Share

ปัญหาของหัวใจ

ตอนที่12

ปัญหาของหัวใจ

          “คราวนี้ทำไมเอารถไปเองล่ะคะพี่ตุล”

         ฉัตรฤดีคู่หมั้นสาวมานั่งรอธนาตุลที่บ้านของฝ่ายชายตั้งแต่บ่าย

          “ขนของไปหลายอย่างเลยไม่อยากเป็นภาระให้ลูกน้องต้องลำบาก” ชายหนุ่มอธิบาย

          “คราวนี้ลูกชายแม่เขาขนของเหมือนกับจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย โทรทัศน์ ตู้ โต๊ะ เต็มรถไปหมด” ศยามลแซวผู้เป็นลูกชาย

          “ผมอาจจะย้ายไปอยู่ที่นู่นจริงก็ได้นะครับ คุณแม่ก็รู้ว่าผมซื้อที่ไว้แล้ว อีกไม่นานก็คงปลูกบ้าน ความฝันของผมคือการได้ไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนั้น”

          “มาเหนื่อยๆเข้าไปในบ้านกันดีกว่าค่ะ”

          ฉัตรฤดีเห็นสองคนแม่รู้เริ่มจะดูพูดจาจริงจังกันเกินไป เธอยังไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องมาทะเลาะกันในวันแรกของการกลับมาของธนาตุล

          “หนูฉัตรเขามารอลูกตั้งแต่บ่ายแล้ว ปกติเคยเห็นเย็นๆก็มาถึง ทำไมคราวนี้มาถึงมืดเลย”

          ศยามลพยายามชวนคุย เพราะเห็นท่าทางที่ลูกชายแสดงกับคู่หมั้นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ

          “ความจริงน้องฉัตรไม่ต้องมารอพี่ก็ได้นะ เพราะอีกหน่อยพี่อาจไม่ได้กลับตามวันเวลาปกติ ตอนนี้พี่เริ่มเตรียมปลูกบ้านแล้ว ถ้าช่างว่างเมื่อไหร่คงได้ลงมือ ถ้ายิ่งบ้านเสร็จคงอาจจะอยู่ที่บ้านน้ำฝายยาวเลยก็ได้”

          “ที่นั่นคงสวยและน่าอยู่มากเลยใช่ไหมคะ พี่ตุลถึงได้ติดใจถึงกลับจะไปสร้างบ้านอยู่ที่นั่นเลย”

          ฉัตรฤดีเธอเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าคู่หมั้นของเธอแค่พูดเพ้อฝันเล่นๆ หรือคิดจริงจังกับการที่จะไปใช้ชีวิตบนดอน เพราะตัวเธอเองก็ไม่เคยไปที่นั่นสักที

          “สวยมากเลยครับน้องฉัตร ธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ บางวันก็มีช้างเข้ามาในหมู่บ้าน ยิ่งตอนฤดูฝนงูจะเยอะมาก รับรองได้ว่าน้องฉัตรเห็นแล้วต้องแทบไม่เชื่อว่ายังมีหมู่บ้านที่เป็นธรรมชาติแบบนี่อยู่”

          ธนาตุลหันหน้าไปพูดกับคู่หมั้นสาวด้วยความจริงจัง ใบหน้ามีรอยยิ้มแห่งความสุขที่ได้พูดถึงธรรมชาติที่เขารัก

          “พี่ตุลไปอยู่ที่นู่นแล้วร้านทองล่ะคะ ใครจะดูแล”

          ฉัตรฤดีอยากถามถึงตัวเองมากกว่า แต่ไม่กล้าพอ จึงเปลี่ยนไปถามถึงร้านทองแทน

          “หลานของคุณแม่มีตั้งหลายคน ตอนนี้ก็ช่วยกันดูแลกันอยู่หลายสาขา พี่ก็แค่มาช่วยในบางเวลาเท่านั้นเอง”

          “กินข้าวเย็นกันดีกว่า ฟังลูกพูดแล้วแม่ไม่จรรโลงใจเลย”

          ศยามลเตรียมอาหารไว้ต้อนรับลูกชาย วันนี้สามีของเธอไม่อยู่ไปดูแลร้านทองอีกสาขาที่อยู่อีกจังหวัด พรุ่งนี้ถึงจะกลับมา

         ดึกแล้วศยามลจึงบอกให้ธนาตุลไปส่งฉัตรฤดีที่บ้าน ปกติแล้วชายหนุ่มจะต้องหาเหตุผลที่ไม่ไป แต่ครั้งนี้เขากลับเต็มใจที่จะไปอย่างแปลกประหลาด

          “พี่ตุลมีอะไรจะคุยกับฉัตรหรือเปล่าคะ ถึงได้ยอมมาส่งง่ายๆแบบนี้”

          ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะแม่ของทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน การหมั้นหมายก็เกิดขึ้นตั้งแต่ทั้งคู่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ฉัตรฤดีเองเธอก็ไม่รู้ว่าเธอรักธนาตุลไหม รู้แต่เพียงว่าต้องทำตามที่แม่ต้องการเท่านั้น

          “ฉัตรคงรู้ใช่ไหมว่าสุดท้ายแล้ว พี่ต้องไปใช้ชีวิตบนดอย ที่นั่นไม่มีความสะดวกสบาย ไม่มีอนาคตที่งดงามเหมือนที่ทั้งสองครอบครัวของเราต้องการ แบบนี้ฉัตรยังจะอยากแต่งงานกับพี่อยู่ไหม”

          บรรยากาศในรถเงียบลง หญิงสาวยังไม่มีคำตอบให้ชายหนุ่ม เธอกำลังใช้ความเงียบทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเธอกับเขา ก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา

          “เรามีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้กันด้วยเหรอคะ”

          หญิงสาวถามจากความคิดของเธอจริงๆ เพราะทุกวันนี้เธอก็ทำทุกอย่างบนความต้องการของบุพการีเท่านั้น

          “ชีวิตเป็นของเรานะ ฉัตรจะมีความสุขเหรอถ้าต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก หรือฉัตรจะบอกว่าฉัตรรักพี่”

         “ฉัตรไม่รู้หรอกว่าความรักมันเป็นแบบไหน ฉัตรรู้แค่ว่าแม่อยากให้เราแต่งงานกัน แต่ฉัตรคิดว่าพี่ตุลคงไม่อยากแต่งงานกับฉัตรแน่ๆ ใช่ไหมคะ”

          น้ำเสียงคนถามแสดงถึงความเศร้า เธอไม่ได้เสียใจที่               ธนาตุลไม่ได้รักเธอ แต่เธอกำลังเสียใจ ที่ตัวเองกำลังเป็นเหมือนผู้หญิงที่ไม่มีค่า ถูกแม่เอาใส่พานไปให้กับผู้ชายที่เขาไม่ได้รักเธอ และสุดท้ายเธอก็โดนปฏิเสธ

          “พี่รักฉัตรนะ แต่มันเป็นความรักแบบพี่น้อง มันเป็นความผูกพันที่เราทั้งคู่มีให้กันมาตั้งแต่เด็ก ฉัตรเองไม่ได้รักพี่หรอก แต่แค่ยังไม่รู้หัวใจตัวเอง และที่สำคัญต่อไปพี่คงไปอยู่ที่บนดอยอย่างจริงจัง ครอบครัวของฉัตรคงไม่ยอมให้ไปอยู่กับพี่แน่ๆ แล้วแบบนี้เราจะแต่งงานกันไปเพื่ออะไร”

          ธนาตุลพยายามพูดแบบใช้เหตุใช้ผลและใช้คำพูดที่ทำร้ายหัวใจอีกฝ่ายให้น้อยที่สุด เพราะอย่างไรฉัตรฤดีก็เหมือนน้องสาวของเขา ถ้าเธอต้องไม่มีความสุขเพราะเขา เขาคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ๆ

          “ที่พี่พูด ก็จริงทุกอย่างฉัตรเองก็อาจจะไม่ได้รักพี่แบบคนรัก และคงจะไม่ไปอยู่บนดอยกับพี่แน่นอน แล้วเราควรทำอย่างไรกันดีคะ”

          หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่จะทำอะไรขัดใจมารดา เธอทั้งกลัวและทั้งสงสาร เพราะแม่ของฉัตรฤดีถูกพ่อของเธอนอกใจตลอด จนหัวใจบอบช้ำไปหมด เธอจึงไม่อยากเป็นอีกคนที่ทำให้แม่ของเธอต้องเสียใจ

          “เราคงต้องเผชิญหน้ากับความจริง พี่รู้ว่าฉัตรไม่อยากทำให้คุณน้าต้องเสียใจ เพราะท่านโดนพ่อของเราทำร้ายจิตใจมามากแล้ว แต่พี่จะอธิบายให้ท่านได้คิดเอง ว่าถ้าเราแต่งงานกันโดยไม่ได้รักกัน สุดท้ายฉัตรเองนั่นแหละที่จะเสียใจ ถ้าวันใดพี่เจอคนที่พี่รักแล้วนอกในฉัตร”

          หญิงสาวมองสบตาคนตรงหน้า ด้วยแววตาที่แสนเศร้า ก่อนจะห้ามหยดน้ำตาไว้ไม่อยู่

          “ฉัตรไม่กล้า ฉัตรกลัวและก็สงสารคุณแม่”

          “เอาเป็นว่าเรื่องนี้พี่จัดการเอง พี่จะคุยกับแม่ของพี่ให้รู้เรื่อง และจะพาท่านไปคุยกับแม่ของฉัตรเอง ฉัตรแค่อยู่เฉยๆและบอกทั้งคู่ว่ามันเป็นความต้องการของเราทั้งคู่ที่จะยกเลิกการหมั้น”

          เช้านี้หลังอาหารมื้อเช้าธนาตุลรอจนบิดาของเขากลับมาอยู่พร้อมหน้า เขาจึงตัดสินใจคุยเรื่องที่เขาและฉัตรฤดีคุยกันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน

          “ลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ มีหวังแม่หนูฉัตรได้มาหักคอแม่ทิ้งแน่ๆ” ศยามลโวยวายขึ้นมา

          “แต่สิ่งที่ลูกพูดมันก็มีเหตุผล แล้วทั้งสองคนเขาก็คุยกันแล้ว เรื่องของการแต่งงานมันเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าเราบังคับให้แต่งกันไป แล้สสุกท้ายลูกชายเราทำให้หนูฉัตรเสียใจ ผมว่าเพื่อนคุณจะไม่แค่หักคอคุณแน่นอน”

          นพดลไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เรื่องการหมั้นหมายกันของเด็กทั้งสองฝ่าย แต่เห็นลูกชายไม่ขัดข้องอะไรจึงไม่กล้าทัดทาน พอตอนนี้ทั้งสองคนคุยกันเข้าใจแล้ว เขาจึงพร้อมจะอยู่ข้างฉัตรฤดีกับธนาตุล

         “ถ้าอย่างนั้นก็ให้หนูฉัตรเขานัดคุณแม่เขาเดี๋ยวเราจะไปพูดกับเขาที่บ้าน คุณก็ต้องไปด้วยนะ จะมาให้ฉันไปกับลูกแค่สองคนไม่ได้นะ”

          ศยามลหันไปดุสามี เพราะในเมื่อเขาเข้าข้างลูกดีนัก ดังนั้นเขาต้องไปช่วยเธอพูด

          เมื่อถึงเวลานัดหมายนพดลทำหน้าที่เริ่มพูดเรื่องราวทั้งหมด ภรรยาของเขาไม่กล้าที่จะพูดเพราะกลัวเพื่อนของเธอจะไม่พอใจ

          “ทุกอย่างที่ผมพูดมา ก็เพื่อความสุขของลูกเราทั้งคู่ เขาสองคนคุยกันแล้ว ถ้าเรายังบังคับ สักวันเขาเลิกรากันขึ้นมา เราทั้งสองครอบครัวจะยิ่งเสียใจมากกว่านี้”

          กนกพรนั่งนิ่งฟังนพดลพูด เธอเข้าใจดีว่าทุกอย่างมันควรจะต้องเป็นไปทางไหน แต่ด้วยความเป็นแม่เธอก็แค่อยากให้ลูกได้มีสามีที่ดีแต่ลืมไป ว่าถ้าดีแต่ไม่ได้รักกันสุดท้ายก็จะเหมือนเธอกับสามี ที่แต่งงานกันเพียงเพราะหน้าตาทางสังคม ถึงเขาจะไม่หย่ากับเธอแต่ก็ไม่เคยให้ความสำคัญนอกใจอยู่ตลอดเวลา

          “ในเมื่อทั้งคู่เขาตัดสินใจแล้ว ฉันก็คงต้องยอม ความสุขของลูกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ฉันอาจจะคิดน้อยไป ถึงได้คิดแค่ว่า ถ้าลูกได้แต่งงานกับคนดีอย่างธนาตุลแล้วจะมีความสุข”

          เมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งสองต่างสบตากันด้วยความโล่งใจ ในที่สุดทั้งสองคนก็เป็นอิสระต่อกัน ธนาตุลก็รู้สึกดีขึ้นที่เขาไม่ต้องทำร้ายหัวใจของฉัตรฤดีที่เป็นเหมือยน้องสาวของเขาคนหนึ่ง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status