Share

ตอนที่ 9. กลับบ้าน

เจ้าหลานตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาผู้เป็นน้าด้วยความคิดถึง เพราะเจอน้าคนนี้ทีไร น้องโมกข์ เด็กชายวัย 5 ขวบ จะได้กินของอร่อยๆ เสมอ

“เห็นแก่ของกินเหมือนใครเนี่ย”

เสียงของธาตรีบ่นหลานชายตัวน้อยที่ทำเอารมิดาค้อนขวับเข้าให้

“นายว่าใคร” รมิดากลับจากสิงคโปร์ก็ยุ่งเรื่องเคลียร์เอกสารต่างๆ เพิ่งจะได้มีวันหยุดหอบเอาของกินของฝากและซื้อของใช้เข้ามาบ้านมาให้ด้วย

“ผมจะว่าใครได้นอกจากพี่สาวคนดีของผม” ธาตรียักคิ้วหลิวตาให้  “ก็พี่สาวผมน่ะสิ เห็นแก่ของกินเป็นที่สุด”

“ทำไม! ถ้าฉันเห็นแก่ของกินแล้วผิดตรงไหน มันก็ของดีๆ ทั้งนั้น” เธอชี้ให้ดูของที่อยู่ในถุง

“ของนะมันดีอยู่แล้ว แต่พฤติกรรมเห็นแก่ของกินเป็นใหญ่ของพี่ฝนนี่มันถ่ายทอดไปถึงหลานโมกข์นะครับ”

“งั้นก็ไม่ต้องกิน”

“ได้เหรอ ผมช่วยหิ้วลงจากรถแท็กซี่เลยนะ” นานทีปีหนพี่สาวสุดขี้เหนียวจะยอมควักเงินนั่งรถแท็กซี่ แต่เพราะวันนี้พี่สาวคนรองซื้อของเข้าบ้านมาเยอะและยังมีของฝากอีกด้วย ไม่อยากนั้นไม่มีวันที่คนอย่างรมิดาจะยอมเสียเงินค่าเดินทางด้วยแท็กซี่

 “พอแล้วพอแล้ว อย่าเถียงกันเลย” ลาวัลย์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ดีจังเลยนะ วันนี้ได้อยู่พร้อมหน้ากัน สามคน”

“แล้วงานใหม่พี่เป็นไงบ้างคะ เหนื่อยหรือเปล่า” รมิดาถามพี่สาวแล้วยกแก้วน้ำที่หลายชายอุตส่าห์บรรจงรินให้ดื่มอย่างเอาอกเอาใจ  

“ประจบเก่งนะเรา” ธาตรีส่ายหน้าไปมาแล้วช่วยพี่ลาวัลย์เก็บข้าวของที่พี่รมิดาหิ้วมาเข้าไปเก็บในครัว

“ก็พอทำได้ พี่เองก็ไม่อยากเป็นภาระให้น้องๆ” ลาวัลย์พูดยิ้มๆ เธอไปทำงานที่ร้านเสริมสวยได้ครึ่งเดือนแล้ว แต่ก่อนก็เคยทำแต่พอตั้งท้องก็แพ้ท้องหนักจนทำงานไม่ไหว หลังคลอดก็ไม่มีใครช่วยเลี้ยงลูก มีน้องสาวอย่างรมิดาที่ทำงานส่งเงินมาเลี้ยงครอบครัวและน้องชายอย่างธาตรีที่ช่วยเลี้ยงหลาน  เธอรู้สึกเสมอว่าตัวเองเป็นภาระของน้องๆ

“ภาระที่ไหนกันเล่า พี่น้องกันแท้ๆ”

รมิดาลูบผมหลานชาย เด็กคนนี้ไม่มีพ่อแต่ก็ยังมีเธอและธาตรีที่รักและเอ็นดูแกมาก

“พี่ลาวัลย์ไม่ใช่ภาระหรอก คนที่เป็นภาระน่าจะเป็นแม่ของเรามากกว่า”

 “ไม่เอาสิยัยฝน อย่าพูดถึงแม่แบบนั้น” ลาวัลย์ปราบน้องสาว

“ทำไม เราพูดถึงคนที่ ไม่รับผิดชอบไม่ได้หรือไง”

“ไม่ได้ มันจะบาปกรรมมันเสียเปล่าๆ  ฝนมีงานการทำที่ดีก็ดีแล้ว ยังไงก็อย่าโหมงานหนักจนไม่สบายเอาล่ะ”

“อย่างฝนน่ะ ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ รุ่นนี้แล้ว”

“พูดแบบนี้เห็นล้มมาหลายรายแล้วนะ พี่ก็ดูแลตัวเองเถอะ” ธาตรีบ่นพี่สาวคนรอง

“อุ้ย! ดีใจจัง น้องชายเป็นห่วงขนาดนี้” รมิดาดีดตัวลุกขึ้นแล้วยื่นมือยีผมของน้องชาย “นายก็ เหมือนกัน ตั้งใจเรียนไม่ต้องไปเป็นไรเดอร์ขับรถรับจ้างแล้วนะ พี่เลี้ยงเราจนจบแน่นอน”

“นั่นมันรายได้ผมเลยนะเนี่ย”

“ปีสี่แล้วเดี๋ยวก็ไปฝึกงานแล้วล่ะ”  พี่ลาวัลย์พูดขึ้นเพราะกลัวน้องสาวจะบ่นน้องชายมากไป สองคนนี้เจอหน้ากันทีไรก็ทำเหมือนทะเลาะกันทุกที  ทั้งที่ทั้งสองรักและห่วงใยซึ่งกันและกันมาก

“พี่อยากให้นายตั้งใจเรียน พอเรียนจบแล้ว นายก็หางานทำมาเลี้ยงพี่สาวที่แสนดีไง”

“ถามผมไหมว่าว่าอยากพี่หรือเปล่า”

“พี่สาวคนเดียวเลี้ยงไม่ได้เหรอ” รมิดาอ้อนน้องชายแต่อีกฝ่ายทำท่าขนลุก “ถ้าฉันไม่แต่งงาน ฉันจะอยู่กับนายนี่แหละ”

“พูดเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้”

ลาวัลย์ส่ายหน้าไปมา  ตอนนี้เธอไปทำงานที่ร้านเสริมสวยแล้ว ส่วนน้องโมกข์ บางวันก็เอาไปทำงานด้วย โชคดีที่เจ้าของร้านใจดี และลูกชายก็เป็นเด็กดี ไม่ไปไหนก็มีแต่คนรักและเอ็นดู

“วันนี้บ้านเงียบไปหรือเปล่า” รมิดาถามพลางมองไปรอบตัว “แม่ไม่อยู่เหรอ”

“เล่นไพ่”  ธาตรีชิงตอบขึ้นมาก่อน ไม่อยากให้พี่สาวเสียงดังนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้วเพราะแม่เดินออกมาจากห้องนอนพอดี

“ไม่มีรายได้แล้วยังจะไปเล่นทำไม”  รมิดาบ่นเพราะไม่เห็นว่าแม่เดินมาจากด้านหลัง

“มันเรื่องของฉัน!”  คราวนี้เป็นเสียงแม่ที่ดังขึ้นมา “แกเป็นลูกกล้าว่าแม่แบบนี้เหรอ”

“แม่... เงินไม่ได้งอกง่ายๆ เหมือนต้นหญ้านะ แล้วก็ไม่ได้หล่นมาจากฟ้าเหมือนฝนด้วย”

“แกก็หาผัวรวยๆ สิ อ้อ! อย่าเป็นเหมือนพี่สาวแกนะ รวยไม่จริงแถมไข่ทิ้งให้เลี้ยงอีก” นิ้วเหี่ยวย่นของแม่จิ้มหน้าผากของรมิดา

“พูดว่าหนูอะไรก็ได้ แต่อย่าพูดให้เด็กได้ยิน”  รมิดาเตือนสติแม่

“กล้าสอนฉันเราะ!”

“แม่ทำไม่ถูกนี่น่า แล้วเงินมันกไม่ได้งอกขึ้นมาจากดิน จะใช้อะไรก็ก็คิดให้ดีหน่อย”

“ทำไม! พวกแกสามคนเลี้ยงแม่คนเดียวไม่ได้หรือไง แล้วยังไงแกก็เลยจะมาสั่งสอนฉันน่ะ”

“ก็แม่ทำไม่ถูก หนูก็ต้องพูดสิ ลูกที่ดีพ่อแม่ทำผิด ก็ต้องบอกกันเป็นธรรมดา”

“อย่างแกเนี่ยนะเรียกลูกให้ดี”

“ถ้าหนูไม่ดี แม่จะมีอยู่ไม่กินวันนี้เหรอ เป็นคนอื่นเขาทิ้งไปแล้ว ใครจะมาแบกภาระไว้แบบนี้”

“เออๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันคลอดแกออกมาได้ยังไงเนี่ย ไม่ได้ดั่งใจสักคน หน้าตาดีเสียเปล่าจับผู้ชายรวยๆ ก็ไม่ได้ ให้ไปทำงานเกาหลีเหมือนคนอื่นก็ไม่ไป อีพี่มันก็โง่ถูกผู้ชายหลอก ไอ้น้องก็เชื่อฟังแต่พี่สาว ฉันเนี้ยเป็นหัวหลักหัวตอของบ้านจริงๆ”

“แม่” รมิดาอ่อนใจกับแม่เหลือเกิน

แม่ปรายตามองลูกสาวอย่างดูแคลน “พูดก็พูดเถอะ แกเป็นเลขาแบบไหนเจ้านายถึงให้เงินเดือนเยอะนัก ไหนจะมีคอนโดให้อยู่ หิ้วไปต่างประเทศ นี่มันเป็นเลขาจริงๆ หรือเป็นเมียเก็บ ยังไงก็รู้จักระวังตัวด้วยอย่าให้ท้องเหมือนพี่สาวแก”

“แม่จะออกไปข้างนอกใช่ไหม” ลาวัลย์รีบเข้ามาขวางแล้วล้วงมือหยิบเงินในกระเป๋ากางเกงส่งให้แม่ “หนูมีอยู่สามร้อย แม่เอาไปก่อนนะ”

แม่มองธนบัตรสีแดงยับๆ สามใบที่ลูกสาวยัดใส่มือ เอาเถอะ ยังพอได้ต่อทุนดีกว่าไม่ได้อะไรเลย  รมิดายอมจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่างแต่ไม่ยอมให้นางแตะต้องเงินแม้แต่บาทเดียว

ลาวัลย์กลัวน้องจะทะเลาะกับแม่จึงรีบดันแม่ออกไปด้านนอก รมิดาอ้าปากแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรประตูบ้านก็ปิดลงแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าครอบครัวเธอเละเทะขนาดนี้ แต่สามพี่น้องก็ยังรักใคร่กันดี  ตอนเด็กๆ พี่ลาวัลย์เป็นคนเสียสละทุกอย่าง เรียนจบแค่ม.3ก็ทำงานเลี้ยงน้องๆ ส่วนเธอหัวดีสอบชิงทุนมาตลอดจึงได้เรียนจบปริญญาตรี ส่วนน้องชายก็เดินตามรอยเท้าเธอ แม้ว่าพี่สาวจะถูกชาวบ้านนินทาเรื่องท้องไม่มีพ่อ แต่น้องโมกข์เป็นเด็กน่ารักน่าเอ็นดู เมื่อเขาเติบโตขึ้นเสียงว่าร้ายต่างๆ ก็หายไป ตอนนี้คนที่เป็นเสาหลักและเดอะแบกของบ้านก็คือรมิดา

“ฝนบอกพี่กี่ครั้งแล้วว่าอย่าให้เงินแม่”

“ถ้าไม่ให้ แม่ก็พูดจาไม่ดีแบบนี้อีก บางทีพี่ก็คิดว่า เงินที่จ่ายไปแลกกับความสบายหูเลย” ลาวัลย์พูดยิ้มๆ

“พี่ลาวัลย์”  รมิดาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย พี่สาวเธอเป็นคนดีขนาดนี้  ไม่น่าถูกผู้ชายหลอกได้เลยแถมยังถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อย เพราะผู้ชายคนนั้นไม่หลอหย่ากับเมียแล้วแท้ๆ  สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการที่พี่ลาวัลย์ตัดสินใจเก็บเด็กในท้องและตัดใจไม่ติดต่อผู้ชายคนนั้นอีก  รมิดาเห็นหลานชายช่วยแม่หยิบของออกจากถุงก็ยื่นมือไปคว้าเด็กน้อยมานั่งบนตัก

“น้ำหนักเท่าไหร่แล้วเนี่ย อีกหน่อยน้าฝนก็อุ้มไม่ขึ้นแล้วนะ”

เด็กชายหัวเราะอย่างมีความสุข ไหน

“ไปโรงเรียนแล้วมีอะไรมาอวดน้าบ้าง คุณครูสอนอะไรบ้างคะ”

รมิดาถามหลานชายตัวน้อยนี่ก็เหมือนกัน ยิ่งโตยิ่งหล่อ อีกหน่อยสาวๆ ติดตรึมแน่

“สอนร้องเพลงภาษาอังกฤษครับ”

“ว้าวเก่งจัง  ร้องให้น้าฟังซิ ถ้าร้องเพราะเดี๋ยวนะให้เงินสิบบาท”

“สิบบาท!”  ธาตรีที่นิ่งเงียบมานานค่อยพูดขึ้น เขาไม่กล้าพูดกล้าเถียงแม่เหมือนรมิดา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status