สัมพันธ์ลับ(รัก)ประธานพันล้าน ตอนที่ 15. ยัยเลขาบ้า! “ใคร...อ่อ...ท่านประธานพันล้านนี่เอง” เสียงอ้อแอทักคนที่ยืนอยู่หน้าประตู ชายหนุ่มขมวดคิ้วที่เห็นสภาพของเลขาสาวในขณะนี้ "เธอ...เป็นอะไร เปิดประตูให้ผมเข้าไปเดี๋ยวนี้” “แค่เป็นเจ้านาย ก็สั่งเอาสั่งเอาได้เหรอ” พูดไม่จบประโยคดีก็ได้ยินเสียงเรอออกมา มือเล็กยกขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะคิกคัก หัสวีร์ได้ยินคำเรียกแปลกประหลาดนั้นชัดเจน แต่ไม่คิดเอามาใส่ใจในเวลานี้ ประตูแง้มเล็กน้อยแค่โผล่ใบหน้าหวานแดงก่ำ เขาใช้แรงไม่มากก็ดันประตูให้เปิดกว้างเพื่อแทรกตัวเข้าไปด้านใน รมิดาไม่ทันตั้งตัวก็เซถอยหลังจวนเจียนจะล้มแต่ฝ่ามือแกร่งโอบแผ่นหลังเธอไว้ได้ทันในขณะที่มือเรียวเล็กยื่นไปหาหลักยึดเหนี่ยวทำให้เกี่ยวคอของเขาไว้อย่างช่วยไม่ได้ ส่วนมืออีกข้างของเขาก็ถือกล่องขนม “ท่าน...ประธาน...” “เป็นอะไรของคุณ” เขาขมวดคิ้วงุนงง ไม่เคยเห็นรมิดาเป็นอย่างนี้มาก่อน แต่เพราะอยู่ใกล้กันมากจนเขาได้กลิ่น...กลิ่น... “คุณดื่มเหล้า?” “ม่ายยยย” รมิดาหัวเราะร่วนพยายามทร
แม้จะพักที่เดียวกัน แต่รมิดาไม่ได้ออกจากคอนโดพร้อมเจ้านาย แต่เช้านี้เธอได้รับข้อความที่ส่งมาทางไลน์ ‘รอที่ประตูทางออก’ หลังจากตื่นขึ้นมา รมิดาไม่แปลกใจที่ตัวเองสวมแค่ชุดชั้นใน ปกติเธอนอนคนเดียวบางคืนก็ใส่แค่บราเซียกับกางเกงขาสั้น นอนไม่เปิดแอร์เพราะอยากประหยัดค่าไฟ ถึงจะได้ฟรีค่าห้องแต่ค่าน้ำค่าไฟเธอจ่ายเองนี่นะ แรกทีเดียวเธอก็ไม่คิดอะไร ปวดหัวนิดหน่อยเพราะอาการเมาค้างแต่พอกินกาแฟดำก็บรรเทาได้มาก แต่ที่เธอตกใจก็คือกล่องขนมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างขวดเหล้าสาโท นี่มันกล่องขนมจากร้านคุณหัสดิน หรือคุณหัสดินเข้ามาห้องเธอ เจอสภาพเธอกลายเป็นขี้เมา แล้วปกติคุณหัสดินไม่เคยมาที่ห้องเธอเลย ตลอดเวลาทำงานมาเกือบห้าปี เวลาที่คุณหัสดินหิ้วขนมของกินมาให้ชิมจะเรียกเธอไปที่ห้องของหัสวีร์เสมอ แล้วยิ่งเห็นหมายเลขโทรเข้าที่เธอไม่ได้รับสายนี่อีก โอ๊ย! เธอทำอะไรรั่วๆใส่เจ้านายไปหรือเปล่านะ เสียงแตรรถทำให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง รถเก๋งคันหรูจอดเทียบทางเดิน รมิดาสูดลมหายใจลึกแล้วใช้ความมั่นที่เวลานี้เหลือน้อยนิดเปิดประตูรถด้านหลัง “ข้างหน้าสิ! ผมไม่
ไม่รู้เพราะยังมีอาการเมาค้างหรือเพราะเจ้านายขับรถนิ่มมาก รมิดาผล็อยหลับไปตั้งแต่ขึ้นรถได้ไม่นานนัก จนเมื่อถูกปลุกก็พบว่ารถมาจอดที่สนามพารามอเตอร์แล้ว รมิดารู้ว่าบอสของเธอชอบกีฬาแนวๆนี้ ทั้งรถแข่ง เจ็ทสกี้และพารามอเตอร์ แต่เธอเป็นเลขา ไม่ใช่เพื่อนในกลุ่มของเขา มีไม่กี่ครั้งที่เขาลากเธอมาด้วยความจำเป็นเพราะมีงานติดพันที่จัดการ “ลงมาซิ” หัสวีร์เรียกเพราะเห็นหญิงสาวยังนั่งทำหน้างงอยู่ “ยังไม่ตื่นหรือไง” “ตื่นแล้วค่ะ” ปล่อยให้เจ้านายขับรถแล้วตัวเองหลับก็น่าอายพอแล้ว รมิดาสลัดความคิดวุ่นวายในหัวออกแล้วคว้ากระเป๋าสะพายลงจากรถก้าวเร็วๆ ตามแผ่นหลังกว้าง “ว่าไงไรอัน” เสียงทักทายจากผู้ชายสามสี่คนที่เหมือนรออยู่ก่อนแล้ว หัสวีร์ยกมือทักทายแล้วทิ้งรมิดาไว้ด้านหลัง ลมแรงจนเธอต้องยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมที่ลงมาเคลียแก้ม ‘ไรอัน’ เป็นชื่อเล่นที่กลุ่มเพื่อนและลูกค้าหรือผู้ร่วมทุนที่สนิทสนมในระดับหนึ่ง ส่วน ‘วีร์’ คือชื่อเล่นที่เรียกเฉพาะคนในครอบครัว สำหรับรมิดาที่เป็นแค่เลขาก็เรียกชื่อเขาเต็มๆ หรือเรียกบอสหรือเจ้านายหรือท่านประธาน เธอยังไม่ไ
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใดแต่รมิดาสนุกกับเรื่องในวันนี้มาก ระหว่างเธอกับเขาไม่เหมือนลูกน้องกับเจ้านาย เมื่อเขาขับรถมาถึงบ้านพักตากอากาศ เขาก็ให้เธอไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน “ไม่ให้ฉันช่วยหรือคะ” “อย่างคุณจะช่วยอะไรผมได้” เขาหัวเราะแล้วผลักศีรษะเธอเบาๆ อย่างหยอกล้อ “ผมโทรบอกให้แม่บ้านทำความสะอาดไว้ก่อนแล้ว ห้องคุณอยู่ทางซ้ายมือ จะหลับสักงีบก็ได้นะ” “ฉันนอนเยอะแล้วค่ะ”“ถ้างั้นคุณช่วยล้างผักก่อนก็แล้วกัน” เขาพยักหน้าไปทางถุงผักที่ซื้อมาเตรียมทำสลัด “แค่ล้างผักคงทำได้นะ”“ค่ะ” หญิงสาวหัวเราะร่า วางถุงเสื้อผ้าและของใช้แล้วสาวเท้าเข้าไปยืนด้านข้างของเขา แล้วหยิบถุงผักไปแยกออกแล้วใส่ตะกร้าล้างผัก หัสวีร์รู้ดีว่าเลขาของเขาไม่ใช่คนชอบเข้าครัวแต่ท่าทางเธอก็ไม่เลวนัก หยิบจับอะไรก็คล่องแคล่ว คงจะเป็นลูกมือจนชินเสียมากกว่า“บอสจะทำอะไรคะ”“ทำอะไรกินง่ายๆ”“ถ้าจะตอบแบบนี้สู้ไม่ตอบเสียยังดีกว่า”“ว่าอะไรนะ”“เปล่าคะ” เธอส่ายหน้าไปมาหัสวีร์ได้ยินชัดแต่แกล้งเธอไปอย่างนั้น รมิดาล้างผักจัดใส่ตะกร้าส่วนเขาก็เอาเนื้อมาหมักเครื่องเทศ เธอเห็นแบบนี้แล้วค
ระหว่างที่รมิดาทำหน้าที่ล้างจานซึ่งหัสวีร์บอกเธอแล้วให้กองไว้พรุ่งนี้แม่บ้านจะมาทำความสะอาดเอง แต่เธอก็อยากช่วยบ้างตามประสาคนไม่ได้ทำกับข้าวอย่างน้อยก็ต้องล้างจาน “อะไรนะ จะดูเน็ตฟริก” หัสวีร์ทำหน้าไม่เชื่อเมื่อเขาถามรมิดาว่าจะทำอะไรต่อหลัง นี่เพิ่งหัวค่ำปกติก็ยังไม่ถึงเวลานอนและเบียร์ในตู้ยังเหลืออีกหลายกระป๋อง “ค่ะ” รมิดายืนยัน “คุณไม่เคยดูหรือไง” เขาเดินนำไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วจัดการเปิดโทรทัศน์จอใหญ่ขนาด 97 นิ้ว ในห้องปูพื้นด้วยพรมหนานุ่ม ทั้งสองเลือกจะเอกเขนกที่พื้นแทนนั่งบนโซฟา “ลืมไป คุณคงไม่ยอมเสียเงินจ่ายค่าสมาชิกแน่ๆ” “ก็ตามนั้นแหละค่ะ” เธอยักไหล่เก๋ๆ ดวงตากลมจ้องกระป๋องเบียร์ที่เขายื่นให้ “ช่วยผมดื่มหน่อย” “ดื่มไม่หมดก็เอาไว้ในตู้เย็นก็ได้นี่คะ” “ของแบบนี้ใครเขาเหลือไว้กันล่ะ กินให้หมด” “ก็...ได้ค่ะ” เธอยื่นมือไปรับมาจิบ “กลัวผมมอมเหล้าหรือไง” เขาหัวเราะแล้วเอนหยิบหมอนโยนใส่เลขาแล้วหยิบหมอนมาพิงหลังตัวเอง “บอสฉันดื่มเองน
มือเล็กทุบแผ่นอกอีกฝ่ายหวังให้เขาหยุดก่อนที่เธอจะไม่อาจต้านทานจูบร้อนแรงของเขาได้ แต่เขากลับกดข้อมือสองข้างไว้ข้างตัวไม่อาจขยับได้อีก รมิดายังไม่ลดล่ะความพยายามสองขาขยับดิ้นรนแต่เหมือนว่าจะทำให้สองร่างสัมผัสกันมากยิ่งขึ้น เขาผละริมฝีปากสวยทำให้เธอได้สูดอากาศหายใจ ใบหน้าแดงก่ำ แววตาของเขาร้อนแรงดุจลูกไฟ ในขณะที่ดวงตากลมโตเต็มเป็นด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว หัสวีร์หัวเสีย เขาไม่ต้องการให้เธอมองเขาอย่างนี้ รมิดาเหมือนได้ยินเสียงเขาสบถและปรายตามองไปยังปลายเท้าของเธอ หญิงสาวอ้าปากค้างก่อนเค้นเสียงออกมาอย่างรีบร้อน “ห้ามมองนะ!” เพราะการดิ้นรนของเธอทำให้กระโปรงร่นขึ้นมาจนเห็นกางเกงชั้นในวับแวบ หญิงสาวพยายามขืนแรงที่กดข้อมือเธออยู่เพื่อปัดกระโปรงให้ลงปิดส่วนที่ไม่ควรให้ใครเห็น มือแกร่งคลายการเกาะกุมเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเจ็บแต่ยังไม่คืนอิสรภาพให้ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้ทำให้เธอรีบเบือนหน้าหนีเพราะกลัวจะถูกจูบอีก “หลบทำไม” เสียงแหบพร่าถามที่ริมใบหูที่แดงก่ำ “มันก็แค่เซ็กส์” ถ้อยคำของเขาเรียกสติให้หญิงสาว รมิดา
หัสดินเดินเข้าในบริษัทของครอบครัวด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนมาเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า เขายิ้มทักทายพนักงานทุกคนแล้วมาหยุดที่โต๊ะทำงานของรมิดา “มาส่งขนมครับ” รมิดาเงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม เธอจำน้ำเสียงของหัสดินได้เป็นอย่างดี จึงไม่ต้องกังวลว่าจะยิ้มให้ผิดคน “วันนี้เค้กลอดช่องครับ ลองชิมดูนะ” “ฝีมือคุณดินอร่อยทุกอย่างอยู่แล้วค่ะ คุณหัสวีร์อยู่ด้านในให้ฉันเรียนท่านประธานก่อนไหมคะ” หัสดินเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนยิ้มกลบเกลื่อน “ไม่ต้องหรอกครับ ผมเข้าไปเลยดีกว่า” เชฟหนุ่มผู้ถนัดทำขนมหวานเดินไปเคาะประตูห้องท่านประธานสองสามครั้ง เมื่อประตูประตูเข้าไปก็พบพี่ชายนั่งก้มหน้าเซ็นชื่อในเอกสารอยู่ “เพิ่งกลับจากฮันนีมูนไม่ใช่เหรอ ทำไมทำหน้าเครียดจัง” “ฮันนีมูนอะไร” คำพูดของน้องชายเรียกความสนใจจากหัสวีร์ หัสดินขมวดคิ้วแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งลงหน้าพี่ชายต่างมารดา “ไม่ได้เข้าบริษัทสองวัน หายไปกับเรนนี่สองต่อสองไม่ได้ไปฮันนีมูนตามประสาคู่รักเพิ่งจดทะเบียนสมรสหรือไงครับ” “ก็แค่ไปพ
หัสวีร์เปิดประตูรถให้เลขาสาวที่วันนี้รับบทเป็นภรรยาหมาดๆของเขา รมิดาก้าวลงจากรถไร้ความประหม่าเพราะซักซ้อมมาอย่างดีราวกับว่าเธอกำลังจะไปสอบสัมภาษณ์งาน ยกเว้นก็แต่รองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่ในเวลานี้ เธอควรชินกับมันเสียทีเพราะเวลาออกงานกับเจ้านาย เธอก็สวมรองเท้าส้นสูงแต่แอบหิ้วเอารองเท้าส้นเตี้ยไปเปลี่ยนเมื่อเสร็จงาน “เป็นไงบ้างคะคุณวีร์” รมิดาฉีกยิ้มประจบเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองแบบสำรวจ ทั้งที่ก่อนออกจากคอนโด เธอก็แต่งตัวเดินไปให้เขาตรวจสอบก่อนจะออกมาพร้อมกัน “คุณวีร์...” ได้ยินเสียงเรียกสนิทสนมแล้วหัวใจเขาพลันหวั่นไหวอย่างประหลาด แต่กระนั้นก็ยื่นมือไปให้เธอจับเพื่อเดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน รมิดาจับมือเขาแล้วก้าวเดินเคียงข้าง ไม่ใช่ตามหลังเช่นทุกครั้ง “ก็ตามที่เราตกลงกันไงคะ” เธอพูดเสียงเบาแล้วก้าวขึ้นบันไดหน้าคฤหาสน์ “หรือจะเรียกพี่วีร์ดีค่ะ เพราะบอสเกิดก่อนตั้งหลายปี พี่วีร์...” ‘พี่วีร์’ น้ำเสียงอ่อนหวานเรียกชื่อเขาทอดเสียงออดอ้อน หัสวีร์ปรายตามองคนด้านข้างพลันคิดไปไกล หากได้ยินเสียงหวานครางเรียก ‘พี่วีร์’
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง รมิดานั่งอ่านข่าวจากหน้าจอเครื่องไอแพด ข่าวตำรวจทลายแหล่งค้ามนุษย์เป็นที่พูดถึงในโลกโซเซียลอยู่หลายวันและมีการสืบขยายผลผู้เกี่ยวข้องอีกหลายฝ่าย ไม่เพียงแค่ค้ามนุษย์แต่ยังมีเรื่องยาเสพติดสิ่งผิดกฎหมายอีกหลายอย่าง แต่ไม่มีการพาดพิงถึงเรื่องที่รวิศถูกจับตัวไป การมีเงินใช้เงินให้ถูกที่ก็ไม่ได้แย่นัก รมิดารู้ดีว่าที่หัสวีร์ทำไปทั้งหมดก็เพื่อลูก เขาไม่ต้องการให้ลูกกลายเป็นเป้าสนใจของสื่อทุกแขนงและยังจะกระทบกระเทือนจิตใจลูกด้วย รวิศเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด นอกจากการขาดน้ำ-อาหารและบาดแผลถลอกที่ไม่ติดเชื้อแล้วก็นับว่าร่างกายแข็งแรงดี ส่วนสภาพจิตใจนั้น จิตแพทย์เด็กได้ให้การดูแลอยู่เชื่อว่าความรักจากคนในครอบครัวจะทำให้เด็กน้อยผ่านความทรงจำเลวร้ายนี้ได้ แต่เพราะความเป็นห่วงของปู่ย่าจึงอยากให้รวิศอยู่โรงพยาบาลสักวันสองวันเพื่อความมั่นใจ แต่คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือเพื่อนใหม่ของรวิศ...เด็กหญิงผักหอม เด็กแข็งแกร่งที่รมิดาเห็นแล้วก็นึกถึงตัวเองในวัยเด็ก หัสวีร์ให้คนสืบเรื่องของผักหอมและเมื่อรู้ว่าครอบครัวไม่ได้อบอุ่นและยังทำร้ายร่างกายเด็ก ทำให้ทั้งสองปรึก
มือเล็กๆ จับกันแน่น รวิศเผลอหันไปมองด้านหลังทำให้เท้าที่ไม่มีแรงสะดุดก้อนอิฐที่ปูไม่เรียบตรงหน้า ร่างเขาเซถลาล้มลงแต่ผักหอมก็ไม่ยอมปล่อยมือ “อย่าหยุดนะ คนใจร้ายตามมาแล้ว!” “อื้อ” น้ำตาคลอเบ้าตา รวิศเจ็บมากแต่ไม่กล้าร้องไห้และไม่กล้ามองเข่าที่เจ็บมากและรู้ว่าเลือดไหลซึมออกมา ผักหอมออกแรงดึงแขนรวิศแล้วสบตากัน เด็กหญิงก็หวาดกลัวไม่น้อยแต่ก็ฝืนยิ้มแล้วพูดออกมา “เพี้ยงงงง หาย ไม่เจ็บแล้วนะ” ดวงตากลมกะพริบตาปริบๆ เหมือนความเจ็บนั้นจะหายไปชั่วขณะ เสียงคนโวยวายดังไล่หลังทำให้เด็กน้อยทั้งสองสะดุ้งโหย่ง ผักหอมเห็นท่าไม่ดีดึงแขนของรวิศให้มาหลบอยู่หลังกองไม้ “หลบอยู่ตรงนี้ อย่าสงเสียงนะ รอจนกว่าคนใจร้ายไปแล้วค่อยออกมาล่ะ” “แล้วเธอล่ะ มาหลบด้วยกันสิ” รวิศกระถดกายเข้าไปด้านในเพื่อให้ผักหอมเข้ามาหลบด้วยกัน แต่เด็กหญิงส่ายหน้ารัวๆ “นายเข่าเจ็บ วิ่งไม่ทันแน่ ฉันจะหลอกพวกมันไปอีกทางเอง” “ไม่ได้นะ! พวกมัน...พวกมัน...” เด็กหญิงฉีกยิ้มเศร้า เธอรู้...เธอเป็นคนจน...พวกมันเอาเธอไปขาย แต่ถ้าเ
รมิดาเผชิญหน้ากับชายสวมหน้ากากอนามัยสีดำ ความหวาดกลัวที่มีหายไปหมดสิ้นเมื่อคิดว่าต้องช่วยลูกออกมาให้ได้ แม้จะมีหน้ากากปิดครึ่งหน้าแต่แววตามันกำลังแสยะยิ้มให้เธออยู่ “น่าปรบมือให้จริงๆ ภรรยาของประธานหัสวีร์กล้ามาด้วยตัวเองคนเดียวจริงๆ” ภาคภูมิที่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองพูดน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาหรี่มองอย่างประเมิน มิน่าเล่า จากเลขาถึงกลายเป็นเมียได้ ก็สวยขนาดนี้เลยนี่ สวยกว่ายัยปอไหมนั้นอีก “ลูกชายฉันอยู่ที่ไหน” รมิดาถามรักษาระดับน้ำเสียงไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเธอหวาดกลัวมากแค่ไหน เธอไม่ได้ตัวเองเป็นอันตรายแต่เป็นห่วงลูก กลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัย “ผมต้องค้นตัวคุณก่อน” ภาคภูมิสาวเท้าเข้าไปใกล้หญิงสาวไม่ถอยหลังหนีซ้ำยังยืนนิ่งเชิดใบหน้าขึ้นไร้ความเกรงกลัว เขายิ้มพอใจแล้วยื่นมือข้างใบหูเพื่อสำรวจว่าเธอติดเครื่องมือสื่อสารอะไรมาหรือเปล่า “ฉันพกโทรศัพท์มือถือมา มันต้องใช้โอนเงิน” เธอยื่นโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องให้มันด้วยตัวเอง ชายหนุ่มยื่นมือไปรับแล้วใช้มืออีกข้างแตะที่กระดุมเสื้อเชิ้ตของรมิดา หญิงสาวปัดมือเขาออกทำให้โจรชั่วเลิกคิ้วขึ้นเล
เด็กชายวัยสามขวบเศษเนื้อตัวมอมแมมแต่กระนั้นยังเห็นได้ชัดว่าเป็นมีเชื้อชาวต่างชาติ รวิศยกหลังมือจะเช็ดน้ำตาแต่ก็นึกได้ว่าแม่สอนไว้ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้า เขาล้วงมือในกระเป๋ากางเกงเจอแท่งช็อกโกแลต เขาเผลอยิ้มอย่างดีใจเพราะตั้งแต่กินมื้อเที่ยงไปยังไม่ได้กินอะไรอีกเลย ขณะกำลังฉีกห่อขนมก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่ เขามองกลับเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เนื้อตัวมอมแมมเหมือนเขาและน่าจะอายุพอๆกัน หรืออาจจะถูกคนใจร้ายจับมาเหมือนกัน “กินด้วยกันไหม” รวิศถามแล้วลุกขึ้นเดินไปยังมุมห้องที่เด็กผู้หญิงนั่งกอดเข่าอยู่ เขาเอียงหน้ามองแล้วก็อุทานตกใจคว้าหาผ้าเช็ดหน้าแล้วยื่นไปแตะๆที่หน้าผากของเด็กหญิงคนนั้น “เธอมีแผล ต้องเช็ดแผล” “เจ็บ” เด็กหญิงแบะปากอยากร้องไห้ แต่ท่าทางจะร้องมาหนักแล้วจนดวงตาบวมแดงและแห้งผาก “มาๆ เราเป่าให้นะ เพี้ยง!หาย” “ยังเจ็บอยู่เลย” “เราทำแบบที่แม่สอน เดี๋ยวเป่าอีกทีนะ เพี้ยงงงง หายยยย” อาจเพราะไม่ได้อยู่คนเดียว เด็กหญิงจึงอารมณ์ดีขึ้น เธอเผลอยิ้มแต่ก็ต้องร้อ
เสียงลูกชายดังขึ้นมาทันทีที่ยังพูดไม่จบ รมิดามือไม้สั่นไปหมดแทบจับโทรศัพท์ไม่อยู่ หัสวีร์รีบยื่นมือไปประคองมือของเธอไว้ ปลายสายตัดสัญญาไปแล้ว ร่างบางถึงกับเข่าอ่อนแต่เพราะมีหัสวีร์ประคองอยู่จึงไม่ได้ลงไปนั่งกับพื้น “สงสัยปู่ต้องรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับกำนันคมคายเสียหน่อย” เมื่อก่อนปู่ก็จัดว่าเป็นนักเลงเก่ามาก่อน เพราะได้เมียดีคอยเตือนสติไม่หลงเดินทางผิดจึงสร้างอาณาจักรศาตนันท์ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ก็มี...เลี้ยงคนไว้ใช้งานอยู่บ้าง “ตั้งสติ” เสียงย่าพูดกับรมิดา “ผู้หญิงบ้านนี้ห้ามอ่อนแอ” “ค่ะ” รมิดาสูดลมหายใจลึกแล้วพยุงตัวเองขึ้น เธอยังสวมชุดกระโปรงที่ใส่ไปทำงานอยู่ “ฝนขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ พี่วีร์จัดการเรื่องเงินรอได้เลย จะให้ฝนทำอะไร ฝนพร้อมค่ะ” เงินห้าสิบล้านไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหัสวีร์ รมิดาเป็นเลขาของเขามาห้าปีจัดการเรื่องการเงินให้เขาย่อมรู้ดีทุกอย่าง แต่การไม่รู้ว่าต้องเตรียมเงินเพื่อโอนไปที่ไหนหรือจะทำเอาไปให้ใครทำให้เธอหงุดหงิดมากกว่า รมิดาสวมกางเกงยีนกับเสื้อยืดพอดีตัว ผมยาวรวบขึ้นเป็นหางม้าท่
หัสดินแทบจะทิ้งรถมอเตอร์ไซค์แล้ววิ่งเข้ามาในคฤหาสน์ที่เวลานี้มีคนเข้ามากันมากหน้าหลายตา เขารู้ดีว่านี่เป็นการระดมกำลังคนเต็มที่เพื่อตามหาทายาทตระกูลศาตนันท์ ทันทีที่ได้รู้ข่าวว่ารวิศถูกลักพาตัวเขาก็รีบขับรถกลับมาที่บ้านทันที เมื่อก้าวเข้ามาในห้องจึงเห็นรมิดานั่งอยู่กับแม่ของเขา “เป็นไงบ้าง” หัสดินถามพี่สะใภ้ที่นั่งหน้าซีดด้วยความเป็นห่วง “ทุกคนกำลังออกติดตามคุณหนูรวิศอยู่ลูก” ชายหนุ่มนั่งลงด้านข้างแล้วจับแตะหลังมือของพี่สะใภ้ “ไม่ต้องห่วงนะ ไม่สิ รู้ว่าเป็นห่วงแต่เชื่อใจพี่วีร์และคนในครอบครัวของเราเถอะ ผู้ชายบ้านนี้ไม่ยอมให้ใครมากระตุกหนวดได้ง่าย” รมิดาพยายามยิ้มแต่ยิ้มได้ยากเต็มที ใครจะคิดว่าลูกอยู่ในสายตาแท้ๆ ยังถูกคนอุ้มขึ้นรถตู้ได้ง่ายดายขนาดนี้ ทันทีที่เกิดเรื่อง หัสวีร์สั่งการให้คนออกติดตามทันที เขาให้คนขับรถส่งเธอกลับมารอฟังข่าวที่บ้าน ส่วนตัวเขาเร่งติดตามรถคนนั้นไป และดูเหมือนฝ่ายนั้นจะเตรียมการไว้ดี เพราะมีการเปลี่ยนรถตู้ ทำให้คลาดกันจนได้ เธอรู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาคร่ำครวญใดๆ ต้องตั้งสติและเตรียมตัวให้พร้อม
หญิงสาวสวมชุดสูทเข้ารูปเรียบหรูตัดเย็บประณีตจากห้องเสื้อ ‘ไลลา’ เธอสวมรองเท้าส้นเตี้ยและถือไอแพดเดินเข้ามาในห้องผู้จัดการ แต่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวนั้นมีเจ้าของร่างของท่านประธานบริษัทนั่งอยู่ก่อนแล้ว “ท่านประธานนั่งผิดที่หรือว่ามาจับผิดการทำงานของดิฉันคะ” หัสวีร์ได้ยินแล้วก็ไม่อาจตีหน้าเคร่งครึมได้ไหว มุมปากยกยิ้มแล้วตบที่ตักของตน เสียงถอนหายใจดังขึ้นก่อนที่ร่างอวบอิ่มจะเดินเข้าไปแล้วนั่งบนตักแกร่งของประธานบริษัทศาตนันท์กรุ๊ฟ “พี่แค่เป็นห่วงว่าฝนจะทำงานไหวไหมเลยมาดู” หัสวีร์กอดภรรยาไว้หลวมๆ “มีใครรังแกหรือเปล่า” “ใครจะกล้ารังแกภรรยาคุณหัสวีร์ค่ะ” หญิงสาวหัวเราะเสียงใสแล้วจุ๊บแก้มเขาเร็วๆ ไปหนึ่งที “ขอบคุณที่ให้ฝนมาทำงานด้วยนะคะ” “อะไรที่ฝนอยากทำพี่ก็จะสนับสนุน แต่จำไว้อย่าให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป” เขาพูดแล้ววางมือบนหน้าท้องของหญิงสาว “เมื่อไหร่ลูกจะมานะ” “ใจร้อนจัง” หญิงสาวหัวเราะเสียงใสแล้วลุกขึ้นยืนเอื้อมมือไปฉุดชายหนุ่มให้ลุกจากเก้าอี้ทำงานของเธอ “คราวที่แล้วพี่ยังไม่ทันเตรียมตัวเล
ใบหน้าเจ้าสาวแดงก่ำ หัวใจยังเต้นแรงจากสัมผัสที่เขามอบให้ ใบหน้าหล่อเหลายังคงยิ้มและทำเป็นใจเย็นทั้งที่ความเป็นชายพร้อมรบ เจ้าบ่าวจับเอวคอดยกร่างเธอลงมาจากอ่างล้างหน้า พลิกร่างเธอหันไปเผชิญกับกระจกเงา ใบหน้าเธอยิ่งเห่อร้อนเมื่อเห็นเงาตัวเองในกระจก เขาช่วยสางผมให้เธออย่างเบามือในขณะที่สิ่งที่ใหญ่โตนั้นดุนดันร่องก้นเธออยู่ มือใหญ่นวดไหล่ต้นคอแล้วเลื่อนมาที่ไหล่ก่อนจะใช้ฝ่ามือนวดคลึงทรวงอกงดงามของเธอ รมิดาหลับตาไม่กล้ามองภาพตัวเองในกระจก มันวาบหวามเกินไปจนจนสั่น ร่างอ่อนระทวยแทบไม่มีแรงยืน “ชอบที่พี่ทำให้หรือเปล่า” เสียงทุ่มต่ำถามที่ริมหูก่อนจะขบมเม้มติ่งหูและส่งลิ้นเข้าไปตวัดเลียใบหู หญิงสาวขนลุกชันไปหมด ร่องสาวเปียกแฉะขึ้นมาอีกระลอก “พี่วีร์...” เธอครางเรียกชื่อเขาด้วยอารมณ์ปรารถนาที่ต้องการให้เขาทำมากกว่านี้ “อยากได้อะไรครับ เราผัวเมียกันแล้วนะ อยากให้พี่ทำแบบไหนก็บอก” รมิดากัดริมฝีปากแต่ฝ่ามือของเขาที่นวดเคล้นหน้าอกเธออยู่เหมือนยิ่งอยากให้เธอพูดเรื่องน่าอายออกมา ก็จริงนะ เป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่เธอก็ยัง...ไม่กล้าพ
งานแต่งงานสไตล์มินิมอลตามที่เจ้าสาวต้องการผ่านพ้นไปด้วยดี แม้ใช้เวลาเตรียมงานเพียงแค่สิบวันแต่เพราะเจ้าบ่าวทุ่มไม่อั้น จึงเนรมิตงานแต่งงานตามที่เจ้าสาวต้องการได้ แม้ในใจของหัสวีร์อยากจัดงานเลี้ยงหรูหราเพื่อประกาศว่ารมิดาคือเจ้าสาว-ภรรยา-แม่ของลูกชายของเขา แต่รมิดากลับเสนอให้จัดงานเล็กๆ ที่บ้านของเขาแทน ‘บ้านหลังนั้น ฝนยกให้พี่ลาวัลย์ค่ะ พี่ลาวัลย์อยู่กับแม่และน้องโมกข์ ฝนมาจัดงานแต่งที่บ้านพี่วีร์ ไม่ใช่บ้านเจ้าสาว ครอบครัวพี่วีร์คงไม่รังเกียจนะคะ’ ‘เรื่องจัดงานที่นี่ ครอบครัวพี่ไม่มีปัญหาอะไรหรอก’ หัสวีร์มองไปรอบตัวแล้วก็ยิ้มบางๆ ‘ก็อาจจะดีก็ได้ บ้านหลังนี้เงียบเหงามานาน งานแต่งงานของเราจะได้ช่วยสร้างให้บ้านอบอุ่นขึ้นอีกครั้ง’ ความคิดของว่าที่เจ้าสาวในตอนนั้นทำให้ทุกคนประหลาดใจ เพราะคาดไม่ถึงว่ารมิดาจะอยากจัดงานในบ้านนี้มากกว่าโรงแรมหรูที่อยู่ในเครือของตระกูลศาตนันท์ แต่ทุกคนก็เห็นด้วยกับความคิดของรมิดา เมื่อไม่มีใครคัดค้าน งานแต่งงานเล็กๆ ที่เต็มไปด้วย ‘คนในครอบครัว’ และเพื่อนสนิทจึงเกิดขึ้น เด็กชายโมกข์สวมชุดสูทหรูทำให้เขากลายเป็นคุณช