“ผมว่าจะไปหาเจ้าสองแสบด้วยคุณจะเลิกงานหรือยัง”
วายุเห็นว่านี่มันก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้วหญิงสาวน่าจะใกล้เลิกงานเขาเองก็คิดว่านั่งรอเธอกลับบ้านเธอด้วยจะดีกว่าอีกอย่างก็อยากจะไปหาหลานๆเขาด้วยไม่เจอสองสามวันก็แอบเหงาอยู่เหมือนกัน
“อีกสิบนาทีเดี๋ยวคุณนั่งรอก่อนก็ได้...เอ่อแล้วคุณปวดหัวปวดมากไหม”
รินทร์ธาราให้ชายหนุ่มนั่งรอที่เก้าอี้บาร์ในร้านก่อนเพราะอีกเดี๋ยวเธอก็เลิกงานแล้วจะได้กลับพร้อมกันหญิงสาวจำได้ว่าชายหนุ่มเข้ามาซื้อยาแก้ปวดจึงหันไปถามอาการของเขาว่าปวดในระดับไหนเธอจะได้จัดยาให้ถูก
“เป็นห่วงผมเหรอ”
วายุเลิกคิ้วอมยิ้มถามหญิงสาวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์คิดว่าคนที่ถามต้องเป็นห่วงเขาอยู่เป็นแน่
“เอ้า!!..ก็คุณบอกฉันเมื่อกี้ว่าปวดหัวก็เลยถามว่าปวดมากไหมเดี๋ยวจะได้จัดยาให้ถูก”
รินทร์ธาราเริ่มตีสีหน้าสับสนกับอีกฝ่ายก็คราแรกเขาบอกเธอเองว่าปวดหัวเธอจึงถามอาการก็แค่นั้นเธอไม่เข้าใจว่าเขาจะทำท่าดีใจอะไรนักหนาแถมยังมามโนว่าเธอเป็นห่วงอีกต่างหาก
“ก็ไม่เยอะเท่าไรแต่ก็ปวด”
“โอเค...”
วายุแทบจะหุบยิ้มไม่ทันเมื่อหญิงสาวนั้นตอบกลับมาจนหน้าชานิดหน่อยและพยายามทำความเข้าใจว่าเขานั้นมโนไปเอง
“โหย...อะไรอีกเนี่ยเจ้าลัคกี้”
ในขณะที่รินทร์ธาราขับรถนำหน้ารถของชายหนุ่มจู่ๆก็เกิดดับเสียอย่างนั้นทำเอาหญิงสาวหน้าบูดอีกตามเคยเธออยากจะซื้อรถคันใหม่เหลือเกินแล้วให้เจ้าลักกี้ได้พักแต่เงินในกระเป๋ามันก็น้อยนิดเสียเหลือเกิน
“รถเป็นอะไรคุณ”
วายุเห็นรถหญิงสาวจอดนิ่งกะทันหันเขาเลยจอดรถแล้วลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“งอแงอีกแล้วล่ะสิ”
“งั้นจอดไว้นี่แหละเดี๋ยวผมโทรให้ร้านเพื่อนผมที่นี่มาลากไปซ่อมให้”
“อย่างนั้นก็ได้”
วายุเห็นว่าเวลานี้ก็ใกล้ค่ำแล้วอีกอย่างทางก็ค่อนข้างเปลี่ยวด้วยเขาจึงให้เธอทิ้งรถไว้ที่นี่แล้วขึ้นรถเขาไปจะดีกว่าแล้วเรื่องรถของเธอเขาจะจัดการเองหญิงสาวดูเวลาก็คิดว่าวิธีของชายหนุ่มเป็นวิธีที่ดีเหมือนกันขืนเธอยืนรอคนมาซ่อมคงดึกกันพอดี
“พี่นิ”
รินทร์ธาราเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับวายุเห็นพี่สาวของเธอกำลังง่วนกับการจับเด็กๆนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวประจำตัวของเจ้าสองก้อนก็ต้องเอ่ยเรียกให้คนที่ยุ่งอยู่รู้ตัวว่ามีแขกมาที่บ้าน
“อ้าว...คุณไวท์มาได้ยังไงคะ”
ณัฐนิชาหันไปตามเสียงเรียกของน้องสาวก็แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นชายหนุ่มที่นี่หวังว่าคนเป็นพี่จะไม่ตามมาด้วยล่ะ
“เอ่อ...คือพอดีผมมาซ้อมแข่งที่สนามแถวนี้ครับเลยถือโอกาสมาหาเด็กๆด้วย”
วายุตอบหญิงสาวขณะที่เดินดุ่มไปหาเด็กๆทั้งสองที่นั่งอยู่บนโต๊ะรอทานข้าวกันอยู่
“คุณอา/คุณอา”
เจ้าสองแสบเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาก็ส่งเสียงแหลมๆเรียกคนที่กำลังเดินเข้ามาหาอย่างอารมณ์ดีเด็กๆค่อนข้างชอบวายุเพราะชายหนุ่มนั้นจะชอบปล่อยให้เด็กๆได้เล่นอะไรตามใจจึงเป็นที่ถูกใจของเด็กๆอย่างมาก
“คิดถึงจังเลย..”
วายุเข้าไปหอมซ้ายหอมขวากอดรัดฟัดเหวี่ยงเจ้าก้อนกลมทั้งสองด้วยความคิดถึง
“งั้นเดี๋ยวคุณไวท์ทานข้าวพร้อมเราเลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ณัฐนิชาเห็นว่าแขกมาบ้านทั้งทีตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เธอเตรียมอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วด้วยจึงชวนเขาทานข้าวด้วยกันที่นี่เสียเลย
“พรุ่งนี้หวานหยุดพี่นิจะไปไหนหรือเปล่าคะเดี่ยวหวานดูเด็กๆให้”
รินทร์ธาราลืมบอกคนเป็นพี่ไปว่าพรุ่งนี้เธอหยุดเลยถือโอกาสนี้บอกเสียเลยเพราะช่วงนี้เธอก็พอจะดูออกว่าพี่สาวเธอดูวุ่นๆกับงานอยู่มาก
“คุณหยุดเหรอ...พรุ่งนี้ผมก็ว่างไม่มีคิวซ้อมพาเด็กๆไปเที่ยวกันไหม”
วายุหันหน้าไปหารินทร์ธาราอย่างรวดเร็วคำพูดของหญิงสาวเมื่อครู่ทำให้เขานั้นหูผึ่ง
“พรุ่งนี้นิต้องเข้าไปหาป๋อมแป๋มคุยกับทีมอีกทีค่ะคงไปไม่ได้”
ณัฐนิชาเห็นว่าพรุ่งนี้เธอคงจะพาเด็กๆเที่ยวไม่ได้เพราะเธอยังยุ่งอยู่กับงาน
“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมกับน้ำหวานพาเด็กๆไปเองครับ”
วายุเสนอแนวทางให้กับณัฐนิชาเขาอยากจะพาเด็กๆไปเที่ยวจริงๆเขาคิดว่าถ้าหากหญิงสาวไม่ไปเขากับรินทร์ธาราก็น่าจะเอาเด็กๆอยู่จากประสบการณ์ที่เคยเลี้ยงเจ้าสองแสบมา
“นะพี่นิเดี๋ยวหวานพาเด็กๆไปเองก็ได้”
รินทร์ธาราเห็นสีหน้าของพี่สาวเธอกำลังลังเลเลยช่วยชายหนุ่มพูดอีกแรงเพราะเธอรู้ว่าชายหนุ่มมาแนวนี้ต้องมีแผนอะไรเป็นแน่
“ก็ได้จะ...แต่อย่าให้เด็กๆตากแดดนานนะห้ามทานของเย็นเยอะด้วย”
“โอเคค่ะ”
ณัฐนิชาเห็นว่าทั้งสองอยากจะพาเด็กๆไปเที่ยวกันนักเธอก็ไม่ได้อยากห้ามอะไรเพียงแค่ดูแลให้ดีก็พอเพราะพรุ่งนี้เธอเองก็คงจะวุ่นอยู่ไม่น้อย
20 นาทีต่อมา
“ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นนะครับ...ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน”
“ค่ะ”
หลังจากที่นั่งทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วและนั่งคุยกันพักใหญ่วายุก็ต้องขอตัวกลับก่อนเพราะมันเริ่มดึกแล้วอีกอย่างก็ไม่อยากกวานเวลาของคนในบ้านเท่าไร
“เดี๋ยวฉันไปส่ง”
รินทร์ธาราเดินออกไปส่งชายหนุ่มเพราะเธออยากจะถามอะไรบางอย่างกับเขาก็เท่านั้น
“คุณมีแผนอะไรใช่มะ”
หญิงสาวรีบสาวเท้าเดินให้ทันชายหนุ่มไปที่หน้าบ้านตรงที่เขานั้นจอดรถอยู่พร้อมกระซิบถามวายุด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ว่าวันพรุ่งนี้ที่อยากจะชวนเธอกับเด็กๆไปเที่ยวเนี่ยมีแผนการอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า
“คุณนี่ก็ฉลาดเป็นเหมือนกันนะ...ทำไมถ้าผมมีแผนคุณจะขัดขวางหรือไง”
วายุสบถขำเขาไม่ปฏิเสธว่ามีแผนอยู่ในหัวก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาวว่าถ้าเธอรู้จะทำอย่างไร
“ถ้าเป็นเรื่องพี่สาวฉันกับคุณเมฆฉันช่วยเต็มที่”รินทร์ธาราเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางอะไรหรอกถ้าแผนการของชายหนุ่มทำให้พี่สาวเธอและเมฆาเข้าใจกันมากขึ้น“ผมกลับก่อนพรุ่งนี้เราค่อยคุยกันอีกทีผมจะมารับคุณกับเด็กๆตอนเก้าโมงเช้าตรงเวลาด้วย”วายุไม่ยอมบอกหญิงสาวว่าแผนของเขาคืออะไรเพียงแค่บอกเวลาที่เขาจะมารับเธอกับเด็กๆก่อนจะขับรถออกไปทันที“อีตานี่จะบอกสักนิดก็ไม่ได้”รินทร์ธาราบ่นอุกหงุดหงิดใจพอสมควรที่วายุไม่คิดจะบอกอะไรให้เธอรู้เลยสักนิดเกาะเพตราเมฆาเตรียมเก็บของหลังจากที่ได้รับข้อความจากน้องชายตอนนี้เขากำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆเกี่ยวกับคำพูดของคนเป็นแม่เมื่อมองย้อนดูตัวเองเขาก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่อ่อนไม่ค่อยเป็นจริงๆแต่เขาจะพยายามปรับปรุงตัวให้ได้มากที่สุดเพื่อหญิงสาวและลูกๆของเขาเช้าวันต่อมา“เที่ยวให้สนุกนะคะเด็กๆ”“ค่ะคุณแม่/คร้าบบ”หลังจากที่วายุมารับน้องสาวของเธอและเด็กๆไปแล้วณัฐนิชาก็ยืนมองดูรถแล่นไปจนสุดลูกตาแล้วยืนอมยิ้มส่ายหัวที่ลูกๆของเธอนั้นดูตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้เที่ยวก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้านเตรียมของเพราะเธอนั้นต้องไปหาป๋อมแป๋มที่บริษัทต่อ“นี่ถ้าทุกอย่างจัดเรียบร้อยน
“นิชา”“คะ???”“ผมต้องขอโทษคุณอีกครั้งขอโทษจริงๆที่ผมทำอะไรแย่ๆไว้กับคุณต่อไปนี้ผมจะไม่บังคับอะไรคุณอีกผมรู้ตัวว่าผมมันแย่แต่ผมจะพยายามเป็นคนที่ใจเย็นขึ้น”เมฆาเห็นสีหน้าของหญิงสาวยังมีความกังวลอยู่เขาจึงอยากบอกให้เธอได้รับรู้และแน่ใจว่าเขาสำนึกผิดกับเรื่องที่ผ่านมาและอีกอย่างการบังคับจิตใจเธอจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้วเพื่อให้เธอสบายใจได้และไม่ระแวงในระหว่างที่เขาอยู่ที่นี่“อืม...ค่ะ...งั้นเดี๋ยวนิไปจัดห้องให้คุณก่อนนะคะ”ณัฐนิชาได้ยินแบบนี้ก็โล่งอกไปเปราะหนึ่งอย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องคอยระแวงอะไรชายหนุ่มเธอหวังในใจว่าชายหนุ่มจะปรับปรุงนิสัยได้จริงๆ“แล้วเด็กๆไปไหนกันหมดเหรอ”เมฆาเห็นว่าตั้งแต่มายังไม่เห็นเด็กๆอยู่บ้านเลยเขาคิดว่ามาถึงแล้วจะได้เจอลูกๆเขาเสียอีก“ไปเที่ยวกับคุณไวท์แล้วก็น้ำหวานตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”“อ่อ...ครับ”ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่าเมื่อวานทำไมน้องชายของเขาจะต้องให้เขามาวันนี้ให้ได้ที่แท้ก็เปิดทางเขาได้อยู่กับเธอสองต่อสองก่อนนี่เอง20 นาทีต่อมา“ห้องคุณเมฆเรียบร้อยแล้วนะคะคุณเมฆเอาของเข้าไปเก็บได้เลยค่ะเดี๋ยวนิขอตัวทำกับข้าวก่อนนะคะ”“โอเคครับ”ณัฐนิชาจัดเตรียมห้องสำหรั
“มันบวมมากเลยคุณเจ็บมากไหมคะ”ณัฐนิชามองมือเมฆาก็คิ้วขมวดเป็นปมเพราะเมื่อครู่มือของเขาที่ว่าบวมแดงแล้วตอนนี้มันก็ยังบวมเพิ่มขึ้นไปอีก“ไม่ค่อยเท่าไรครับ”เมฆาไม่ได้สนความเจ็บที่มือของเขาแล้วตอนนี้เขาสนในการจับจ้องไปที่ใบหน้าหญิงสาวที่กำลังง่วนกับการทายาที่มือของเขาอยู่ต่างหากผู้หญิงอะไรขนาดหน้างอยังดูน่ารักเขาต้องขอบคุณน้ำซุปหม้อนั้นจริงๆที่ทำให้รู้ว่าหญิงสาวก็ยังใจดีเป็นห่วงเขาอยู่บ้าง“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วคุณทานยาเลยนะคะนิกลัวว่าคืนนี้คุณจะนอนปวด”“ครับ”ณัฐนิชาทายาให้ชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินเข้าไปจัดการอาหารในครัวต่อเพราะตอนนี้ทุกคนก็กลับมากันแล้วเธอจะได้จัดโต๊ะอาหารเย็นเลย30 นาทีต่อมา“พี่ทานได้ไหมมาเดี๋ยวผมช่วย”วายุเห็นพี่ชายของเขานั่งจ้องจานข้าวก็พอจะเดาออกว่าคงจะจับช้อนทานไม่ได้จึงอาสาจะช่วย“ไม่ต้อง”เมฆาถึงกับต้องรีบปฏิเสธน้องชายของเขาโดยทันทีจะให้น้องชายเขามาทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นมันดูยังไงๆชอบกล“ไม่ให้ช่วยแล้วจะทานยังไง”วายุถึงกับตั้งจ้องหน้าพี่ชายเขาเขม็งถ้าปฏิเสธไม่ให้เขาช่วยจะทานยังไงนั่งมองจานข้าวมันคงจะอิ่มอยู่หรอก“เอ่อ...คุณไวท์ทานข้าวเถอะค่ะเดี๋ยวนิป้อนค
“ไม่ต้องกลัวอันตรายหรอกคุณจะได้ถึงเร็วๆไงไม่ชอบเหรอ”วายุหันมาฉีกยิ้มให้หญิงสาวอย่างหน้าชื่นตาบานที่เห็นเธอหน้าเสียเพราะความที่เขาเร่งความเร็วเขามั่นใจว่าความเร็วระดับนี้เขาเอาอยู่และไม่ได้ประมาทจนเกินไปด้วยดูท่าหญิงสาวจะตื่นกลัวเกินเหตุ“หึ่ยยย”รินทร์ธาราเห็นว่าชายหนุ่มคงจะไม่ลดอัตราความเร็วลดลงแน่จึงหลับตาปี๋หาที่ยึดเกาะให้มั่นคงและนั่งภาวนาว่าให้ถึงที่หมายโดยรวดเร็วด้วยเถอะไม่อย่างนั้นเธออาจจะหยุดหายใจเพราะตื่นเต้นตรงนี้ก็เป็นได้เกิดมาก็พึ่งจะมาเคยนั่งบนรถที่มีความเร็วแบบนี้“หอมจังเลยครับ”เมฆาเดินออกจากห้องมาถึงห้องครัวก็ได้กลิ่นอาหารหอมฟุ้งเตะจมูกตั้งแต่เช้าชายหนุ่มร่างสูงยืนพิงขอบประตูมองหญิงสาวที่ใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเล็กน้อยที่เธอดูจะเป็นแม่บ้านศรีเรือนที่ทำอะไรคล่องแคล่วเสียจริงงานนอกก็ดีงานในบ้านยังไม่ขาดตกบกพร่องอีกแบบนี้เขาไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปแน่“เด็กๆล่ะคะ”ณัฐนิชาได้ยินเสียงของชายหนุ่มจึงหันไปมองร่างสูงครู่หนึ่งแล้วหันมาคนหม้อพะโล้ต่อพร้อมถามหาเด็กๆ“ยังไม่ตื่นเลยครับ”เมฆาเดินเข้าไปคุยกับหญิงสาวใกล้ๆเพราะอยากจะเห็นว่ากับข้าวที่หอมเตะจมูกเขาขนา
2 อาทิตย์ผ่านไปเมฆายังคงคอยตามติดหญิงสาวอยู่ไม่ห่างแทบจะทุกย่างก้าวช่วยทำโน่นทำนี่จนตอนนี้สามารถดูแลลูกๆของเขาได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย“เด็กๆมาอาบน้ำกันครับ”“คร้าบ/ค่า”พักหลังที่มือของเมฆาหายดีแล้วช่วงเช้าในเวลาที่ณัฐนิชายุ่งๆเขาก็จะเป็นคนที่ดูแลเด็กๆแทนหญิงสาวแทบทุกอย่างอย่างเช่นการอาบน้ำให้ลูกๆของเขาก็ทำได้ดีเพราะเรียนรู้วิธีมาจากหญิงสาวโดยการสังเกตสิ่งที่เธอทำมาทุกอย่างแล้ว“เป็นอะไรคะ”เมฆาเห็นลูกสาวของเขาก้าวขาที่เป็นปล้องๆลงอ่างอาบน้ำแต่เมื่อเท้าแตะน้ำก็ดึงเท้ากลับทันทีเขาจึงต้องหันไปถามใยไหมด้วยความเป็นห่วง“เย็นค่ะ”เด็กหญิงตอบคนเป็นพ่อคิ้วขมวดปากติดจมูกนิดหน่อยว่าน้ำในอ่างอาบน้ำสีชมพูหวานของเธอมันเย็นจนไม่กล้าลง“น้ำเย็นคร้าบคุณพ่อ”ใบหม่อนก็มีอาการแบบเดียวกับพี่สาวและส่งเสียงบอกคนเป็นพ่อให้รู้ว่าเขาไม่ชอบน้ำเย็นแบบนี้“จริงด้วย”เมฆาใช้มือวัดอุณหภูมิดูเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กๆถึงกับรีบยกเท้าออกเมื่อสัมผัสกับน้ำเขาส่ายหัวให้ตัวเองที่ลืมเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นอีกจนได้“ลืมเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นหรือเปล่าคะคุณเมฆ”ณัฐนิชาที่เตรียมอาหารเช้าและจัดการงานบ้านเสร็จสรรพแล้วเธอจึงเดิน
“ฮ่าๆๆคุณแม่กัดหูเลย”ใยไหมที่คิดว่าคนเป็นพ่อและคนเป็นแม่แกล้งกันเฉยๆเหมือนที่เธอก็เคยแกล้งกับน้องชายของเธอจึงหัวเราะร่าเมื่อเห็นคนเป็นพ่อร้องออกมา“คุณพ่อเจ็บไหมครับ”ใบหม่อนเด็กชายผู้อ่อนโยนเมื่อเห็นคนเป็นพ่อร้องก็เลยหันมาถามด้วยความสงสัยว่าคุณพ่อของเขานั้นเจ็บมากหรือเปล่าต่างจากคนเป็นพี่ที่เอาแต่หัวเราะร่า“ไม่เจ็บเลยครับให้คุณแม่กัดอีกก็ยังได้”เมฆายังมีกะใจหันไปพูดเล่นกับเด็กๆทั้งที่ยังรู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่ใบหูของเขาอยู่เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่กำลังแดงระเรื่อเป็นลูกตำลึงก็คิดว่าการเจ็บตัวครั้งนี้มันคุ้มค่ากันแล้วณัฐนิชาปั้นสีหน้าไม่ถูเพราะยังเขินอายกับวินาทีที่ใบหน้าใกล้กันกับชายหนุ่มเธอได้แต่ใช้สายตามองค้อนคนฉวยโอกาสเล็กน้อยที่ดูคำพูดที่เขาพูดกับลูกๆเป็นการเอ่ยแซวเธอให้รู้ตัวครู่ต่อมา“คุณเมฆไม่ต้องกลับไปทำงานบ้างหรือไงคะ”ณัฐนิชานั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวกับเด็กๆและเมฆาเธอค่อนข้างที่จะเกรงใจเขาอยู่มากที่มาอยู่ที่นี่ช่วยเธอดูแลลูกๆและยังไม่เห็นมีวี่แววว่าเขาจะกลับไปทำงานของเขาเสียทีเหมือนที่เธอคิดไว้คราแรก“อืม...นี่ไล่ผมหรือเปล่าครับ”เมฆาวางช้อนลงอย่างเบามือชายหนุ่มใจเสียเล็กน้
ห้างสรรพสินค้าเมื่อทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองได้ก็เดินดิ่งตรงมาที่ร้านขายของใช้เด็กพร้อมเลือกของกันอยู่ร่วมชั่วโมงจนได้ของครบเกือบทุกอย่างแล้ว“แบบนี้ใหญ่ที่สุดในร้านเลยค่ะ”พนักงานสาวที่ร้านหยิบอ่างอาบน้ำของเด็กที่ใหญ่ที่สุดในร้านมาให้เมฆาดูพร้อมบอกว่าที่เธอเลือกมาก็ใหญ่สุดของในร้านแล้วเธอเหลือบมองเด็กทั้งสองเธอก็เข้าใจได้ว่าทำไมลูกค้าของเธอจึงต้องการอ่างอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุดของเด็ก“อืม...งั้นเอาสองใบนี้สีฟ้ากับชมพูครับ”เมฆาเห็นว่าอ่างอาบน้ำที่พนักงานสาวหยิบมาให้เขาดูนั้นมันก็ใหญ่กว่าแบบเดิมที่ใช้อยู่ที่บ้านของหญิงสาวจริงแต่เมื่อเทียบกับตัวเด็กๆแล้วมันก็ยังดูใช้ได้ไม่นานเท่าไรแต่ก็มีแก้ขัดไปก่อนก็ยังดีจึงตัดสินใจซื้อของสองชิ้นสุดท้ายนี้แล้วออกมาจากร้านอย่างรวดเร็วเพราะเห็นว่าลูกๆของเขาทั้งสองจะเริ่มงอแงไม่อยากอยู่กับที่นานๆแล้ว“เดี๋ยวนิขอพาเด็กๆไปเล่นตรงบ้านบอลก่อนนะคะดูท่าอยากจะเล่นแย่แล้ว”“ไปค่าคุณแม่”“อยากเล่นแล้วคร้าบ”ณัฐนิชาเลือกซื้อของใช้เสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินออกมาจากร้านเพื่อพาเจ้าสองแสบไปเล่นตรงโซนเครื่องเล่นเด็กตามคำขอของลูกๆหากไม่พาไปต
“อยู่สนามแข่งXXXจะมาทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ”ณัฐนิชาถึงกับทำหน้าเซ็งที่ป๋อมแป๋มจะมาก็ไม่บอกไม่กล่าวกันก่อน“ก็อยากจะเซอร์ไพรซ์นี่นาโอเคอีกไม่ถึงสิบนาทีเจอกันเดี่ยวไปหา”ป๋อมแป๋มเห็นว่าตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยู่ไกลกับสนามแข่งที่ณัฐนิชาบอกมากก็เลยนัดไปเจอกันที่นั่นทีเดียว10 นาทีต่อมา“เป็นไงพี่ฝีมือผม”ซ้อมรอบแรกวายุทำเวลาได้ดีก็อดมาอวดความเก่งกับคนที่นั่งดูอยู่ไม่ได้ตอนนี้เขาขอเวลาพักสักสิบนาทีเพื่อการซ้อมรอบต่อไปต่อ“ขอให้รักษาระดับนี้ไว้ให้ดีก็แล้วกัน”เมฆาเห็นฝีมือการขับรถของน้องเขาดีขึ้นก็ยิ้มออกดีใจกับวายุที่ทำในสิ่งที่ตัวเองรักออกมาได้ดีเขาเองก็เอาใจช่วยให้น้องชายของเขารักษามาตรฐานแบบนี้และพยายามทำให้มันดีขึ้นตลอดก็แล้วกัน“สวัสดีค่ะทุกคน”ป๋อมแป๋มเดินจอดรถที่ลานจอดเมื่อมองเห็นไกลๆจำได้ว่าเป็นรินทร์ธารานั่งอยู่จึงเดินเข้ามาหาพร้อมกับทักทายทุกคนที่กำลังคุยกันอยู่“อ้าวคุณแป๋ม”วายุเห็นเป็นป๋อมแป๋มก็ทักขึ้นเขาคิดว่าเธอจะอยู่ที่เกาะเสียอีกเลยแปลกใจเมื่อเห็นเธออยู่ที่นี่“พี่แป๋มหวานนึกว่าอยู่ที่เกาะซะอีก”รินทร์ธาราเองก็คิดเช่นเดียวกับวายุเพราะรู้ว่าป๋อมแป๋มต้องพาทีมไปทำงานที่เกาะ“พอดีแวะ