Share

แล้วเขาก็กลับมา

ตอนที่9

แล้วเขาก็กลับมา

          วันนี้แล้วที่ผู้กองจะต้องมาที่หมู่บ้าน อลิสอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า เพราะเหมือนกับการรอคอยของเธอจะสมหวังวันนี้แล้ว

          “วันนนี้ครูยิ้มทั้งวันเลย”

         เด็กน้อยจากหมู่บ้านข้างเคียง พูดกับอลิสเมื่อมายินรอส่งแบบฝึกหัดแล้วเห็นครูของเธอนั่งยิ้มคนเดียว

          “วันนี้นักเรียนของครูทุกคนน่ารัก ครูก็เลยยิ้มได้ทั้งวัน”

          เมื่อตอบตามตรงเด็กน้อยคงไม่เข้าใจ หญิงสาวจึงคิดคำตอบที่เข้าใจง่ายๆ ตอบหนูน้อยไป

          เสียงรถตำรวจที่กำลังวิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง เพราะหมายความว่าเธอกำลังจะได้เจอหน้ากับ          ผู้กองธนาตุล

          “เก็บหนังสือเข้าที่ การบ้านใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย โรงเรียนหยุดสองวัน เจอกันอีกทีวันจันทร์นะคะทุกคน”

          หญิงสาวไม่กล้าที่จะเดินไปในหมู่บ้านถึงแม้จะอยากไปแค่ไหน แต่ก็ได้แต่รอให้ผู้กองเสร็จธุระในหมู่บ้านแล้วคงมาที่บ้านพักครูเอง

          เวลาผ่านไปนาน นานจนคนรอเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว เพราะมองไปทางเดินที่เป็นเส้นทางจากหมู่บ้านมายังบ้านพักครู เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มที่เธอรอคอย

          “ครูแม่ให้เอากับข้าวมาให้ แกงหน่อไม้อร่อยสุดๆ”

          ฟองจันทร์วิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ รีบส่งปิ่นโตที่เธอถือไว้ยื่นให้กับหญิงสาวที่กำลังจะลุกจากเก้าอี้หน้าบ้านตัดสินใจจะลงมือทำกับข้าว

         “ขอบใจมากนะฟองจันทร์ เอ่อ....”

          อลิสตัดสินใจว่าเธอควรจะถามเด็กน้อยดีไหม เพราะเธอไม่รู้ว่าฟองจันทร์จะรู้ไหมในสิ่งที่เธอต้องการถาม

          “ครูจะถามถึงผู้กองตุลใช่ไหม ผู้กองไม่เห็นมาเลย”

          “ทำไมล่ะฟองจันทร์ ผู้กองไปไหนถึงไม่มากับพวกตำรวจล่ะ”

          ด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน อลิสเดินมาใกล้กับคนตัวเล็กเพื่อหวังจะรู้สาเหตุ

          “ไม่รู้เหมือนกัน พ่อไม่ได้บอก แต่หนูแค่มองไม่เห็นผู้กองมากับรถเลยรู้ว่าไม่ได้มา หนูกลับก่อนนะเดี๋ยวมืด”

          ความมืดของท้องฟ้า เหมือนกับหัวใจของหญิงสาวตอนนี้ เธอรู้สึกมีความหวังมาตลอด ว่าเดี๋ยวเขาก็กลับมา แต่สุดท้ายวันที่เธอรอ ก็ไม่มีแม้แต่เงา หัวใจของครูสาวเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังโดยเมฆฝนบดบัง

          ใบหน้าที่ยิ้มมาทั้งวันตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง อลิสกินข้าวแค่เพียงไม่กี่คำ ก็อาบน้ำปิดบ้านและเข้านอน เพราะไม่มีอะไรที่เธอต้องรอคอยอีกแล้ว

          เสียงฝนที่เริ่มตกลงมากระทบกับหลังคาดังแข่งกับเสียงของกิ่งไม้มี่ลู่ลมไปมา หญิงสาวพยายาข่มตาให้หลับลงเพราะไม่อยากคิดถึงคำสัญญาที่ผู้กองให้ไว้และสุดท้ายเขาก็ไม่ทำ

          ปั้งๆ ๆ ๆ

          เสียงเหมือนมีใครมาเคาะประตูบ้าน อลิสลุกขึ้นจากที่นอนและพยายามตั้งใจฟัง ว่าใช่เสียงคนเคาะหรือเสียงจากลมและฝนข้างนอก

          เมื่อแน่ใจว่ามีคนมาเคาะที่ประตู หญิงสาวจึงเปิดหน้าต่างจากชั้นสอง เพื่อมองว่าใครกันที่มาหาเธอในเวลานี้

          ภาพชายหนุ่มในชุดตำรวจที่ตอนนี้ยืนตัวเปียกฝนอยู่ ทำให้อลิสรีบวิ่งลงมาเปิดประตูจนแทบจะลืมเลยว่าตอนนี้ในบ้านมืด มีไฟถูกเปิดไว้แค่เพียงดวงเดียว

          “ผู้กอง!!”

          ประตูถูกเปิดออกอย่างรีบร้อน หญิงสาวตะโกนสุดเสียงโผตัวเข้ากอดชายหนุ่มที่ยืนตัวเปียกอยู่หน้าประตูอย่างลืมตัว

          “เอ้า! ... เป็นอะไรคุณครู กอดผมแบบนี้เดี๋ยวตัวก็เปียกหมด”

          ธนาตุลลูบผมคนตัวเล็กที่กับกอดตัวเขาไว้แน่น และพยายามดันตัวเธอเข้าไปในบ้านเพราะกลัวยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปจะพากันเปียกไปกว่านี้

          “อลิสคิดว่าคุณจะไม่กลับมาแล้ว”

         “ทำไมถึงคิดแบบนั้น ไหนหยุดกอดผมแล้วเงยหน้ามาคุยกันหน่อยทำไมถึงคิดว่าผมจะไม่มา”

          เมื่อรู้ตัว ว่าตัวเองเผลอกอดคนตรงหน้า อลิสจึงรีบปล่อยมือและเดินถอยห่างออกมา

          “ก็ตำรวจคนอื่นเขามากันแล้ว แต่ฟองจันทร์บอกว่าในรถไม่มีผู้กองมาด้วย” หญิงสาวอธิบาย

          “ผมขับรถมาเอง ก็ซื้อของมาฝากคุณเต็มรถไปหมด ถ้าเอาขึ้นรถของทางการมา ผมก็เกรงใจลูกน้องที่จะนั่งกันใหม่สบาย”

          ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เมื่อรู้ว่าเขากำลังเป็นคนสำคัญที่มีคนรอเขากลับมา

          “ก็ใครจะไปคิดว่าคุณจะเอารถมาเอง”

          หญิงสาวแก้เขินโดยการทำท่าทางเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร แต่มันก็ไม่ทันแล้วเพราะก่อนหน้านี้เธอแสดงทุกอย่างออกมาหมดหัวใจแล้ว

          “เช็ดน้ำตาหน่อยไหม อายเด็กนักเรียนนะ ถ้ารู้ว่าคุณครูของเขาร้องไห้ขี้แยเป็นเด็ก”

          “ใครบอกอลิสร้องไห้ น้ำฝนต่างหากที่มันเปื้อนหน้า  ผู้กองคิดไปเอง”

          หญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างป้ายหน้าไปมา ทำเหมือนว่าเธอไม่ได้ร้องไห้จริงๆ

          “รออยู่นี่เลย เดี๋ยวฉันเข้าไปเอาผ้าเช็ดตัวในห้องให้ มีหวังเดินไปเดินมาแบบนี้ เปียกทั้งบ้านพอดี”

          อลิสรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะตอนนี้สายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองเธอ มันแสดงว่าเขากำลังอ่านใจเธอออก และมันคงไม่ดีแน่ๆถ้าเขาจะรู้ว่าเธอคิดถึงเขามากแค่ไหน

          “นี่เช็ดผม แล้วนี่ก็เอาไว้เปลี่ยนเสื้อผ้า”

          “แล้วคุณจะไปไหน”

          ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังจะเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน

          “จะไปหาขนมกับนมมาให้กิน คุณก็เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำให้เรียบร้อย เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

          “ครับ...คุณครู”

          ผู้กองทำลากเสียงล้อเลียน เพราะตอนนี้เหมือนเขากำลังเป็นนักเรียนที่กำลังต้องทำตามคำสั่งของคุณครูอลิส

         “ดีมาก อย่าดื้อ”

          หญิงสาวแกล้งทำเสียงดุ เพื่อให้อีกฝ่ายคิดว่าเธอก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาไปในเชิงอื่น

          เมื่อขึ้นมาอยู่ในห้องนอนแล้ว อลิสไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็นแล้ว หญิงสาวก็ยิ้มจนหน้าบาน กรีดร้องด้วยความดีใจแบบเบาๆเพราะกลัวคนข้างล่างจะตกใจ

          “ในที่สุดคุณก็กลับมา”

          อลิสพูดกับตัวเอง เธอจะไม่ต้องเหงาไปอีกหลายวันและไม่ต้องนับวันรอคอย ถึงแม้ว่าสุดท้ายพอครบกำหนดเขาก็ต้องกลับไปบ้านอยู่ดี

          “ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว ไหนล่ะครับของกิน หิวจะแย่แล้ว”

          เสียงชายหนุ่มตะโกนดังมาจากชั้นล่าง เพราะเขารู้ที่อลิสยังไม่ลงมา เพราะรอให้เขาอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน

          “ค่ะ...ได้ยินแล้ว กำลังลงไป”

          อลิสมีขนมเก็บไว้บนห้องหลายห่อและนมกล่องอีกเป็นเกือบร้อยกล่อง เพราะพ่อและแม่ของเธอกลัวว่าเธอจะไม่มีอะไรกิน

          “กวาดห้องให้ผมบ้างไหมนี่ หรือปิดตายเลย”

          ชายหนุ่มแกล้งแซวเพราะเขาเข้าไปในห้องและเห็นว่าทั้งห้องนอนและที่นอนไม่มีฝุ่นเลย

          “ปิดตายเลยค่ะ ตั้งใจว่าวันนี้ถ้าผู้กองไม่มาจะใช้ไม้มาตีปิดตายเลย”

          ธนาตุลขำกับท่าทางที่พูดเป็นจริงเป็นจังของอลิส ดูเหมือนเธอคงจะโกรธเขามากถ้าเขามาช้ากว่านี้สักวัน

          “ใจเย็นครับคุณครู มาช้าแต่มานะ ดึกแล้วคุณขึ้นไปนอนเถอะ พรุ่งนี้โรงเรียนหยุดเดี๋ยวผมพาไปดูทะเลหมอกแต่เช้า เอารถมาใช้เองจะได้สะดวก แล้วอย่างอแงตื่นสายไม่ทันหมอกไม่รู้ด้วยนะ”

          ช่วงหัวค่ำฝนตกแต่ตอนนี้หยุดแล้ว พรุ่งนี้น่าจะมีหมอก ผู้กองเลยอยากพาอลิสไปดู และครั้งนี้เอารถมาเองไปไหนมาไหนก็สะดวกกว่า ผู้กองไม่ชอบใช้รถหลวงในเรื่องส่วนตัว เพราะไม่อยากให้ลูกน้องและชาวบ้านมองไม่ดี

          “แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้าค่ะ”

          “หลับฝันดีนะครับ”

          อลิสยืนหันหลังนิ่ง เมื่อได้ยินคำพูดที่เธอรู้สึกว่ามันฟังดูแล้วอบอุ่นในความรู้สึกเธอ

          “หลับฝันดีเช่นกันค่ะ”

          เป็นการพูดที่ไม่กล้าหันหน้าไปมองผู้ฟัง เพราะตอนนี้หญิงสาวเขินจนหน้าแดงไปหมดไปแล้ว จึงเดินขึ้นไปนอนอมยิ้มไปตลอดทาง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status