ตอนที่11
วันเวลาที่ผ่านไป
วันเวลาเดินทางไปเร็วเสมอ เมื่อผู้กองธนาตุลมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้
“อีกไม่กี่วันคุณก็ต้องกลับลงไปข้างล่างแล้ว เฮ้อ! เวลามันเดินไวจริง ๆนะคะ”
“คุณคิดถึงผมใช่ไหม”
คำถามที่ดูแล้วคนถามอยากรู้คำตอบจริง บวกกับบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายริมน้ำตกที่สงบเงียบไม่มีคน ทำให้อลิสรู้สึกกล้าที่จะพูดความจริงกลับไป
“คิดถึง แล้วผู้กองล่ะคะ เวลาที่ไม่เจอกัน คุณคิดถึง อลิสเหมือนกันไหม”
“ไม่เหมือน”
คนฟังถึงกับรู้สึกใจหาย เมื่อคำตอยที่ได้ ไม่ใช่อย่างที่เธอคาดหวังไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ อลิสคิดถึงผู้กองอย่างเดียวก็พอ”
หญิงสาวพูดด้วยเสียงน้อยใจ และหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้หัวใจของเธอมันรู้กำลังรู้สึกเหมือนคนอกหัก
“ที่บอกไม่เหมือน เพราะผมคิดว่า ผมคิดถึงคุณ มากกว่าที่คุณคิดถึงผม”
“เหรอคะ”
คนฟังหันมายิ้มมุมปากแบบไม่เชื่อ อลิสคิดว่าชายหนุ่มคงแค่ต้องการพูดให้เธอรู้สึกดีขึ้น
“ทำเสียงแบบนี้แปลว่าไม่เชื่อ คุณรู้ไหมผมกลับบ้านไป ส่วนมากก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและอีกอย่างที่ผมทุ่มเวลาให้คือการหารซื้อของใช้ต่าง ๆ มาไว้ที่บ้านของเรา เพราะไม่อยากให้คุณลำบาก”
เมื่อได้ยินคำอธิบายอลิสเห็นภาพทุกอย่างชัดเจน จากบ้านพักครูที่ไม่มีอะไรตอนนี้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ พัดลม หม้อหุงข้าว เพราะผู้กองซื้ออุปกรณ์แปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้ามาติดตั้งเพิ่ม จนที่บ้านพักครูมีไฟฟ้าเพียงพอในการใช้กับอุปกรณ์ที่ถูกซื้อมาใหม่
“ฉันเชื่อค่ะ ขอบคุณนะคะ ซื้อมามากมายแบบนี้ไว้เงินเดือนออก ฉันจะช่วยคุณออกเงินนะ”
หญิงสาวดูจากข้าวของที่ผู้กองซื้อมา ราคารวมๆกันคงหลายหมื่นอยู่แต่ตอนนี้เธอยังไม่ได้เงินเดือนและถ้าได้ก็ไม่รู้จะไปเบิกที่ไหน คงต้องรอปิดเทอมอย่างเดียว
“เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผมไม่ใช่คนรวยก็จริงแต่ผมทำงานมานาน อย่างน้อยเงินเดือนก็มากกว่าคุณ แต่ผมมีความสุขที่จะได้รู้ว่าคุณไม่ลำบาก ตัวผมเองก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงคุณด้วย”
วันนี้ผู้กองมาแปลกในความคิดของอลิส เขาดูจริงจังไม่พูดจาอะไรชวนเธอทะเลาะเลย
สำหรับผู้กองเขาสัมผัสได้ว่าหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาเปลี่ยนไป ตั้งแต่เขากลับมาคราวนี้ และยิ่งมาได้ยินเธอบอกว่าคิดถึงเขา ชายหนุ่มยิ่งคิดไปไกลแต่ก็ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองเกินไป
“เงินเดือนเยอะแต่ก็ต้องให้ภรรยาไหมคะ เที่ยวเอามาซื้อของแบบนี้ระวังจะโดนดุเอานะคะ”
“โชคดีที่ผมยังไม่มีภรรยาครับ เลยไม่ต้องกลัวใครดุ”
หญิงสาวรู้สึกตัวเบาแอบยิ้มในใจ เมื่อคำตอบที่เธออยากรู้มานาน วันนี้เธอก็ได้รู้คำตอบนั้นแล้ว เขายังโสด
“หลอกถามแต่ผมแล้วคุณครูล่ะครับ มาอยู่บนดอยแบบนี้ระวังแฟนแอบไปมีกิ๊กนะ”
ผู้กองรู้ว่าอีกฝ่ายหลอกถาม แต่เขาก็หลอกถามกลับไปเช่นกัน
“หลอกถามกันไปถามกันมา ฉันยังโสด โสดแบบสนิท และคงจะสนิทไปอีกนาน ยิ่งขึ้นมาอยู่บนดอยแบบนี้ คงไม่มีโอกาสได้เจอใครคงเป็นแฟนกับต้นไม้ ไอหมอก น้ำตก แทนแน่ ๆเลยค่ะ”
“เป็นแฟนกับผมไง”
คำพูดที่สวนขึ้นมาทันที ทำเอาอลิสหันไปมองหน้าผู้กองหนุ่มด้วยความตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าพูดอะไรกับเธอแบบนี้
“สนุกไหมคะ พูดเล่นแบบนี้” อลิสทำโมโหกลบเกลื่อน
“ผมไม่ได้พูดเล่น ผมถามคุณจริงๆ ว่าไง เป็นแฟนกับผมไหม”
เมื่อถูกคาดคั้นเอาคำตอบทั้งจากสายตาและคำพูด หญิงสาวจึงเปลี่ยนเรื่องพูด
“กลับกันเถอะค่ะ เริ่มเย็นแล้ว วันนี้อลิสอยากให้ผู้กองผัดมะระแม้วให้กิน ไม่ได้กินมาหลายวัน เมื่อกี้เห็นข้างทางมีชาวบ้านเอามาขายด้วย ”
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่พร้อมตอบ ผู้กองก็ยังไม่อยากบังคับ แต่เธอจะรู้ไหม ว่าคำตอบของเธอมีความสำคัญต่อการกลับไปทำอะไรบางอย่างที่แสนจะยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผู้กองในครั้งนี้
“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณชอบกินมะระแม้ว”
“ชอบเฉพาะที่ผู้กองผัดให้ ถ้าคนอื่นผัดก็เฉยๆค่ะ”
อลิสคิดว่าการท่เธอพูดแบบนี้คงแทนคำตอบได้ เพราหญิงสาวไม่แน่ใจ ว่าที่ผู้กองขอเธอเป็นแฟนมันมาจากความจริงใจ หรือเขาก็เป็นเพียงแค่ผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง
อาหารเย็นจบไปตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่มืด วันนี้ทั้งสองคนไม่ได้อยู่บ้านทั้งวันจึงมีพลังงานไฟฟ้าเหลือพอให้เปิดโทรทัศน์ ผู้กองซื้อแผ่นซีดีหนังมาหลายเรื่องไว้ดูคลายเหงา
“ไม่รู้ว่าเลือกถูกใจคุณไหม แต่ผมว่าน่าจะสนุก”
ธนาตุลเลือกหนังที่คิดว่าหญิงสาวน่าจะชอบ แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเดาใจคนตัวเล็กถูกไหม
ดูหนังไปได้แค่เพียงครึ่งเรื่อง หญิงสาวก็นอนหลับอยู่ข้างตัวของผู้กองหนุ่มที่นั่งมองเธอด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ธนาตุลไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน เขาห่วง หวง และก็คิดถึง โดยเฉพาะตอนที่ต้องห่างกัน เขายิ่งรู้สึกเหมือนชีวิตไม่มีความสุข อีกสองวันเขาจะได้กลับบ้าน เขากำลังตัดสินใจ ที่จะทำบางอย่างเพื่อคืนอิสระให้กับตัวเอง แต่มันก็จะต้องทำให้เขากับพ่อและแม่มีปัญหากันแน่นอน
สองวันผ่านไปเร็ว เร็วมากจนอลิสรู้สึกเหมือนผู้กองเพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เอง แต่สุดท้ายเธอก็ต้องอยู่คนเดียวให้ได้ เพราะมันจะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอด
“ผู้กองไม่ไปแต่เช้าพร้อมลูกน้องเหรอคะ”
อลิสเห็นรถของตำรวจขับออกจากหมู่บ้านไปแล้ว เมื่อตำรวจชุดใหม่มาแทน
“ผมขับรถกลับเองว่าจะออกสายๆหน่อย รอกินเข้าเช้าและข้าวกลางวันกับคุณก่อน”
ชายหนุ่มผัดมะระแม้วไว้รอหญิงสาวที่กำลังตากผ้า เขาทำใส่กล่องไว้ เพื่อให้เธอไว้กินเย็นนี้ด้วย
“ดูแลตัวเองดีๆ อย่ามัวแต่คิดว่าเคยอยู่มาแล้ว จะอยู่นานแค่ไหนคุณก็ต้องไม่ประมาท อย่าทำให้ผมเป็นห่วงนะ”
ชายหนุ่มบอกอลิสก่อนที่จะเปิดประตูรถ เพราะความเป็นห่วงทำให้เขาไม่อยากกลับเลย
“ไม่ต้องห่วงค่ะ อลิสจะทำทุกอย่างแบบระมัดระวัง ขับรถดีๆ เดินทางปลอดภัย แล้วเจอกันนะคะคุณแฟน ”
คำหลังทำเอาผู้กองถึงกลับเปลี่ยนใจปิดประตูรถและหันกลับมากอดคนตัวเล็กอย่างมีความสุข
เขาคิดว่าตัวเองต้องหมดหวังแล้ว เพราะรอจนถึงนาทีสุดท้ายก็ไม่เห็นหญิงสาวจะพูดเรื่องนี้ ผู้กองคิดว่าสุดท้ายเขาก็คงจะต้องยอมทำตามความต้องการของพ่อแม่ เพราะคนที่เขารักก็ไม่ได้รักเขา แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป คนที่เขารักรับรักเขาแล้ว
“ผมคิดว่าผมคงต้องอกหักแน่ๆ ขอบคุณนะครับ ผมจะรีบกลับมาหาคุณให้เร็วที่สุด”
ธนาตุลจูบลงไปที่หน้าผากนูนสวยของหญิงสาวก่อนจะสวมกอดเธออีกทีและเปิดประตูขึ้นรถกลับออกไป
อลิสมองตามด้วยหัวใจที่รู้สึกพองโต นี่เธอรักเขาจริงๆใช่ไหม หญิงสาวถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา การกลับมาของเขาครั้งต่อไป เขาจะไม่ได้เป็นเพียงตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลเธอ แต่เขาจะกลับมาในฐานะแฟน
ตอนที่12ปัญหาของหัวใจ “คราวนี้ทำไมเอารถไปเองล่ะคะพี่ตุล” ฉัตรฤดีคู่หมั้นสาวมานั่งรอธนาตุลที่บ้านของฝ่ายชายตั้งแต่บ่าย “ขนของไปหลายอย่างเลยไม่อยากเป็นภาระให้ลูกน้องต้องลำบาก” ชายหนุ่มอธิบาย “คราวนี้ลูกชายแม่เขาขนของเหมือนกับจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย โทรทัศน์ ตู้ โต๊ะ เต็มรถไปหมด” ศยามลแซวผู้เป็นลูกชาย “ผมอาจจะย้ายไปอยู่ที่นู่นจริงก็ได้นะครับ คุณแม่ก็รู้ว่าผมซื้อที่ไว้แล้ว อีกไม่นานก็คงปลูกบ้าน ความฝันของผมคือการได้ไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนั้น” “มาเหนื่อยๆเข้าไปในบ้านกันดีกว่าค่ะ” ฉัตรฤดีเห็นสองคนแม่รู้เริ่มจะดูพูดจาจริงจังกันเกินไป เธอยังไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องมาทะเลาะกันในวันแรกของการกลับมาของธนาตุล “หนูฉัตรเขามารอลูกตั้งแต่บ่ายแล้ว ปกติเคยเห็นเย็นๆก็มาถึง ทำไมคราวนี้มาถึงมืดเลย” ศยามลพยายามชวนคุย เพราะเห็นท่าทางที่ลูกชายแสดงกับคู่หมั้นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ “ความจริงน้องฉัตรไม่ต้องมารอพี่ก็ได้นะ เพราะอีกหน่อยพี่อาจไม่ได้กลับตามวันเวลาปกติ ตอนนี้พี่เริ่มเตรียมปลูกบ้านแล้ว ถ้าช่างว่างเมื่อไหร่คง
ตอนที่13เปิดตัว ปัญหาที่ค้างคาใจในความรู้สึกของธนาตุลก็ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินหน้าในการที่จะสร้างบ้านบนที่ดินที่เขาซื้อไว้บนดอยบ้านน้ำฝางให้สำเร็จ “ตัดสินใจดีแล้วนะลูก” นพดลเดินมานั่งข้างๆลูกชายที่กำลังดูแบบบ้านที่เพื่อนของธนาตุลเอาแบบมาให้เลือกที่น่าจะเหมาะกับการปลุกบนภูเขา “แน่ใจที่สุดเลยครับคุณพ่อ ผมก็ไม่รู้ทำไมผมถึงได้หลงรักที่นั่นมากขนาดนี้ ไว้บ้านเสร็จผมจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวนะครับ” “นอกจากหลงรักธรรมชาติที่นั่นแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกไหมที่ลูกชายของพ่อหลงรัก” นพดลสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกชายตั้งแต่กลับมาจากบนดอยคราวก่อนแล้ว แต่เพิ่งมาแน่ใจก็ตอนที่ธนาตุลตัดสินใจยกเลิกการหมั้นหมายกับฉัตรฤดี เขากำลังคิดว่าลูกชายของเขากำลังมีความรัก “คุณพ่อนี่ อยู่ดี ๆ ก็มาแซวผม มาช่วยผมเลือกแบบบ้านดีกว่า” ชายหนุ่มตัดสินใจว่าจะยังไม่เล่าเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ของเขาฟัง แต่จะพาหญิงสาวมาแนะนำถึงที่บ้านแทน เวลาผ่านไปจนใกล้เวลาที่เขาจะต้องกลับไปที่บ้านน้ำฝาย ธนาตุลจ้างรถขนอุปกรณ์ก่อสร้างบางส่วนขึ้นไปเ
ตอนที่14ความจริงบางอย่าง ตั้งแต่วันที่กลับจากดอยลงมาอยู่ที่บ้าน ธนาตุลก็แวะเวียนมาหาหญิงสาวเกือบทุกวัน และเหลืออีกเพียงแค่สองวันเขาต้องขึ้นไปบนดอยแล้ว ส่วนอลิสยังไม่เปิดเทอมจึงยังอยู่ที่บ้านต่อ “พรุ่งนี้ผมจะขออนุญาตพาอลิสไปแนะนำกับคุณพ่อคุณแม่ของผมได้ไหมครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจว่าก่อนขึ้นดอยครั้งนี้เขาจะต้องทำให้ทั้งสองบ้านได้รับรู้เรื่องราวระหว่างเขากับหญิงสาวให้ได้ เขาจึงตัดสินใจขออนุญาตพ่อแม่ของอลิสเพื่อพาเธอไปกินข้าวที่บ้าน เพื่อเป็นการเปิดตัวให้พ่อแม่ของเขารู้จัก “ได้สิ แต่อย่าให้กลับดึกกันนัก พ่อเข้าใจว่าบ้านของผู้กองอยู่ไกล เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ผู้กองก็ค้างที่นี่เลย จะได้ไปต้องขับรถไปมา เดี๋ยวจะหลับในเอา” วิทยาออกปากเอง เพราะทุกคนในบ้านได้แต่คิดแบบนี้แต่ไม่มีใครหรอกที่จะกล้าพูด “ขอบคุณมากเลยครับ แล้วผมจะรีบพาอลิสไปและรีบพากลับ รับรองความปลอดภัยท่านทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ธนาตุลสัมผัสได้ว่าบิดาของแฟนสาวเริ่มรู้สึกดีกับเขา เขาจึงตั้งใจที่จะไม่ทำให้อนาคตพ่อตาผิดหวังในตัวเขาเด็ดขาด ขับรถเกือบสอง
ตอนที่15ตัดสินใจ อลิสได้ข้อมูลของฉัตรฤดีจากบิดา เธอจึงตัดสินใจที่จะมาพูดคุยเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง “สวัสดีค่ะ ฉันจะมาขอพบคุณฉัตรฤดี” “นัดไว้หรือเปล่าคะ” เลขาหน้าห้องถามเพราะไม่รู้สึกคุ้นหน้า “ไม่ได้นัดค่ะ ฉันชื่อลิสเป็นเพื่อนกับผู้กองธนาตุล ช่วยรบกวนไปบอกคุณฉัตรฤดีให้หน่อยได้ไหมคะ ว่าฉันมีเรื่องอยากคุยยด้วย” เลขาหน้าห้องเปิดประตูเข้าไปที่ห้องทำงานของเจ้านาย เพื่อไปแจ้งเรื่องที่มีคนมาขอพบ ฉัตรฤดีเพิ่งมาทำงานที่บริษัทของบิดาได้แค่เพียงไม่กี่วัน เพราะก่อนหน้านี้แม่ของเธอ เอาแต่เก็บเธอไว้อยู่แต่บ้านตั้งแต่เรียนจบ แต่หญิงสาวมาคิดดูแล ถ้าเธอยังทำตัวเหมือนเก่า สักวันเธอคงต้องกลายเป็นกบในกะลาที่โง่ลงทุกวัน จึงได้ตัดสินใจมาทำงาน “เชิญค่ะ” เลขาสาวเดินมานำอลิสเข้าไปในห้องที่เธอเพิ่งเดินออกมา“สวัสดีค่ะคุณฉัตรฤดี”อลิสยกมือไหว้ เพราะคิดว่าคนตรงหน้าอาจจะอายุเท่าๆกับผู้กอง ซื่งก็น่าจะเป็นพี่เธอแน่นอน“สวัสดีค่ะ มีอะไรถึงได้อยากมาพบฉัน คุณบอกกับเลขาว่าเป็นเพื่อนกับพี่ตุล แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเราโตมาด้วยกัน ฉันแน่ใจว่าไม่เ
ตอนที่16ผู้กองสุดหล่อกับครูคนสวย วันที่สามของการกลับมาจากดอย ธนาตุลถึงได้เดินทางมาหาคนรัก เขาพาเธอไปไหว้พระ ไปหาของอร่อยกินและนอนพักค้างคืนที่บ้านของอลิสเลย แล้วค่อยเดินทางกลับบ้านพรุ่งนี้ เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จทั้งสองคนจึงมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน เป็นเวลาที่อลิสตั้งใจจะพูดทุกอย่างที่เธอได้รู้มา “ผู้กองมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิสไหมคะ” หญิงสาวเลือกที่จะเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้คิดทบทวนและตัดสินใจว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไหม “คุณถามแบบนี้หมายถึงเรื่องอะไร ผมคิดไม่ออก” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนไม่รู้จริงๆ ว่าเขามีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิส “ตอนนี้เราตกลงที่จะเป็นแฟนกัน ยังมีเรื่องอะไรที่อลิสควรจะรู้ในฐานะคนรักของผู้กองหรือเปล่าคะ” เมื่อถูกย้ำคำว่าคนรัก ผู้กองธนาตุลก็คิดขึ้นมาได้ทันที ว่าเขายังมีบางอย่างที่ยังไม่ได้เล่าให้เธอฟัง เพราะตอนแรกเขาคิดว่ามันไม่จำเป็น เพราะเรื่องราวมันจบลงแล้ว แต่ในเมื่ออลิสพูดแบบนี้ เขาก็เลือกที่จะพูด “เรื่องที่พี่มีคู่หมั้นแล้วพี่ยกเลิกการหมั้นใช่ไหม” “ใช่ค่ะ ไหนเล
ตอนที่ 1วิวาห์ตามคำสั่ง งานแต่งงานที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้คืองานแต่งงานระหว่างวิธานลูกชายนักการเมืองชื่อดังกับหนูนาเดียร์ลูกสาว นักธุรกิจผู้ใจบุญ วิธานชายหนุ่มอายุสามสิบกว่ารูปร่างหน้าตาดีและที่ดึงดูดใจสาว ๆ ก็คือบุคลิกภาพและคำพูดที่ดูเป็นผู้ชายที่แสนจะอบอุ่น นาเดียร์สาวสวยในวัยยี่สิบเจ็ด เธอเกิดมาเพื่อเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่ ชีวิตของเธอไม่เคยเดินออกจากเส้นทางที่บุพการี ขีดไว้ และเธอก็มีความสุขและเต็มใจที่จะทำให้ทั้งคู่มีความสุข โฮโซทั้งสองคนถูกจับให้แต่งงานกันด้วยเหตุผลของ ความเหมาะสม และไม่มีอะไรที่จะทำให้ทั้งคู่อยากจะปฏิเสธ เพราะสำหรับวิธานแล้วการได้ภรรยาทั้งสวย รวย และดูไม่ค่อยฉลาดทันเขา มันคืออะไรที่ดีที่สุดอยู่แล้ว นาเดียร์เธอทำหน้าที่ภรรยาที่ดีตั้งแต่วันแรกของการได้ชื่อว่ามีสามี อะไรที่เธอไม่เคยทำหญิงสาวก็พยายามที่จะฝึกเพื่อให้สามีของเธอมีความสุขที่สุด หญิงสาวไม่ได้ช่วยงานธุรกิจของครอบครัวเท่าไหร่เพราะพ่อกับแม่อยากให้เธอทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุดก่อน เพราะทั้งสองคนยังอายุไม่มากยังพอทำไหว
ตอนที่ 2เมื่อทุกอย่างไม่เหมือนเดิม หลังจากกลับมาจากทะเลได้เพียงแค่ไม่ถึงเดือน นาเดียร์ก็สัมผัสได้ว่าสามีของเธอเปลี่ยนไป จากที่เคยกลับบ้านตรงเวลาตอนนี้เขาก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวกับงานที่มีปัญหา “พี่วิธานคะ มีปัญหาอะไรที่พอจะให้พ่อของเดียร์ช่วยไหมคะ เห็นพี่ทำงานหนักทุกวันเดียร์เป็นห่วง” ภรรยาคนสวยเดินมาคล้องแขนสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเพื่อหวังเอาใจ “อยากช่วยไหม ถ้าอยากช่วย เลิกถามสักทีผมรำคาญ” วิธานไม่ได้พูดคำพูดแบบนี้กับนาเดียร์เป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพูดบ่อย หญิงสาวจึงให้อภัยและคิดว่าสามีคงเหนื่อยจากเรื่องงานมาจริง ๆ ชายหนุ่มทำท่ารำคาญและหงุดหงิด จากที่จะนั่งโซฟาตามปกติ เขากลับเอาขาทั้งสองข้างขึ้นมาวางบนโต๊ะ “มาถอดถุงเท้าให้หน่อย เหนื่อยไม่อยากก้ม” วิธานชี้นิ้วไปที่เท้าทั้งสองข้างด้วยกิริยาที่ดูหยาบคายเหมือนต้องการทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายให้รู้สึกต่ำต้อย นาเดียร์ทำท่าลังเลว่าเธอจะถอดหรือจะปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตัดสินใจ แก้วน้ำที่วางอยู่ข้างหน้าชายหนุ่มก็ถูกปาไปที่กำแพง
ตอนที่ 3เวลาที่ไม่มีใคร “เป็นไงบ้าง เห็นคุยกันถูกคอเชียว ติดใจบอกได้นะพรุ่งนี้ให้พามาอีกก็ได้” ส้มถามเพื่อนที่เธอเพิ่งเคยพามาเที่ยวบาร์โฮสเป็นครั้งแรก เพราะตัวเธอมาเที่ยวบ่อยมาก “เขาก็คุยสนุกดีนะ แต่เราไม่ชอบเที่ยวแบบนี้ ส้มเราไปนอนด้วยนะ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยกลับยังไม่อยากเจอหน้าพี่วิธาน” ส้มมองนาเดียร์ด้วยความสงสารแม้แต่ชีวิตของตัวเองยังไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดิน นาเดียร์กลับถึงบ้านด้วยสภาพที่ยังง่วงนอนเพราะเธอเองไม่ค่อยได้นอนดึกตื่นเช้าจึงตั้งใจว่าจะขึ้นไปนอนข้างบนแล้วค่อยลงมาทำงานบ้าน “ถ้าจะกลับเช้าแบบนี้หย่ากันดีไหม” วิธานเดินลงมาจากบ้านด้วยชุดที่ไม่ใช่ชุดทำงาน พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ “เดียร์ไปนอนกับส้มมา แล้วพี่วิธานจะไปไหนคะ” หญิงสาวรู้สึกใจหายแบบบอกไม่ถูกที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกสามีชวนหย่าและเขาก็กำลังจะเดินออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทาง “ไม่ต้องเสือกนะคะคนดี” วิธานยื่นหน้าจนแทบจะชนกับหน้าของหญิงสาว และพูดด้วยน้ำเสียงเน้นเหมือนรู้สึกสะใจที่ได้พูด เสียงรถออกไปแล้วหญิงสาวทรุดตัว