“ได้ฟังแล้วก็ใจหาย..”
มัทนาได้ฟังชีวิตของหญิงสาวเธอก็อดสงสารไม่ได้เสียทั้งพ่อและแม่ไปแล้วดันไม่มีสามีช่วยเลี้ยงลูกอีกเธออยากจะรู้จริงๆว่าสามีของเธอทิ้งภรรยาที่สวยน่ารักจิ้มลิ้มกับลูกตาดำๆนี้ได้อย่างไร
“ว่ายังไงดื่มนมก็ต้องเขี่ยขนตาด้วยหรือไงรูปหล่อฮะ...”
มัทนาเปลี่ยนจากคุยเรื่องที่มันดูเศร้าๆมาสนใจเจ้าก้อนกลมที่อยู่ในอ้อมแขนแทนเพราะเธอสังเกตมาครู่หนึ่งแล้วว่าใบหม่อนนั้นดื่มนมแล้วจะต้องเขี่ยขนตาตลอดเวลาดูน่าเอ็นดูจนเธออยากจะฟัดสักหลายๆรอบ
“ท่าประจำเวลาเค้าดื่มนมเลยล่ะค่ะคุณมัท”
ป๋อมแป๋มอดขำกับท่าทางหลานชายเธอไม่ได้ก่อนจะบอกหญิงตรงหน้าว่านี่คือท่าประจำของเจ้าตัวเค้าเลย
เกาะเพตรา
18.00 น.
“คุณเมฆจะไปไหนคะ”
ดาวเรืองแม่บ้านที่ดูแลที่นี่กำลังจัดการอาหารเย็นให้กับเมฆาแต่พอเห็นชายหนุ่มแบกเป้พร้อมเดินออกไปอย่างเร่งรีบเธอจำต้องถามว่าเขาจะไปที่ไหนเพราะชายหนุ่มไม่ได้บอกเธอก่อน
“ผมจะไปท้ายเกาะสักคืนครับป้าดาวพรุ่งนี้ถ้าพวกเวมาแล้วก็ให้พวกเค้าจัดการกันตามสบายเลยนะครับผมน่าจะกลับไม่เย็นๆก็ค่ำๆวันพรุ่งนี้”
“ค่ะคุณเมฆ”
หลังจากที่คุยกับดาวเรืองเรียบร้อยแล้วเมฆาก็รีบเดินออกไปจากบ้านเอาเป้วางบนรถออฟโรดของเขาแล้วขับออกไปทันที ชายหนุ่มมีบ้านเล็กๆอยู่ท้ายเกาะอยู่หลังหนึ่งเมื่อมาที่นี่เขาจะต้องไปที่นั่นแทบทุกครั้งเพราะที่นั่นค่อนข้างเข้าถึงกับธรรมชาติได้ดีกว่าบ้านใหญ่ที่อยู่หน้าเกาะ
คฤหาสน์เพตราพิทักษ์
21.00 น.
“นี่คุณลูกๆของหนูนิชาน่ารักน่าชังมากๆเลยนะเสียดายที่คุณกลับมาเสียค่ำไม่อย่างนั้นมัทคงพาคุณไปหาเด็กๆ...คุณจะได้รู้ว่าที่มัทพูดมันจริงไหมที่เด็กๆหน้าเหมือนตาเมฆอย่างกับแกะ”
มัทนาพูดถึงเจ้าสองแฝดขณะที่นั่งอยู่บนเตียงนอนกับคนเป็นสามีเธอถูกชะตากับเด็กสองคนไม่น้อยเมื่อกลางวันก็โทรคุยกับสามีเธอรอบหนึ่งแล้วดูท่าสามีเธอจะไม่เชื่อที่เธอพูดว่าสองแฝดนั้นหน้าเหมือนเมฆาลูกชายคนโตไม่มีผิดเธออุตส่าห์เก็บเรื่องนี้มาคุยกับสามีของเธอเพียงคนเดียวเพราะถ้าหากพูดกับป๋อมแป๋มและณัฐนิชาก็กลัวว่าจะดูไม่ดีที่ไปเที่ยวบอกว่าลูกของณัฐนิชาหน้าเหมือนลูกชายของตัวเอง
“คุณนี่ท่าทางอยากจะมีหลานมากเลยนะ”
ธำมรงค์ต้องส่ายหัวให้กับคนเป็นภรรยาอีกรอบที่ท่าทางอยากจะมีหลานมากจนกระทั่งเห็นลูกคนอื่นหน้าเหมือนลูกชายตัวเอง
“แต่เรื่องหนูนิชาลูกของพิมนี่เธอก็ดูน่าสงสารอยู่เหมือนกัน”
เขาก็พึ่งได้ยินจากปากของภรรยาว่าคนที่มาออกแบบเป็นลูกของพิริสาอีกทั้งเมื่อได้ฟังเรื่องราวชีวิตของณัฐนิชาก็รู้สึกเห็นใจหญิงสาวอยู่มากพอสมควรนึกเสียดายคนเก่งๆอย่างพิริสาด้วยที่ด่วนจากไปก่อนวัยอันควร
“ก็ใช่น่ะสิคุณ..ยิ่งตอนนี้มัทรู้ว่าเธอเลี้ยงลูกคนเดียวยิ่งสงสารหนูนิชาออกจะหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักมารยาทก็ดีแถมลูกๆก็ยังน่ารักมัทไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าสามีของเธอทิ้งไปได้ยังไง”
“เราก็ไม่ได้รู้เรื่องครอบครัวอะไรของเขามากคุณก็อย่าไปคิดเองเออเองเลยน่านอนเถอะ”
ธำมรงค์ต้องรีบบอกให้ภรรยาของเขานอนพักผ่อนเพราะไม่อยากให้เอาเรื่องอะไรมาใส่หัวให้ฟุ้งซ่านอีกอย่างเขาก็ไม่อยากจะให้ภรรยาของเขาวิจารณ์เรื่องของคนอื่นด้วยเพราะไม่ได้เป็นคนในครอบครัวและไม่รู้เหตุการณ์ที่แน่ชัด
เช้าวันต่อมา
08.00 น.
“ไงจ้ะเมื่อคืนหลับสบายไหม”
มัทนาเอ่ยทักแขกของบ้านขณะที่มารวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะอาหารอยากจะรู้ว่าห้องหับที่เธอจัดเตรียมเอาไว้ให้ทำให้ทุกคนขาดเหลืออะไรหรือเปล่า
“พวกเราหลับสบายดีค่ะ”
เป็นป๋อมแป๋มที่เอยตอบเห้นจะเป้นลูกค้าคนแรกที่รับรองพวกเธอดีมากประดุจญาติมิตร
“นี่คุณธำมรงค์สามีฉันเองจะ”
มัทนารีบแนะนำสามีของเธอกับสองสาวให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ”
ทั้งสองสาวรีบยกมือสวัสดีชายสูงวัยที่ยังดูภูมิฐานตรงหน้าด้วยท่าทีอ่อนน้อม
“สวัสดีคร้าบบ/สวัสดีค่า”
เจ้าสองแฝดที่นั่งเล่นกันอยู่ใกล้ๆเมื่อเห็นทั้งคนเป็นแม่และน้าสาวยกมือทำความเคารพผู้ใหญ่เจ้าสองก้อนกลมที่นั่งอยู่ก็พลางยกมือป้อมขึ้นมาพร้อมกล่าวสวัสดีตามมารยาทที่ผู้เป็นแม่ได้เคยสอนเอาไว้
“ฮ่าๆๆ...ลูกหนูมัทนี่น่ารักดีนะ”
ธำมรงค์มองไปยังสองแสบเขายกยิ้มหัวเราะร่าเพราะไม่คิดว่าเด็กๆทั้งสองจะมีมารยาทและน่ารักกันขนาดนี้เมื่อจ้องมองไปยังเด็กทั้งสองจริงจังเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมภรรยาของเขาจึงคิดว่าเหมือนลูกชายคนโตของตนด้วยยิ่งมองเขาก็ยิ่งนึกถึงลูกของเขาตอนเล็กๆได้เลยมันเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจแก่เขาอย่างมากแต่ก็พยายามไม่พูดอะไรนอกเหนือจากการชื่นชมเจ้าตัวกลมทั้งสอง
10.00 น.
“ผมเอาของขึ้นเรือเรียบร้อยแล้วครับเดี๋ยวเราเดินไปที่ท่าเรือกันเลย”
“ค่ะ”
ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงนิดๆธาดาเอากระเป๋าสัมภาระของทุกคนไปเก็บบนเรือเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาตามป๋อมแป๋มณัฐนิชาและเด็กๆให้ไปขึ้นเรือ
“เดินทางปลอดภัยจ้า”
มัทนายืนคู่อยู่กับสามีของเธอเพื่อส่งแขกให้เดินทางปลอดภัย
“ขอบคุณค่ะ”
ป๋อมแป๋มและณัฐนิชาหันมายิ้มและยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะเดินตามธาดาและเด็กๆที่วิ่งนำหน้าตัวกลมกันไปก่อนแล้ว
“เด็กๆไม่วิ่งนะคะ” ตุ้บบ
“นั่นไง”
ณัฐนิชาเห็นลูกๆของเธอกำลังแข่งกันวิ่งเธอรู้ว่าวิ่งขาขวิดอีท่านี้คงไม่พ้นหกล้มกันอีกแน่นอนแล้วก็เป็นไปตามคาดทั้งสองแสบกลิ้งเป็นลูกขนุนกันเลยทีเดียวแต่ก็ยังลุกวิ่งต่อโดยที่ไม่ร้องสักแอะสร้างรอยยิ้มให้กับคนเป็นแม่ได้เป็นอย่างดี
“ตายแล้ว....”
มัทนาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าสองแสบไถลล้มลงอยู่ไกลๆแต่ก็ยังเบาใจที่เด็กทั้งสองไม่ได้ร้องงอแงแม้แต่นิดเดียว
“ดูสิ..ไม่ร้องสักแอะ”
ธำมรงค์ยกคิ้วขึ้นพลางยิ้มขำที่เจ้าก้อนกลมทั้งสองล้มกันขนาดนั้นยังลุกมาวิ่งต่อได้โดยที่ไม่มีเสียงร้องเลยช่างน่าเอ็นดูแก่เขาเสียจริง
“ไงล่ะคะคุณที่มัทบอกมันจริงไหม”
หลังจากที่เห็นทั้งห้าคนเดินหายไปที่ท่าเรือแล้วมัทนาก็อดหันมาแซะคนเป็นสามีไม่ได้ว่าที่เธอพูดเธอไม่ได้คิดไปเองว่าเด็กๆทั้งสองเหมือนลูกชายคนโตของเธออย่างกับแกะ
“อืม...ก็มีส่วน”
ธำมรงค์โอบแขนคนเป็นภรรยาเข้าไปในบ้านพร้อมเกริ่นในแนวที่ว่าเขาก็มีส่วนที่เห็นด้วยกับเธอเสียแล้ว
“โหบ้านนี้เค้ามีเรือกันกี่ลำเนี่ย”
เมื่อเดินมาที่ท่าเรือส่วนตัวของคนที่คฤหาสน์หลังนี้ป๋อมแป๋มถึงกับตาลุกวาวสะกิดณัฐนิชาพร้อมกระซิบกระซาบอย่างตื่นเต้นเพราะเห็นเรือยอร์ชจอดเรียงรายกันอยู่หลายลำ
“จะกี่ลำก็เรื่องของเขาเถอะน่า”
ณัฐนิชาส่ายหัวให้กับความตื่นเต้นของป๋อมแป๋มทั้งที่บ้านของเพื่อนเธอก็มีแบบนี้เหมือนกันแต่กลับมาตื่นเต้นกับของคนอื่นเสียอย่างนั้น
“ไหวไหมแก”คราแรกณัฐนิชาเองก็เป็นห่วงลูกๆของเธอว่าขึ้นเรือแล้วอาจจะมีอาการเมาเรือแต่เปล่าเลยลูกๆของเธอยังอยู่บนเรือได้แบบสบายๆแต่ป๋อมแป๋มนี่สิหน้าซีดหน้าเซียวอย่างเห็นได้ชัดจนเธอต้องคว้ายาดมในกระเป๋าออกมาให้เพื่อนเธอดมกันเจ้าละหวั่นเรือแล่นมาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงเกาะเพตราเมื่อเรือจอดเทียบท่าณัฐนิชาก็ต้องพาป๋อมแป๋มขึ้นจากเรือมาอย่างทุลักทุเลและจำต้องวานให้ธาดาอุ้มเจ้าสองแสบให้เพราะยังต้องดูแลป๋อมแป๋มไม่ห่าง“นั่งก่อนแก..ไหวไหมเนี่ย”ณัฐนิชาพยุงตัวป๋อมแป๋มเดินเข้ามาใน้บ้านก่อนจะค่อยๆวางเพื่อนสาวนั่งที่โซฟาในห้องห้องโถงของบ้านหลังใหญ่หลังนี้ทั้งมีสีหน้ากังวลกับอาการของป๋อมแป๋มพอสมควร“ขอบคุณนะคะคุณเว”ณัฐนิชาหันไปขอบคุณธาดาขณะที่เขาพาเจ้าแฝดมานั่งลงใกล้ๆเธอ“ครับ...งั้นเดี๋ยวผมไปเอาของลงก่อนนะครับ...”ว่าจบก็รีบหันหลังเดินออกไปที่ท่าเรือเพราะยังต้องขนของอีกเยอะพอสมควร“สวัสดีค่ะ...ฉันชื่อดาวเรืองเป็นแม่บ้านที่นี่ค่ะเรียกว่าป้าดาวก็ได้”ดาวเรืองเดินออกมาเสริฟน้ำให้กับหญิงสาวทั้งสองที่เป็นแขกของบ้าน“สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ..นี่ป๋อมแป๋มค่ะส่วนหนูชื่อนิชาแล้วนี่ก็ลูกแฝดของหนูค่ะชื่อใยไหมกับใ
“แป๋มว่าถ้าหลังขนาดนี้ห้าวันอย่างต่ำค่ะ...แกโอเคใช่ไหมนิ”ป๋อมแป๋มมีสีหน้าเคร่งเครียดที่งานนี้มันจะใหญ่เกินกว่าที่เธอคาดไว้เสียแล้ว“เรื่องเวลาไม่มีปัญหาหรอกแต่ของใช้เจ้าสองแสบฉันเตรียมมาแค่สามสี่วันเองน่ะสิ”เรื่องเวลาในการดูงานของณัฐนิชาเธอไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วแต่ปัญหาก็คือของใช้จำเป็นไม่ว่าจะเป็นผ้าอ้อมสำเร็จรูปหรือนมแม้แต่เสื้อผ้าของเด็กๆเธอก็เตรียมมาแค่พอจำกัด“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับถ้าคุณนิชาอยากเข้าเมืองบอกผมได้ตลอดเลย”ธาดาเห็นว่าเรื่องที่หญิงสาวพูดมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเพราะถ้าหญิงสาวขาดเหลืออะไรเขาสามารถพาเธอออกจากเกาะไปซื้อได้ตลอดอยู่แล้ว“ขอบคุณนะคะ”ณัฐนิชารีบขอบคุณธาดาที่ดูแลพวกเธออย่างดีแต่มีอีกสิ่งที่เธอต้องห่วงก็คือเธอบอกน้องสาวของเธอว่ามาที่นี่ไม่กี่วันถ้าหากนานมีหวังน้องเธอตามมาเป็นแน่“อาหารเรียบร้อยแล้วค่ะทุกคน”“อาหารมาแล้วเดี๋ยวเราทานอาหารกันก่อนดีกว่าครับเรื่องงานค่อยว่ากันอีกที”ธาดาเห็นว่าป้าดาวเรืองและแม่บ้านอีกสองคนเดินยกอาหารมาวางที่โต๊ะอาหารแล้วเขาจึงให้ทั้งสองมาทานข้าวกันก่อนแล้วเรื่องงานค่อยว่ากันอีกทีเพรามันเที่ยงกว่าแล้วเดี๋ยวจะเลยเวลาอาห
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า...เอ่อ...คุณ”เมื่อลงมาจากรถเมฆาเห็นเป็นผู้หญิงที่กำลังนั่งกอดเด็กๆทั้งสองเอาไว้อยู่เขาจึงรีบย่อตัวลงไปจับที่ไหล่ของหญิงสาวแต่เมื่อจับตัวเธอหญิงสาวกลับตัวอ่อนพับลงมาทันทีเขาจึงรีบรับเธอเอาไว้ในอ้อมอกใบหน้าของหญิงสาวที่แหงนขึ้นมาใกล้กับหน้าของเขามันเหมือนมีมนต์สะกดทำให้เขานั้นอึ้งไปชั่วขณะใบหน้าจิ้มลิ้มขาวใสปากนิดจมูกหน่อยของเธอช่างดูน่ารักสะกดสายตายิ่งนักใบหน้าแบบนี้เขาคับคล้ายคับคลาว่าเคยเห็นเธอที่ไหนแต่ก็ยังนึกไม่ออก“สวัสดีคร้าบ/สวัสดีค่า”“เอ่อ..ครับ”เมฆาหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเด็กๆทั้งสองเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้เขาแปลกใจอยู่มากที่เด็กๆทั้งสองไม่ได้รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่เลยสักนิดอีกทั้งยังส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับเขาอีกดวงตาใสแป๋วของเด็กทั้งสองที่มองมาที่เขานั้นมันช่างน่าเอ็นดูเสียจริงมันทำให้เขายิ้มออกตามเด็กๆอย่างอัตโนมัติแม้ในสถานการณ์น่าตกใจเช่นนี้“เป็นยังไงบ้างครับ”ธาดารีบวิ่งมาสำรวจความปลอดภัยของเด็กๆทั้งสองว่าเป็นอะไรหรือเปล่าจากเหตุการณ์ที่เขาเห็นเมื่อครู่มันทำให้เขาใจหายเหมือนกันดีที่เจ้านายของเขาเบรกรถทัน“นิเป็นอะไรรึเปล่าเสียงดั
เมฆาเองรู้สึกเกรงใจคนที่บ้านของหญิงสาวที่เธอนั้นพาลูกมาอยู่ที่นี่หลายวันถ้ามีลูกและภรรยาน่ารักแบบนี้อยู่ไกลๆคนเป็นสามีคงคิดถึงแย่“เอ่อ...ที่บ้านนิมีแค่น้องสาวของนิแล้วก็ลูกๆค่ะ”ณัฐนิชาต้องหลบตาลงก่อนจะตอบคำถามชายหนุ่มเธอแอบคิดในใจว่าเธอจะต้องเจอคำถามแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไร“อ๋อ...เข้าใจแล้วครับ...อืมวันนี้ได้เดินดูบ้านบ้างหรือยังครับ”เมฆาถึงกับหน้าเสียที่ได้รู้ว่าตัวเองเผลอถามคำถามที่ดูจะเสียมารยาทกับหญิงสาวเกินไปพลางเปลี่ยนเรื่องมาถามเธอเรื่องอื่นแทนเพื่อไม่ให้บรรยากาศน่าอึดอัด“ค่ะ...นิไม่คิดว่าสถานที่จริงจะใหญ่แบบนี้เลยนะคะ...จริงสิคะนิว่าจะคุยกับคุณเรื่องออกแบบพอดี”ณัฐนิชารู้สึกยิ้มออกและโอเคขึ้นมาหน่อยเมื่อชายหนุ่มหาเรื่องคุยกับเธอเป็นเรื่องงานเพราะเธอเองก็อยากจะคุยเรื่องนี้กับเขาอยู่พอดี“ผมก็ให้สิทธิ์พวกคุณตัดสินใจเอาเลย”ในหัวของเขาตอนนี้ไม่มีแนวทางที่อยากให้เป็นอยู่แล้วเขาจึงให้สิทธิ์ทีมออกแบบเป็นคนตัดสินใจ“คือนิแค่อยากรู้น่ะค่ะว่าคุณเมฆอยากให้ทุกห้องมันเป็นแนวเดียวกันหรือว่าเป็นคนละแบบคะเพราะจากที่นิดูแล้วห้องชั้นบนค่อนข้างใหญ่มันสามารถตกแต่งได้หลายแบบมากเลย...แล้วอีกอย่าง
19.40 น.หลังจากที่ณัฐนิชาทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วจึงเข้ามาป้อนข้าวเด็กๆจนเสร็จก่อนจะปล่อยให้ลูกๆของเธอเล่นกันอยู่พักใหญ่และเธอกับป๋อมแป๋มก็ไปคุยงานกันต่อโดยทีเจ้าสองแสบอยู่ใกล้ๆสองสาวนั่งคุยงานกันจนเวลาผ่านไปพักใหญ่ณัฐนิชากับป๋อมแป๋มก็เดินมาดูใยไหมและใบหม่อนจนได้รู้สาเหตุว่าทำไมเสียงของเด็กๆทั้งสองถึงได้เงียบกันไป“หลับปุ๋ยเลย”“ฮ่าๆๆ..เมื่อกี้ยังนั่งตัวกลมกันอยู่เลยหลานฉัน...ไป..เดี๋ยวฉันช่วยอุ้มใยไหม”ปอมแป๋มเองก็ขำออกมาเบาๆพร้อมอุ้มใยไหมไปเข้าห้องเมื่อครู่เธอมองมายังเห็นเด็กๆทั้งสองนั่งเล่นกันอยู่หน้าจอที่ทีการ์ตูนเปิดอยู่เลยพอเผลอแปเดียวหลับปุ๋ยกันไปทั้งคู่แล้ว21.30 น.หลังจากที่ป๋อมแป๋มและณัฐนิชาพาเจ้าสองแสบไปนอนเรียบร้อยแล้วก็มาวาดแผนงานกันต่อที่ห้องของป๋อมแป๋มอยู่ร่วมสองชั่วโมงก็เป็นการเสร็จสิ้นไปหนึ่งส่วนก็คือห้องดูดาวด้านบนกับชั้นดาดฟ้าที่ณัฐนิชานั้นคิดไอเดียออกตั้งแต่แรกเห็น“นี่แกฉันว่าคุณเมฆต้องหลงเสน่ห์แกแน่เลย”หลังจากวาดแผนงานกันพอสมควรแล้วป๋อมแป๋มเองก็ขอเปิดประเด็นนอกเรื่องเสียหน่อยเพราะเธอคันปากอยากจะพูดกับณัฐนิชาเรื่องที่เธอได้รู้ได้เห็นมา“แกจะบ้าหรือไงพูดอะไรออ
“อืม...คือ...ผมจะมาดูว่าคุณขาดเหลืออะไรหรือเปล่าแล้วเด็กๆนอนหลับสบายดีไหม”เมฆาถึงกับตัวชาวาบเมื่อได้ยินคำถามของหญิงสาวใจจริงที่เขาเข้ามาก็เพราะแค่อยากจะเห็นหน้าเธอก็เท่านั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบเธอว่าอะไรพลางหันไปเห็นเด็กๆนอนอยู่จึงเบี่ยงประเด็นไปได้“ทุกอย่างโอเคค่ะ...โอเคมากด้วย”ณัฐนิชาตอบชายหนุ่มอย่างรวดเร็วว่าเธอนั้นอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายและมันก็มากด้วยเพื่อให้เจ้าของบ้านสบายใจได้ว่าดูแลพวกเธอไม่ขาดตกบกพร่อง“ดีแล้ว..งั้นผมขอตัวก่อนนะครับฝันดีนะครับ”เมฆาไม่รู้ว่าเขานั้นจะหาเรื่องอะไรคุยกับเธอต่อด้วยดูท่าทางหญิงสาวคงจะไม่อยากให้เขาอยู่ในห้องเธอนานๆจึงรีบหันหลังจะเดินกลับแต่ก็ไม่ลืมที่จะบอกฝันดีกับหญิงสาว“เอ่อ...คุณเมฆคะ”“ครับ”เมฆารีบหันกลับมาหาหญิงสาวด้วยความดีใจเพราะเขายังมีโอกาสที่จะได้สนทนากับเธอต่อ“คือว่าพอดี...น้องสาวนิจะมาหาหลานๆจะได้ไหมคะ”ณัฐนิชาเห็นว่าไหนๆตอนนี้ได้มีโอกาสคุยกับชายหนุ่มก็ดีแล้วเธอจึงจะขออนุญาตเขาตอนนี้เสียเลยเพราะยังไงน้องสาวของเธอก็จะต้องมาที่นี่ให้ได้อยู่แล้วโดยที่เธอปฏิเสธอะไรไม่ได้ด้วย“ได้สิครับ...จะอยู่จนคุณนิเสร็จงานเลยก็ยังได้”เมฆาไม่มีปัญหาเ
เมฆาหันมาหาหญิงสาวด้วยสีหน้าที่กำลังงงนิดหน่อยเพราะเขาเลือกของอยู่นานแล้วแต่ไม่ยักจะมีป้ายที่เขียนชื่อตรงกับสิ่งของที่ธาดานั้นให้รายการเขามาเลย“มาค่ะเดี๋ยวนิช่วยนะคะ”ณัฐนิชาเห็นว่าคนอย่างชายหนุ่มคงไม่เคยมาซื้อของพวกนี้เป็นแน่จึงอาสาช่วยเขาหาท่าจะดีกว่าเพราะเธอเข้าใจภาษาของแม่บ้านที่ทำงานอยู่ในครัวดีบางทีชื่อเรียกในครัวกับป้ายที่ขายมันอาจจะไม่ตรงกันเธอแอบขำในใจเหมือนกันที่มาเห็นภาพคนอย่างชายหนุ่มมาเลือกซื้อของใช้ในครัว“อยู่ตรงนี้นี่เอง”ณัฐนิชาอ่านรายการที่ธาดาจดมาให้ชายหนุ่มเธอก็เดินหยิบของพวกนั้นมาใส่รถเข็นได้อย่างรวดเร็ว“คุณนินี่เก่งจังเลยนะครับ”เมฆาเดินตามหญิงสาวที่กำลังเลือกซื้อของอย่างชำนาญเขาก็อดชมเธอไม่ได้เขาได้เห็นเธอในโมเม้นของคนเป็นแม่เวลาอยู่กับเด็กๆก็ว่าน่ารักแล้วมาเห็นเธอดูเป็นแม่บ้านที่ชำนาญเธอก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ“มันเป็นของใช้ในครัวผู้หญิงส่วนมากก็จะรู้จักอยู่แล้วค่ะ...นี่แสดงว่าปกติคุณเมฆไม่ค่อยได้มาซื้อเองใช่ไหมคะ”ณัฐนิชาหันมายิ้มหวานให้ชายหนุ่มขอบคุณที่เขาเอ่ยชมเธอพร้อมบอกว่ามันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอพลางคิดว่าถ้าชายหนุ่มอย่างเขาเลือกซื้อได้อย่างชำนาญน่ะสิแปลก
“เอ่อ...นี่ลูกชายคนเล็กฉันเองหนูหวานต้องขอโทษแทนลูกชายฉันด้วยนะจ้ะ”มัทนาเองก็จำต้องส่ายหัวให้กับวีรกรรมสุดแสบของวายุพร้อมหันมาขอโทษหญิงสาวที่ลูกชายของเธอทำอะไรล่วงเกินไป“ค่ะ...คุณมัท”“แม่ไปเข้าข้างเธอได้ยังไงเธอทำให้ผมลงแข่งไม่ได้นะครับ”วายุได้ยินแม่ของเขาเข้าข้างหญิงสาวเขาก็ถึงกับควันออกหู“แม่แกทำถูกแล้ว..ก็แกไปลวนลามหนูน้ำหวานเค้าก่อนทำไมแกนี่มันจริงๆเลยเชียว”ธำมรงค์จำต้องส่งเสียงดุลูกชายจอมเอาแต่ใจที่มีท่าทีโมโหเป็นวัวบ้าก่อนจะเดินออกไปข้างนอกเพราะรู้สึกระอากับความไม่ยอมรับผิดของลูกชายตัวเอง“แล้วนี่เธอมาทำอะไรที่นี่”วายุเห็นว่าประเด็นเรื่องเขากับหญิงสาวไว้มีโอกาสค่อยเคลียก็ได้แต่ตอนนี้เขาอยากจะรู้ว่าแม่ตัวดีคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร“นี่หนูน้ำหวานเป็นน้องของหนูนิชาที่มาแต่งบ้านให้พี่แกเดี๋ยวหนูหวานก็จะไปที่เกาะพร้อมพี่ของลูก”“อ๋อ...งั้นผมขอตัวไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน”เมื่อได้คำตอบจากคนเป็นแม่แล้วชายหนุ่มจึงคิดแผนอะไรออกแล้วจึงรีบเดินกลับไปที่ห้องของเขาทันที“คุณแม่ครับ”“อ้าวนั่นไงกลับกันมาแล้ว”เมื่อคนน้องเดินกลับเข้าห้องไปคนพี่ก็กลับมาพอดี“พี่นิ”“หวาน”รินทร์ธารารีบเข้า