สัมพันธ์ลับ(รัก)ประธานพันล้าน ตอนที่ 15. ยัยเลขาบ้า! “ใคร...อ่อ...ท่านประธานพันล้านนี่เอง” เสียงอ้อแอทักคนที่ยืนอยู่หน้าประตู ชายหนุ่มขมวดคิ้วที่เห็นสภาพของเลขาสาวในขณะนี้ "เธอ...เป็นอะไร เปิดประตูให้ผมเข้าไปเดี๋ยวนี้” “แค่เป็นเจ้านาย ก็สั่งเอาสั่งเอาได้เหรอ” พูดไม่จบประโยคดีก็ได้ยินเสียงเรอออกมา มือเล็กยกขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะคิกคัก หัสวีร์ได้ยินคำเรียกแปลกประหลาดนั้นชัดเจน แต่ไม่คิดเอามาใส่ใจในเวลานี้ ประตูแง้มเล็กน้อยแค่โผล่ใบหน้าหวานแดงก่ำ เขาใช้แรงไม่มากก็ดันประตูให้เปิดกว้างเพื่อแทรกตัวเข้าไปด้านใน รมิดาไม่ทันตั้งตัวก็เซถอยหลังจวนเจียนจะล้มแต่ฝ่ามือแกร่งโอบแผ่นหลังเธอไว้ได้ทันในขณะที่มือเรียวเล็กยื่นไปหาหลักยึดเหนี่ยวทำให้เกี่ยวคอของเขาไว้อย่างช่วยไม่ได้ ส่วนมืออีกข้างของเขาก็ถือกล่องขนม “ท่าน...ประธาน...” “เป็นอะไรของคุณ” เขาขมวดคิ้วงุนงง ไม่เคยเห็นรมิดาเป็นอย่างนี้มาก่อน แต่เพราะอยู่ใกล้กันมากจนเขาได้กลิ่น...กลิ่น... “คุณดื่มเหล้า?” “ม่ายยยย” รมิดาหัวเราะร่วนพยายามทร
แม้จะพักที่เดียวกัน แต่รมิดาไม่ได้ออกจากคอนโดพร้อมเจ้านาย แต่เช้านี้เธอได้รับข้อความที่ส่งมาทางไลน์ ‘รอที่ประตูทางออก’ หลังจากตื่นขึ้นมา รมิดาไม่แปลกใจที่ตัวเองสวมแค่ชุดชั้นใน ปกติเธอนอนคนเดียวบางคืนก็ใส่แค่บราเซียกับกางเกงขาสั้น นอนไม่เปิดแอร์เพราะอยากประหยัดค่าไฟ ถึงจะได้ฟรีค่าห้องแต่ค่าน้ำค่าไฟเธอจ่ายเองนี่นะ แรกทีเดียวเธอก็ไม่คิดอะไร ปวดหัวนิดหน่อยเพราะอาการเมาค้างแต่พอกินกาแฟดำก็บรรเทาได้มาก แต่ที่เธอตกใจก็คือกล่องขนมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างขวดเหล้าสาโท นี่มันกล่องขนมจากร้านคุณหัสดิน หรือคุณหัสดินเข้ามาห้องเธอ เจอสภาพเธอกลายเป็นขี้เมา แล้วปกติคุณหัสดินไม่เคยมาที่ห้องเธอเลย ตลอดเวลาทำงานมาเกือบห้าปี เวลาที่คุณหัสดินหิ้วขนมของกินมาให้ชิมจะเรียกเธอไปที่ห้องของหัสวีร์เสมอ แล้วยิ่งเห็นหมายเลขโทรเข้าที่เธอไม่ได้รับสายนี่อีก โอ๊ย! เธอทำอะไรรั่วๆใส่เจ้านายไปหรือเปล่านะ เสียงแตรรถทำให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง รถเก๋งคันหรูจอดเทียบทางเดิน รมิดาสูดลมหายใจลึกแล้วใช้ความมั่นที่เวลานี้เหลือน้อยนิดเปิดประตูรถด้านหลัง “ข้างหน้าสิ! ผมไม่
‘ได้เดิมตามฝัน จะมีอะไรเป็นของตัวเอง ชอบอิสระ ไม่พึ่งพาใคร ไม่ง้อใคร รวยด้วยลำแข็ง เก่ง แกร่ง เสน่ห์แรง เกินต้าน สวยมากจนน่าขยี้ หาเงินเก่ง หาเงินดุ เงินคือสามีที่เรารักที่สุด...’หญิงสาวถึงกับสำลักเครื่องดื่มสีสวยที่กำลังยกขึ้นจิบ บาร์เทนเดอร์ที่อยู่ใกล้หันมามองอย่างห่วงใย แต่เจ้าของมือเรียวโบกมือไปมาก่อนหยิบกระดาษทิชชู่มาซับมุมปากแล้วกวาดสายตาอ่านข้อความที่หน้าจอสมาร์ทโฟนของตนเอง“เงินคือสามีที่รักที่สุด” รมิดาพึมพำอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้งแล้วก็ต้องกลั้นหัวเราะ มันเป็นหน้าแฟนเพจเวบดูดวงเพจหนึ่งที่เธอเลื่อนอ่านฆ่าเวลา แม้ไม่ใช่คนชอบดูดวงชะตาแต่ถ้าเจอก็อดอ่านไม่ได้ เธอเป็นสาวราศีมีน และหมอดูท่านนี้ก็ทำนายได้โดนใจเป็นที่สุดสำหรับรมิดาแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเงิน หญิงสาวนึกขำเมื่อเห็นภาพใบหน้าตนเองฉีกยิ้มหวานแล้วพูดว่า ‘ภูมิใจที่ได้ทำงานที่บริษัทในเครือศาตนันท์กรุ๊ฟ’ ซึ่งความจริงแล้ว เพราะเงินเดือนที่สูงกว่าบริษัทอื่นรวมทั้งค่าล่วงเวลาทำให้เธอกัดฟันทำงานที่นี่ต่างหากต้องเรียกว่า ‘ฟาดฟันเพื่อให้ได้ทำงานที่นี่เลยต่างหากล่ะ’หญิงสาวในชุดเดรสสีดำเรียบง่ายยกแก้วเครื่องดื่มของตนขึ้น
มุมหนึ่งของห้องพักสุดหรูคือที่ออกกำลังกายของชายหนุ่มเจ้าของห้อง กระสอบทรายที่แขวนอยู่แกว่งไปมาตามแรงหมัดที่กระแทกใส่ เหงื่อเกาะพราวบนแผงอกกำยำมีรอยสักมังกรใหญ่ยักษ์ที่เวลานี้เปลือยเปล่าเห็นกล้ามท้องเป็นมัด จังหวะเต้นฟุตเวิร์คที่สอดคล้องกับจังหวะการหายใจ ทำเอาคนที่ยืนมองอยู่ถึงกับผงกศีรษะยอมรับความสามารถของพี่ชายต่างมารดาคนนี้ “ใส่นวมแล้วมาต่อยกันสักหมัดสองหมัดสิ” “อย่ามาหลอกเลย” คนถูกชวนส่ายหน้าไปมา “หมัดสองหมัดมีที่ไหน” ชายหนุ่มซัดหมัดหนักๆ ออกไปอีกหมัดก่อนยุติการซ้อม เขายื่นมือไปรับผ้าขนหนูจาก น้องชายแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ริมระเบียง “ออกกำลังกายให้เหงื่อมันออกเสียบ้างจะได้เลิกบ่นว่านอนไม่หลับเสียที” หัสวีร์พูดแล้วเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ “เอาแต่พึ่งยานอนหลับมันจะไม่ดีกับสุขภาพ” “เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยได้กินยานอนหลับแล้วล่ะ” หัสดินเดินไปหยิบน้ำแร่จากตู้เย็นแล้วเดินกลับมาหาพี่ชายคนละแม่ “ใครกล้ากวนใจพี่ชายผม หรือไม่ได้คุยกับคาเรน” หัสดินพูดพลางหัวเราะร่วน ถือขวดน้ำแร่แล้วเดินไปนั่งใกล้ๆ แม้เป็นพี่น้องต่างมารดา
รมิดาเห็นเจ้านายหันหลังเดินไปแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเขาเปลือยแผ่นอกแบบนี้ แต่เพราะต้องคอยระวังไม่ให้ปากตัวเองไวเท่าความคิด ท่านประธานเป็นคนจำพวกปากร้ายและร้ายไปถึงก้นบึ้งของหัวใจเลยก็ว่าได้ เท่าที่ทำงานกันมา เขาเป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาด ไร้ความปรานี แรกทีเดียวเธอออกจะแปลกใจในเงือนไขต่างๆ ก่อนเซ็นสัญญาทำงาน แต่เมื่อทำงานด้วยกัน เธอจึงรู้ว่าเขาไม่มีแค่ธุรกิจของครอบครัวที่ดูแลอยู่ แต่มีธุรกิจสีเทาที่เป็นธุรกิจส่วนตัว ซึ่งเธอเป็นเลขาส่วนตัวของเขาทำให้ต้อง ‘เก็บข้อมูล’ไว้เป็นความลับ จึงเป็นที่มาของเงินเดือนที่สูงกว่าอื่นๆ หากนับรวมกับเงินล่วงเวลาแล้ว เฉลี่ยต่อเดือนเธอได้เงินเดือนห้าหมื่นบาทเลยทีเดียว นี่แหละ เหตุผลที่เธอต้องเกาะงานที่นี่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าต้องเจอเจ้านายปากร้ายแค่ไหนก็ตาม “มีมัฟฟินก็ต้องมีกาแฟ” หัสดินพูดขึ้นอย่างนึกได้ เดินไปที่เครื่องชงกาแฟแคปซูล “ของเรนนี่เอาลาเต้เหมือนเดิมนะครับ” “ขอบคุณค่ะ” คงมีแค่เวลาแบบนี้ที่เธอไม่ต้องเอาอกเอาใจใคร หัสดินเป็นน้องชายหัสวีร์ อายุห่างกันสามปี และนิสัยตรงกันข้ามกันอย
‘ผมเข้าใจพี่ฝนนะฮะ แต่แม่คงไม่ได้คิดแบบนั้น’ ‘เรื่องแม่นะ ช่างเถอะ พี่ขอแค่ตรีกับหลานโมกข์เข้าใจพี่ก็พอ’ ‘ผมเรียนจบแล้วจะรีบหางานทำ แบ่งเบาภาระพี่ฝนนะฮะ’ ‘ไม่ต้องๆ พี่ดูแลตัวเองได้ แค่โมกข์ไม่อายที่มีพี่อย่างพี่ พี่ก็ดีใจแล้ว’ ‘ทำไมผมต้องอายด้วยเล่า พี่สาวผมทั้งสวยทั้งเก่ง ผมน่ะ ภูมิใจในตัวพี่ฝนนะ’ ‘อย่าลืมคำพูดตัวเองล่ะกัน’ ‘แน่นอนครับ!’ รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นที่ใบหน้า รมิดาตากเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เดินกลับเข้ามาด้านใน ห้องของเธอมีฟอร์นิเจอร์ครบครัน เครื่องครัว รวมทั้งเครื่องซักผ้าขนาดเล็กและตู้เย็นที่อัดแน่นด้วยน้ำดื่มและขนมของว่างที่แจกในห้องประชุม ตั้งแต่ทำงานในตำแหน่งเลขา เธอไม่ได้อดยากหิวโหยเหมือนเมื่อก่อน แต่เพราะรู้ว่าความหิวมันทรมานเพียงใด ยิ่งขนมพวกนี้เธอไม่เคยมีเงินซื้อกินเอง ลำพังแค่มีข้าวกินครบสามมื้อก็ลำบากแล้ว จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อขนมมากิน วันหยุดซึ่งนานๆ จะมีสักทีเพราะเจ้านายของเธอเป็นคนบ้างาน นอกจากงานที่บริษัทแล้วยังมีกิจการส่วนตัวหลายอย่าง หลายครั้งที่เธอต้องตามเขาไปหลายที่ ต
หญิงสาวหอบเอกสารเดินออกจากลิฟต์ด้วยท่าทีมาดมั่นและงามสง่า สายตาหลายคู่ลอบมองมาทางเธอแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยทักทาย ใบหน้าหวานแม้มีแว่นตากรอบบางสวมอยู่ก็ไม่อาจปกปิดดวงตาคู่สวยได้ ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีอ่อนเผยอขึ้นเล็กน้อย ร่างโปร่งบางในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มก้าวเดินตรงมาที่โต๊ะของพนักงานสาวคนหนึ่งที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองคนที่หยุดยืนอยู่เบื้องหน้า “คุณอรอุมาคะ เอกสารชุดนี้ผิดพลาดค่ะ ดิฉันใช้ดินสอเขียนในส่วนที่ต้องแก้ไขแล้ว รบกวนทำให้เสร็จภายในวันนี้ด้วยนะคะ” “เอ่อ...” พนักงานสาวเงยหน้าขึ้น “วันนี้ค่ะ” หญิงสาวยืนยัน มุมปากมีรอยยิ้มทำให้ดูอ่อนโยน ทว่าประโยคต่อมาก็ราวฟาดแส้ใส่คนฟัง “ถ้าไม่เสร็จตามกำหนด คุณหัสวีร์จะให้ฝ่ายบุคคลพิจารณาการทำงานของคุณค่ะ” “ค่ะๆ” ความเด็ดขาดของเลขาสาวเจ้าของความสูง 167 เซนติเมตรและท่าทางเย่อหยิ่งคนนี้คือ ‘ รมิดา บัวระวงศ์’ เธอเป็นเลขาข้างกาย ‘หัสวีร์ ศาตนันท์’ ประธานบริษัทหนุ่มวัยสามสิบสอง หญิงสาวเดินกลับลงมาที่หน้าตึก มารอรับชุดสูทของเจ้านายที่ให้พนักงานซักรีดเอามาส่ง เลขาสาวเดินเข้าลิฟต์ของผู้บริหารด้
ถ้าจะพูดว่าเก็บเพชรในตมได้ ก็ไม่เกินไปนัก หัสวีร์ในชุดสูทเรียบหรู หลังการเซ็นชื่อลงนามรวมทุนทางธุรกิจจะเป็นงานเลี้ยงรับรอง และเวลานี้เขากำลังนั่งดื่มไวน์รสเลิศอยู่กับผู้ร่วมธุรกิจมูลค่านับร้อยล้าน แต่สายตาของเขากลับติดตามเจ้าของเรือนร่างในชุดเดรสสีดำเรียบง่ายที่ยืนสนทนากับลูกค้าต่างชาติอยู่ เพชรในตม คำนี้ดูไม่เกินจริงเลยสำหรับนิยามเลขาคนเก่งของเขา รมิดาไม่ใช่ผู้หญิงสวยเลิศเลอ เธอมมีรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้ารูปไข่ เขายังจำวันที่เธอมาเป็นเลขาวันแรกๆ ได้ดี อันที่จริง เขามีตัวเลือกที่ดีกว่าเธอ แต่เพราะความใจกล้าหน้าตายที่ไม่หลบตาเขาทำให้เขาชี้นิ้วเลือกเธอเป็นเลขาข้างตัว และอันที่จริง เขาประชดพ่อด้วย พ่อเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง และที่จริงที่สุดเขาไม่ได้อยากมาทำงานบริษัทของพ่อ แต่เพราะแต่สุขภาพของพ่อไม่ดีนัก ความดื้อและหัวรั้นซึ่งถ่ายทอดมาทางDNA ผู้ชายในตระกูลเขามาทรงเดียวกันหมด พ่อแต่งงานกับแม่ทั้งที่ปู่ย่าคัดค้านเพราะไม่ชอบผู้หญิงต่างชาติ แม่ก็ไม่เอ็นจอยกับการเป็นสะใภ้คนไทยเท่าไหร่ สุดท้ายทั้งสองก็หย่าร้างหลังจากเขาอายุได้แค่ขวบเศษ แค่พริบตาพ่อก็มีผู้หญิงคนใหม่คื