“งั้นอีกสามวันเราจะไปที่นั่นกันแกก็เตรียมตัวด้วยล่ะส่วนเด็กๆเดี๋ยวฉันช่วยดูเอง”
“แล้วเราไปกันกี่คน”
“ก็มีฉันแล้วก็แกกับเด็กๆ...ไปไม่ต้องเยอะฉันว่าเราสองคนไปดูน่าจะโอเคแล้วค่อยกลับมาสั่งงานตามแบบที่อยากได้กับทีมอีกที”
ป๋อมแป๋มอยู่คุยกับณัฐนิชาพักใหญ่ทั้งเรื่องงานและเรื่องราวในชีวิตประจำวันสัพเพเหระไปเรื่อยตามประสาเพื่อนเธอก็ต้องกลับเพราะมีธุระที่จะต้องไปติดต่ออีกหลายที่
ป๋อมแป๋มเป็นเพื่อนกับณัฐนิชาตั้งแต่เรียนสมัยมหาลัยเธอสองคนเรียนคณะเดียวกันเมื่อเรียนจบก็ยังทำงานที่เดียวกันอีกด้วยเพราะพ่อของป๋อมแป๋มเป็นเจ้าของบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในพอเรียนจบป๋อมแป๋มก็เลยเข้ามาช่วยงานของพ่อเธอที่บริษัทพร้อมทั้งชวนณัฐนิชาไปทำงานด้วยชีวิตตอนนั้นของเธอกำลังไปได้ดีเรียนจบมีงานที่ดีทำ
แต่เรื่องคืนนั้นเมื่อสามปีก่อนทำให้เธอต้องออกจากงานประจำแต่ยังดีที่ป๋อมแป๋มยังเห็นใจและยื่นมือเข้าช่วยเธอโดยการป้อนงานให้เมื่อนึกถึงอดีตมันแล้วก็ทำให้เธอปวดหัวใจและที่อยู่และมีรอยยิ้มมาได้ทุกวันนี้ก็กำลังใจจากลูกๆของเธอและน้องสาวและเพื่อนที่ดีอย่างป๋อมแป๋ม
ภูเก็ต
คฤหาสน์เพตราพิทักษ์
18.00 น.
“ไงวันนี้ทำไมถึงกลับบ้านได้ฮะตาเมฆ”
ธำมรงค์ที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับมัทนาคนเป็นภรรยาเมื่อเห็นลูกชายคนโตเดินเข้ามาก็อดแซวไม่ได้ว่าวันนี้ลูกชายมาหาถึงบ้านทั้งที่ร้อยวันพันปีต้องโทรตามแทบตายกว่าจะกลับมา
“ก็ผมก็ต้องรีบกลับมาตามคำสั่งของคุณแม่ไงครับที่ให้ผมจ้างทีมตกแต่งบ้านที่เกาะเพตรา”
เมฆานั่งลงที่เก้าอี้ของโต๊ะอาหารตรงข้างกับคุณพ่อและคุณแม่ของเขาชายหนุ่มต้องรีบสะสางงานที่กรุงเทพเพื่อกลับมาดูสถานที่ก่อนที่ทีมออกแบบตกแต่งจะมาดูบ้านที่เกาะเพตราตามคำสั่งของคนเป็นแม่ว่าให้เขานั้นกลับมาดูแลเรื่องการตกแต่งบ้านหลังใหญ่บนเกาะส่วนตัวที่พ่อของเขาสัมปทานเอาไว้
“จริงสิแล้วได้คนรับออกแบบแล้วเหรอ”
มัทนาวางช้อนส้อมในมือลงพร้อมหันมาถามลูกชายเธอลืมไปเสียสนิทว่าเธอเป็นคนให้ลูกชายหาทีมตกแต่งแต่ไม่คิดว่าเมฆาจะหาได้ไวขนาดนี้
“ครับอีกประมาณสามวันเดี๋ยวพวกเค้าจะเดินทางมา”
เมฆายกแก้วน้ำเย็นที่แม่บ้านพึ่งวางให้ขึ้นมาดื่มพร้อมบอกกับคนเป็นแม่ถึงเรื่องทีมงานที่จะมาในอีกสามวัน
“แล้วจ้างบริษัทไหนล่ะ”
มัทนาอยากจะรู้ว่าลูกชายของเธอจ้างบริษัทไหนมาทำงานนี้เพราะถ้าเป็นชื่อที่เธอคุ้นหูเธอจะได้เชื่อใจได้หน่อยว่างานมันจะออกมาดี
“ก็เจ้าเดิมที่ออกแบบให้กับบ้านจัดสรรของเราไงครับ”
เมฆาตอบคนเป็นแม่ให้หายกังวลใจเพราะเขารู้ดีว่าแม่ตนก็ชอบการทำงานของทีมงานบริษัทนั้นช่นกัน
“อ๋อ...ฝีมือคนออกแบบเค้าดีมากเลยนะแม่ชอบ”
มัทนาเริ่มหน้าระรื่นที่ได้ทีมงานที่เธอเคยเห็นฝีมือมานักต่อนักแต่ก็ไม่เคยเห็นคนออกแบบเสียทีถึงจะไม่เคยเห็นเธอก็อดชมไม่ได้ว่าคนออกแบบนั้นฝีมือดีมากจริงๆ
“แกเตรียมดิวงานกับทีมนี้ต่อได้เลยตาเมฆพ่อเชื่อว่าแม่แกคงอยากให้แต่งบ้านอีกหลัง”
ธำมรงค์อดที่จะพูดถึงบ้านหลังใหม่ที่ภรรยาเขาเตรียมใว้ให้ลูกชายคนเล็กอีกหลังไม่ได้เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าภรรยาของเขาจะสร้างบ้านทำไมไว้หลายๆหลัง
“นี่คุณแม่แอบสร้างบ้านอีกหลังแล้วเหรอครับ”
เมฆามีสีหน้าฉงนกะทันหันเมื่อรู้จากปากคนเป็นพ่อว่าแม่ของเขานั้นจะสร้างบ้านไม่รู้ว่าจะทำหลายๆหลังไปเพื่ออะไรทั้งที่ก็อยู่แต่ที่นี่เป็นประจำ
“แหม...ก็ที่เกาะเพตราเอาไว้ให้ลูกไงตาเมฆส่วนอีกหลังก็เอาไว้ให้น้องเป็นเรือนหอของพวกลูกๆไง”
ที่มัทนาสร้างบ้านเอาไว้ให้ลูกชายของเธอทั้งสองก็เพื่ออยากจะให้ลูกชายทั้งสองของเธอได้รู้ตัวว่าอายุป่านนี้แล้วก็ควรที่จะมีครอบครัวได้แล้วเพราะเธอนั้นอุตส่าห์เตรียมเรือนหอเอาไว้ให้อย่างดิบดี
“อะไรนะครับ...นี่ถ้าผมรู้ว่าคุณแม่สร้างบ้านที่เกาะเพตราซะใหญ่โตไว้เป็นเรือนหอผม..ผมคงจะขัดคุณแม่ไปตั้งแต่แรกนี่เสร็จแล้วพึ่งจะมาบอก”
เมฆาก็พึ่งรู้จุดประสงค์ในการสร้างบ้านบนเกาะก็วันนี้นี่เองถ้าเขารู้คราแรกก็คงจะขัดแน่เพราะตัวเขานั้นยังไม่คิดถึงเรื่องที่จะมีครอบครัวเลยสักนิด
“แล้วลูกชอบหรือเปล่าล่ะ”
มัทนาดูออกว่าเมฆาลูกชายคนโตของเธอชอบบ้านหลังที่อยู่บนเกาะมากตอนแรกที่เธอไม่ยอมบอกว่าสร้างไปเพื่อเป็นเรือนหอก็เพราะกลัวว่าลูกชายของเธอจะขัดเหมือนตอนนี้นี่แหละ
“ชอบครับแต่ผมว่าเอาไว้ให้ผมพักผ่อนดีกว่าเป็นเรือนหอ..เพราะผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจเลย”
เมฆายอมรับว่าตั้งแต่เขาเห็นรูปแบบบ้านก่อนสร้างเขาก็ชอบแล้วแต่ถ้าให้เขาเอาไว้พักผ่อนคงได้ถ้าเป็นเรือนอเห็นว่าคงอีกนาน
“พ่อกับแม่จะหกสิบแล้วเมื่อไรลูกจะมีครอบครัวมีหลานให้พวกเราอุ้มบ้างล่ะ”
มัทนาเห็นว่าลูกชายของเธอมีท่าทีจะไม่สนใจจะมีครอบครัวจริงๆเธอก็ต้องเล่นบทผู้สูงอายุน่าสงสารให้ลูกชายของเธอได้เห็นใจว่าเธอกับสามีนั้นอยากจะได้อุ้มหลานจริงๆ
“จริงอย่างที่แม่แกพูดพ่อก็อยากอุ้มหลานบ้างแล้ว”
ธำมรงค์เองก็เช่นกันเมื่อก่อนหน้านี้เขาเองก็คิดว่าให้เวลาลูกชายของพวกเขาสนุกอีกสักหน่อยเดี๋ยวก็คงได้อุ้มหลานเองแต่เมื่อมองตัวเองที่แก่ลงทุกวันก็อยากจะเห็นลูกชายมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีตอนนี้เขาคิดว่าก็ควรจะต้องเร่งกดดันลูกชายของพวกเขาบ้างเรื่องมีครอบครัวไม่อย่างนั้นคงได้ตายก่อนอุ้มหลานเป็นแน่
“เอาไว้คุณพ่อกับคุณแม่ไปบอกเจ้าไวท์มันละกันครับว่าอยากอุ้มหลาน...ผมคงยัง”
ตอนนี้เมฆาเริ่มร้อนๆหนาวๆเพราะดูท่าทีพ่อกับแม่ของเขาคงจะอยากได้หลานจริงๆเวลานี้เขาก็ยังคิดภาพการมีครอบครัวไม่ออกคิดออกอย่างเดียวก็คือให้พ่อกับแม่ของเขานั้นไปขอร้องน้องชายแทนก็แล้วกัน“ทำไมโบ้ยมาให้ผมงั้นล่ะพี่...ผมยังไม่อยากมีเมียนะ”วายุที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านเมื่อได้ยินเสียงของพี่ชายเขากำลังหางานให้เขาชายหนุ่มจึงรีบเดินเข้าไปหาทั้งสามที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวพร้อมรีบบอกกับทุกคนว่าเขานั้นยังไม่อยากมีเมียและไม่เคยคิดจะหาเหาใส่หัวด้วยทุกวันนี้เขามีความสุขดีอยู่แล้ว“ตาไวท์...จะกลับมาที่นี่ทำไมไม่โทรบอกกันก่อน”มัทนาดีใจจนยิ้มหน้าบานที่วันนี้ครอบครัวของเธอนั้นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างไม่ได้นัดหมาย“ก็ผมอยากเซอร์ไพรซ์ทุกคนนี้ครับ...แต่ผมขอบอกก่อนเลยนะครับว่าเรื่องมีลูกมีเมียตอนนี้ผมไม่พร้อม”วายุว่างจากการแข่งรถแล้วเขาก็ขอกลับมาพักที่บ้านเสียหน่อยพร้อมยืนยันกับทุกคนอย่างจริงจังอีกครั้งว่าการมีครอบครัวตอนนี้มันเป็นเรื่องที่เขานั้นไม่พร้อมจริงๆ“ฉันจะรอดูนะว่าแกจะลงเอยกับพริตตี้คนไหน”เมฆาอดหยอกเอิญน้องชายของเขาเรื่องพริตตี้ไม่ได้เพราะเขานั้นเห็นข่าวน้องชายเขากับแม่พริตตี้สาวแทบจะทุกคร
21.00 น.ณัฐนิชาเตรียมตัวเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงมานั่งหน้าจอโน้ตบุ๊คเลื่อนดูไอเดียต่างๆก่อนนอนนิดหน่อยจู่ๆก็มีรูปภาพรูปหนึ่งทำที่เธอเห็นแล้วต้องรีบปิดโน๊ตบุ๊คทันทีเพราะไม่มีอารมณ์ที่จะหาไอเดียอะไรต่อหญิงสาวหน้าเจื่อนขึ้นมาเล็กน้อยภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่มันเป็นภาพร็อคเก็ตสีเงินที่เหมือนกับของเธออย่างมากมันทำเธอนึกถึงวันที่เธอได้ทำมันหายไปเมื่อสามปีก่อนตอนที่เลี้ยงฉลองกับพวกป๋อมแป๋มเธอก็โดนท้าให้ดื่มน้ำเมาไปเป็นจำนวนมากทั้งที่เธอไม่เคยดื่มมาก่อนเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ไหวก็เลยพยายามที่จะพาตัวเองมาที่ห้องพักที่ลูกค้าเป็นคนจัดห้องไว้ให้ทีมของพวกเธอแต่ในขณะที่เธอกำลังเดินสะเปะสะปะไปมาเพื่อที่จะกลับห้องพักนั้นจู่ๆก็มีผู้ชายมาลากเธอเข้าไปทำมิดีมิร้ายในห้องมืดเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหน้าตาของเขาเธอก็จำไม่ได้เพราะวันนั้นเธอเมาจนแทบไม่มีสติและไม่มีแรงแม้แต่จะต่อต้านคนที่กำลังทำร้ายเธอเมื่อเรื่องเลวร้ายจบลงตอนนี้เธอก็รีบคว้าสิ่งที่มันปิดบังร่างกายเธอได้มาคลุมที่ตัวพยายามมองหาคีย์การ์ดห้องของเธอเมื่อเจอแล้วเธอก็ไม่คิดแม้แต่จะมองคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงที่ทำร้ายเธอแม้แต่นิดเดียวเธอรีบออกมาจากห้
“เรามานั่งคุยกันตรงนี้ดีกว่าค่ะ”ป๋อมแป๋มเห็นว่าเจอมัทนาก็เป็นการดีจะได้ถือโอกาสนี้คุยเรื่องสเปคของงานที่อยากได้เลยจะดีกว่าคืนนี้จะได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนที่จะไปสถานที่จริงด้วย“เห็นคุณเมฆบอกว่าคุณมัทเป็นคนอยากแต่งบ้านคุณมัทอยากได้ประมาณไหนบอกเราไว้ก่อนได้นะคะเผื่อเป็นแนวทาง”เมื่อทั้งสามมานั่งที่โต๊ะหน้าบ้านเรียบร้อยแล้วป๋อมแป๋มจึงเปิดประเด็นคุยเรื่องงานทันทีเพราะเธออยากได้แนวทางก่อนที่เธอจะไปดูงานจะได้ตัดสินใจกับณัฐนิชาในเรื่องการออกแบบให้ถูกใจกับเจ้าของบ้าน“อืมม...อันที่จริงฉันก็อยากให้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอของตาเมฆเค้าน่ะ...แต่ตาเมฆอยากให้บ้านหลังนั้นเป็นที่พักผ่อนมากกว่า”มัทนาทำสีหน้าครุ่นคิดพร้อมบอกสิ่งที่ต้องการกับสองสาวเธอเองก็ยังนึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าอยากให้มันเป็นแบบไหน“นิว่าทั้งสองอย่างมันสามารถรวมกันได้ค่ะคุณมัท...แล้วคุณมัทพอจะรู้ไหมคะว่าคุณเมฆกับแฟนคุณเมฆเค้าชอบอะไรแบบไหน”ณัฐนิชากำลังจดสิ่งที่มัทนาต้องการอยู่พร้อมถามถึงความชอบของคนที่จะต้องอยู่ว่าพวกเค้านั้นมีรสนิยมประมาณไหนเธอจะได้ออกแบบถูก“คือตาเมฆยังไม่มีแฟนหรอกจะแต่ฉันแค่อยากจะเตรียมไว้เฉยๆ..เอาแบบนี้ฉันให้พวก
“ผู้ชายก็แบบนี้แหละค่ะคงจะรักชีวิตโสดมันอิสระดี”ป๋อมแป๋มเข้าใจว่าชีวิตคนสมัยนี้หากทำแต่งานและยิ่งเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วล่ะก็เรื่องพวกนี้ไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะเธอเองก็ยังรักชีวิตโสดเลย“พูดแบบนี้แสดงว่าหนูแป๋มก็โสดเหมือนกันใช่ไหม”มัทนาอมยิ้มมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตามีเลศนัยเธอพอจะดูออกว่าคนที่มีความคิดแบบนี้น่าจะยังโสดเหมือนๆลูกชายเธอแน่“ค่ะแป๋มว่ามันอิสระดีนะคะ...ขอโสดยาวๆเลย”ป๋อมแป๋มเองก็ตอบหญิงตรงหน้าไปตามตรงเพราะเธอนั้นก็ยังรู้สึกว่าชีวิตโสดของเธอตอนนี้มันก็มีความสุขดีและเธอก็ยังนึกไม่ออกด้วยว่าถ้าหากเธอนั้นมีครอบครัวแล้วเธอจะมีชีวิตเป็นแบบไหน“นมได้แล้วค่ะเด็กๆ”ณัฐนิชาถือขวดนมขวดใหญ่สองขวดมาตั้งที่โต๊ะพร้อมนั่งลงที่เก้าอี้ก่อนส่งนมให้กับลูกๆของเธอใยไหมเมื่อได้รับขวดนมก็ปีนขึ้นมานอนตักของคนเป็นแม่ทันทีโดยที่คนเป็นแม่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเป็นแบบนี้แทบทุกครั้งไป“มาใบหม่อนมานอนตักยายก็ได้”มัทนาเห็นว่าหญิงสาวคงอุ้มลูกทีเดียวสองคนไม่ไหวแน่จึงอุ้มใบหม่อนมานอนบนตักอย่างเอ็นดู“เอ่อ..คุณมัทจะเมื่อยเอานะคะ”ณัฐนิชาเห็นว่ามัทนาจะเมื่อเอาเพราะใบหม่อนตัวก็ไม่ได้เบาไปกว่าใยไหมเลย“ไม่เป็นไร
“ได้ฟังแล้วก็ใจหาย..”มัทนาได้ฟังชีวิตของหญิงสาวเธอก็อดสงสารไม่ได้เสียทั้งพ่อและแม่ไปแล้วดันไม่มีสามีช่วยเลี้ยงลูกอีกเธออยากจะรู้จริงๆว่าสามีของเธอทิ้งภรรยาที่สวยน่ารักจิ้มลิ้มกับลูกตาดำๆนี้ได้อย่างไร“ว่ายังไงดื่มนมก็ต้องเขี่ยขนตาด้วยหรือไงรูปหล่อฮะ...”มัทนาเปลี่ยนจากคุยเรื่องที่มันดูเศร้าๆมาสนใจเจ้าก้อนกลมที่อยู่ในอ้อมแขนแทนเพราะเธอสังเกตมาครู่หนึ่งแล้วว่าใบหม่อนนั้นดื่มนมแล้วจะต้องเขี่ยขนตาตลอดเวลาดูน่าเอ็นดูจนเธออยากจะฟัดสักหลายๆรอบ“ท่าประจำเวลาเค้าดื่มนมเลยล่ะค่ะคุณมัท”ป๋อมแป๋มอดขำกับท่าทางหลานชายเธอไม่ได้ก่อนจะบอกหญิงตรงหน้าว่านี่คือท่าประจำของเจ้าตัวเค้าเลยเกาะเพตรา18.00 น.“คุณเมฆจะไปไหนคะ”ดาวเรืองแม่บ้านที่ดูแลที่นี่กำลังจัดการอาหารเย็นให้กับเมฆาแต่พอเห็นชายหนุ่มแบกเป้พร้อมเดินออกไปอย่างเร่งรีบเธอจำต้องถามว่าเขาจะไปที่ไหนเพราะชายหนุ่มไม่ได้บอกเธอก่อน“ผมจะไปท้ายเกาะสักคืนครับป้าดาวพรุ่งนี้ถ้าพวกเวมาแล้วก็ให้พวกเค้าจัดการกันตามสบายเลยนะครับผมน่าจะกลับไม่เย็นๆก็ค่ำๆวันพรุ่งนี้”“ค่ะคุณเมฆ”หลังจากที่คุยกับดาวเรืองเรียบร้อยแล้วเมฆาก็รีบเดินออกไปจากบ้านเอาเป้วางบนรถออฟโรดขอ
“ไหวไหมแก”คราแรกณัฐนิชาเองก็เป็นห่วงลูกๆของเธอว่าขึ้นเรือแล้วอาจจะมีอาการเมาเรือแต่เปล่าเลยลูกๆของเธอยังอยู่บนเรือได้แบบสบายๆแต่ป๋อมแป๋มนี่สิหน้าซีดหน้าเซียวอย่างเห็นได้ชัดจนเธอต้องคว้ายาดมในกระเป๋าออกมาให้เพื่อนเธอดมกันเจ้าละหวั่นเรือแล่นมาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงเกาะเพตราเมื่อเรือจอดเทียบท่าณัฐนิชาก็ต้องพาป๋อมแป๋มขึ้นจากเรือมาอย่างทุลักทุเลและจำต้องวานให้ธาดาอุ้มเจ้าสองแสบให้เพราะยังต้องดูแลป๋อมแป๋มไม่ห่าง“นั่งก่อนแก..ไหวไหมเนี่ย”ณัฐนิชาพยุงตัวป๋อมแป๋มเดินเข้ามาใน้บ้านก่อนจะค่อยๆวางเพื่อนสาวนั่งที่โซฟาในห้องห้องโถงของบ้านหลังใหญ่หลังนี้ทั้งมีสีหน้ากังวลกับอาการของป๋อมแป๋มพอสมควร“ขอบคุณนะคะคุณเว”ณัฐนิชาหันไปขอบคุณธาดาขณะที่เขาพาเจ้าแฝดมานั่งลงใกล้ๆเธอ“ครับ...งั้นเดี๋ยวผมไปเอาของลงก่อนนะครับ...”ว่าจบก็รีบหันหลังเดินออกไปที่ท่าเรือเพราะยังต้องขนของอีกเยอะพอสมควร“สวัสดีค่ะ...ฉันชื่อดาวเรืองเป็นแม่บ้านที่นี่ค่ะเรียกว่าป้าดาวก็ได้”ดาวเรืองเดินออกมาเสริฟน้ำให้กับหญิงสาวทั้งสองที่เป็นแขกของบ้าน“สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ..นี่ป๋อมแป๋มค่ะส่วนหนูชื่อนิชาแล้วนี่ก็ลูกแฝดของหนูค่ะชื่อใยไหมกับใ
“แป๋มว่าถ้าหลังขนาดนี้ห้าวันอย่างต่ำค่ะ...แกโอเคใช่ไหมนิ”ป๋อมแป๋มมีสีหน้าเคร่งเครียดที่งานนี้มันจะใหญ่เกินกว่าที่เธอคาดไว้เสียแล้ว“เรื่องเวลาไม่มีปัญหาหรอกแต่ของใช้เจ้าสองแสบฉันเตรียมมาแค่สามสี่วันเองน่ะสิ”เรื่องเวลาในการดูงานของณัฐนิชาเธอไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วแต่ปัญหาก็คือของใช้จำเป็นไม่ว่าจะเป็นผ้าอ้อมสำเร็จรูปหรือนมแม้แต่เสื้อผ้าของเด็กๆเธอก็เตรียมมาแค่พอจำกัด“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับถ้าคุณนิชาอยากเข้าเมืองบอกผมได้ตลอดเลย”ธาดาเห็นว่าเรื่องที่หญิงสาวพูดมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเพราะถ้าหญิงสาวขาดเหลืออะไรเขาสามารถพาเธอออกจากเกาะไปซื้อได้ตลอดอยู่แล้ว“ขอบคุณนะคะ”ณัฐนิชารีบขอบคุณธาดาที่ดูแลพวกเธออย่างดีแต่มีอีกสิ่งที่เธอต้องห่วงก็คือเธอบอกน้องสาวของเธอว่ามาที่นี่ไม่กี่วันถ้าหากนานมีหวังน้องเธอตามมาเป็นแน่“อาหารเรียบร้อยแล้วค่ะทุกคน”“อาหารมาแล้วเดี๋ยวเราทานอาหารกันก่อนดีกว่าครับเรื่องงานค่อยว่ากันอีกที”ธาดาเห็นว่าป้าดาวเรืองและแม่บ้านอีกสองคนเดินยกอาหารมาวางที่โต๊ะอาหารแล้วเขาจึงให้ทั้งสองมาทานข้าวกันก่อนแล้วเรื่องงานค่อยว่ากันอีกทีเพรามันเที่ยงกว่าแล้วเดี๋ยวจะเลยเวลาอาห
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า...เอ่อ...คุณ”เมื่อลงมาจากรถเมฆาเห็นเป็นผู้หญิงที่กำลังนั่งกอดเด็กๆทั้งสองเอาไว้อยู่เขาจึงรีบย่อตัวลงไปจับที่ไหล่ของหญิงสาวแต่เมื่อจับตัวเธอหญิงสาวกลับตัวอ่อนพับลงมาทันทีเขาจึงรีบรับเธอเอาไว้ในอ้อมอกใบหน้าของหญิงสาวที่แหงนขึ้นมาใกล้กับหน้าของเขามันเหมือนมีมนต์สะกดทำให้เขานั้นอึ้งไปชั่วขณะใบหน้าจิ้มลิ้มขาวใสปากนิดจมูกหน่อยของเธอช่างดูน่ารักสะกดสายตายิ่งนักใบหน้าแบบนี้เขาคับคล้ายคับคลาว่าเคยเห็นเธอที่ไหนแต่ก็ยังนึกไม่ออก“สวัสดีคร้าบ/สวัสดีค่า”“เอ่อ..ครับ”เมฆาหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเด็กๆทั้งสองเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้เขาแปลกใจอยู่มากที่เด็กๆทั้งสองไม่ได้รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่เลยสักนิดอีกทั้งยังส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับเขาอีกดวงตาใสแป๋วของเด็กทั้งสองที่มองมาที่เขานั้นมันช่างน่าเอ็นดูเสียจริงมันทำให้เขายิ้มออกตามเด็กๆอย่างอัตโนมัติแม้ในสถานการณ์น่าตกใจเช่นนี้“เป็นยังไงบ้างครับ”ธาดารีบวิ่งมาสำรวจความปลอดภัยของเด็กๆทั้งสองว่าเป็นอะไรหรือเปล่าจากเหตุการณ์ที่เขาเห็นเมื่อครู่มันทำให้เขาใจหายเหมือนกันดีที่เจ้านายของเขาเบรกรถทัน“นิเป็นอะไรรึเปล่าเสียงดั