Share

ตอนที่8. ยิ้มประจบ

รมิดาได้ยินแบบนั้นแต่ก็ยังฉีกยิ้มประจบประแจง คงเพราะจับน้ำเสียงเขาได้ว่าเขาอารมณ์ดี อาจเพราะการเจรางานวันนี้ลุล่วงด้วยดี ทุกอย่างเรียกว่าสมบูรณ์แบบ เธอรู้ว่าเขาเองก็ทำงานหนักไม่น้อยไปกว่าเธอ เขาคือหัสวีร์ประธารบริษัทศาตนันท์กรุ๊ฟรุ่นที่สาม  เขาเองก็ต้องการพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับจากคนทุกคนเช่นกัน

            “ผมเบื่องานเลี้ยงแล้ว หาที่นั่งดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”

            “ถ้าดื่มที่อื่นเราต้องจ่ายค่าเครื่องดื่มเองนะคะ”

            “คุณรมิดา”

            “รับทราบค่ะบอส” 

            แล้วจะถามเธอทำไม ในเมื่อมีที่อยากไปอยู่แล้ว

            ไม่จำเป็นต้องร่ำลาใครมากมาย เจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดสูทเรียบหรูก้าวเท้าออกจากงานเลี้ยงโดยมีเลขาสาวสวยเดินตามหลังไม่ห่างนัก  รมิดาไม่เคยถามว่าเขาจะพาเธอไปไหน กลับเต็มไปด้วยความเชื่อใจ  หัสวีร์มีผู้หญิงที่คบหา เอ่อ...เรียกว่าเพื่อนเที่ยวดีกว่า เป็นเพื่อนสนิทชิดบนเตียงหลายคน เรื่องนี้เธอรู้เพราะเธอเป็นคนดูแลผู้หญิงเหล่านั้น ถนอมน้ำใจพวกเธอด้วยการส่งของขวัญในวาระพิเศษต่างๆ โดยที่หัสวีร์ให้เธอจัดการตามความเหมาะสม  เว้นแค่เรื่องของคุณคาเรนที่ดูท่าทางบอสของเธอจะชอบดาราสาวคนนี้อยู่ไม่น้อย  การเห็นเขาเปลี่ยนคู่ควงบ่อยและพิถีพิถันเลือกคบผู้หญิงมีระดับ  กลับทำให้เธอมั่นใจว่าเธอไม่ได้อยู่ในสายตาเขาแม้แต่น้อย

            หัสวีร์ไม่ได้ไปไหนไกลอย่างที่รมิดาคิด เขากลับมาที่ห้องพักสุดหรูแล้วสั่งรูมเซอร์วิชนำเครื่องดื่มมาบริการ

            “ผิดหวังหรือไง”  เขาพูดยิ้มๆ แล้วถอดเสื้อสูทตัวนอก รมิดายื่นมือไปรับอย่างเคยชิน เมื่อก่อนเธอผูกเนคไทไม่เป็น ก็แน่ล่ะ เธอจะไปเคยผูกได้อย่างไร ทุกวันที่ผูกเนคไทเป็นก็เพราะบอสสอน

            ‘ฝึกไว้ เผื่อคุณต้องช่วยผม’

            รมิดาจำได้ เขายกเนคไทให้เธอหนึ่งเส้น เธอฝึกผูกอยู่นานนับสัปดาห์จนผูกได้ดี เธอยังจำไปสอนน้องชายอยู่เลย

            ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมองร่างเพรียวบางเก็บเนคไทและเสื้อสูทของเขาไว้ที่ตู้เสื้อผ้า เขาชี้นิ้วไปที่รองเท้า อนุญาตให้เธอใส่รองเท้าสลิปเปอร์ในห้องของเขาได้ สีหน้าเธอผ่อนคลายเมื่อไม่ต้องใส่รองเท้าส้นสูง

            “รินไวน์ให้ผม”  เขาสั่งหลังจากเอนกายลงบนโซฟาหรู แล้วยกเท้าพาดไปที่โต๊ะเตี้ยตรงหน้า เลขาสาวจัดการให้ตามสั่งแล้วส่งแก้วไวน์ให้เขา

            “ถ้าคุณอยากดื่มก็รินเองได้เลย”

            “ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวฉันเดินกลับห้องไม่ถูก”

            เสียงหัวเราะทุ่มต่ำดังในความเงียบ เขาเปิดแค่โคมไฟในห้องทำให้แสงสลัวนวลตาและชวนผ่อนคลาย

            “บอสมีเรื่องไม่สบายใจหรือคะ”  รมิดาถามหลังจากเติมไวน์ให้เขาอีกแก้ว

            “หน้าผมบอกชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”  เขาปรายตามองเธอเล็กน้อย

            “ทำงานกับบอสมาหลายปี ก็พอดูออกค่ะ” เธอตอบไปตามตรงแล้วนั่งที่เก้าอี้บุนวมฝั่งตรงข้าม

            ริมฝีปากหยักสวยคลี่ยิ้ม เขายกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม ความจริงอยากดื่มอะไรที่มันแรงกกว่านี้แต่พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก เขาไม่อยากให้สิ่งที่ทุมเทมาต้องสูญเปล่าเพราะเมาค้าง

            “คุณคงพอรู้เรื่องยุ่งเหยิงในครอบครัวผมบ้าง”

            รมิดาแค่ยิ้มน้อย แน่นอนว่าเธอรู้เพียงแต่มันเป็นเรื่องของเจ้านาย เธอเป็นลูกน้องไม่อาจก้าวก่ายได้ เช่นเดียวกับเขาที่แม้ปากร้ายวิจารณ์เรื่องในครอบครัวเธอแต่ก็ไม่เคยเข้ามายุ่มย่ามแต่อย่างใด

            “กลับไปครั้งนี้ปู่จะนัดให้ผมไปดูตัวเจ้าสาว”  เขามองเหม่อไปยังวิวด้านนอกของชั้นที่ยี่สิบ ทิวทัศน์แสงสียามราตรีทำให้เขาคิดว่าตัวเองเหมือนอยู่ในกรุงเทพฯ  “ผมไม่ชอบที่ถูกเจ้ากี้เจ้าการเรื่องชีวิตคู่”

            เลขาสาวได้แต่นิ่งฟังอย่างตั้งใจ ไม่กล้าเอ่ยปากขัดแม้ในใจมีคำถามมากมาย

            “พ่อผมทำเรื่องไว้เยอะ คราวนี้ปู่เลยคาดหวังว่าผมจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ปู่เลือกให้”

            “แต่บอสคบกับคุณคาเรนไม่ใช่หรือคะ”  คราวนี้เธออดถามไม่ได้จริงๆ  คาเรนเป็นดารานางแบบชื่อดัง โปรโฟล์ยอดเยี่ยมแทบไม่มีข่าวเสียเลยสักนิด เธอไม่รู้ว่าระดับความสัมพันธ์ของบอสกับดาราสาวเรียกว่าอะไร แต่เธอมั่นใจว่าคาเรนไม่เหมือนคู่ขาคนอื่นๆ ของบอส

            “ผมเคยขอคาเรนแต่งงาน แต่เธอยังไม่พร้อม ส่วนปู่ผมก็ยิ่งไม่ชอบผู้หญิงต่างชาติ ก็เพราะเรื่องแม่ของผมที่สุดท้ายก็หย่ากับพ่อทั้งที่ผมเกิดได้ไม่กี่เดือน ปู่ผมเลยฝั่งใจไม่ชอบผู้หญิงต่างชาติที่เข้ากับธรรมเนียมไทยไม่ได้”

            แหม...ใครจะไปคิดว่าคนรวยก็มีความทุกข์แบบคนรวย  รมิดาได้แต่พูดกับตัวเองในใจ และทำหน้าที่ผู้ฟังที่ดี

            “ก่อนที่คาเรนจะกลับไปสวีเดน ผมเคยบอกว่าจะรอเธอ แต่สองปีมานี่ คุณก็เห็นว่าปู่ย่าวุ่นวายกับการส่งผู้หญิงมาหาผมที่บริษัทตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ถ้าผมยังไม่แต่งงานกับใครสักคนก็คงถูกรบกวนอยู่แบบนี้”

            “แล้วบอสปรึกษาเรื่องนี้กับคุณคาเรนหรือยังคะ”

            เขายักไหล่แล้วดื่มไวน์จนหมดแก้ว

            “พูดแล้ว แต่พ่อของคาเรนป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เธอไม่สามารถกลับเมืองไทยได้ และไม่พร้อมจะแต่งงาน เธอยังพูดให้ผมไปหาผู้หญิงคนใหม่อยู่เลย”

            ‘พูดไปแล้วก็น่าน้อยใจ คนอย่างหัสวีร์ถูกผู้หญิงทิ้งเหรอเนี้ย’

          “แต่บอสก็อยากจะรอคุณคาเรนใช่ไหมคะ”

            “ใช่ ผมอยากรักษาคำพูดตัวเอง”

ถึงเขาเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ คาสโนว่าเรียกพี่ แต่เขาเป็นคนรักษาคำพูด แน่นอนว่าเขามีพ่อเป็นต้นแบบที่ไม่ดีเอาเสียเลย แม้เขาจะไม่โตมาโดยมีแม่อยู่ใกล้ๆ แต่เท่าที่เขาเห็นจากพฤติกรรมเจ้าชู้ของพ่อแล้ว เรื่องเดียวที่เขาจะไม่ขอเป็นแบบพ่อก็คือคนไม่รักษาคำพูด  ผู้หญิงคนอื่นที่เข้ามาในชีวิตเขาต้องเคลียร์ใจกันชัดเจน ไม่ให้มีปัญหาผิดใจเพราะคำพูด

            “แล้ว..ถ้าบอสแต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองเลือก คุณปู่ของบอสจะเลิกวุ่นวายกับชีวิตบอสหรือคะ”

            อาจเพราะเขาระบายความในใจ เธอจึงกล้าเอ่ยปากถามไป

            “ก็ถ้าผมแต่งงานแล้ว ปู่คงเข้ามาทำอะไรไม่ได้อีก อย่างน้อยก็ไม่ต้องส่งผู้หญิงมาให้ผมดูตัวอีก”

            นิ้วเรียวเคาะโต๊ะเบาๆ “ถ้าเป็นในนิยายก็คงจ้างผู้หญิงมาแต่งงานเป็นเมียปลอมๆ รอจนกว่านางเอกตัวจริงจะกลับมา”

            “หือ? คุณพูดว่าอะไรนะ”

            “อ้อ! ไม่มีอะไรค่ะ ฉันก็ปากไม่ดีพูดไปไม่ทันคิด”  เธอตบปากตัวเองเบาๆ เป็นการลงโทษ

            หัสวีร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นยืนทำให้รมิดาลุกขึ้นยืนตามเขา

            “ดึกมากแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”

            “ค่ะ...ถ้างั้นฉันกลับห้องแล้วนะคะ เจอกันตอนเช้าค่ะ”

            หญิงสาวเปลี่ยนรองเท้าแล้วก็เดินออกมาอย่างเงียบๆ ทิ้งให้ท่านประธานหนุ่มหล่อรินไวน์ให้ตัวเองแล้วยกแก้วขึ้นดื่มพลางกดโทรศัพท์มือถือโทรหาน้องชายต่างมารดา

            “ว่าไงพี่วีร์ เที่ยงคืนแล้วไม่หลับไม่นอนหรือไง”  น้ำเสียงงัวเงียตอบรับ 

            “มีเรื่องปรึกษา”

            “หูย ระดับท่านประธานโทรมาปรึกษาเลยนะเนี้ย”  หัสดินที่นอนอยู่ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทันที

            “ฉันว่าจะหาผู้หญิงมาแต่งงานเป็นเมียปลอมๆ ปู่จะได้เลิกยุ่งดูตงดูตัวเสียที”

            “หา!”

            “ทำไม นายคิดว่าไง”

            “เคยเห็นแต่ในซีรีย์ พี่จะเอาจริงเหรอ”

            “เออ ถ้ามันเป็นทางออกให้ปู่เลิกยุ่งกับฉัน ฉันยอมจ่าย”

            “หาผู้หญิงมาแต่งงานด้วยมันไม่ยากหรอก แต่ตอนจะเลิกนะ ผู้หญิงจะยอมไปง่ายๆหรือเปล่า”

            “เรื่องนั้น...ฉันก็คิดอยู่ ต้องหามืออาชีพที่รับมือปู่และหย่าได้ทันทีที่คาเรนกลับมา”

            “คุณสมบัติที่พี่พูดมา ผมนึกออกอยู่คนเดียว”

            “ใคร”

            “เรนนี่ไง”

            “ใครนะ!”

            “ก็คุณรมิดา เลขาคนเก่งของพี่ไง" หัสดินคิดว่าพี่ชายไม่เข้าใจที่เขาพูดไปจึงอธิบายเพิ่ม "ถ้าเป็นเรนนี่คงรับมือกับปู่และทุกปัญหาได้แน่นอน และถ้าพี่ต้องการหย่า เธอก็คงไม่สร้างปัญหาแน่นอน”

            “ทำไมนายคิดอย่างนั้น”

            “ก็เรนนี่ไม่ชอบพี่ คือผมหมายถึงเธอไม่ได้ชอบแบบชู้สาว ถ้าเธอชอบพี่จริงคงทนเห็นพี่ไปกับผู้หญิงคนอื่นไม่รู้ตั้งกี่คน แถมยังต้องคอยเอาใจผู้หญิงของพี่อีกสารพัด แล้วเธอก็ไม่มีความคิดอย่างแต่งงานด้วย ไม่งั้นจะยอมรับเงื่อนไขของพี่แล้วทำงานด้วยกันได้ไงตั้งเกือบห้าปี”

"นี่ฉันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ผู้หญิงพวกนั้นก็เคยบ่นนี่นะ"

"พี่นี่ถอดแบบพ่อมาหรือไง" น้องชายต่างมารดาบ่น "เอาเป็นว่าผมเสนอ ส่วนเรนนี่จะสนองไหม พี่ไปถามเอาเอง" 

            ปลายนิ้วกดตัดสัญญาณไปแล้วจมกับความคำพูดของหัสดิน ผู้หญิงที่อยู่ใกล้ชิดเขามากที่สุดยิ่งกว่าแม่ก็เลขาขี้เหนียวที่ะรักเงินเป็นที่สุดของเขา แต่เรื่องนี้มันเหมือนนิยายน้ำเน่าไปเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเธอรับบทเป็นภรรยาประธานพันล้านของเขาได้ไหมนะ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status