะเอาลงในเมนูของร้าน” หัสดินพยักหน้ารับ

            “คุณหัสดินไม่เข้ามาทำงานที่บริษัทหรือคะ”  รมิดาถามหลังจิบกาแฟแล้ว

            “ให้มันดูแลร้านอาหารไปเถอะ”  เสียงหัสวีร์ดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเดินมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเลขา “กาแฟ”

            หัสดินลุกขึ้นไปชงกาแฟอีกแก้วอย่างเอาใจ

            “แค่ดูแลร้านอาหารอย่างเดียวก็แย่แล้ว”  หัสดินหัวเราะ

            “แต่ก็ได้เวลาที่พ่อให้นายมาฝึกงานที่บริษัทแล้ว ยังไงก็เตรียมตัวไว้เถอะ”

            “ครับๆ ทราบแล้วครับผม” หัสดินทำหน้ายุ่งแล้วหันไปสนใจหญิงสาวคนเดียวในห้อง “วันอาทิตย์ทั้งที เรนนี่ไม่กลับบ้านเหรอครับ”

            หัสวีร์ประหลาดใจกับคำถามของน้องชาย เขาจำไม่ได้เลยว่าเลขาของเขา ‘กลับบ้าน’ บ้างหรือเปล่า?

            “บ้านไม่หนีไปไหน กลับเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ”   เธอตอบด้วยรอยยิ้มแต่เหมือนรอยยิ้มนั้นจะไปไม่ถึงดวงตา

            “แต่ยังไงก็หาเวลาพักผ่อนบ้างนะครับ อย่าไปบ้างานตามพี่ชายผม” หัสดินยังคงหัวเราะแล้วเลื่อนกล่องขนมส่งให้ “อันนี้เอาไปกินที่ห้องเลยก็ได้นะครับ”

            “อ้าว แล้วของฉันล่ะ”

            “อ้าว ก็พี่ไม่กินของหวานนี่”

            “ใครบอกไม่กิน”  หัสวีร์พูดแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบมัฟฟินมาหนึ่งชิ้นแล้วกัดกินคำโต

            รอยเศร้าหายไปจากดวงตาคู่สวย แม้ใบหน้ายิ้มแย้มแต่แววตาคุกรุ่นอย่างไม่พอใจที่ถูกแย่งของกิน แบบนี้ค่อยสมกับเป็นรมิดา เลขาคนเก่งของเขา

หลังจากปิดประตูห้องและวางกล่องขนมที่ประคับประคองมาบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว รมิดาก็ถอดเสื้อคอวีออกอย่างรวดเร็วแล้วเหวี่ยงไปบนเตียงนอน จากนั้นก็รูดกระโปรงยาวคลุมเข่าออกไปพ้นเรียวขา เวลานี้เรือนร่างสมส่วนเหลือเพียงชุดชั้นในแบบสปอร์ตบราและกางเกงขาสั้นกุดผ้ายืดย้วยสีชมพูซีดจาง

            นี่ถ้าไม่เห็นแก่ของกิน เธอไม่รีบวิ่งแจ้นขึ้นไปห้องเจ้านายอย่างนี้หรอก

            รมิดาบ่นในใจแต่ก็อดยิ้มกว้างไม่ได้ หัสดินเปรียบเสมือนเทวดาประจำตัว ซึ่งเธอเหมาเอาเอง เพราะทุกครั้งที่เจอ เขาไม่เคยทำให้เธอต้องลำบากใจและที่สำคัญ เธอมักจะได้ของกินติดมามาทุกครั้ง นั้นเท่ากับว่า เธอประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้อีกโข 

            ‘วันอาทิตย์ทั้งที เรนนี่ไม่กลับบ้านเหรอครับ’

            บ้าน... กลับหรือไม่กลับต่างกันตรงไหน  คนที่นั้นสนใจแค่เงินที่เธอโอนให้เท่านั้น ถ้าไม่เพราะมี ‘น้องโมกข์’ อยู่ เธอคงไม่รู้จะกลับไปทำอะไร

            หญิงสาวเดินไปหยิบผ้าในตะกร้าออกมาสะบัดๆ ใส่ไม้แขวนแล้วตากที่ระเบียงเล็กๆ แม้ว่าห้องพักซึ่งเป็นสวัสดิการพนักงานอยู่คอนโดเดียวกับท่านประธานปากร้าย แต่ห้องของเธอมีขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะกับสาวโสดอย่างเธอเป็นที่สุด และเป็นเหตุผลที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้เธอไม่อยากกลับบ้านหลังกระจิดริดที่อยู่รวมกัน เอ...กี่ชีวิตนะ  แม่...ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้พาใครเข้ามาอยู่ด้วยหรือไม่ ลาวัลย์ -พี่สาวคนโตกับน้องโมกข์ ลูกชายวัยห้าขวบซึ่ง...ถูกผู้ชายหลอกว่าโสดแต่ความจริงคือมีภรรยาและลูกอยู่แล้ว เธอที่เป็นน้องสาวกับธาตรี น้องชายที่อายุห่างจากเธอไปสองปี   ไปรับพี่สาวกลับบ้านด้วยสภาพจิตใจบอบช้ำ แต่เธอไม่มีเวลาอยู่ดูแลพี่สาวผู้แสนอ่อนไหว ส่วนแม่ก็เอาแต่ก่นด่าที่ลูกสาวคนโต ‘จับ’ ผู้ชายไม่ได้แถมยังต้องหอบลูกกลับมาโดยไม่ได้เงินหรือค่าเลี้ยงดูแม้แต่บาทเดียว  เธอเป็นคนเดียวที่หาเงินเลี้ยงทุกชีวิตในบ้าน ยังดีที่ธาตรี น้องชายเป็นคนคอยดูแลเรื่องในบ้านแทนเธอ แต่เธอก็ย้ำกับเขาว่าอย่าทิ้งการเรียนเด็ดขาด เธอไม่อยากเห็นน้องชายเดินตามรอยเธอ เขาสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐในคณะวิศวะกรรมศาสตร์ ด้านคอมพิวเตอร์

‘ใครจะพูดอะไรก็ช่าง แค่จำไว้ว่า เรียนให้จบ แล้วใช้ชีวิตของตัวเอง’

            ‘แต่พี่ฝนก็เห็น...บ้านเราเป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีผม...’

            ‘ไม่ต้องไปฟังแม่พูดไร้สาระเรื่องกตัญญูบ้าบออะไรนั้นหรอก’ เธอเบ้ปากใส่ ‘แค่ตรียอมทนอยู่บ้านนี้ ก็ตอบแทนบุญคุณแม่แล้ว พี่ต้องไปพักที่บริษัทจัดให้ ดูแลบ้านไม่ได้ พี่ไม่ได้ทิ้งโมกข์ ไม่ได้ทิ้งตรี เข้าใจใช่ไหม’

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status