“ฉันว่าเวอาจจะอยากใช้ชีวิตแบบนี้อีกสักพักก็ได้...เรื่องแผลใจฉันว่าคงหายดีแล้วหละ”
เมฆาเห็นว่าเรื่องแผลใจของธาดานั้นน่าจะหายไปนานแล้วเขาเห็นว่าธาดาอาจจะมีความสุขกับการอยู่แบบนี้มากกว่าส่วนเรื่องอยากจะกลับไปทำงานของตัวเองเมื่อไรเขาเองก็ไปบังคับธาดาไม่ได้เพราะไม่ได้อยากบังคับใจใคร
“นี่ภรรยาฉันนิชา”
เมฆาถือโอกาสแนะนำหญิงสาวให้ธาวินได้รู้จักตอนที่เธอเดินออกมาพอดี
“นิครับนี่ธาวินพี่ชายของเว”
“ผมวินยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนิชา”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ...ตามสบายเลยนะคะเดี๋ยวนิขอตัวจัดการงานบ้านก่อน”
ตอนนี้ณัฐนิชาอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนที่เป็นแม่บ้านเต็มตัวเมื่อทักทายกับชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วเธอเองก็ไม่ได้อยากกวนเวลาของผู้ชายที่เขาจะคุยกันเลยขอปลีกตัวออกไปทำงานบ้านของเธอต่อ
“นายหาแม่บ้านสักคนก็ดีนะคุณนิเป็นถึงภรรยานักธุรกิจยังทำงานบ้านเองอีกหรือไง”
ธาวินแอบตะขิดตะขวงในใจอยู่เล็กๆที่หญิงสาวเป็นภรรยาของเพื่อนเขาที่เป็นถึงระดับนักธุรกิจใหญ่โตที่ดูแลกิจการหลายอย่างต้องมาทำงานบ้านเอง
“เมียฉันเค้าไม่อยากได้เองไม่ใช่ฉันไม่เคยเสนอ...ฉันไม่อยากขัด...เออแล้วอีกสามเดือนฉันจะแต่งงานไปงานฉันด้วยล่ะ”
เมฆาส่ายหัวให้เพื่อนของเขาพร้อมบอกว่าหญิงสาวต้องการที่จะจัดการทุกอย่างเองเพราะเขาเองก็เคยพูดเรื่องนี้กับเธอแล้วเหมือนกันแต่หญิงสาวก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเธอจัดการทุกอยางได้ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องมาคุยเรื่องงานแต่งงานของเขากับหญิงสาวแทน
“ไม่พลาดอยู่แล้ว...ยังไงฉันขอตัวก่อนไม่กวนแล้วมีธุระต้องไปทำต่อ”
“โอเค...แล้วเจอกัน”
ธาวินคิดว่ายังไงเขาก็ไม่พลาดงานนี้อยู่แล้วเพื่อนแต่งงานทั้งทีเขาคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เห็นเมฆามีครอบครัวแล้วเสียอีกเมื่อเสร็จธุระของเขาที่นี่แล้วธาวินก็ไม่ได้อยากรบกวนเมฆามากเท่าไรจึงขอตัวกลับก่อนด้วยเขาก็มีธุระอื่นที่จะต้องไปทำต่อเหมือนกัน
ห้างสรรพสินค้า
20.00 น.
“นี่ห้างนี้เค้าประหยัดไฟลดโลกร้อนกันหรือไงทางเดินมันถึงได้มืดขนาดนี้เนี่ย”
ป๋อมแป๋มมาทำธุระที่ห้างตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อมาคุยงานกับลูกค้ากว่าจะได้กลับก็เล่นเอาฟ้ามืดเหมือนกันหญิงสาวเดินมาที่โรงจอดรถมันทั้งมืดทั้งเปลี่ยวอีกอย่างเธอก็จอดรถซะห่างไกลผู้คนเสียเหลือเกิน
“ส่งของมีค่ามาให้หมด”
หญิงสาวเดินก้มมองหากุญแจรถในกระเป๋าจนลืมสังเกตให้รอบคอบว่ามีใครเดินตามเธอมาหรือเปล่าเมื่อหญิงสาวปลดล็อครถเก๋งคันหรูของเธอได้ก็มีผู้ชายใช้มีดจี้เธอจากทางด้านหลังตอนนี้เธอตัวชาวาบกลัวจนมือไม้สั่นไปหมดภาวนาในใจว่าให้มีใครผ่านมาทางนี้สักคน
“เฮ้ยยย”พลั้ก...ปั้กก...ปั้กกก
“คุณเว....ช่วยด้วยค่ะๆ...มีโจรมาจี้ชิงทรัพย์ค่า”
ในระหว่างที่หญิงสาวยืนหลับตาปี๋ด้วยความกลัวอยู่นั้นจู่ๆเธอก็รู้สึกได้ว่ามีใครดึงตัวเจ้าโจรร้ายนี้ออกไปจากตัวเธอพร้อมได้ยินเสียงชกต่อยต่อสู้กันจึงหันกลับไปดูตอนนี้เอรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อยที่เห็นธาดาต่อสู้กับโจรเพื่อช่วยเหลือเธออยู่ตอนนี้เธอก็ทำได้แต่มองไปรอบๆและตะโกนเรียกให้คนช่วยอย่างสุดเสียงที่มีอยู่
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เมื่อเสียงของหญิงสาวดังขึ้น ร.ป.ภ.ที่อยู่ในระแวกนั้นต่างก็กรูกันเข้ามาที่จุดเกิดเหตุเมื่อโจรพยายามหนี ร.ป.ภ. ก็ช่วยกันรุมสกัดจับไว้ได้
“คุณแป๋มเป็นอะไรไหมครับ...มันได้อะไรจากคุณไปไหม”
ธาดาเห็นว่าตอนนี้โจรก็ได้ถูกจับไปแล้วเขาจึงหันมาดูหญิงสาวถามไถ่เธอว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างด้วยความเป็นห่วงเขามาทำธุระแถวนี้พอดีตอนแรกว่าจะทักเธอแต่เมื่อเดินตามเธอมาเรื่อยๆกลับเห็นคนต้องสงสัยเดินตามเธอด้วยอาการแปลกๆจึงซุ่มเดินตามอยู่เงียบๆจนมาเกิดเหตุการณ์เมื่อครู่ขึ้นเขาไอยากจะคิดเลยว่าถ้าหากเขาไม่ได้ตามเธอมาอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอบ้าง
“อ๋อ...ไม่มีค่ะดีที่คุณเข้ามาช่วยแป๋มไว้ก่อน...โจรเดี๋ยวนี้มันก็เยอะจริงๆเลยนะคะยังไงก็ขอบคุณคุณเวมากนะคะที่มาช่วยแป๋มเดี๋ยวแป๋มขอตัวกลับก่อนนะคะนี่ก็มืดแล้ว”
ป๋อมแป๋มยังคงไม่แสดงออกถึงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้ตอนนี้เธอจะกลัวจนใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วก็ตามพร้อมทั้งรีบปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะขอบใจชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยเธอ
“เอ่อ...ครับ”
ธาดารู้สึกว่าหญิงสาวดูแปลกๆไปเขาไม่รู้ว่าเธอไม่คิดอยากจะเอาเรื่องโจรคนนั้นบางเลยหรือไงชายหนุ่มยืนทำหน้าสงสัยอยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลับไปที่รถของเขาที่บังเอิญจอดอยู่ไม่ไกลเธอมาก
“เฮ้อ...อืม...ฮึก...ฮือออๆๆๆ”
ป๋อมแป๋มเข้ามานั่งในรถได้ตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะขับรถเพราะมือไม้เธอยังสั่นและตกใจกับเรื่องเมื่อครู่อยู่ไม่หายเธอกลัวจนต้องนั่งร้องให้สะอื้นออกมาอย่างหยุดไม่ได้
หญิงสาวเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆชอบแสดงออกว่าตัวเองเข้มแข็งทั้งที่ในใจอ่อนแอเกินจะทนเธอไม่ชอบทำตัวขี้แยต่อหน้าใครเพราะไม่ค่อยชอบให้ใครมาปลอบมันดูเหมือนเธอน่าสงสาร
ก๊อกๆๆๆ
“เอ่อ...อืม”
ป๋อมแป๋มนั่งสะอื้นฟุบที่พวงมาลัยอยู่พักใหญ่โดยที่ยังไม่ได้ขับรถออกไปไหนเมื่อได้ยินเสียงคนเคาะกระจกก็รีบปาดน้ำตาเงยหน้าขึ้นมาดูทันที
“ค..คุณ.เวยังไม่กลับเหรอคะ”
จู่ๆชายหนุ่มก็เปิดประตูมานั่งที่ข้างคนขับหน้าตาเฉยทำให้หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมเขาถึงยังอยู่ที่นี่อยู่อีก
“ยังครับผมรอดูอยู่ว่าคนขี้แยจะกลับไปเมื่อไร..”
“แป๋มไม่ได้ขี้แยสักหน่อยกำลังจะขับรถกลับพอดีคุณเวก็ลงไปสิคะ”
ป๋อมแป๋มรีบโต้ชายหนุ่มกลับทันทีว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นคนขี้แยพร้อมไล่ชายหนุ่มให้ลงจากรถของเธอไปในทางอ้อมๆ
“ผมรู้ว่าคุณกลัว...แต่คุณไม่จำเป็นต้องพยายามทำเป็นเข้มแข็งก็ได้คิดซะว่าผมเป็นเพื่อนสนิทของคุณคนนึงก็แล้วกัน”
ธาดาพยายามพูดกับเธอตามความรู้สึกของเขาในใจไม่ชอบที่จะให้หญิงสาวต้องเป็นแบบนี้เลยเพราะคนเราไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้แค่ร้องให้ออกมาให้คนอื่นเห็นเขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเลยสักนิด
“ฮึก...คุณเว”คำพูดจี้ใจหญิงสาวที่ออกจากปากธาดาทำให้เธอโผเข้ากอดเขาปล่อยโฮอย่างที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัวน้อยคนนักที่จะพูดกับเธอและห่วงใยความรู้สึกของเธอแบบนี้ปกติแล้วคนอย่างเธอจะร้องให้กับณัฐนิชาเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ตอนนี้ชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกว่าเธอสบายใจที่จะทำตามเสียงหัวใจตัวเองในเวลาที่อยู่กับเขาเมื่อตอนที่ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะก็มีธาดานี่แหละที่เป็นเพื่อนคุยทั้งยังให้คำปรึกษาเรื่องงานกับเธอตลอดจนหญิงสาวค่อนข้างแปลกใจว่าชายหนุ่มนั้นดูจะเก่งเกินบอดี้การ์ดธรรมดาไปเสียมากทั้งเชิงวิชาการและการต่อสู้หรือทักษะอื่นๆไม่ได้น้อยหน้าใครเลยธาดาคงจะเป็นผู้ชายคนที่สองละมั้งที่เธอไว้ใจกับเขาที่จะพูดคุยรองจากคนเป็นพ่อของเธอธาดาไม่ได้พูดอะไรยังคงกอดปลอบเธอกลับและรอให้หญิงสาวปล่อยโฮออกมาให้เต็มที่ไม่นานเธอก็หยุดร้องให้ลงเขาจึงทิ้งรถของเขาไว้ที่นี่และกลับไปส่งเธอที่บ้านบ้านธีธารา“เวโทรมามีอะไรหรือเปล่า”เมฆาเห็นหญิงสาวคุยกับธาดาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นานสองนานจนเขาต้องกลายเป็นคนเสียมารยาทถามหญิงสาวเรื่องที่คุยโทรศัพท์ด้วยความสงสัย“คือพอดีมีปัญหานิดหน่อยค่ะ...”ณัฐนิชาเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้กับชา
สองเดือนต่อมางานแต่งของเมฆาและณัฐนิชาจัดขึ้นที่เกาะอย่างเรียบง่ายแต่หรูหราให้สมเกียรติถึงแขกในงานจะไม่ได้เยอะมากแต่ก็เป็นคนสำคัญทั้งนั้นและงานแต่งงานครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดเจ้าสองแสบว่าเป็นทายาทคนสำคัญในตระกูลอีกด้วย“ยินดีด้วยนะแกวันนี้แกสวยสุดๆไปเลย”ป๋อมแป๋มเดินเข้างานมาสวมกอดณัฐนิชาด้วยความยินดีด้วยจากใจที่เห็นเพื่อนมีครอบครัวอย่างสมบูรณ์เสียทีวันนี้ณัฐนิชาดูสวยแปลกตาไปมากจนเธอนั้นอดชมไม่ได้เลยจริงๆ“จ้า...เอ...แล้วนี่ทำไมถึงควงมากับคุณเวได้ล่ะ”ณัฐนิชาสังเกตเห็นว่าป๋อมแป๋มนั้นเดินจับมือมากับธาดาจึงต้องถามแกมหยอกเล็กน้อยว่าตกลงสองคนเป็นอะไรกันแน่“อืมม...ก็ตั้งแต่คืนนั้น”ป๋อมแป๋มตอบเพื่อนสาวเธอด้วยท่าทีเขินอายแม้คำพูดจะดูน้อยแต่เมื่อมองตากันก็รู้ใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่“หา...จริงดิ...ต้องขอบคุณคุณเวนะที่ดึงแกลงมาจากคานได้เสียที”ณัฐนิชาถึงกับยกมือปิดปากไม่คิดว่าการขอร้องให้ธาดาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อนของเธอคืนนั้นจะทำให้ป๋อมแป๋มที่หวงคานนักหนายอมลงจากคานได้“ยินดีด้วยนะคะคุณเมฆ”ป๋อมแป๋มเห็นเมฆาเดินมากับใครอีกคนที่เธอก็พอจะรู้จักอยู่บ้างตามข่าวพร้อมทั้งกล่าวยินดีกับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
คฤหาสน์เพตราพิทักษ์ณัฐนิชาตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้ถึงจะเป็นวันปิดเทอมของลูกๆเธอแต่เด็กๆก็มีเรียนพิเศษที่ทั้งสองอยากจะเรียนโดยใยไหมนั้นชอบที่จะเรียนบัลเล่ต์ส่วนใบหม่อนนั้นชอบดนตรีเป็นพิเศษเลยเลือกที่จะเรียนดนตรีทั้งหญิงสาวและสามีไม่เคยที่จะบังคับลูกๆของเธอว่าให้เรียนอะไรแต่จะให้เรียนสิ่งที่ลูกๆของเธอเลือกเองและพร้อมสนับสนุนเท่านั้น“คุณเมฆคะเดี๋ยวนิส่งใยไหมกับใบหม่อนเรียบร้อยแล้วจะเข้าไปซื้อของต่อกับคุณแม่ฝากดูแม็คกับมาร์คด้วยนะคะวันนี้นิน่าจะรอรับเด็กๆกลับด้วยเลย...จุ้บ..นิจะรีบไปรีบมานะคะ”วันนี้ณัฐนิชาต้องไปส่งเจ้าสองแฝดวัยห้าขวบกว่าแต่เช้าเพราะวันนี้เธอจะต้องไปเลือกซื้อของเข้าบ้านกับมัทนาต่อตามประสามแม่สามีกับลูกสะใภ้หญิงสาวเห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุดของสามีเธอเลยวานให้สามีเธอดูแลลูกๆอีกสองคนเสียเลยก่อนจะก้มลงมาจูบแก้มของเมฆาที่นอนหลับอุตุอยู่บนที่นอนที่ตอนนี้สามีของเธอยังไม่อยากตื่นก็เพราะเมื่อวานมีประชุมที่บริษัทและกลับบ้านมาจนดึก“คร้าบ...”เมฆาตอบรับปากคนเป็นภรรยาทั้งที่ตาก็ยังจะลืมไม่ขึ้นวันนี้เขาต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายวัยสองขวบกับสี่เดือนเองแล้วล่ะสิแต่พ่อลูกอ่อนที่ผ่านการเลี้ยง
เชียงใหม่บ้านธีธารา20.00 น.หลังจากที่ลูกแฝดทั้งสองวัยสองขวบนอนหลับแล้วณัฐนิชาก็ต้องแบกร่างของเธอมาทำงานต่อให้เสร็จเพราะเธอรับงานออกแบบภายในของบ้านให้กับเพื่อนสาวของเธอหลังจากที่หญิงสาวตั้งท้องได้เจ็ดเดือนเธอก็ต้องออกจากงานประจำมาเพื่อดูแลตัวเองและรับงานออกแบบฟรีแลนซ์อยู่กับบ้านแล้วส่งต่องานให้กับเพื่อนของเธอไปเสนอกับลูกค้าอีกทีหญิงสาวทำแบบนี้มาจนลูกทั้งสองของเธอโตจนสองขวบแล้วหญิงสาวตัวเล็กผอมแห้งดวงตากลมโตใบหน้าจิ้มลิ้มผิวขาวเนียนนั่งอยู่หน้าจอคอมอย่างใจจดใจจ่อเพราะอยากให้งานชิ้นนี้เสร็จโดยเร็วเพราะเธอจะได้พาลูกๆของเธอไปเที่ยวทะเลตามที่อยากจะพาลูกแฝดของเธอไป“เด็กๆหลับแล้วเหรอคะพี่นิชา”รินทร์ธาราพึ่งเลิกงานกลับมาบ้านเธอก็ถามหาเจ้าสองแสบหลานของเธอทันทีพร้อมสอดส่องสายตามองลอดเข้าไปในห้องนอนของพี่สาวเธอที่เปิดอยู่“หลับไปเมื่อกี้นี้เอง...ดีแล้วพี่จะได้ทำงานให้เสร็จเร็วๆ..วันนี้ทำไมกลับช้าล่ะ”ณัฐนิชาละมือจากการทำงานพร้อมหันเก้าอี้มาหาน้องสาวของเธอพลางสงสัยเรื่องเวลาเลิกงานของน้องสาวเธอวันนี้เพราะปกติแล้วรินทร์ธารานั้นจะกลับมาทันเล่นกับใยไหมกับใบหม่อนก่อนนอนทุกครั้งแต่วันนี้เจ้าสองแส
“ไม่แกล้งกันนะคะ”ณัฐนิชาอดอมยิ้มในความน่ารักของลูกเธอทั้งสองๆไม่ได้แต่ก็ต้องกลั้นยิ้มไว้ทำเสียงแข็งพร้อมหันไปทางใยไหมลูกสาวจอมแก่นของเธอว่าห้ามแกล้งกันเมื่อคนเป็นแม่สั่งห้ามแกล้งเด็กหญิงก็พักมือลงแต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงมีอยู่บนใบหน้าเธอเชื่อฟังคนเป็นแม่ว่าไม่ให้แกล้งน้องแต่เธอก็ยังอมยิ้มอยู่เพราะไม่ได้กลัวอาการทำเป็นดุของคนเป็นแม่เลยสักนิด“หยดนี้ของใบหม่อน...หยดนี้ของใยไหม...ทำยังไงต่อคะ”ณัฐนิชาหยิบฟองน้ำถูตัวของเด็กๆขึ้นมาพร้อมหยดน้ำยาอาบน้ำของเด็กไปที่ฟองน้ำแล้วส่งให้ลูกของเธอทั้งสองเมื่อสองแสบรับไปแล้วหญิงสาวก็ถามถึงว่าขั้นตอนต่อไปกับเจ้าก้อนทั้งสองต้องทำอย่างไรต่อเพื่อฝึกให้ลูกๆของเธอได้ช่วยเหลือตัวเองเป็น“ถูแขน/กับถูขา”“ถูตัวด้วยนะคะ”ทั้งสองแสบตอบคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วเฉกเช่นนี้เป็นประจำทุกวันอีกคนตอบถูแขนอีกคนตอบถูขาแล้วเธอเองก็จะเป็นคนบอกว่าให้ถูตัวด้วยเธอสอนให้เด็กๆอาบน้ำขัดตัวเองอย่างนี้มาตั้งแต่ลูกของเธอได้ประมาณขวบครึ่งและลูกๆของเธอก็เชื่อฟังและทำตามได้อย่างดีเป็นที่ปลื้มใจของเธอมาก“นมได้แล้วค่ะ..ขวดนี้ของใครคะ”“หม่อนคร้าบ”“ขวดนี้ของใครเอ่ย”“ไหมค่า”“นอ
“งั้นอีกสามวันเราจะไปที่นั่นกันแกก็เตรียมตัวด้วยล่ะส่วนเด็กๆเดี๋ยวฉันช่วยดูเอง”“แล้วเราไปกันกี่คน”“ก็มีฉันแล้วก็แกกับเด็กๆ...ไปไม่ต้องเยอะฉันว่าเราสองคนไปดูน่าจะโอเคแล้วค่อยกลับมาสั่งงานตามแบบที่อยากได้กับทีมอีกที”ป๋อมแป๋มอยู่คุยกับณัฐนิชาพักใหญ่ทั้งเรื่องงานและเรื่องราวในชีวิตประจำวันสัพเพเหระไปเรื่อยตามประสาเพื่อนเธอก็ต้องกลับเพราะมีธุระที่จะต้องไปติดต่ออีกหลายที่ป๋อมแป๋มเป็นเพื่อนกับณัฐนิชาตั้งแต่เรียนสมัยมหาลัยเธอสองคนเรียนคณะเดียวกันเมื่อเรียนจบก็ยังทำงานที่เดียวกันอีกด้วยเพราะพ่อของป๋อมแป๋มเป็นเจ้าของบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในพอเรียนจบป๋อมแป๋มก็เลยเข้ามาช่วยงานของพ่อเธอที่บริษัทพร้อมทั้งชวนณัฐนิชาไปทำงานด้วยชีวิตตอนนั้นของเธอกำลังไปได้ดีเรียนจบมีงานที่ดีทำแต่เรื่องคืนนั้นเมื่อสามปีก่อนทำให้เธอต้องออกจากงานประจำแต่ยังดีที่ป๋อมแป๋มยังเห็นใจและยื่นมือเข้าช่วยเธอโดยการป้อนงานให้เมื่อนึกถึงอดีตมันแล้วก็ทำให้เธอปวดหัวใจและที่อยู่และมีรอยยิ้มมาได้ทุกวันนี้ก็กำลังใจจากลูกๆของเธอและน้องสาวและเพื่อนที่ดีอย่างป๋อมแป๋มภูเก็ตคฤหาสน์เพตราพิทักษ์18.00 น.“ไงวันนี้ทำไมถึงกลับบ้านได้ฮะตา
ตอนนี้เมฆาเริ่มร้อนๆหนาวๆเพราะดูท่าทีพ่อกับแม่ของเขาคงจะอยากได้หลานจริงๆเวลานี้เขาก็ยังคิดภาพการมีครอบครัวไม่ออกคิดออกอย่างเดียวก็คือให้พ่อกับแม่ของเขานั้นไปขอร้องน้องชายแทนก็แล้วกัน“ทำไมโบ้ยมาให้ผมงั้นล่ะพี่...ผมยังไม่อยากมีเมียนะ”วายุที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านเมื่อได้ยินเสียงของพี่ชายเขากำลังหางานให้เขาชายหนุ่มจึงรีบเดินเข้าไปหาทั้งสามที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวพร้อมรีบบอกกับทุกคนว่าเขานั้นยังไม่อยากมีเมียและไม่เคยคิดจะหาเหาใส่หัวด้วยทุกวันนี้เขามีความสุขดีอยู่แล้ว“ตาไวท์...จะกลับมาที่นี่ทำไมไม่โทรบอกกันก่อน”มัทนาดีใจจนยิ้มหน้าบานที่วันนี้ครอบครัวของเธอนั้นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างไม่ได้นัดหมาย“ก็ผมอยากเซอร์ไพรซ์ทุกคนนี้ครับ...แต่ผมขอบอกก่อนเลยนะครับว่าเรื่องมีลูกมีเมียตอนนี้ผมไม่พร้อม”วายุว่างจากการแข่งรถแล้วเขาก็ขอกลับมาพักที่บ้านเสียหน่อยพร้อมยืนยันกับทุกคนอย่างจริงจังอีกครั้งว่าการมีครอบครัวตอนนี้มันเป็นเรื่องที่เขานั้นไม่พร้อมจริงๆ“ฉันจะรอดูนะว่าแกจะลงเอยกับพริตตี้คนไหน”เมฆาอดหยอกเอิญน้องชายของเขาเรื่องพริตตี้ไม่ได้เพราะเขานั้นเห็นข่าวน้องชายเขากับแม่พริตตี้สาวแทบจะทุกคร
21.00 น.ณัฐนิชาเตรียมตัวเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงมานั่งหน้าจอโน้ตบุ๊คเลื่อนดูไอเดียต่างๆก่อนนอนนิดหน่อยจู่ๆก็มีรูปภาพรูปหนึ่งทำที่เธอเห็นแล้วต้องรีบปิดโน๊ตบุ๊คทันทีเพราะไม่มีอารมณ์ที่จะหาไอเดียอะไรต่อหญิงสาวหน้าเจื่อนขึ้นมาเล็กน้อยภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่มันเป็นภาพร็อคเก็ตสีเงินที่เหมือนกับของเธออย่างมากมันทำเธอนึกถึงวันที่เธอได้ทำมันหายไปเมื่อสามปีก่อนตอนที่เลี้ยงฉลองกับพวกป๋อมแป๋มเธอก็โดนท้าให้ดื่มน้ำเมาไปเป็นจำนวนมากทั้งที่เธอไม่เคยดื่มมาก่อนเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ไหวก็เลยพยายามที่จะพาตัวเองมาที่ห้องพักที่ลูกค้าเป็นคนจัดห้องไว้ให้ทีมของพวกเธอแต่ในขณะที่เธอกำลังเดินสะเปะสะปะไปมาเพื่อที่จะกลับห้องพักนั้นจู่ๆก็มีผู้ชายมาลากเธอเข้าไปทำมิดีมิร้ายในห้องมืดเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหน้าตาของเขาเธอก็จำไม่ได้เพราะวันนั้นเธอเมาจนแทบไม่มีสติและไม่มีแรงแม้แต่จะต่อต้านคนที่กำลังทำร้ายเธอเมื่อเรื่องเลวร้ายจบลงตอนนี้เธอก็รีบคว้าสิ่งที่มันปิดบังร่างกายเธอได้มาคลุมที่ตัวพยายามมองหาคีย์การ์ดห้องของเธอเมื่อเจอแล้วเธอก็ไม่คิดแม้แต่จะมองคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงที่ทำร้ายเธอแม้แต่นิดเดียวเธอรีบออกมาจากห้