ตอนที่9
แล้วเขาก็กลับมา
วันนี้แล้วที่ผู้กองจะต้องมาที่หมู่บ้าน อลิสอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า เพราะเหมือนกับการรอคอยของเธอจะสมหวังวันนี้แล้ว
“วันนนี้ครูยิ้มทั้งวันเลย”
เด็กน้อยจากหมู่บ้านข้างเคียง พูดกับอลิสเมื่อมายินรอส่งแบบฝึกหัดแล้วเห็นครูของเธอนั่งยิ้มคนเดียว
“วันนี้นักเรียนของครูทุกคนน่ารัก ครูก็เลยยิ้มได้ทั้งวัน”
เมื่อตอบตามตรงเด็กน้อยคงไม่เข้าใจ หญิงสาวจึงคิดคำตอบที่เข้าใจง่ายๆ ตอบหนูน้อยไป
เสียงรถตำรวจที่กำลังวิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง เพราะหมายความว่าเธอกำลังจะได้เจอหน้ากับ ผู้กองธนาตุล
“เก็บหนังสือเข้าที่ การบ้านใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย โรงเรียนหยุดสองวัน เจอกันอีกทีวันจันทร์นะคะทุกคน”
หญิงสาวไม่กล้าที่จะเดินไปในหมู่บ้านถึงแม้จะอยากไปแค่ไหน แต่ก็ได้แต่รอให้ผู้กองเสร็จธุระในหมู่บ้านแล้วคงมาที่บ้านพักครูเอง
เวลาผ่านไปนาน นานจนคนรอเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว เพราะมองไปทางเดินที่เป็นเส้นทางจากหมู่บ้านมายังบ้านพักครู เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มที่เธอรอคอย
“ครูแม่ให้เอากับข้าวมาให้ แกงหน่อไม้อร่อยสุดๆ”
ฟองจันทร์วิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ รีบส่งปิ่นโตที่เธอถือไว้ยื่นให้กับหญิงสาวที่กำลังจะลุกจากเก้าอี้หน้าบ้านตัดสินใจจะลงมือทำกับข้าว
“ขอบใจมากนะฟองจันทร์ เอ่อ....”
อลิสตัดสินใจว่าเธอควรจะถามเด็กน้อยดีไหม เพราะเธอไม่รู้ว่าฟองจันทร์จะรู้ไหมในสิ่งที่เธอต้องการถาม
“ครูจะถามถึงผู้กองตุลใช่ไหม ผู้กองไม่เห็นมาเลย”
“ทำไมล่ะฟองจันทร์ ผู้กองไปไหนถึงไม่มากับพวกตำรวจล่ะ”
ด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน อลิสเดินมาใกล้กับคนตัวเล็กเพื่อหวังจะรู้สาเหตุ
“ไม่รู้เหมือนกัน พ่อไม่ได้บอก แต่หนูแค่มองไม่เห็นผู้กองมากับรถเลยรู้ว่าไม่ได้มา หนูกลับก่อนนะเดี๋ยวมืด”
ความมืดของท้องฟ้า เหมือนกับหัวใจของหญิงสาวตอนนี้ เธอรู้สึกมีความหวังมาตลอด ว่าเดี๋ยวเขาก็กลับมา แต่สุดท้ายวันที่เธอรอ ก็ไม่มีแม้แต่เงา หัวใจของครูสาวเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังโดยเมฆฝนบดบัง
ใบหน้าที่ยิ้มมาทั้งวันตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง อลิสกินข้าวแค่เพียงไม่กี่คำ ก็อาบน้ำปิดบ้านและเข้านอน เพราะไม่มีอะไรที่เธอต้องรอคอยอีกแล้ว
เสียงฝนที่เริ่มตกลงมากระทบกับหลังคาดังแข่งกับเสียงของกิ่งไม้มี่ลู่ลมไปมา หญิงสาวพยายาข่มตาให้หลับลงเพราะไม่อยากคิดถึงคำสัญญาที่ผู้กองให้ไว้และสุดท้ายเขาก็ไม่ทำ
ปั้งๆ ๆ ๆ
เสียงเหมือนมีใครมาเคาะประตูบ้าน อลิสลุกขึ้นจากที่นอนและพยายามตั้งใจฟัง ว่าใช่เสียงคนเคาะหรือเสียงจากลมและฝนข้างนอก
เมื่อแน่ใจว่ามีคนมาเคาะที่ประตู หญิงสาวจึงเปิดหน้าต่างจากชั้นสอง เพื่อมองว่าใครกันที่มาหาเธอในเวลานี้
ภาพชายหนุ่มในชุดตำรวจที่ตอนนี้ยืนตัวเปียกฝนอยู่ ทำให้อลิสรีบวิ่งลงมาเปิดประตูจนแทบจะลืมเลยว่าตอนนี้ในบ้านมืด มีไฟถูกเปิดไว้แค่เพียงดวงเดียว
“ผู้กอง!!”
ประตูถูกเปิดออกอย่างรีบร้อน หญิงสาวตะโกนสุดเสียงโผตัวเข้ากอดชายหนุ่มที่ยืนตัวเปียกอยู่หน้าประตูอย่างลืมตัว
“เอ้า! ... เป็นอะไรคุณครู กอดผมแบบนี้เดี๋ยวตัวก็เปียกหมด”
ธนาตุลลูบผมคนตัวเล็กที่กับกอดตัวเขาไว้แน่น และพยายามดันตัวเธอเข้าไปในบ้านเพราะกลัวยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปจะพากันเปียกไปกว่านี้
“อลิสคิดว่าคุณจะไม่กลับมาแล้ว”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น ไหนหยุดกอดผมแล้วเงยหน้ามาคุยกันหน่อยทำไมถึงคิดว่าผมจะไม่มา”
เมื่อรู้ตัว ว่าตัวเองเผลอกอดคนตรงหน้า อลิสจึงรีบปล่อยมือและเดินถอยห่างออกมา
“ก็ตำรวจคนอื่นเขามากันแล้ว แต่ฟองจันทร์บอกว่าในรถไม่มีผู้กองมาด้วย” หญิงสาวอธิบาย
“ผมขับรถมาเอง ก็ซื้อของมาฝากคุณเต็มรถไปหมด ถ้าเอาขึ้นรถของทางการมา ผมก็เกรงใจลูกน้องที่จะนั่งกันใหม่สบาย”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เมื่อรู้ว่าเขากำลังเป็นคนสำคัญที่มีคนรอเขากลับมา
“ก็ใครจะไปคิดว่าคุณจะเอารถมาเอง”
หญิงสาวแก้เขินโดยการทำท่าทางเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร แต่มันก็ไม่ทันแล้วเพราะก่อนหน้านี้เธอแสดงทุกอย่างออกมาหมดหัวใจแล้ว
“เช็ดน้ำตาหน่อยไหม อายเด็กนักเรียนนะ ถ้ารู้ว่าคุณครูของเขาร้องไห้ขี้แยเป็นเด็ก”
“ใครบอกอลิสร้องไห้ น้ำฝนต่างหากที่มันเปื้อนหน้า ผู้กองคิดไปเอง”
หญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างป้ายหน้าไปมา ทำเหมือนว่าเธอไม่ได้ร้องไห้จริงๆ
“รออยู่นี่เลย เดี๋ยวฉันเข้าไปเอาผ้าเช็ดตัวในห้องให้ มีหวังเดินไปเดินมาแบบนี้ เปียกทั้งบ้านพอดี”
อลิสรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะตอนนี้สายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองเธอ มันแสดงว่าเขากำลังอ่านใจเธอออก และมันคงไม่ดีแน่ๆถ้าเขาจะรู้ว่าเธอคิดถึงเขามากแค่ไหน
“นี่เช็ดผม แล้วนี่ก็เอาไว้เปลี่ยนเสื้อผ้า”
“แล้วคุณจะไปไหน”
ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังจะเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน
“จะไปหาขนมกับนมมาให้กิน คุณก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำให้เรียบร้อย เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“ครับ...คุณครู”
ผู้กองทำลากเสียงล้อเลียน เพราะตอนนี้เหมือนเขากำลังเป็นนักเรียนที่กำลังต้องทำตามคำสั่งของคุณครูอลิส
“ดีมาก อย่าดื้อ”
หญิงสาวแกล้งทำเสียงดุ เพื่อให้อีกฝ่ายคิดว่าเธอก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาไปในเชิงอื่น
เมื่อขึ้นมาอยู่ในห้องนอนแล้ว อลิสไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็นแล้ว หญิงสาวก็ยิ้มจนหน้าบาน กรีดร้องด้วยความดีใจแบบเบาๆเพราะกลัวคนข้างล่างจะตกใจ
“ในที่สุดคุณก็กลับมา”
อลิสพูดกับตัวเอง เธอจะไม่ต้องเหงาไปอีกหลายวันและไม่ต้องนับวันรอคอย ถึงแม้ว่าสุดท้ายพอครบกำหนดเขาก็ต้องกลับไปบ้านอยู่ดี
“ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว ไหนล่ะครับของกิน หิวจะแย่แล้ว”
เสียงชายหนุ่มตะโกนดังมาจากชั้นล่าง เพราะเขารู้ที่อลิสยังไม่ลงมา เพราะรอให้เขาอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน
“ค่ะ...ได้ยินแล้ว กำลังลงไป”
อลิสมีขนมเก็บไว้บนห้องหลายห่อและนมกล่องอีกเป็นเกือบร้อยกล่อง เพราะพ่อและแม่ของเธอกลัวว่าเธอจะไม่มีอะไรกิน
“กวาดห้องให้ผมบ้างไหมนี่ หรือปิดตายเลย”
ชายหนุ่มแกล้งแซวเพราะเขาเข้าไปในห้องและเห็นว่าทั้งห้องนอนและที่นอนไม่มีฝุ่นเลย
“ปิดตายเลยค่ะ ตั้งใจว่าวันนี้ถ้าผู้กองไม่มาจะใช้ไม้มาตีปิดตายเลย”
ธนาตุลขำกับท่าทางที่พูดเป็นจริงเป็นจังของอลิส ดูเหมือนเธอคงจะโกรธเขามากถ้าเขามาช้ากว่านี้สักวัน
“ใจเย็นครับคุณครู มาช้าแต่มานะ ดึกแล้วคุณขึ้นไปนอนเถอะ พรุ่งนี้โรงเรียนหยุดเดี๋ยวผมพาไปดูทะเลหมอกแต่เช้า เอารถมาใช้เองจะได้สะดวก แล้วอย่างอแงตื่นสายไม่ทันหมอกไม่รู้ด้วยนะ”
ช่วงหัวค่ำฝนตกแต่ตอนนี้หยุดแล้ว พรุ่งนี้น่าจะมีหมอก ผู้กองเลยอยากพาอลิสไปดู และครั้งนี้เอารถมาเองไปไหนมาไหนก็สะดวกกว่า ผู้กองไม่ชอบใช้รถหลวงในเรื่องส่วนตัว เพราะไม่อยากให้ลูกน้องและชาวบ้านมองไม่ดี
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้าค่ะ”
“หลับฝันดีนะครับ”
อลิสยืนหันหลังนิ่ง เมื่อได้ยินคำพูดที่เธอรู้สึกว่ามันฟังดูแล้วอบอุ่นในความรู้สึกเธอ
“หลับฝันดีเช่นกันค่ะ”
เป็นการพูดที่ไม่กล้าหันหน้าไปมองผู้ฟัง เพราะตอนนี้หญิงสาวเขินจนหน้าแดงไปหมดไปแล้ว จึงเดินขึ้นไปนอนอมยิ้มไปตลอดทาง
ตอนที่10ทะเลหมอกและสองเรา “แบบนี้เขาไม่เรียกตื่นเช้า เขาเรียกตื่นตั้งแต่มืดต่างหาก มืดแบบนี้จะมองเห็นเหรอทะเลหมอกของผู้กอง” อลิสหงุดหงิดที่ถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ เพราะแค่ทุกวันนี้เธอต้องตื่นเช้าเพื่อมาเตรียมอาหารเช้า และเตรียมมาสอน ก็ต้องใช้ควาพยายามในการเปลี่ยนตัวเองมากพออยู่แล้ว “เด็กในเมืองก็แบบนี้ พอโดนปลุกให้ตื่นตอนเช้ามืดก็ทำเป็นไม่พอใจ แล้วแบบนี้จะมาเป็นครูบนดอย ผมว่าคุณทนอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปี เดี๋ยวก็ต้องหาทางลงไปสอนในเมืองแน่ๆ” ธนาตุลรู้ว่าถ้าเขาพูดดี ๆ ไม่มีทางที่หญิงสาวจะหายง่วงนอน เขาเลยแกล้งพูดยั่วโมโห แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ “คอยดูแล้วกัน ฉันก็แกล้งบ่นแกล้งง่วงไปอย่างนั้นแหละ ตอนคุณไม่อยู่ฉันก็ตื่นเช้าทุกวัน เลิกคิดว่าฉันต้องเป็นลูกคุณหนูและทนความลำบากที่นี่ไม่ได้เสียที” เมื่อเห็นอีกฝ่ายโมโห ผู้กองกลับทั้งหัวเราะและยิ้ม จนหญิงสาวต้องเอียงตัวเพื่อหันหน้ามามองเขาด้วยความสงสัย “ผู้กองขำอะไร” หญิงสาวกระแทกเสียงถาม “ขำคนที่โดนยั่วโมโหจนหายง่วงเลย เอ๊ย!..ไม่ใช่ ไม่ได้ง่วงลืมไป ผ
ตอนที่11วันเวลาที่ผ่านไป วันเวลาเดินทางไปเร็วเสมอ เมื่อผู้กองธนาตุลมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ “อีกไม่กี่วันคุณก็ต้องกลับลงไปข้างล่างแล้ว เฮ้อ! เวลามันเดินไวจริง ๆนะคะ” “คุณคิดถึงผมใช่ไหม” คำถามที่ดูแล้วคนถามอยากรู้คำตอบจริง บวกกับบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายริมน้ำตกที่สงบเงียบไม่มีคน ทำให้อลิสรู้สึกกล้าที่จะพูดความจริงกลับไป “คิดถึง แล้วผู้กองล่ะคะ เวลาที่ไม่เจอกัน คุณคิดถึง อลิสเหมือนกันไหม” “ไม่เหมือน” คนฟังถึงกับรู้สึกใจหาย เมื่อคำตอยที่ได้ ไม่ใช่อย่างที่เธอคาดหวังไว้ “ไม่เป็นไรค่ะ อลิสคิดถึงผู้กองอย่างเดียวก็พอ”หญิงสาวพูดด้วยเสียงน้อยใจ และหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้หัวใจของเธอมันรู้กำลังรู้สึกเหมือนคนอกหัก“ที่บอกไม่เหมือน เพราะผมคิดว่า ผมคิดถึงคุณ มากกว่าที่คุณคิดถึงผม”“เหรอคะ”คนฟังหันมายิ้มมุมปากแบบไม่เชื่อ อลิสคิดว่าชายหนุ่มคงแค่ต้องการพูดให้เธอรู้สึกดีขึ้น“ทำเสียงแบบนี้แปลว่าไม่เชื่อ คุณรู้ไหมผมกลับบ้านไป ส่วนมากก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและอีกอย่างที่ผมทุ่มเวลาให้คือการหารซื้อ
ตอนที่12ปัญหาของหัวใจ “คราวนี้ทำไมเอารถไปเองล่ะคะพี่ตุล” ฉัตรฤดีคู่หมั้นสาวมานั่งรอธนาตุลที่บ้านของฝ่ายชายตั้งแต่บ่าย “ขนของไปหลายอย่างเลยไม่อยากเป็นภาระให้ลูกน้องต้องลำบาก” ชายหนุ่มอธิบาย “คราวนี้ลูกชายแม่เขาขนของเหมือนกับจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย โทรทัศน์ ตู้ โต๊ะ เต็มรถไปหมด” ศยามลแซวผู้เป็นลูกชาย “ผมอาจจะย้ายไปอยู่ที่นู่นจริงก็ได้นะครับ คุณแม่ก็รู้ว่าผมซื้อที่ไว้แล้ว อีกไม่นานก็คงปลูกบ้าน ความฝันของผมคือการได้ไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนั้น” “มาเหนื่อยๆเข้าไปในบ้านกันดีกว่าค่ะ” ฉัตรฤดีเห็นสองคนแม่รู้เริ่มจะดูพูดจาจริงจังกันเกินไป เธอยังไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องมาทะเลาะกันในวันแรกของการกลับมาของธนาตุล “หนูฉัตรเขามารอลูกตั้งแต่บ่ายแล้ว ปกติเคยเห็นเย็นๆก็มาถึง ทำไมคราวนี้มาถึงมืดเลย” ศยามลพยายามชวนคุย เพราะเห็นท่าทางที่ลูกชายแสดงกับคู่หมั้นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ “ความจริงน้องฉัตรไม่ต้องมารอพี่ก็ได้นะ เพราะอีกหน่อยพี่อาจไม่ได้กลับตามวันเวลาปกติ ตอนนี้พี่เริ่มเตรียมปลูกบ้านแล้ว ถ้าช่างว่างเมื่อไหร่คง
ตอนที่13เปิดตัว ปัญหาที่ค้างคาใจในความรู้สึกของธนาตุลก็ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินหน้าในการที่จะสร้างบ้านบนที่ดินที่เขาซื้อไว้บนดอยบ้านน้ำฝางให้สำเร็จ “ตัดสินใจดีแล้วนะลูก” นพดลเดินมานั่งข้างๆลูกชายที่กำลังดูแบบบ้านที่เพื่อนของธนาตุลเอาแบบมาให้เลือกที่น่าจะเหมาะกับการปลุกบนภูเขา “แน่ใจที่สุดเลยครับคุณพ่อ ผมก็ไม่รู้ทำไมผมถึงได้หลงรักที่นั่นมากขนาดนี้ ไว้บ้านเสร็จผมจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวนะครับ” “นอกจากหลงรักธรรมชาติที่นั่นแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกไหมที่ลูกชายของพ่อหลงรัก” นพดลสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกชายตั้งแต่กลับมาจากบนดอยคราวก่อนแล้ว แต่เพิ่งมาแน่ใจก็ตอนที่ธนาตุลตัดสินใจยกเลิกการหมั้นหมายกับฉัตรฤดี เขากำลังคิดว่าลูกชายของเขากำลังมีความรัก “คุณพ่อนี่ อยู่ดี ๆ ก็มาแซวผม มาช่วยผมเลือกแบบบ้านดีกว่า” ชายหนุ่มตัดสินใจว่าจะยังไม่เล่าเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่ของเขาฟัง แต่จะพาหญิงสาวมาแนะนำถึงที่บ้านแทน เวลาผ่านไปจนใกล้เวลาที่เขาจะต้องกลับไปที่บ้านน้ำฝาย ธนาตุลจ้างรถขนอุปกรณ์ก่อสร้างบางส่วนขึ้นไปเ
ตอนที่14ความจริงบางอย่าง ตั้งแต่วันที่กลับจากดอยลงมาอยู่ที่บ้าน ธนาตุลก็แวะเวียนมาหาหญิงสาวเกือบทุกวัน และเหลืออีกเพียงแค่สองวันเขาต้องขึ้นไปบนดอยแล้ว ส่วนอลิสยังไม่เปิดเทอมจึงยังอยู่ที่บ้านต่อ “พรุ่งนี้ผมจะขออนุญาตพาอลิสไปแนะนำกับคุณพ่อคุณแม่ของผมได้ไหมครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจว่าก่อนขึ้นดอยครั้งนี้เขาจะต้องทำให้ทั้งสองบ้านได้รับรู้เรื่องราวระหว่างเขากับหญิงสาวให้ได้ เขาจึงตัดสินใจขออนุญาตพ่อแม่ของอลิสเพื่อพาเธอไปกินข้าวที่บ้าน เพื่อเป็นการเปิดตัวให้พ่อแม่ของเขารู้จัก “ได้สิ แต่อย่าให้กลับดึกกันนัก พ่อเข้าใจว่าบ้านของผู้กองอยู่ไกล เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ผู้กองก็ค้างที่นี่เลย จะได้ไปต้องขับรถไปมา เดี๋ยวจะหลับในเอา” วิทยาออกปากเอง เพราะทุกคนในบ้านได้แต่คิดแบบนี้แต่ไม่มีใครหรอกที่จะกล้าพูด “ขอบคุณมากเลยครับ แล้วผมจะรีบพาอลิสไปและรีบพากลับ รับรองความปลอดภัยท่านทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ธนาตุลสัมผัสได้ว่าบิดาของแฟนสาวเริ่มรู้สึกดีกับเขา เขาจึงตั้งใจที่จะไม่ทำให้อนาคตพ่อตาผิดหวังในตัวเขาเด็ดขาด ขับรถเกือบสอง
ตอนที่15ตัดสินใจ อลิสได้ข้อมูลของฉัตรฤดีจากบิดา เธอจึงตัดสินใจที่จะมาพูดคุยเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง “สวัสดีค่ะ ฉันจะมาขอพบคุณฉัตรฤดี” “นัดไว้หรือเปล่าคะ” เลขาหน้าห้องถามเพราะไม่รู้สึกคุ้นหน้า “ไม่ได้นัดค่ะ ฉันชื่อลิสเป็นเพื่อนกับผู้กองธนาตุล ช่วยรบกวนไปบอกคุณฉัตรฤดีให้หน่อยได้ไหมคะ ว่าฉันมีเรื่องอยากคุยยด้วย” เลขาหน้าห้องเปิดประตูเข้าไปที่ห้องทำงานของเจ้านาย เพื่อไปแจ้งเรื่องที่มีคนมาขอพบ ฉัตรฤดีเพิ่งมาทำงานที่บริษัทของบิดาได้แค่เพียงไม่กี่วัน เพราะก่อนหน้านี้แม่ของเธอ เอาแต่เก็บเธอไว้อยู่แต่บ้านตั้งแต่เรียนจบ แต่หญิงสาวมาคิดดูแล ถ้าเธอยังทำตัวเหมือนเก่า สักวันเธอคงต้องกลายเป็นกบในกะลาที่โง่ลงทุกวัน จึงได้ตัดสินใจมาทำงาน “เชิญค่ะ” เลขาสาวเดินมานำอลิสเข้าไปในห้องที่เธอเพิ่งเดินออกมา“สวัสดีค่ะคุณฉัตรฤดี”อลิสยกมือไหว้ เพราะคิดว่าคนตรงหน้าอาจจะอายุเท่าๆกับผู้กอง ซื่งก็น่าจะเป็นพี่เธอแน่นอน“สวัสดีค่ะ มีอะไรถึงได้อยากมาพบฉัน คุณบอกกับเลขาว่าเป็นเพื่อนกับพี่ตุล แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเราโตมาด้วยกัน ฉันแน่ใจว่าไม่เ
ตอนที่16ผู้กองสุดหล่อกับครูคนสวย วันที่สามของการกลับมาจากดอย ธนาตุลถึงได้เดินทางมาหาคนรัก เขาพาเธอไปไหว้พระ ไปหาของอร่อยกินและนอนพักค้างคืนที่บ้านของอลิสเลย แล้วค่อยเดินทางกลับบ้านพรุ่งนี้ เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จทั้งสองคนจึงมานั่งเล่นที่สวนหน้าบ้าน เป็นเวลาที่อลิสตั้งใจจะพูดทุกอย่างที่เธอได้รู้มา “ผู้กองมีอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิสไหมคะ” หญิงสาวเลือกที่จะเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้คิดทบทวนและตัดสินใจว่าเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไหม “คุณถามแบบนี้หมายถึงเรื่องอะไร ผมคิดไม่ออก” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนไม่รู้จริงๆ ว่าเขามีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกอลิส “ตอนนี้เราตกลงที่จะเป็นแฟนกัน ยังมีเรื่องอะไรที่อลิสควรจะรู้ในฐานะคนรักของผู้กองหรือเปล่าคะ” เมื่อถูกย้ำคำว่าคนรัก ผู้กองธนาตุลก็คิดขึ้นมาได้ทันที ว่าเขายังมีบางอย่างที่ยังไม่ได้เล่าให้เธอฟัง เพราะตอนแรกเขาคิดว่ามันไม่จำเป็น เพราะเรื่องราวมันจบลงแล้ว แต่ในเมื่ออลิสพูดแบบนี้ เขาก็เลือกที่จะพูด “เรื่องที่พี่มีคู่หมั้นแล้วพี่ยกเลิกการหมั้นใช่ไหม” “ใช่ค่ะ ไหนเล
ตอนที่ 1วิวาห์ตามคำสั่ง งานแต่งงานที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้คืองานแต่งงานระหว่างวิธานลูกชายนักการเมืองชื่อดังกับหนูนาเดียร์ลูกสาว นักธุรกิจผู้ใจบุญ วิธานชายหนุ่มอายุสามสิบกว่ารูปร่างหน้าตาดีและที่ดึงดูดใจสาว ๆ ก็คือบุคลิกภาพและคำพูดที่ดูเป็นผู้ชายที่แสนจะอบอุ่น นาเดียร์สาวสวยในวัยยี่สิบเจ็ด เธอเกิดมาเพื่อเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่ ชีวิตของเธอไม่เคยเดินออกจากเส้นทางที่บุพการี ขีดไว้ และเธอก็มีความสุขและเต็มใจที่จะทำให้ทั้งคู่มีความสุข โฮโซทั้งสองคนถูกจับให้แต่งงานกันด้วยเหตุผลของ ความเหมาะสม และไม่มีอะไรที่จะทำให้ทั้งคู่อยากจะปฏิเสธ เพราะสำหรับวิธานแล้วการได้ภรรยาทั้งสวย รวย และดูไม่ค่อยฉลาดทันเขา มันคืออะไรที่ดีที่สุดอยู่แล้ว นาเดียร์เธอทำหน้าที่ภรรยาที่ดีตั้งแต่วันแรกของการได้ชื่อว่ามีสามี อะไรที่เธอไม่เคยทำหญิงสาวก็พยายามที่จะฝึกเพื่อให้สามีของเธอมีความสุขที่สุด หญิงสาวไม่ได้ช่วยงานธุรกิจของครอบครัวเท่าไหร่เพราะพ่อกับแม่อยากให้เธอทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุดก่อน เพราะทั้งสองคนยังอายุไม่มากยังพอทำไหว