เด็กชายโมกข์ยืนขึ้นแล้วกำมือเลียนแบบไมค์โครโฟน ทำกระแอมไอเหมือนคนประกวดร้องเพลงที่เคยดูในโทรทัศน์
“เพื่อเงินสิบบาทเลยนะเนี้ย”
“ร้องดีเดี๋ยวน้าให้ยี่สิบบาท” รมิดาหยิบแบงค์ยี่สิบโบกไปมา ธาตรีนั่งข้างพี่สาวแล้วตบมือเชียร์หลานชาย
“นี่ไม่ได้ง่ายๆนะ น้าฝนไม่ได้ควักเงินออกมาง่ายๆเชียว”
“นายตรี!” รมิดาแยกเขี้ยวใส่
“ตั้งใจฟังสิ หลานจะร้องเพลงแล้ว” ลาวัลย์พูดขึ้นแล้วพยักหน้าให้ลูกชาย เด็กชายจึงส่งเสียงร้องเพลงที่ได้เรียนออกมา
“เอ บี ซี ดี อี เอฟ จี” โมกข์โยกตัวประกอบเพลง “เฮช ไอ เจ เค”
คราวนี้สามคนพี่น้องประสานเสียงหัวเราะพร้อมกัน ก็จริงนะ เพลงภาษาอังกฤษจริงๆ
“พี่สาวผมได้เสียเงินยี่สิบบาท ฮ่าๆๆ” ธาตรีหัวเราะร่า โมกข์เห็นน้าสาวกับน้าชายหัวเราะก็ยิ่งเต้นส่ายเอวไปมา
รมิดามองพี่สาวแล้วตบหลังมือเบาๆ “เรื่องยาของน้องโมกข์เป็นยังไง”
เห็นโมกข์ร่าเริงแบบนี้ แต่เด็กน้อยเป็นโรค G6PD คือโรคขาดเอ็นไซม์ G6PD ในเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยตำแหน่งยีนที่ผิดปกติบนโครโมโซม ซึ่งอยู่บนโครโมโซมเพศ ดังนั้น โรคนี้จึงอยู่ติดตัว ไปตลอดชีวิต และอาจถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานได้ การขาดเอ็นไซน์นี้ จึงทำให้เกิด “ภาวะเม็ดเลือดแดง” แตกได้ง่ายขึ้น ต้องระวังเรื่องอาหารการกิน และการใช้ชีวิต พกบัตรผู้ป่วยติดตัวตลอดเวลา
“ก็ปรับยาไป ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”
“พี่ลาวัลย์มีอะไรก็บอกฝนนะคะ”
“เธอสองคนช่วยเลี้ยงเจ้าโมกข์เหมือนลูกตัวเองเลยนะ”
ลาวัลย์ยิ้มบางๆ หากไม่มีน้องชายกับน้องสาว เธอคง...คิดสั้นไปนานแล้ว
“เรามีกันอยู่แค่นี้จะไม่ให้เป็นห่วงถ้ายังไงล่ะ”
ตั้งแต่ไปทำงาน รมิดาก็ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน แต่ทุกเดือนเธอจะเป็นจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ถ้าไม่มาได้มาเองก็ให้ธาตรีซื้อของเข้าบ้านแทน นานๆ กลับมาสักครั้ง รู้สึกเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าในบ้านตัวเอง ยังดีที่วันนี้แม่ออกไปข้างนอกแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอก็คง ไม่ได้นั่งๆนอนๆอยู่ในบ้านแบบนี้ หลังจากกินข้าวร่วมกันเสร็จแล้ว รมิดาก็ขอตัวกลับ เธอเองยังต้องแวะไปหาเพื่อนรักอีก
“ผมขับรถไปส่งให้พี่นะ” ธาตรีเสนอ “พี่จะไปหาพี่ไลลาใช่ไหม ซ้อนมอไซค์ผมไปแค่สิบนาทีเอง”
“น้องชายอุตส่าห์เสนอทั้งที พี่ต้องคว้าไว้อยู่แล้ว”
ธาตรีเดินไปหยิบหมวกกันน็อคและเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ส่งให้พี่สาว
“แดดมันร้อน ใส่แจ็คเก็ตของผมเถอะ ซักแล้ว ไม่เหม็นหรอก”
รมิดายื่นนิ้วไปบีบแก้มของน้องชายเล่น
“น่ารักจังเลยน้องชายใครเนี่ย”
“ผมโตแล้วนะอย่ามาเล่นแบบนี้” เขาปัดมือของพี่สาวออก ก็จริงนั่นแหละเขาโตแล้ว พี่จะมาทำตัวเป็นเด็กๆแบบนี้ไม่ได้ยังดีที่ว่าอยู่ในบ้านคือสาวๆไม่เห็นเข้าเขาได้อายแน่ๆ
ธาตรีขับรถมอเตอร์ไซค์พาพี่สาวมาส่งที่ร้านเสื้อไลลา ร้านขายเสื้อผ้าเพื่อนสนิทของรมิดา เมื่อพี่สาวส่งหมวกกันน็อคและเสื้อคืนให้น้อง ธาตรีก็รีบรับและจะกลับทันที
“นี่ๆ เจอหน้ากันจะไม่ทักกันหน่อยเหรอ” ไลลาร้องทักเมื่อเห็นธาตรี เพื่อนสาวของ รมิดาพูดขึ้น
“ผมต้องกลับไปดูแลบ้าน กลับก่อนนะครับ” เขารีบยกมือไหว้แต่ไม่กล้าสบตา
“ว่างๆ ก็มาเป็นไม้แขวนเสื้อให้อีกนะ”
ไลลาตะโกนบอก ชายหนุ่มแค่หันมาพยักหน้าให้แล้วก็รีบขับมอเตอร์ไซค์ออกไปทันที
“มีอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่าเนี่ย”
“เธอไม่รู้เหรอ น้องชายเธอหล่อนะ”
“หล่อ? นายตรีเนี่ยนะหล่อ” รมิดาหันไปมองแต่น้องชายก็ขับรถออกไปแล้ว “พี่สาวสวย น้องชายหล่อก็ไม่แปลกหรอก แต่ไม้แขวนเสื้อนี่อะไรเหรอ”
“ก็บางวัน ฉันจ้างนายตรีไปส่งของให้ลูกค้าบ้างอะไรบ้าง ก็เห็นเขาหน้าตาดีใช้ได้ ก็เลยให้ใส่เสื้อผ้าผู้ชายโชว์ตอนฉันไลฟ์สดขายของนะ”
“แล้วนายตรีก็ยอมทำนี่นะ” น้องชายเธอขี้อายจะตายไป ทำไมยอมทำเรื่องแบบนี้ได้เล่า
“ฉันไม่ได้ให้ทำฟรีๆ นะ ถึงฉันจะยังไม่รวยก็ให้ค่าแรงน้องเธอ”
“คงไม่อยากรบกวนเงินฉันสินะ” รมิดาถอนหายใจแล้วยื่นถุงกระดาษใบย่อมส่งให้ “ของฝากจากสิงคโปร์”
“ขอบใจจ๊ะ” ไลลายื่นมือมารับแล้วเปิดออกดู “ยัยขี้เหนียวซื้อน้ำหอมมาฝากด้วย”
“บอสให้ฉันซื้อของให้เขาแล้วมันมีโปรส่วนลด ฉันเลยซื้อมาฝาก”
“ยังไงก็ได้ ขอบใจมากนะ”
“ฉันก็ต้องขอบใจแก ช่วยดูแลเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวให้ฉัน”
“คราวหน้าได้เสื้อผ้ามือสองดีๆ ฉันเก็บไว้ให้แกก่อนเลย”
“ฉันไม่ชอบชุดเดรส เอาเสื้อผ้าแบบแยกชิ้นสิ ฉันจะได้สลับใส่กันได้”
“แกนี่เงินเดือนห้าหมื่นใช้เงินเหมือนคนเงินเดือนห้าพันเลย” ไลลาหัวเราะเสียงใส เธอเปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสอง คัดของแบรนด์เนมมาขาย ทั้งขายหน้าร้านและออนไลน์ เธอชอบขายเสื้อผ้ามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย จนตอนนี้เรียนจบก็เปิดร้านของตัวเอง
“แล้วแกล่ะสนใจมาเป็นไม้แขวนเสื้อให้ฉันไหม หน้าตาแกก็ดีนะ”
“ไม่ล่ะ ฉันเบื่อแต่งหน้าทำผม ถ้าไม่เพราะเป็นเลขาของบอส ฉันก็ไม่ทำอะไรกับตัวเองเลย”
ไลลาได้ยินเพื่อนบ่นก็หันไปหยิบซองแผ่นมาร์กหน้าออกมาให้เพื่อนซี้ “เอาไปใช้ ฉันซื้อตอนลดราคา เหมามาได้หลายซอง ยังไงแกต้องบำรุงตัวเอง วิตามินด้วย กินเข้าไป ทำงานยังกับวัวกับควายต้องบำรุงตัวเองมากๆ”
“รู้แล้วๆ ขอบใจนะ”
ถึงเธอจะเป็นคนขี้เหนียวเห็นแก่เงินมากแค่ไหน แต่บางเรื่องที่ไม่ชอบเธอก็ไม่ยอมทำพี่ตั้งแต่งหน้าแต่งตัว ก็เพราะว่าเป็นเลขาของท่านประธานทำอะไรขึ้นมาไม่ดีก็จะเเสียชื่อเสียงของท่านประธานพันล้านบาทว่า เธอถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องคืนนั้น ที่เล่าเรื่องส่วนตัวให้เธอเขาก็มีท่าทีแปลกๆ แต่ปกติเจ้านายของเธอก็คือแปลกอยู่แล้ว
นั้นสินะ เขาเคยทำเรื่องธรรมดาที่ไหน หรือว่าคนรวยๆ เขาก็เป็นแบบนี้กัน
“ฉันเอาตังค์มาจ่ายค่าเสื้อผ้าด้วย” รมิดาพูดอย่างนึกได้รีบหยิบซองเงินออกมาให้เพื่อน เธอมักแยกเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ แบบนี้เสมอ พอดีวันนี้เธอมาหาเพื่อนรักจึงมาใช้หนี้ด้วยตัวเอง
“ถามจริงๆเหอะ ท่านประธานของแกไม่หวั่นไหวอ่ะแกบ้างเหรอวะ”“เรื่องอะไร?” รมิดาเดินไปหยิบกระป๋องเครื่องดื่มมาเปิดดื่ม “ผู้หญิงในคอลเลคชั่นของบอสสวยกว่าฉันตั้งเยอะ อีกอย่าง ฉันไม่ใช่สเปคเขาหรอก ต้องทัดเทียมกันทั้งหน้าตา และฐานะ”
“พูดเสียดูน่าสงสารไปเลย ฉันก็รู้ว่าแกจะเป็นซินเดอเรลล่า ได้สามีรวยไง”
“ มันมีแต่ใน Series” แล้วมีดาวหัวเราะ “ฉันแค่แวะมาเอาของฝากมาให้แล้วก็จ่ายหนี้ เดี๋ยวจะต้องกลับไปทำความสะอาดห้องแล้ว”
“งานดีแบบนี้เงินก็ดี เป็นฉันก็เกาะบอสแน่นเลยว่ะ” เพื่อนรักพูดขึ้น “แต่สัญญานั้นน่ะ มันก็ตลกนะ ไอ้ที่ไม่ให้แต่งงาน มีสามีหรือมีท้องอะไรนั่นน่ะ แล้วแกจะต่อสัญญาจริงๆเหรอ ทำงานอีกห้าปีแกก็สามสิบกว่าแล้ว ผู้หญิงเรามันแก่เร็วกว่าผู้ชายนะ”
“ฉันกลับจน กลัวไม่มีเงินใช้มากกว่า” รมิดายักไหล่ “ถ้าได้ทำงานอีกห้าปี หลังจากนั้นเขาจะไม่ต่อสัญญาก็ไม่เป็นไร ก็แค่ย้ายไปแผนกอื่นแต่ขอให้ได้ทำงานที่เดิมเถอะ”
“ก็จริงอย่างแกว่า คนรวยเขาก็สนใจคนระดับเดียวกันนั้นแหละ”
“ฉันไม่หวังพึ่งผู้ชายหรอก ฉันจะต้องเลี้ยงตัวเองได้ ขอให้มีงานมีเงินเดือนดีๆ อย่างนี้ดีกว่า”
“ก็จริงอย่างแกว่า จะคอยหาแต่ผู้ชายรวย มันก็คงไม่เหลือมาถึงเราหรอก ถ้าเรารวยเอง ก็ใช้ชีวิตสบายๆ ดีกว่า”
“คิดเหมือนฉันแล้วใช่ไหมล่ะ สมกับที่เป็นเพื่อนรักของฉัน”
“เออๆ แกจำพี่อานนท์ได้ไหม”
“พี่อานนท์ พี่เดือนคณะน่ะเหรอ”
“ ใช่คนนั้นแหละ”
“ก็ต้องจำได้สิ เขาเด่นขนาดนั้น”
“สองสามวันก่อน เขาผ่านมาร้านฉัน เขาบอกว่าอาทิตย์หน้าวันเกิดจะจัดปาร์ตี้เล็กๆ เขาบอกให้ฉันชวนแกไปด้วย”
“ไม่รู้สิต้องดูก่อนว่า มีงานอะไรหรือเปล่า งานบอสฉันไม่แน่นอน บางทีก็มีประชุมต่างประเทศตอนตอนดึกๆ เวลามันไม่ตรงกันไง ฉันต้องไปดูตารางนัดหมายงานก่อน”
“มิน่าล่ะ ค่าแรงแกถึงได้สูงนัก ถ้าเป็นฉันก็คงทำงานของแกไม่ได้หรอก”
“คนเรามันก็ถนัดกันไม่เหมือนกัน ฉันก็ดูของมือสองไม่เป็น ที่ซื้อนี่เพราะไว้ใจแกล้วนๆ”
“เข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าใกล้ๆ แล้วฉันทักไปอีกทีก็แล้วกัน”
“ขอบใจนะ ฉันกลับก่อนล่ะ”
“พักผ่อนเยอะๆ นะยะ”
รมิดาลาเพื่อนสนิทแล้วเดินทางกลับที่พักด้วยรถไฟฟ้า เมื่อกลับมาถึงห้อง เธอก็ถอดรองเท้าแล้วเดินไปทิ้งตัวนอนแผ่หราบนเตียง นี่ต่างหากที่เธอรู้สึกว่าเป็นสถานที่ของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอคงไม่ได้ที่ซุกหัวนอนดีๆ แบบนี้และต้องทนอยู่บ้านทะเลาะกับแม่ทุกวันแน่นอน
คนจนก็มีปัญหาแบบคนจน พวกคนรวยก็มีปัญหาแบบคนรวยคนรวย จะมีปัญหาอะไรถ้ามีเงินก็แก้ไขได้ทุกอย่าง หญิงสาวนึกถึงเรื่องที่เขาปรึกษา ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้ชายอย่างนั้นจะมาปรึกษาเธอด้วยเรื่องไร้สาระ พูดไม่ได้สินะว่าไร้สาระไม่อย่างนั้นเขาคงน้อยใจแย่ เขามีปัญหาเรื่องการแต่งงาน เธอก็มีปัญหาที่แม่อยากให้เธอแต่งงานกับคนรวยๆ จะได้ มีลูกเขยรวยให้แม่ได้ไถ่เงิน หลังจากพลาดมาจากพี่สาวคนโตที่ไม่ได้ดั่งใจ
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็หมดวันแล้ว เธอต้องพักผ่อนชาตแบตให้เต็มไปลุยกับบอสบ้างานคนนั้น!
สัมพันธ์ลับ(รัก)ประธานพันล้าน ตอนที่ 11. อยากอุ้มเหลนแล้ว คฤหาสน์ตระกูลศาตนันท์ในบ่ายวันนี้ หลานชายสองคนผู้สืบทอดกิจการศาตนันท์กำลังนั่งจิบน้ำชาในสวนหย่อมอันแสนรื่นรมย์ของคฤหาสน์ แต่ใบหน้าของหัสวีร์บึ้งตึงเพราะความอดทนของเขากำลังจะหมดลง “ถ้าไม่ชอบหนูลิลลี่ก็ลองดูหนูมิ้นต์ก็ได้ ลูกหลานเพื่อนปู่ชาติตระกูลดี รับรองว่า...” “พอเถอะครับปู่” หัสวีร์พูดขึ้นน้ำเสียงหงุดหงิดเต็มที่ อุตส่าห์กลับมาบ้านทั้งที ปู่ก็ยังพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ “ปู่ไม่เบื่อหรือครับ พูดเรื่องพวกนี้ทุกครั้งที่เจอหน้าผม” “เบื่อสิ” ปู่ทำหน้าเบื่อหน่ายจริงๆ หัสดินกลั้นหัวเราะแล้วตัดเค้กชิ้นขนาดพอดีส่งให้ปู่กับย่า “เค้กน้ำผึ้งครับ เป็นเค้กนึ่งนะครับเหมาะกับผู้สูงอายุที่รักษาสุขภาพ กินกับน้ำชาเข้ากันมากเลย” คุณย่ารับจานเค้กมาแล้วตัดกินคำเล็กๆ แล้วพยักหน้ารับ “อร่อย ตาดินทำขนมอร่อยขึ้นทุกวัน” “ถ้าทำขนมไม่อร่อยก็ไปปิดร้านดีกว่า เสียชื่อเชฟเปล่าๆ” หัสวีร์ไม่ชอบกินขนมจึงไปไม่สนใจแม้น้องชายต่างแม่จะตัดแบ่งให้เขาด้วย “ปู่ไม่หาเมียให้ไอ้ดินบ้างล่ะ ทำไมวุ
“ฮัชเช่ย!”ใครนินทาฉันนะ!รมิดารู้สึกคันจมูกยุกยิก มือเรียวยื่นไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดจมูก ‘ไม่รู้คนคิดถึงหรือคนนินทา’ เธอบ่นขณะนั่งทำเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานของตนเอง“ไม่สบายหรือไง”เสียงดุๆ ของท่านประธานดังอยู่เหนือศีรษะ หญิงสาวสาวรีบเช็ดจมูกแล้วพูดขึ้น“เปล่าค่ะไม่ได้เป็นอะไรคันจมูกนิดหน่อยสงสัยจะเป็นภูมิแพ้” รมิดาพูดแล้วฉีกยิ้มด้วยความมั่นใจ“นั่นสิ อย่างเธอจะเป็นอะไรได้ อดทนยิ่งกว่าวัว”รมิดาได้ฟังก็หน้านิ่งรอยยิ้มยังคงประดับบนใบหน้า ทว่าในใจตรงข้าม จะว่าไปเขาพูดแค่นี้ยังนับว่า ‘เบา’มาก ช่วงที่เธอมาทำงานกับเขาใหม่ๆ ทำอะไรไม่ทันหรือไม่ดีอย่างที่เขาต้องการ เธอเคยถูกเขาตวาดจนแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำก็หลายครั้ง เขาเป็นคนปากร้ายแต่เฉพาะกับเรื่องงานที่เขาเข้มงวดเท่านั้น แต่กับสาวๆ ของเขา ถ้าคนไหน ‘ล้ำเส้น’หัสวีร์มองสีหน้าของเลขา จากที่ทำงานด้วยกันมาเกือบห้าปี เขารู้ดีว่าเธอคงก่นด่าเขาในใจ แต่เธอมักเก็บทุกความรู้สึกไว้ภายใต้รอยยิ้มซื่อๆนั้น เขานึกถึงคำพูดของหัสดิน ‘มีแต่เรนนี่ที่รับมือพี่ชายของผมไหว’ ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่อยากนั้น ช่วงที่เธอทำงานสามเดือนแรก เธอโดนเขาทั้งด่
รมิดาใช้เวลาหนึ่งคืนกับหนึ่งวันในการร่างสัญญาการทำงานเป็นภรรยาของหัสวีร์ อันที่จริงเธอใช้เวลาในการตัดสินใจไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ เงินสิบล้านทำให้เธอไม่ต้องคิดมากเลยด้วยซ้ำ มันเป็นการทำงานชนิดหนึ่งเท่านั้น เขาเองก็คงเชื่อใจและไว้ใจเธอถึงได้ยอมจ้างเธอจดทะเบียนสมรสแบบนี้ จะว่าไปก็ไม่ใช่แค่เธอที่เสียเปรียบ เพราะเขาก็เองก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอเหมือนกัน เธอจึงทำร่างสัญญาให้รัดกุมที่สุด หัสวีร์เองก็ใช้เวลาอ่านเอกสารที่เธอทำให้โดยใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เซ็นชื่อโดยมีหัสดินที่ถูกโทรตามตัวมาเป็นพยานอย่างกระทันหัน “เอาจริงด้วย” หัสดินอ่านสัญญาแล้วลงนามลงไป “มาถึงขั้นนี้แล้วก็ไปจดทะเบียนสมรสเลยเถอะ แค่เอาบัตรประชาชนไป อ้อ ทะเบียนบ้านไปคัดเอาที่สำนักงานเขตก็ได้” “ต้องรีบร้อนขนาดนี้เลยหรือคะ” รมิดาเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง “ไม่อยากใช้เงินหรือไง” หัสวีร์ลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปสำนักงานเขตแค่สิบห้านาที ตอนนี้พยานก็มีก็ลากไปด้วยจะได้ทำทุกอย่างให้มันเรียบร้อย” “ใช่ๆ ทำทุกอย่างให้เสร็จแล้วก็ปาร์ตี้ฉลอง” “ฉลองบ้าบออะไร” หั
สัมพันธ์ลับ(รัก)ประธานพันล้าน ตอนที่ 14.นิ้วนางข้างซ้าย ไม่น่าเชื่อเลยว่า คนอย่างรมิดาจะได้ใส่แหวนแต่งงานด้วย ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องสัญญาในการทำงานกับหัสวีร์ แต่เพราะเธอไม่เคยเชื่อใจเรื่องพวกนี้ แม่ก็ยุให้หาจับผู้ชายรวยๆ เป็นสามี ส่วนพี่สาวก็ถูกผู้ชายหลอก เธอไม่อยากอยู่ในวังวนแบบนี้ ทางเดียวที่ทำให้เธอมั่นใจก็คือการมีเงินในบัญชี ซึ่งตอนนี้...เธอมีเงินหลักล้านในบัญชี ‘ผมไม่จ่ายที่เดียวหมดหรอกนะ เผื่อคุณหนีสัญญา’ รมิดาจำได้ว่าเขาพูดชัดเจนขณะที่ลงชื่อในสัญญาฉบับนั้นและเขาเก็บไว้หนึ่งชุด เธอเห็นเขาโยนเอกสารใส่ตู้เซฟในห้องพักของเขา ‘แหวนนั่นนะ ใส่ให้มันชินนิ้วไว้ก็ดี’ ‘บอสไม่อยากให้คนอื่นรู้ไม่ใช่เหรอคะ’ ‘ก็คุณพูดเองนี่ว่าคุณใส่อะไรก็เหมือนของปลอม ให้คุณใส่แหวนแต่งงานก็ไม่มีใครเชื่อหรอก’ หญิงสาวยกมือข้างที่สวมแหวนขึ้นดู คนขี้งกอย่างเธอทำทุกอย่างเพื่อเงินได้จริงๆ อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหาค่าเทอมและค่ายาให้น้องโมกข์ได้หรือไม่ นี่เธอควรฉลองดีไหมนะ ฉลองที่มีเงินในบัญชีหลักล้านเสียที นั้นสิ
สัมพันธ์ลับ(รัก)ประธานพันล้าน ตอนที่ 15. ยัยเลขาบ้า! “ใคร...อ่อ...ท่านประธานพันล้านนี่เอง” เสียงอ้อแอทักคนที่ยืนอยู่หน้าประตู ชายหนุ่มขมวดคิ้วที่เห็นสภาพของเลขาสาวในขณะนี้ "เธอ...เป็นอะไร เปิดประตูให้ผมเข้าไปเดี๋ยวนี้” “แค่เป็นเจ้านาย ก็สั่งเอาสั่งเอาได้เหรอ” พูดไม่จบประโยคดีก็ได้ยินเสียงเรอออกมา มือเล็กยกขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะคิกคัก หัสวีร์ได้ยินคำเรียกแปลกประหลาดนั้นชัดเจน แต่ไม่คิดเอามาใส่ใจในเวลานี้ ประตูแง้มเล็กน้อยแค่โผล่ใบหน้าหวานแดงก่ำ เขาใช้แรงไม่มากก็ดันประตูให้เปิดกว้างเพื่อแทรกตัวเข้าไปด้านใน รมิดาไม่ทันตั้งตัวก็เซถอยหลังจวนเจียนจะล้มแต่ฝ่ามือแกร่งโอบแผ่นหลังเธอไว้ได้ทันในขณะที่มือเรียวเล็กยื่นไปหาหลักยึดเหนี่ยวทำให้เกี่ยวคอของเขาไว้อย่างช่วยไม่ได้ ส่วนมืออีกข้างของเขาก็ถือกล่องขนม “ท่าน...ประธาน...” “เป็นอะไรของคุณ” เขาขมวดคิ้วงุนงง ไม่เคยเห็นรมิดาเป็นอย่างนี้มาก่อน แต่เพราะอยู่ใกล้กันมากจนเขาได้กลิ่น...กลิ่น... “คุณดื่มเหล้า?” “ม่ายยยย” รมิดาหัวเราะร่วนพยายามทร
แม้จะพักที่เดียวกัน แต่รมิดาไม่ได้ออกจากคอนโดพร้อมเจ้านาย แต่เช้านี้เธอได้รับข้อความที่ส่งมาทางไลน์ ‘รอที่ประตูทางออก’ หลังจากตื่นขึ้นมา รมิดาไม่แปลกใจที่ตัวเองสวมแค่ชุดชั้นใน ปกติเธอนอนคนเดียวบางคืนก็ใส่แค่บราเซียกับกางเกงขาสั้น นอนไม่เปิดแอร์เพราะอยากประหยัดค่าไฟ ถึงจะได้ฟรีค่าห้องแต่ค่าน้ำค่าไฟเธอจ่ายเองนี่นะ แรกทีเดียวเธอก็ไม่คิดอะไร ปวดหัวนิดหน่อยเพราะอาการเมาค้างแต่พอกินกาแฟดำก็บรรเทาได้มาก แต่ที่เธอตกใจก็คือกล่องขนมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างขวดเหล้าสาโท นี่มันกล่องขนมจากร้านคุณหัสดิน หรือคุณหัสดินเข้ามาห้องเธอ เจอสภาพเธอกลายเป็นขี้เมา แล้วปกติคุณหัสดินไม่เคยมาที่ห้องเธอเลย ตลอดเวลาทำงานมาเกือบห้าปี เวลาที่คุณหัสดินหิ้วขนมของกินมาให้ชิมจะเรียกเธอไปที่ห้องของหัสวีร์เสมอ แล้วยิ่งเห็นหมายเลขโทรเข้าที่เธอไม่ได้รับสายนี่อีก โอ๊ย! เธอทำอะไรรั่วๆใส่เจ้านายไปหรือเปล่านะ เสียงแตรรถทำให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง รถเก๋งคันหรูจอดเทียบทางเดิน รมิดาสูดลมหายใจลึกแล้วใช้ความมั่นที่เวลานี้เหลือน้อยนิดเปิดประตูรถด้านหลัง “ข้างหน้าสิ! ผมไม่
ไม่รู้เพราะยังมีอาการเมาค้างหรือเพราะเจ้านายขับรถนิ่มมาก รมิดาผล็อยหลับไปตั้งแต่ขึ้นรถได้ไม่นานนัก จนเมื่อถูกปลุกก็พบว่ารถมาจอดที่สนามพารามอเตอร์แล้ว รมิดารู้ว่าบอสของเธอชอบกีฬาแนวๆนี้ ทั้งรถแข่ง เจ็ทสกี้และพารามอเตอร์ แต่เธอเป็นเลขา ไม่ใช่เพื่อนในกลุ่มของเขา มีไม่กี่ครั้งที่เขาลากเธอมาด้วยความจำเป็นเพราะมีงานติดพันที่จัดการ “ลงมาซิ” หัสวีร์เรียกเพราะเห็นหญิงสาวยังนั่งทำหน้างงอยู่ “ยังไม่ตื่นหรือไง” “ตื่นแล้วค่ะ” ปล่อยให้เจ้านายขับรถแล้วตัวเองหลับก็น่าอายพอแล้ว รมิดาสลัดความคิดวุ่นวายในหัวออกแล้วคว้ากระเป๋าสะพายลงจากรถก้าวเร็วๆ ตามแผ่นหลังกว้าง “ว่าไงไรอัน” เสียงทักทายจากผู้ชายสามสี่คนที่เหมือนรออยู่ก่อนแล้ว หัสวีร์ยกมือทักทายแล้วทิ้งรมิดาไว้ด้านหลัง ลมแรงจนเธอต้องยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมที่ลงมาเคลียแก้ม ‘ไรอัน’ เป็นชื่อเล่นที่กลุ่มเพื่อนและลูกค้าหรือผู้ร่วมทุนที่สนิทสนมในระดับหนึ่ง ส่วน ‘วีร์’ คือชื่อเล่นที่เรียกเฉพาะคนในครอบครัว สำหรับรมิดาที่เป็นแค่เลขาก็เรียกชื่อเขาเต็มๆ หรือเรียกบอสหรือเจ้านายหรือท่านประธาน เธอยังไม่ไ
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใดแต่รมิดาสนุกกับเรื่องในวันนี้มาก ระหว่างเธอกับเขาไม่เหมือนลูกน้องกับเจ้านาย เมื่อเขาขับรถมาถึงบ้านพักตากอากาศ เขาก็ให้เธอไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน “ไม่ให้ฉันช่วยหรือคะ” “อย่างคุณจะช่วยอะไรผมได้” เขาหัวเราะแล้วผลักศีรษะเธอเบาๆ อย่างหยอกล้อ “ผมโทรบอกให้แม่บ้านทำความสะอาดไว้ก่อนแล้ว ห้องคุณอยู่ทางซ้ายมือ จะหลับสักงีบก็ได้นะ” “ฉันนอนเยอะแล้วค่ะ”“ถ้างั้นคุณช่วยล้างผักก่อนก็แล้วกัน” เขาพยักหน้าไปทางถุงผักที่ซื้อมาเตรียมทำสลัด “แค่ล้างผักคงทำได้นะ”“ค่ะ” หญิงสาวหัวเราะร่า วางถุงเสื้อผ้าและของใช้แล้วสาวเท้าเข้าไปยืนด้านข้างของเขา แล้วหยิบถุงผักไปแยกออกแล้วใส่ตะกร้าล้างผัก หัสวีร์รู้ดีว่าเลขาของเขาไม่ใช่คนชอบเข้าครัวแต่ท่าทางเธอก็ไม่เลวนัก หยิบจับอะไรก็คล่องแคล่ว คงจะเป็นลูกมือจนชินเสียมากกว่า“บอสจะทำอะไรคะ”“ทำอะไรกินง่ายๆ”“ถ้าจะตอบแบบนี้สู้ไม่ตอบเสียยังดีกว่า”“ว่าอะไรนะ”“เปล่าคะ” เธอส่ายหน้าไปมาหัสวีร์ได้ยินชัดแต่แกล้งเธอไปอย่างนั้น รมิดาล้างผักจัดใส่ตะกร้าส่วนเขาก็เอาเนื้อมาหมักเครื่องเทศ เธอเห็นแบบนี้แล้วค
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง รมิดานั่งอ่านข่าวจากหน้าจอเครื่องไอแพด ข่าวตำรวจทลายแหล่งค้ามนุษย์เป็นที่พูดถึงในโลกโซเซียลอยู่หลายวันและมีการสืบขยายผลผู้เกี่ยวข้องอีกหลายฝ่าย ไม่เพียงแค่ค้ามนุษย์แต่ยังมีเรื่องยาเสพติดสิ่งผิดกฎหมายอีกหลายอย่าง แต่ไม่มีการพาดพิงถึงเรื่องที่รวิศถูกจับตัวไป การมีเงินใช้เงินให้ถูกที่ก็ไม่ได้แย่นัก รมิดารู้ดีว่าที่หัสวีร์ทำไปทั้งหมดก็เพื่อลูก เขาไม่ต้องการให้ลูกกลายเป็นเป้าสนใจของสื่อทุกแขนงและยังจะกระทบกระเทือนจิตใจลูกด้วย รวิศเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด นอกจากการขาดน้ำ-อาหารและบาดแผลถลอกที่ไม่ติดเชื้อแล้วก็นับว่าร่างกายแข็งแรงดี ส่วนสภาพจิตใจนั้น จิตแพทย์เด็กได้ให้การดูแลอยู่เชื่อว่าความรักจากคนในครอบครัวจะทำให้เด็กน้อยผ่านความทรงจำเลวร้ายนี้ได้ แต่เพราะความเป็นห่วงของปู่ย่าจึงอยากให้รวิศอยู่โรงพยาบาลสักวันสองวันเพื่อความมั่นใจ แต่คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือเพื่อนใหม่ของรวิศ...เด็กหญิงผักหอม เด็กแข็งแกร่งที่รมิดาเห็นแล้วก็นึกถึงตัวเองในวัยเด็ก หัสวีร์ให้คนสืบเรื่องของผักหอมและเมื่อรู้ว่าครอบครัวไม่ได้อบอุ่นและยังทำร้ายร่างกายเด็ก ทำให้ทั้งสองปรึก
มือเล็กๆ จับกันแน่น รวิศเผลอหันไปมองด้านหลังทำให้เท้าที่ไม่มีแรงสะดุดก้อนอิฐที่ปูไม่เรียบตรงหน้า ร่างเขาเซถลาล้มลงแต่ผักหอมก็ไม่ยอมปล่อยมือ “อย่าหยุดนะ คนใจร้ายตามมาแล้ว!” “อื้อ” น้ำตาคลอเบ้าตา รวิศเจ็บมากแต่ไม่กล้าร้องไห้และไม่กล้ามองเข่าที่เจ็บมากและรู้ว่าเลือดไหลซึมออกมา ผักหอมออกแรงดึงแขนรวิศแล้วสบตากัน เด็กหญิงก็หวาดกลัวไม่น้อยแต่ก็ฝืนยิ้มแล้วพูดออกมา “เพี้ยงงงง หาย ไม่เจ็บแล้วนะ” ดวงตากลมกะพริบตาปริบๆ เหมือนความเจ็บนั้นจะหายไปชั่วขณะ เสียงคนโวยวายดังไล่หลังทำให้เด็กน้อยทั้งสองสะดุ้งโหย่ง ผักหอมเห็นท่าไม่ดีดึงแขนของรวิศให้มาหลบอยู่หลังกองไม้ “หลบอยู่ตรงนี้ อย่าสงเสียงนะ รอจนกว่าคนใจร้ายไปแล้วค่อยออกมาล่ะ” “แล้วเธอล่ะ มาหลบด้วยกันสิ” รวิศกระถดกายเข้าไปด้านในเพื่อให้ผักหอมเข้ามาหลบด้วยกัน แต่เด็กหญิงส่ายหน้ารัวๆ “นายเข่าเจ็บ วิ่งไม่ทันแน่ ฉันจะหลอกพวกมันไปอีกทางเอง” “ไม่ได้นะ! พวกมัน...พวกมัน...” เด็กหญิงฉีกยิ้มเศร้า เธอรู้...เธอเป็นคนจน...พวกมันเอาเธอไปขาย แต่ถ้าเ
รมิดาเผชิญหน้ากับชายสวมหน้ากากอนามัยสีดำ ความหวาดกลัวที่มีหายไปหมดสิ้นเมื่อคิดว่าต้องช่วยลูกออกมาให้ได้ แม้จะมีหน้ากากปิดครึ่งหน้าแต่แววตามันกำลังแสยะยิ้มให้เธออยู่ “น่าปรบมือให้จริงๆ ภรรยาของประธานหัสวีร์กล้ามาด้วยตัวเองคนเดียวจริงๆ” ภาคภูมิที่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองพูดน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาหรี่มองอย่างประเมิน มิน่าเล่า จากเลขาถึงกลายเป็นเมียได้ ก็สวยขนาดนี้เลยนี่ สวยกว่ายัยปอไหมนั้นอีก “ลูกชายฉันอยู่ที่ไหน” รมิดาถามรักษาระดับน้ำเสียงไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเธอหวาดกลัวมากแค่ไหน เธอไม่ได้ตัวเองเป็นอันตรายแต่เป็นห่วงลูก กลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัย “ผมต้องค้นตัวคุณก่อน” ภาคภูมิสาวเท้าเข้าไปใกล้หญิงสาวไม่ถอยหลังหนีซ้ำยังยืนนิ่งเชิดใบหน้าขึ้นไร้ความเกรงกลัว เขายิ้มพอใจแล้วยื่นมือข้างใบหูเพื่อสำรวจว่าเธอติดเครื่องมือสื่อสารอะไรมาหรือเปล่า “ฉันพกโทรศัพท์มือถือมา มันต้องใช้โอนเงิน” เธอยื่นโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องให้มันด้วยตัวเอง ชายหนุ่มยื่นมือไปรับแล้วใช้มืออีกข้างแตะที่กระดุมเสื้อเชิ้ตของรมิดา หญิงสาวปัดมือเขาออกทำให้โจรชั่วเลิกคิ้วขึ้นเล
เด็กชายวัยสามขวบเศษเนื้อตัวมอมแมมแต่กระนั้นยังเห็นได้ชัดว่าเป็นมีเชื้อชาวต่างชาติ รวิศยกหลังมือจะเช็ดน้ำตาแต่ก็นึกได้ว่าแม่สอนไว้ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้า เขาล้วงมือในกระเป๋ากางเกงเจอแท่งช็อกโกแลต เขาเผลอยิ้มอย่างดีใจเพราะตั้งแต่กินมื้อเที่ยงไปยังไม่ได้กินอะไรอีกเลย ขณะกำลังฉีกห่อขนมก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่ เขามองกลับเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เนื้อตัวมอมแมมเหมือนเขาและน่าจะอายุพอๆกัน หรืออาจจะถูกคนใจร้ายจับมาเหมือนกัน “กินด้วยกันไหม” รวิศถามแล้วลุกขึ้นเดินไปยังมุมห้องที่เด็กผู้หญิงนั่งกอดเข่าอยู่ เขาเอียงหน้ามองแล้วก็อุทานตกใจคว้าหาผ้าเช็ดหน้าแล้วยื่นไปแตะๆที่หน้าผากของเด็กหญิงคนนั้น “เธอมีแผล ต้องเช็ดแผล” “เจ็บ” เด็กหญิงแบะปากอยากร้องไห้ แต่ท่าทางจะร้องมาหนักแล้วจนดวงตาบวมแดงและแห้งผาก “มาๆ เราเป่าให้นะ เพี้ยง!หาย” “ยังเจ็บอยู่เลย” “เราทำแบบที่แม่สอน เดี๋ยวเป่าอีกทีนะ เพี้ยงงงง หายยยย” อาจเพราะไม่ได้อยู่คนเดียว เด็กหญิงจึงอารมณ์ดีขึ้น เธอเผลอยิ้มแต่ก็ต้องร้อ
เสียงลูกชายดังขึ้นมาทันทีที่ยังพูดไม่จบ รมิดามือไม้สั่นไปหมดแทบจับโทรศัพท์ไม่อยู่ หัสวีร์รีบยื่นมือไปประคองมือของเธอไว้ ปลายสายตัดสัญญาไปแล้ว ร่างบางถึงกับเข่าอ่อนแต่เพราะมีหัสวีร์ประคองอยู่จึงไม่ได้ลงไปนั่งกับพื้น “สงสัยปู่ต้องรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับกำนันคมคายเสียหน่อย” เมื่อก่อนปู่ก็จัดว่าเป็นนักเลงเก่ามาก่อน เพราะได้เมียดีคอยเตือนสติไม่หลงเดินทางผิดจึงสร้างอาณาจักรศาตนันท์ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ก็มี...เลี้ยงคนไว้ใช้งานอยู่บ้าง “ตั้งสติ” เสียงย่าพูดกับรมิดา “ผู้หญิงบ้านนี้ห้ามอ่อนแอ” “ค่ะ” รมิดาสูดลมหายใจลึกแล้วพยุงตัวเองขึ้น เธอยังสวมชุดกระโปรงที่ใส่ไปทำงานอยู่ “ฝนขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ พี่วีร์จัดการเรื่องเงินรอได้เลย จะให้ฝนทำอะไร ฝนพร้อมค่ะ” เงินห้าสิบล้านไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหัสวีร์ รมิดาเป็นเลขาของเขามาห้าปีจัดการเรื่องการเงินให้เขาย่อมรู้ดีทุกอย่าง แต่การไม่รู้ว่าต้องเตรียมเงินเพื่อโอนไปที่ไหนหรือจะทำเอาไปให้ใครทำให้เธอหงุดหงิดมากกว่า รมิดาสวมกางเกงยีนกับเสื้อยืดพอดีตัว ผมยาวรวบขึ้นเป็นหางม้าท่
หัสดินแทบจะทิ้งรถมอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งเข้ามาในคฤหาสน์ที่เวลานี้มีคนเข้ามากันมากหน้าหลายตา เขารู้ดีว่านี่เป็นการระดมกำลังคนเต็มที่เพื่อตามหาทายาทตระกูลศาตนันท์ ทันทีที่ได้รู้ข่าวว่ารวิศถูกลักพาตัวเขาก็รีบขับรถกลับมาที่บ้านทันที เมื่อก้าวเข้ามาในห้องจึงเห็นรมิดานั่งอยู่กับแม่ของเขา “เป็นไงบ้าง” หัสดินถามพี่สะใภ้ที่นั่งหน้าซีดด้วยความเป็นห่วง “ทุกคนกำลังออกติดตามคุณหนูรวิศอยู่ลูก” ชายหนุ่มนั่งลงด้านข้างแล้วจับแตะหลังมือของพี่สะใภ้ “ไม่ต้องห่วงนะ ไม่สิ รู้ว่าเป็นห่วงแต่เชื่อใจพี่วีร์และคนในครอบครัวของเราเถอะ ผู้ชายบ้านนี้ไม่ยอมให้ใครมากระตุกหนวดได้ง่าย” รมิดาพยายามยิ้มแต่ยิ้มได้ยากเต็มที ใครจะคิดว่าลูกอยู่ในสายตาแท้ๆ ยังถูกคนอุ้มขึ้นรถตู้ได้ง่ายดายขนาดนี้ ทันทีที่เกิดเรื่อง หัสวีร์สั่งการให้คนออกติดตามทันที เขาให้คนขับรถส่งเธอกลับมารอฟังข่าวที่บ้าน ส่วนตัวเขาเร่งติดตามรถคนนั้นไป และดูเหมือนฝ่ายนั้นจะเตรียมการไว้ดี เพราะมีการเปลี่ยนรถตู้ ทำให้คลาดกันจนได้ เธอรู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาคร่ำครวญใดๆ ต้องตั้งสติและเตรียมตัวให้พร้อม
หญิงสาวสวมชุดสูทเข้ารูปเรียบหรูตัดเย็บประณีตจากห้องเสื้อ ‘ไลลา’ เธอสวมรองเท้าส้นเตี้ยและถือไอแพดเดินเข้ามาในห้องผู้จัดการ แต่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวนั้นมีเจ้าของร่างของท่านประธานบริษัทนั่งอยู่ก่อนแล้ว “ท่านประธานนั่งผิดที่หรือว่ามาจับผิดการทำงานของดิฉันคะ” หัสวีร์ได้ยินแล้วก็ไม่อาจตีหน้าเคร่งครึมได้ไหว มุมปากยกยิ้มแล้วตบที่ตักของตน เสียงถอนหายใจดังขึ้นก่อนที่ร่างอวบอิ่มจะเดินเข้าไปแล้วนั่งบนตักแกร่งของประธานบริษัทศาตนันท์กรุ๊ฟ “พี่แค่เป็นห่วงว่าฝนจะทำงานไหวไหมเลยมาดู” หัสวีร์กอดภรรยาไว้หลวมๆ “มีใครรังแกหรือเปล่า” “ใครจะกล้ารังแกภรรยาคุณหัสวีร์ค่ะ” หญิงสาวหัวเราะเสียงใสแล้วจุ๊บแก้มเขาเร็วๆ ไปหนึ่งที “ขอบคุณที่ให้ฝนมาทำงานด้วยนะคะ” “อะไรที่ฝนอยากทำพี่ก็จะสนับสนุน แต่จำไว้อย่าให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป” เขาพูดแล้ววางมือบนหน้าท้องของหญิงสาว “เมื่อไหร่ลูกจะมานะ” “ใจร้อนจัง” หญิงสาวหัวเราะเสียงใสแล้วลุกขึ้นยืนเอื้อมมือไปฉุดชายหนุ่มให้ลุกจากเก้าอี้ทำงานของเธอ “คราวที่แล้วพี่ยังไม่ทันเตรียมตัวเล
ใบหน้าเจ้าสาวแดงก่ำ หัวใจยังเต้นแรงจากสัมผัสที่เขามอบให้ ใบหน้าหล่อเหลายังคงยิ้มและทำเป็นใจเย็นทั้งที่ความเป็นชายพร้อมรบ เจ้าบ่าวจับเอวคอดยกร่างเธอลงมาจากอ่างล้างหน้า พลิกร่างเธอหันไปเผชิญกับกระจกเงา ใบหน้าเธอยิ่งเห่อร้อนเมื่อเห็นเงาตัวเองในกระจก เขาช่วยสางผมให้เธออย่างเบามือในขณะที่สิ่งที่ใหญ่โตนั้นดุนดันร่องก้นเธออยู่ มือใหญ่นวดไหล่ต้นคอแล้วเลื่อนมาที่ไหล่ก่อนจะใช้ฝ่ามือนวดคลึงทรวงอกงดงามของเธอ รมิดาหลับตาไม่กล้ามองภาพตัวเองในกระจก มันวาบหวามเกินไปจนจนสั่น ร่างอ่อนระทวยแทบไม่มีแรงยืน “ชอบที่พี่ทำให้หรือเปล่า” เสียงทุ่มต่ำถามที่ริมหูก่อนจะขบมเม้มติ่งหูและส่งลิ้นเข้าไปตวัดเลียใบหู หญิงสาวขนลุกชันไปหมด ร่องสาวเปียกแฉะขึ้นมาอีกระลอก “พี่วีร์...” เธอครางเรียกชื่อเขาด้วยอารมณ์ปรารถนาที่ต้องการให้เขาทำมากกว่านี้ “อยากได้อะไรครับ เราผัวเมียกันแล้วนะ อยากให้พี่ทำแบบไหนก็บอก” รมิดากัดริมฝีปากแต่ฝ่ามือของเขาที่นวดเคล้นหน้าอกเธออยู่เหมือนยิ่งอยากให้เธอพูดเรื่องน่าอายออกมา ก็จริงนะ เป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่เธอก็ยัง...ไม่กล้าพ
งานแต่งงานสไตล์มินิมอลตามที่เจ้าสาวต้องการผ่านพ้นไปด้วยดี แม้ใช้เวลาเตรียมงานเพียงแค่สิบวันแต่เพราะเจ้าบ่าวทุ่มไม่อั้น จึงเนรมิตงานแต่งงานตามที่เจ้าสาวต้องการได้ แม้ในใจของหัสวีร์อยากจัดงานเลี้ยงหรูหราเพื่อประกาศว่ารมิดาคือเจ้าสาว-ภรรยา-แม่ของลูกชายของเขา แต่รมิดากลับเสนอให้จัดงานเล็กๆ ที่บ้านของเขาแทน ‘บ้านหลังนั้น ฝนยกให้พี่ลาวัลย์ค่ะ พี่ลาวัลย์อยู่กับแม่และน้องโมกข์ ฝนมาจัดงานแต่งที่บ้านพี่วีร์ ไม่ใช่บ้านเจ้าสาว ครอบครัวพี่วีร์คงไม่รังเกียจนะคะ’ ‘เรื่องจัดงานที่นี่ ครอบครัวพี่ไม่มีปัญหาอะไรหรอก’ หัสวีร์มองไปรอบตัวแล้วก็ยิ้มบางๆ ‘ก็อาจจะดีก็ได้ บ้านหลังนี้เงียบเหงามานาน งานแต่งงานของเราจะได้ช่วยสร้างให้บ้านอบอุ่นขึ้นอีกครั้ง’ ความคิดของว่าที่เจ้าสาวในตอนนั้นทำให้ทุกคนประหลาดใจ เพราะคาดไม่ถึงว่ารมิดาจะอยากจัดงานในบ้านนี้มากกว่าโรงแรมหรูที่อยู่ในเครือของตระกูลศาตนันท์ แต่ทุกคนก็เห็นด้วยกับความคิดของรมิดา เมื่อไม่มีใครคัดค้าน งานแต่งงานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วย ‘คนในครอบครัว’ และเพื่อนสนิทจึงเกิดขึ้น เด็กชายโมกข์สวมชุดสูทหรูทำให้เขากลายเป็นคุณช