ตอนที่12
ปัญหาของหัวใจ
“คราวนี้ทำไมเอารถไปเองล่ะคะพี่ตุล”
ฉัตรฤดีคู่หมั้นสาวมานั่งรอธนาตุลที่บ้านของฝ่ายชายตั้งแต่บ่าย
“ขนของไปหลายอย่างเลยไม่อยากเป็นภาระให้ลูกน้องต้องลำบาก” ชายหนุ่มอธิบาย
“คราวนี้ลูกชายแม่เขาขนของเหมือนกับจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย โทรทัศน์ ตู้ โต๊ะ เต็มรถไปหมด” ศยามลแซวผู้เป็นลูกชาย
“ผมอาจจะย้ายไปอยู่ที่นู่นจริงก็ได้นะครับ คุณแม่ก็รู้ว่าผมซื้อที่ไว้แล้ว อีกไม่นานก็คงปลูกบ้าน ความฝันของผมคือการได้ไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนั้น”
“มาเหนื่อยๆเข้าไปในบ้านกันดีกว่าค่ะ”
ฉัตรฤดีเห็นสองคนแม่รู้เริ่มจะดูพูดจาจริงจังกันเกินไป เธอยังไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องมาทะเลาะกันในวันแรกของการกลับมาของธนาตุล
“หนูฉัตรเขามารอลูกตั้งแต่บ่ายแล้ว ปกติเคยเห็นเย็นๆก็มาถึง ทำไมคราวนี้มาถึงมืดเลย”
ศยามลพยายามชวนคุย เพราะเห็นท่าทางที่ลูกชายแสดงกับคู่หมั้นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ
“ความจริงน้องฉัตรไม่ต้องมารอพี่ก็ได้นะ เพราะอีกหน่อยพี่อาจไม่ได้กลับตามวันเวลาปกติ ตอนนี้พี่เริ่มเตรียมปลูกบ้านแล้ว ถ้าช่างว่างเมื่อไหร่คงได้ลงมือ ถ้ายิ่งบ้านเสร็จคงอาจจะอยู่ที่บ้านน้ำฝายยาวเลยก็ได้”
“ที่นั่นคงสวยและน่าอยู่มากเลยใช่ไหมคะ พี่ตุลถึงได้ติดใจถึงกลับจะไปสร้างบ้านอยู่ที่นั่นเลย”
ฉัตรฤดีเธอเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าคู่หมั้นของเธอแค่พูดเพ้อฝันเล่นๆ หรือคิดจริงจังกับการที่จะไปใช้ชีวิตบนดอน เพราะตัวเธอเองก็ไม่เคยไปที่นั่นสักที
“สวยมากเลยครับน้องฉัตร ธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ บางวันก็มีช้างเข้ามาในหมู่บ้าน ยิ่งตอนฤดูฝนงูจะเยอะมาก รับรองได้ว่าน้องฉัตรเห็นแล้วต้องแทบไม่เชื่อว่ายังมีหมู่บ้านที่เป็นธรรมชาติแบบนี่อยู่”
ธนาตุลหันหน้าไปพูดกับคู่หมั้นสาวด้วยความจริงจัง ใบหน้ามีรอยยิ้มแห่งความสุขที่ได้พูดถึงธรรมชาติที่เขารัก
“พี่ตุลไปอยู่ที่นู่นแล้วร้านทองล่ะคะ ใครจะดูแล”
ฉัตรฤดีอยากถามถึงตัวเองมากกว่า แต่ไม่กล้าพอ จึงเปลี่ยนไปถามถึงร้านทองแทน
“หลานของคุณแม่มีตั้งหลายคน ตอนนี้ก็ช่วยกันดูแลกันอยู่หลายสาขา พี่ก็แค่มาช่วยในบางเวลาเท่านั้นเอง”
“กินข้าวเย็นกันดีกว่า ฟังลูกพูดแล้วแม่ไม่จรรโลงใจเลย”
ศยามลเตรียมอาหารไว้ต้อนรับลูกชาย วันนี้สามีของเธอไม่อยู่ไปดูแลร้านทองอีกสาขาที่อยู่อีกจังหวัด พรุ่งนี้ถึงจะกลับมา
ดึกแล้วศยามลจึงบอกให้ธนาตุลไปส่งฉัตรฤดีที่บ้าน ปกติแล้วชายหนุ่มจะต้องหาเหตุผลที่ไม่ไป แต่ครั้งนี้เขากลับเต็มใจที่จะไปอย่างแปลกประหลาด
“พี่ตุลมีอะไรจะคุยกับฉัตรหรือเปล่าคะ ถึงได้ยอมมาส่งง่ายๆแบบนี้”
ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะแม่ของทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน การหมั้นหมายก็เกิดขึ้นตั้งแต่ทั้งคู่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ฉัตรฤดีเองเธอก็ไม่รู้ว่าเธอรักธนาตุลไหม รู้แต่เพียงว่าต้องทำตามที่แม่ต้องการเท่านั้น
“ฉัตรคงรู้ใช่ไหมว่าสุดท้ายแล้ว พี่ต้องไปใช้ชีวิตบนดอย ที่นั่นไม่มีความสะดวกสบาย ไม่มีอนาคตที่งดงามเหมือนที่ทั้งสองครอบครัวของเราต้องการ แบบนี้ฉัตรยังจะอยากแต่งงานกับพี่อยู่ไหม”
บรรยากาศในรถเงียบลง หญิงสาวยังไม่มีคำตอบให้ชายหนุ่ม เธอกำลังใช้ความเงียบทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเธอกับเขา ก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา
“เรามีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้กันด้วยเหรอคะ”
หญิงสาวถามจากความคิดของเธอจริงๆ เพราะทุกวันนี้เธอก็ทำทุกอย่างบนความต้องการของบุพการีเท่านั้น
“ชีวิตเป็นของเรานะ ฉัตรจะมีความสุขเหรอถ้าต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก หรือฉัตรจะบอกว่าฉัตรรักพี่”
“ฉัตรไม่รู้หรอกว่าความรักมันเป็นแบบไหน ฉัตรรู้แค่ว่าแม่อยากให้เราแต่งงานกัน แต่ฉัตรคิดว่าพี่ตุลคงไม่อยากแต่งงานกับฉัตรแน่ๆ ใช่ไหมคะ”
น้ำเสียงคนถามแสดงถึงความเศร้า เธอไม่ได้เสียใจที่ ธนาตุลไม่ได้รักเธอ แต่เธอกำลังเสียใจ ที่ตัวเองกำลังเป็นเหมือนผู้หญิงที่ไม่มีค่า ถูกแม่เอาใส่พานไปให้กับผู้ชายที่เขาไม่ได้รักเธอ และสุดท้ายเธอก็โดนปฏิเสธ
“พี่รักฉัตรนะ แต่มันเป็นความรักแบบพี่น้อง มันเป็นความผูกพันที่เราทั้งคู่มีให้กันมาตั้งแต่เด็ก ฉัตรเองไม่ได้รักพี่หรอก แต่แค่ยังไม่รู้หัวใจตัวเอง และที่สำคัญต่อไปพี่คงไปอยู่ที่บนดอยอย่างจริงจัง ครอบครัวของฉัตรคงไม่ยอมให้ไปอยู่กับพี่แน่ๆ แล้วแบบนี้เราจะแต่งงานกันไปเพื่ออะไร”
ธนาตุลพยายามพูดแบบใช้เหตุใช้ผลและใช้คำพูดที่ทำร้ายหัวใจอีกฝ่ายให้น้อยที่สุด เพราะอย่างไรฉัตรฤดีก็เหมือนน้องสาวของเขา ถ้าเธอต้องไม่มีความสุขเพราะเขา เขาคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ
“ที่พี่พูด ก็จริงทุกอย่างฉัตรเองก็อาจจะไม่ได้รักพี่แบบคนรัก และคงจะไม่ไปอยู่บนดอยกับพี่แน่นอน แล้วเราควรทำอย่างไรกันดีคะ”
หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่จะทำอะไรขัดใจมารดา เธอทั้งกลัวและทั้งสงสาร เพราะแม่ของฉัตรฤดีถูกพ่อของเธอนอกใจตลอด จนหัวใจบอบช้ำไปหมด เธอจึงไม่อยากเป็นอีกคนที่ทำให้แม่ของเธอต้องเสียใจ
“เราคงต้องเผชิญหน้ากับความจริง พี่รู้ว่าฉัตรไม่อยากทำให้คุณน้าต้องเสียใจ เพราะท่านโดนพ่อของเราทำร้ายจิตใจมามากแล้ว แต่พี่จะอธิบายให้ท่านได้คิดเอง ว่าถ้าเราแต่งงานกันโดยไม่ได้รักกัน สุดท้ายฉัตรเองนั่นแหละที่จะเสียใจ ถ้าวันใดพี่เจอคนที่พี่รักแล้วนอกในฉัตร”
หญิงสาวมองสบตาคนตรงหน้า ด้วยแววตาที่แสนเศร้า ก่อนจะห้ามหยดน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ฉัตรไม่กล้า ฉัตรกลัวและก็สงสารคุณแม่”
“เอาเป็นว่าเรื่องนี้พี่จัดการเอง พี่จะคุยกับแม่ของพี่ให้รู้เรื่อง และจะพาท่านไปคุยกับแม่ของฉัตรเอง ฉัตรแค่อยู่เฉยๆและบอกทั้งคู่ว่ามันเป็นความต้องการของเราทั้งคู่ที่จะยกเลิกการหมั้น”
เช้านี้หลังอาหารมื้อเช้าธนาตุลรอจนบิดาของเขากลับมาอยู่พร้อมหน้า เขาจึงตัดสินใจคุยเรื่องที่เขาและฉัตรฤดีคุยกันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
“ลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ มีหวังแม่หนูฉัตรได้มาหักคอแม่ทิ้งแน่ๆ” ศยามลโวยวายขึ้นมา
“แต่สิ่งที่ลูกพูดมันก็มีเหตุผล แล้วทั้งสองคนเขาก็คุยกันแล้ว เรื่องของการแต่งงานมันเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าเราบังคับให้แต่งกันไป แล้สสุกท้ายลูกชายเราทำให้หนูฉัตรเสียใจ ผมว่าเพื่อนคุณจะไม่แค่หักคอคุณแน่นอน”
นพดลไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เรื่องการหมั้นหมายกันของเด็กทั้งสองฝ่าย แต่เห็นลูกชายไม่ขัดข้องอะไรจึงไม่กล้าทัดทาน พอตอนนี้ทั้งสองคนคุยกันเข้าใจแล้ว เขาจึงพร้อมจะอยู่ข้างฉัตรฤดีกับธนาตุล
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้หนูฉัตรเขานัดคุณแม่เขาเดี๋ยวเราจะไปพูดกับเขาที่บ้าน คุณก็ต้องไปด้วยนะ จะมาให้ฉันไปกับลูกแค่สองคนไม่ได้นะ”
ศยามลหันไปดุสามี เพราะในเมื่อเขาเข้าข้างลูกดีนัก ดังนั้นเขาต้องไปช่วยเธอพูด
เมื่อถึงเวลานัดหมายนพดลทำหน้าที่เริ่มพูดเรื่องราวทั้งหมด ภรรยาของเขาไม่กล้าที่จะพูดเพราะกลัวเพื่อนของเธอจะไม่พอใจ
“ทุกอย่างที่ผมพูดมา ก็เพื่อความสุขของลูกเราทั้งคู่ เขาสองคนคุยกันแล้ว ถ้าเรายังบังคับ สักวันเขาเลิกรากันขึ้นมา เราทั้งสองครอบครัวจะยิ่งเสียใจมากกว่านี้”
กนกพรนั่งนิ่งฟังนพดลพูด เธอเข้าใจดีว่าทุกอย่างมันควรจะต้องเป็นไปทางไหน แต่ด้วยความเป็นแม่เธอก็แค่อยากให้ลูกได้มีสามีที่ดีแต่ลืมไป ว่าถ้าดีแต่ไม่ได้รักกันสุดท้ายก็จะเหมือนเธอกับสามี ที่แต่งงานกันเพียงเพราะหน้าตาทางสังคม ถึงเขาจะไม่หย่ากับเธอแต่ก็ไม่เคยให้ความสำคัญนอกใจอยู่ตลอดเวลา
“ในเมื่อทั้งคู่เขาตัดสินใจแล้ว ฉันก็คงต้องยอม ความสุขของลูกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ฉันอาจจะคิดน้อยไป ถึงได้คิดแค่ว่า ถ้าลูกได้แต่งงานกับคนดีอย่างธนาตุลแล้วจะมีความสุข”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งสองต่างสบตากันด้วยความโล่งใจ ในที่สุดทั้งสองคนก็เป็นอิสระต่อกัน ธนาตุลก็รู้สึกดีขึ้นที่เขาไม่ต้องทำร้ายหัวใจของฉัตรฤดีที่เป็นเหมือยน้องสาวของเขาคนหนึ่ง
ตอนที่13เปิดตัว ปัญหาที่ค้างคาใจในความรู้สึกของธนาตุลก็ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินหน้าในการที่จะสร้างบ้านบนที่ดินที่เขาซื้อไว้บนดอยบ้านน้ำฝางให้สำเร็จ “ตัดสินใจดีแล้วนะลูก” นพดลเดินมานั่งข้างๆลูกชายที่กำลังดูแบบบ้านที่เพื่อนของธนาตุลเอาแบบมาให้เลือกที่น่าจะเหมาะกับการปลุกบนภูเขา “แน่ใจที่สุดเลยครับคุณพ่อ ผมก็ไม่รู้ทำไมผมถึงได้หลงรักที่นั่นมากขนาดนี้ ไว้บ้านเสร็จผมจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวนะครับ” “นอกจากหลงรักธรรมชาติที่นั่นแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกไหมที่ลูกชายของพ่อหลงรัก” นพดลสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกชายตั้งแต่กลับมาจากบนดอยคราวก่อนแล้ว แต่เพิ่งมาแน่ใจก็ตอนที่ธนาตุลตัดสินใจยกเลิกการหมั้นหมายกับฉัตรฤดี เขากำลังคิดว่าลูกชายของเขากำลังมีความรัก “คุณพ่อนี่ อยู่ดี ๆ ก็มาแซวผม มาช่วยผมเลือกแบบบ้านดีกว่า” ชายหนุ่มตัดสินใจว่าจะยังไม่เล่าเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ของเขาฟัง แต่จะพาหญิงสาวมาแนะนำถึงที่บ้านแทน เวลาผ่านไปจนใกล้เวลาที่เขาจะต้องกลับไปที่บ้านน้ำฝาย ธนาตุลจ้างรถขนอุปกรณ์ก่อสร้างบางส่วนขึ้นไปเ
ตอนที่14ความจริงบางอย่าง ตั้งแต่วันที่กลับจากดอยลงมาอยู่ที่บ้าน ธนาตุลก็แวะเวียนมาหาหญิงสาวเกือบทุกวัน และเหลืออีกเพียงแค่สองวันเขาต้องขึ้นไปบนดอยแล้ว ส่วนอลิสยังไม่เปิดเทอมจึงยังอยู่ที่บ้านต่อ “พรุ่งนี้ผมจะขออนุญาตพาอลิสไปแนะนำกับคุณพ่อคุณแม่ของผมได้ไหมครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจว่าก่อนขึ้นดอยครั้งนี้เขาจะต้องทำให้ทั้งสองบ้านได้รับรู้เรื่องราวระหว่างเขากับหญิงสาวให้ได้ เขาจึงตัดสินใจขออนุญาตพ่อแม่ของอลิสเพื่อพาเธอไปกินข้าวที่บ้าน เพื่อเป็นการเปิดตัวให้พ่อแม่ของเขารู้จัก “ได้สิ แต่อย่าให้กลับดึกกันนัก พ่อเข้าใจว่าบ้านของผู้กองอยู่ไกล เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ผู้กองก็ค้างที่นี่เลย จะได้ไปต้องขับรถไปมา เดี๋ยวจะหลับในเอา” วิทยาออกปากเอง เพราะทุกคนในบ้านได้แต่คิดแบบนี้แต่ไม่มีใครหรอกที่จะกล้าพูด “ขอบคุณมากเลยครับ แล้วผมจะรีบพาอลิสไปและรีบพากลับ รับรองความปลอดภัยท่านทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ธนาตุลสัมผัสได้ว่าบิดาของแฟนสาวเริ่มรู้สึกดีกับเขา เขาจึงตั้งใจที่จะไม่ทำให้อนาคตพ่อตาผิดหวังในตัวเขาเด็ดขาด ขับรถเกือบสอง
ตอนที่15ตัดสินใจ อลิสได้ข้อมูลของฉัตรฤดีจากบิดา เธอจึงตัดสินใจที่จะมาพูดคุยเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง “สวัสดีค่ะ ฉันจะมาขอพบคุณฉัตรฤดี” “นัดไว้หรือเปล่าคะ” เลขาหน้าห้องถามเพราะไม่รู้สึกคุ้นหน้า “ไม่ได้นัดค่ะ ฉันชื่อลิสเป็นเพื่อนกับผู้กองธนาตุล ช่วยรบกวนไปบอกคุณฉัตรฤดีให้หน่อยได้ไหมคะ ว่าฉันมีเรื่องอยากคุยยด้วย” เลขาหน้าห้องเปิดประตูเข้าไปที่ห้องทำงานของเจ้านาย เพื่อไปแจ้งเรื่องที่มีคนมาขอพบ ฉัตรฤดีเพิ่งมาทำงานที่บริษัทของบิดาได้แค่เพียงไม่กี่วัน เพราะก่อนหน้านี้แม่ของเธอ เอาแต่เก็บเธอไว้อยู่แต่บ้านตั้งแต่เรียนจบ แต่หญิงสาวมาคิดดูแล ถ้าเธอยังทำตัวเหมือนเก่า สักวันเธอคงต้องกลายเป็นกบในกะลาที่โง่ลงทุกวัน จึงได้ตัดสินใจมาทำงาน “เชิญค่ะ” เลขาสาวเดินมานำอลิสเข้าไปในห้องที่เธอเพิ่งเดินออกมา“สวัสดีค่ะคุณฉัตรฤดี”อลิสยกมือไหว้ เพราะคิดว่าคนตรงหน้าอาจจะอายุเท่าๆกับผู้กอง ซื่งก็น่าจะเป็นพี่เธอแน่นอน“สวัสดีค่ะ มีอะไรถึงได้อยากมาพบฉัน คุณบอกกับเลขาว่าเป็นเพื่อนกับพี่ตุล แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเราโตมาด้วยกัน ฉันแน่ใจว่าไม่เ
ตอนที่16ผู้กองสุดหล่อกับครูคนสวย วันที่สามของการกลับมาจากดอย ธนาตุลถึงได้เดินทางมาหาคนรัก เขาพาเธอไปไหว้พระ ไปหาของอร่อยกินและนอนพักค้างคืนที่บ้านของอลิสเลย แล้วค่อยเดินทางกลับบ้านพรุ่งนี้ เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จทั้งสองคนจึงมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน เป็นเวลาที่อลิสตั้งใจจะพูดทุกอย่างที่เธอได้รู้มา “ผู้กองมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิสไหมคะ” หญิงสาวเลือกที่จะเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้คิดทบทวนและตัดสินใจว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไหม “คุณถามแบบนี้หมายถึงเรื่องอะไร ผมคิดไม่ออก” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนไม่รู้จริงๆ ว่าเขามีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิส “ตอนนี้เราตกลงที่จะเป็นแฟนกัน ยังมีเรื่องอะไรที่อลิสควรจะรู้ในฐานะคนรักของผู้กองหรือเปล่าคะ” เมื่อถูกย้ำคำว่าคนรัก ผู้กองธนาตุลก็คิดขึ้นมาได้ทันที ว่าเขายังมีบางอย่างที่ยังไม่ได้เล่าให้เธอฟัง เพราะตอนแรกเขาคิดว่ามันไม่จำเป็น เพราะเรื่องราวมันจบลงแล้ว แต่ในเมื่ออลิสพูดแบบนี้ เขาก็เลือกที่จะพูด “เรื่องที่พี่มีคู่หมั้นแล้วพี่ยกเลิกการหมั้นใช่ไหม” “ใช่ค่ะ ไหนเล
ตอนที่ 1วิวาห์ตามคำสั่ง งานแต่งงานที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้คืองานแต่งงานระหว่างวิธานลูกชายนักการเมืองชื่อดังกับหนูนาเดียร์ลูกสาว นักธุรกิจผู้ใจบุญ วิธานชายหนุ่มอายุสามสิบกว่ารูปร่างหน้าตาดีและที่ดึงดูดใจสาว ๆ ก็คือบุคลิกภาพและคำพูดที่ดูเป็นผู้ชายที่แสนจะอบอุ่น นาเดียร์สาวสวยในวัยยี่สิบเจ็ด เธอเกิดมาเพื่อเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่ ชีวิตของเธอไม่เคยเดินออกจากเส้นทางที่บุพการี ขีดไว้ และเธอก็มีความสุขและเต็มใจที่จะทำให้ทั้งคู่มีความสุข โฮโซทั้งสองคนถูกจับให้แต่งงานกันด้วยเหตุผลของ ความเหมาะสม และไม่มีอะไรที่จะทำให้ทั้งคู่อยากจะปฏิเสธ เพราะสำหรับวิธานแล้วการได้ภรรยาทั้งสวย รวย และดูไม่ค่อยฉลาดทันเขา มันคืออะไรที่ดีที่สุดอยู่แล้ว นาเดียร์เธอทำหน้าที่ภรรยาที่ดีตั้งแต่วันแรกของการได้ชื่อว่ามีสามี อะไรที่เธอไม่เคยทำหญิงสาวก็พยายามที่จะฝึกเพื่อให้สามีของเธอมีความสุขที่สุด หญิงสาวไม่ได้ช่วยงานธุรกิจของครอบครัวเท่าไหร่เพราะพ่อกับแม่อยากให้เธอทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุดก่อน เพราะทั้งสองคนยังอายุไม่มากยังพอทำไหว
ตอนที่ 2เมื่อทุกอย่างไม่เหมือนเดิม หลังจากกลับมาจากทะเลได้เพียงแค่ไม่ถึงเดือน นาเดียร์ก็สัมผัสได้ว่าสามีของเธอเปลี่ยนไป จากที่เคยกลับบ้านตรงเวลาตอนนี้เขาก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวกับงานที่มีปัญหา “พี่วิธานคะ มีปัญหาอะไรที่พอจะให้พ่อของเดียร์ช่วยไหมคะ เห็นพี่ทำงานหนักทุกวันเดียร์เป็นห่วง” ภรรยาคนสวยเดินมาคล้องแขนสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเพื่อหวังเอาใจ “อยากช่วยไหม ถ้าอยากช่วย เลิกถามสักทีผมรำคาญ” วิธานไม่ได้พูดคำพูดแบบนี้กับนาเดียร์เป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพูดบ่อย หญิงสาวจึงให้อภัยและคิดว่าสามีคงเหนื่อยจากเรื่องงานมาจริง ๆ ชายหนุ่มทำท่ารำคาญและหงุดหงิด จากที่จะนั่งโซฟาตามปกติ เขากลับเอาขาทั้งสองข้างขึ้นมาวางบนโต๊ะ “มาถอดถุงเท้าให้หน่อย เหนื่อยไม่อยากก้ม” วิธานชี้นิ้วไปที่เท้าทั้งสองข้างด้วยกิริยาที่ดูหยาบคายเหมือนต้องการทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายให้รู้สึกต่ำต้อย นาเดียร์ทำท่าลังเลว่าเธอจะถอดหรือจะปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตัดสินใจ แก้วน้ำที่วางอยู่ข้างหน้าชายหนุ่มก็ถูกปาไปที่กำแพง
ตอนที่ 3เวลาที่ไม่มีใคร “เป็นไงบ้าง เห็นคุยกันถูกคอเชียว ติดใจบอกได้นะพรุ่งนี้ให้พามาอีกก็ได้” ส้มถามเพื่อนที่เธอเพิ่งเคยพามาเที่ยวบาร์โฮสเป็นครั้งแรก เพราะตัวเธอมาเที่ยวบ่อยมาก “เขาก็คุยสนุกดีนะ แต่เราไม่ชอบเที่ยวแบบนี้ ส้มเราไปนอนด้วยนะ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยกลับยังไม่อยากเจอหน้าพี่วิธาน” ส้มมองนาเดียร์ด้วยความสงสารแม้แต่ชีวิตของตัวเองยังไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดิน นาเดียร์กลับถึงบ้านด้วยสภาพที่ยังง่วงนอนเพราะเธอเองไม่ค่อยได้นอนดึกตื่นเช้าจึงตั้งใจว่าจะขึ้นไปนอนข้างบนแล้วค่อยลงมาทำงานบ้าน “ถ้าจะกลับเช้าแบบนี้หย่ากันดีไหม” วิธานเดินลงมาจากบ้านด้วยชุดที่ไม่ใช่ชุดทำงาน พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ “เดียร์ไปนอนกับส้มมา แล้วพี่วิธานจะไปไหนคะ” หญิงสาวรู้สึกใจหายแบบบอกไม่ถูกที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกสามีชวนหย่าและเขาก็กำลังจะเดินออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทาง “ไม่ต้องเสือกนะคะคนดี” วิธานยื่นหน้าจนแทบจะชนกับหน้าของหญิงสาว และพูดด้วยน้ำเสียงเน้นเหมือนรู้สึกสะใจที่ได้พูด เสียงรถออกไปแล้วหญิงสาวทรุดตัว
ตอนที่ 4เพราะเธอคือกำลังใจ “เชนคุณจะพาฉันไปไหน ขับออกมานอกเมืองแบบนี้” นาเดียร์ไม่รู้หรอกว่าเส้นทางที่เชนกำลังพาเธอไปคือเส้นทางที่จะไปยังที่ไหน เธอรู้แค่เพียงว่ามันออกมาพ้นจาก ตัวกรุงเทพแล้ว รถเริ่มติดน้อยลง บรรยากาศข้างทางเริ่มดูสบายตามากขึ้น “ผมจะพาไปบ้านผม ตอนนี้มีคุณแม่อยู่คนเดียว ส่วนตัวผมเองมาเช่าคอนโดอยู่เพราะจะได้สะดวกในการทำงาน” “แล้วคุณจะพาไปบ้านทำไมคะ ป่านนี้คุณแม่คุณคงหลับแล้ว เกรงใจท่าน” ราเชนหันมาส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่ตอนนี้เธอหยุดร้องไห้แล้ว และดูจะสนใจปลายทางที่เขาจะพาไปจนลืมความทุกข์ไปได้พักหนึ่ง “ผมบอกแม่ไว้แล้ว ที่ผมพาคุณไปเพราะเราจะได้รู้จักกันมากขึ้นที่บ้านผมวิวดีนะอยู่ติดแม่น้ำและที่สำคัญถ้าคุณได้คุยกับแม่ของผม คุณจะรู้ว่าแม่มักจะมีทางออกที่ดีให้กับทุกคน” นาเดียร์เชื่อในคำพูดของคนที่เพิ่งรู้จักกันอีกครั้ง อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พาเธอไปที่ที่ต้องอยู่กันสองต่อสองและคืนนี้เธอก็มั่นใจว่าเขาจะอยู่เป็นเพื่อนเธอไปจนเช้าแน่นอน บ้านของราเชนเป็นบ้านไม้ที่จัดได้ว่าสวยงามถึงจะมีขนาดไม่ใหญ่