Share

บทที่ห้าสิบ

30 นาทีต่อมา

“เด็กๆ”

“คุณพ่อขา/คุณแม่คร้าบบ”

เมฆาเดินเข้าบ้านพักพ่อกับแม่ของเขาพร้อมกับณัฐนิชาเมื่อเห็นพ่อกับแม่ของเขานั่งเล่นอยู่กับเจ้าสองแสบที่สนามหญ้าหน้าบ้านก็รีบเดินเข้าไปหาทันที

เจ้าสองแสบเมื่อเห็นคนเป็นพ่อกับแม่มาหาก็รีบสิ่งเข้าไปโผกอดเป็นภาพสี่คนพ่อแม่ลูกที่ดูอบอุ่นต่อสายตาคนที่เห็นอย่างมาก

“หายดีแล้วเหรอตาเมฆ”

“ครับเมื่อเช้าพึ่งไปตัดไหมมาแล้วก็แวะมาที่นี่เลยครับคิดถึงเจ้าสองแสบแย่แล้ว”

มัทนาถามไถ่อาการของลูกชายเธอด้วยรอยยิ้มเพราะตอนนี้หน้าตาของลูกชายเธอสดใสขึ้นมากคงเป็นเพราะมีคนดูแลดีอย่างที่สามีเธอบอกจริงๆนั่นแหละ

“โอย..โอ้ยย..มัน.ร้อนน..นะคุณ”

วายุแทบคายข้าวต้มออกจากปากเพราะรินทร์ธาราเล่นไม่ยอมเป่าให้มันเย็นก่อนที่จะป้อนเข้าปากของเขา

“ก็ฉันบอกให้คุณทานเองก็ไม่อยากจะทานมืออีกข้างก็ยังใช้การได้อยู่นี่นา”

รินทร์ธารานั่งหน้าเซ็งชายหนุ่มตื่นสายยังไม่พอยังชอบบังคับให้เธอป้อนข้าวอยู่ทุกวันอีกทั้งที่มืออีกข้างก็ใช้ได้

“นั่นเสียงเอะอะอะไรกันเหรอคะคุณมัท”

ณัฐนิชาที่กำลังกอดหอมเล่นกับลูกเธออยู่ที่หน้าบ้านจู่ๆก็ได้ยินเสียงโวยวายจากในบ้านออกมาเธอพอจะจำได้ว่าเสียงนั่นน่าจะมีเสียงของน้องสาวเธออยู่ด้วย

“เป็นแบบนี้แหละจะทุกวันตาไวท์ชอบหาเรื่องให้หนูน้ำหวานดุอยู่เรื่อย”

มัทนาส่ายหัวพร้อมตอบหญิงสาวที่ทำหน้าสงสัยอยู่ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่สองคนนั้นจะกัดกันได้ทุกวันก็เพราลูกชายตัวดีของเธอชอบกวนประสาทคนดูแลอยู่เรื่อย

“ก็เห็นมีแต่หนูน้ำหวานนี่แหละที่เอาเจ้าไวท์อยู่มวยถูกคู่แล้วหละ”

ธำมรงค์เองก็ชินกับเรื่องนี้ไปเสียแล้วเพราะอย่างน้อยลูกชายคนเล็กของเขาก็ได้เจอคนที่ปราบพยศได้จริงๆเสียที

“เดี๋ยวเราเข้าไปคุยกันในบ้านเถอะจะให้เด็กๆเล่นกันอยู่ข้างนอกก่อนเดี๋ยวหิวก็วิ่งเข้าบ้านกันเอง”

มัทนาชวนทุกคนเข้าบ้านแล้วปล่อยให้เด็กๆเล่นกันอยู่ที่หน้าบ้านเพราะที่นี่ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงรั้วรอบขอบชิดเป็นอย่างดีเธอเลี้ยงหลานจนรู้แล้วว่าตอนนี้เด็กๆคงยังง่วนอยู่กับการเล่นอยู่เดี๋ยวถ้าหิวก็จะวิ่งเข้าไปในบ้านเองอีกอย่างแม่บ้านที่นี่ก็คอยดูอยู่ไม่ห่างอีกด้วย

“พี่นิ”

รินทร์ธาราเห็นพี่สาวของเธอเดินเข้าบ้านมาก็รีบวิ่งไปเกาะแขนให้เดินเข้ามานั่งที่โซฟาด้านใน

“เมื่อกี้ยังไงเสียงเราดังไปถึงข้างนอกเลยนะ”

ณัฐนิชาอดตำหนิน้องสาวของเธอไม่ได้ที่มาที่นี่เพื่อมาดูแลวายุแต่ไหนกลับเป็นมากัดกันเสียได้เมื่อคนเป็นน้องโดนพี่สาวตำหนิก็หน้าจ๋อยไปนิดหน่อย

“ไงไอ้เสือ”

เมฆาเห็นสภาพน้องชายของเขาก็นับว่าดูดีกว่าตอนที่กลับจากโรงพยาบาลเยอะเพียงแค่ตอนนี้ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นก็เท่านั้นเพราะยังเดินไม่สะดวก

“อย่างที่เห็นอยากจะเดินได้แย่แล้ว”

วายุเองก็อยากจะหายจากอาการที่เป็นมากเขาอยากจะเดินได้คล่องแคล่วทำอะไรว่องไวเหมือนเมื่อก่อนเป็นแบบนี้คนที่ชอบเล่นซนอย่างเขามันก็อึดอัดพอตัว

“นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วอยู่ทานข้าวกันที่นี่ก่อนนะ”

มัทนาเห็นว่าอีกไม่นานก็ใกล้เที่ยงแล้วจึงชวนลูกชายคนโตของเธอและณัฐนิชาอยู่ทานข้าวทีนี่เสียเลย

“คุณแม่ครับผมมีเรื่องจะบอก”

“???”

เมฆาเห็นว่าตอนนี้ทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วเขาจึงคิดว่าน่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่เขานั้นจะบอกข่าวดีกับทุกคนให้ได้รับรู้กันเรื่องนี้เขาเองก็ไม่ได้ปรึกษาณัฐนิชาก่อนด้วยแต่ก็คิดว่าเธอก็คงจะไม่ว่าอะไรเพราะว่ามันก็คือเรื่องจริง

“ผมกับนิ...เราตกลงจะอยู่กันเป็นครอบครัวแล้วครับ”

เมฆากุมมือณัฐนิชาเอาไว้แน่นพร้อมมองหน้าเธอเป็นเชิงขออนุญาตเมื่อหญิงสาวไม่ได้ค้านอะไรเขาก็เริ่มบอกข่าวดีกับทุกคน

“จริงเหรอลูก...แม่ดีใจกับข่าวดีนี้จริงๆนะ.”

หลังจากที่ข่าวดีนั้นได้หลุดออกจากปากเมฆาทุกคนในที่นี้ต่างก็ยิ้มหน้าบานด้วยความยินดีมีคนที่จะดีใจมากๆจนออกนอกหน้าก็เห็นจะเป็นมัทนาและรินทร์ธารานี่แหละ

“เย่!!!..อิๆๆ”

“โอ้ยย..คุณ”

ด้วยความดีใจจนลืมตัวรินทร์ธาราจึงเผลอไปเขย่าแขนวายุข้างที่เขาบาดเจ็บอยู่จนชายหนุ่มต้องร้องโอดโอยด้วยสีหน้าเหยเกเล็กน้อย

“โทษทีฉันลืมตัว”

คนที่รู้ตัวว่ากำลังลืมตัวถึงกับหน้าถอดสีกะทันหัน

“ตลอดเลยคุณเนี่ย”

แต่คนที่หน้าบึ้งตึงเหยเกขนดูไม่ได้เห็นจะเป็นวายุเพราะเจ็บอยู่แล้วก็ยังมาเจ็บซ้ำเพราะคนที่ดูแลชอบลืมตัวอยู่ตลอดจนเขาไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้รินทร์ธารามาเป็นพยาบาลส่วนตัว

12.30 น.

เมื่อได้เวลาทานอาหารกลางวันแล้วตอนนี้ทุกคนก็พร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ที่โต๊ะอาหารเจ้าสองแสบก็เหมือนกันตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับการม้วนเส้นบะหมี่เข้าปากพร้อมใช้ช้อนเล็กตักน้ำซุปซดกันอย่างเอร็ดอร่อย

“ท่าทางสองแสบจะชอบบะหมี่หมูฝีมือคุณมัทแล้วนะคะ”

ณัฐนิชาเห็นว่าลูกๆเธอคงจะชอบฝีมือของคนเป็นย่าของพวกเขามากพอตัวอยู่เพราะดูจากการใช้มือม้วนเส้นบะหมี่เข้าปากแบบไม่ขาดสายแบบนั้น

“ถ้วยเดียวไม่พอหรอกจะคงจะมีต่อ...แล้วหนูนิก็เรียกฉันว่าแม่ได้แล้วคุณมัทอะไรกัน”

มัทนาทำเมนูนี้ให้หลานของเธอทานได้สองสามวันแล้วเมื่อเห็นว่าเป็นเมนูโปรดเลยลงมือทำเองแทบทุกวันแถมยังรู้อีกด้วยว่าบะหมี่ที่อยู่ในถ้วยไม่พอให้เด็กๆสองคนได้อิ่มหรอกจะต้องมีต่อ

มัทนาตะขิดตะขวงใจว่าจะพูดกับหญิงสาวตั้งนานแล้วว่าให้หญิงสาวเปลี่ยนเรียกชื่อเธอใหม่เสียทีวันนี้มีโอกาสก็ขอพูดเลยก็แล้วกัน

“ใช่แล้วลูกสะใภ้ควรจะเรียกพ่อปู่กับแม่ย่าว่าพ่อกับแม่น่ะถูกแล้ว”

“...ค่ะ...”

ธำมรงค์เองก็เห็นว่ามันก็เป็นเรื่องที่ควรจะเป็นตั้งนานแล้วดีที่ภรรยาของเขาเอ่ยขึ้นมาเขาจึงช่วยเสริมเพราะเจ้าสองแสบก็หลานของเขาถ้าคนเป็นแม่เรียกปู่กับย่าซะดูห่างเหินก็จะดูไม่เหมาะ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status