“มันเป็นคนทำลายชีวิตฉัน มันเป็นคนที่ทำให้คนไข้ของฉันตาย! ได้ยินไหมคนโปรด..ลูกของเธอมันทำให้ฉันไม่อยากเป็นหมอ ซะใจเธอแล้วหรือยังที่เธอกับมันได้ทำร้ายชีวิตฉันพังลงไปหมดแล้ว!!”
View Moreยิ่งเขาห้าม น้ำตาเธอก็ไหลออกมาจนเขาโผล่เข้าไปกอดเธอ เพื่อปลอบใจพลางคิดว่าเขาทำอะไรผิดร้ายแรงต่อเธอหรือเปล่าพอคิดแบบนั้นเขาเองก็รู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมา เธอปาดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “หนูอยากมั่นใจในตัวพี่หมอกว่านี้อีกหน่อยได้ไหมคะ หนูแค่อยากลองสัมผัสกับความรักที่ค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ ไม่ใช่การเริ่มต้นความที่รวบรัดเหมือนเมื่อก่อน” “แน่นอนค่ะ ขอแค่คนคนนั้นเป็นพี่ พี่ก็จะให้หนูได้สัมผัสความรักเต็มที่ไปเลยค่ะ” เขาลูบหัวเธอเบา ๆ ก่อนจะจับมือเธอสอดเข้าไปข้างในเสื้อเพื่อให้เธอได้สัมผัสกับหน้าท้องแกร่งของตัวเอง จนเธอต้องชักมือออกจากเสื้อของเขาก่อนจะถลึงตาใส่เขาก่อนจะกลั้นขำ “พี่หมอ!” “จะว่าไปพี่มีความลับอีกอย่างที่ยังไม่ได้บอกหนูเลยนะ คือพี่..ชอบรสชาติบนเตียงของหนูทุกครั้งพี่แทบจะคลั่งอยู่แล้วนะคะ รู้ไหมว่าที่พี่ไม่ยอมกลับบ้านพี่ต้องพยายามที่จะข่มอารมณ์ความต้องการของตัวเองเพื่อแกล้งทำเป็นไม่สนใจหนู พอเอาเข้าจริงมันไม่ง่ายเลยนะคะ” เขาโน้มใบหน้าเขามาใกล้ ๆ ต้นคอก่อนจะลากสันจมูกโด่งมาที่ติ่งหูลมหายใจที่ร้อนผ่าวและน้ำเสียงกระเส่าของเขามันก็ยิ่งทำให้เธอขน
สันจมูกโด่งถูไถกับปลายจมูกของเธออย่างหยอกเย้าเขาพูดด้วยน้ำเสียงกระเซ่าทำเอาเธอขนลุกซู่รู้สึกหัวใจวาบหวิวตื่นเต้นขึ้นมาจนเขาจับได้ นิ้วเรียวยามจึงสอดนิ้วเข้าไปในเสื้อคลุมสัมผัสกับผิวเนียนลูบไลไปทั่วแผ่นหลังของเธอ จนเธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากลมหายใจของทั้งคู่ก็เริ่มติดขัดหายใจแรงและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ “น้องโปรดให้โอกาสพี่ได้ไหมครับ พี่รักหนูนะ” เธอรู้สึกเขินจนเลือกที่จะไม่ตอบเอาแต่กับเอาแต่ก้มหน้าจนเขาเชยคางเธอขึ้นมาก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากันแววตาที่ดูอ่อนโยนของเธอทำให้เขาฉีกยิ้มก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ริมฝีปากหนาประกบริมฝีปากบางซึ่งการขบเม้มของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงและความปรารถนา ริมฝีปากของเขาขบริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่นขณะที่ลิ้นสากสัมผัสกับลิ้นของเธออย่างโหยหาทั้งคู่ค่อย ๆ เพิ่มระดับความร้อนแรงมากขึ้น ทันใดนั้นเสียงเรียกลูกชายก็ดังขึ้นขัดจังหวะทั้งคู่ อาจ้า..จ้ะ “ทะเล/ทะเล” ทั้งคู่ผละออกจากกันก่อนที่เขาจะใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำลายข้างริมฝีปากบาง จนเธอก้มหน้าด้วยความเขินอายและไม่กล้าสบตากับเขา เขาจึงจับมือเธอเดินไปหาลูกชายและแม่ของเขา “หนูโปรดเปลี่ยนใจยังทันนะลูก ผู้ชายไม่ได
“มองน้องขนาดนี้ ระวังตาจะบอดนะอัยเน่” เขาหลุดหัวเราะก่อนจะส่งยิ้มและตอบผู้เป็นแม่โดยที่ตายังคงจ้องมองไปที่เธอ ที่วันนี้สวมชุดทูพีช สีน้ำตาลเข้มโดยที่เสื้อคลุมซีทูสีขาวบาง ๆ คลุมไว้อีกชั้นแต่นั่นมันก็ทำให้เขาคลั่งเธอจะตายอยู่แล้ว “สวยขนาดนี้ก็ต้องมองสิครับแม่” “จ้ะ ตอนมีไม่เห็นค่า แม่นี่สมน้ำหน้าลูกจริง ๆ นะอัยเน่” “แม่..” กรี๊ดดด “อร้ายยย…ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” “เสียงใครคะเหมือนจะขอความช่วยเหลือเลยค่ะ” พวกเขาที่ได้ยินต่างก็ชะเง้อมองไปทางต้นเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเสียงโว้ยวายกรีดร้องที่ห้องพักหลังหนึ่งก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก “พวกลูกเดินไปดูหน่อย เพื่อลูก ๆ จะช่วยอะไรพวกเขาได้ เดี๋ยวแม่ดูทะเลให้เอง” “งั้นแม่พาทะเลเข้าไปในบ้านพักก่อนนะครับ” แม่พยักหน้าและอุ้มหลานเข้าไปในบ้านพัก ทั้งสองคนก็มองหน้ากันก่อนที่เธอจะเดินจับมือเขาเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น “เราไปดูกันเถอะค่ะ” เขาที่เห็นว่าเธอเดินจับมือใจก็เต้นถี่รัว ๆ ก่อนจะเดินไปทางต้นเสียง ซึ่งพอเขาเห็นภาพว่ามีผู้ใหญ่หลายคนยืนล้อมวงรอบตัวเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 4 ขวบนอนแน่นิ่ง หน้าเริ่มถอดสีดูซีดเซียว
“เสียงอะไร..ดึกดื่นขนาดนี้แล้วใครทำอะไรอยู่อีกนะ” เธอที่นอนไม่หลับเพราะได้ยินเสียงด้านนอกเหมือนมีใครทำอะไรอยู่บางอย่าง ด้วยความหงุดหงิดและอยากรู้เธอจึงแอบไปเปิดม่านส่องหน้าต่างมองดูซึ่งภาพที่เห็นคือเขากำลังว่ายน้ำอยู่ที่สระ เธอจึงพึมพำออกมาก “เกิดคึกอะไรของพี่เนี่ย! มันจะห้าทุ่มแล้วยังไปว่ายน้ำตากหมอกอีก” หลังจากนั้นเธอก็เดินกลับไปนอนที่เตียงนอนก่อนจะถอนหายใจพลิกตัวไปมาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะป่วย จนสุดท้ายเธอก็อดไม่ได้จึงเดินไปหาเขาที่สระว่ายน้ำ ตึก ตึก “พี่อัยเน่!” “อ้าว..หนูยังไม่นอนอีกเหรอคะ” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนแกล้งทำเป็นเพิ่งเห็นเธอ ซึ่งเธอก็ยืดกอดอกทำหน้าหงุดหงิดใส่เขา “รีบขึ้นมาได้แล้วค่ะ พี่จะมาว่ายน้ำอะไรตอนนี้คะ” “พี่แค่เหนื่อย ๆ น่ะอยากผ่อนคลาย ขอว่ายต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอคะหรือว่าพี่เสียงดังจนไปรบกวนหนู” “แต่พี่ว่ายมาเกือบยี่สิบนาทีแล้วนะคะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกขึ้นมาได้แล้วค่ะ” เขาว่ายน้ำมาฝั่งเธอก่อนจะใช้คางเกยขอบสระ และยิ้มแป้นทำตาละห้อย ส่วนเธอก็เปลี่ยนท่ามาเป็นยืนเท้าสะเอว “จะขึ้นหรือไม่ขึ้นคะ!” “ขึ้นครับ พี่ขอผ้าขนหนูหน่อยได้ไหมครับ”
พอเขาพูดจบเขาก็ประคองใบหน้าก่อนจูบเธอปากเธออย่างคนโหยหารสชาติจูบที่แสนหอมหวาน เธอที่ยังหงุดหงิดและย้อนคิดถึงอดีตอยู่ก็ไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกลิ้นสากซุกซนสำรวจโพรงปาก รสชาติที่น่าหลงใหลนี้แม้เธอเองจะรู้สึกดีไม่ต่างจากเขาแต่เธอก็พยายามข่มความต้องการของตัวเองและคิดว่าสถานที่มันไม่เหมาะสมและเขาก็ไม่ควรทำอะไรในที่แบบนี้เธอจึงออกแรงผลักอกแกร่งของเขาอย่างแรง จนเขายอมถอนจูบและมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกเสียดายแต่ก็ไม่อยากบังคับเธอไปมากกว่านี้ “อย่าทำแบบนี้ค่ะ คนโปรดไม่ชอบ!” “ทำไมรสชาติจูบของพี่มันสู้ไอ้อาจารย์นั่นไม่ได้เลยเหรอ” “พี่อัยเน่พอเถอะค่ะ คนโปรดจะไปหาลูกแล้วเรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันนะคะ” “คนโปรด!” เขาจับมือเธอไว้ ก่อนที่เธอจะสะบัดมือและเดินกลับไปที่โต๊ะ ซึ่งเขาขยี้ผมตัวเองก่อนจะถอนหายใจด้วยความท้อใจและเดินตามเธอไปติด ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งตรงข้ามกัน แม่สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเท่าไรจึงถามเข้าด้วยน้ำเสียงที่เข้ม “ตาอัยเน่ไปตามน้องถึงไหนทำไมนานจัง อาหารมาเสิร์ฟจนจะเย็นหมดแล้ว รีบมานั่งทานข้าวกันเถอะ” เขาเหลือบมองเธอก่อนจะตอบแม่กลับไป ซึ่งแม่เขามองดูสีหน้าของทั้งคู่
(มารหัวใจกูจริง ๆ นะมึง) หลังจากที่เขาวางสายวิทย์ไปแล้วนั้นเขาก็เหมือนคิดอะไรได้ จึงหยิบมือถือตัวเองมาขึ้นมาถ่ายรูปแม่ลูก ก่อนจะเซลฟี่ตัวเองพร้อมคนโปรดและทะเล เข้าโน้มตัวเข้าไปนอนใกล้ ๆ เธอ ก่อนที่ใบหน้าของทั้งสองคนจะแนบชิดกันมาก ๆ เขาฟังเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเธอจากนั้นก็เอาใบหน้าเข้าไปแนบชิดแก้มเนียน ก่อนจะถ่ายรูปเก็บไว้และขยับมานอนอีกฝั่งโดยให้ทะเลเป็นคนนอนกลาง แต่มือหนาก็โอบกอดเอื้อมมาจับมือของเธอก่อนจะเผลอหลับไป คนโปรด เธอลืมตาขึ้นมามองเขาขณะที่กำลังหลับอยู่ ซึ่งทุกการกระทำของเขาเธอรู้สึกตัวตั้งแต่ที่เขาห่มผ้าให้เธอแล้ว แม้ว่าภายในใจเธอจะรู้สึกมีความสุขที่เขาดูแลเธอและลูกอย่างที่เธอเคยใฝ่ฝัน แต่ตั้งแต่วันที่ลูกของเธอได้ลืมตาดูโลกความคิดของเธอมันก็ได้เปลี่ยนแปลงไป “ไม่นะ ไม่ พี่หมอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวหนูกับลูกทั้งนั้น” “เอาลูกมาหนูมา เอามา!” “คนโปรด คนโปรด” หืออ เธอสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายก็รีบมองไปรอบ ๆ เพื่อที่จะหาลูกชายของเธอก่อนจะจับแขนเขาเขย่า “ทะเลอยู่ไหนคะพี่อัยเน่” “แม่เพิ่งพาทะเลออกไปรับลมเมื่อกี้ครับ หนูฝันร้ายเหรอ” เธอยังคงหายใจอย่างเหนื่อยหอบ เหง
“สวัสดีค่ะแม่” พอเธอยื่นทะเลให้แม่เขาอุ้มเธอก็ยักคิ้วให้เขาก่อนจะอมยิ้มด้วยความดีใจที่ง้อแม่ได้สำเร็จแต่ก็ยังรู้สึกเขินเธออยู่ดี เขาที่กำลังจะเดินมาหาเธอก็ต้องชะงักฝีเท้า “หนูคนโปรดมานั่งกับแม่ก่อนลูก ตาอัยเน่ไปเอาน้ำให้น้องสิ” “ครับ” “เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะ พี่อัยเน่ไม่ต้องก็ได้ค่ะ” เธอที่ห้ามไม่ทันน้ำก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะพอดี จากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางแม่ “มาแล้วครับ แม่ครับผมจะบอกแม่อีกเรื่องคือผมตั้งใจไว้ว่าหลังจากที่เราไปไหวพ่อเสร็จเราไปเที่ยวทะเลด้วยกันอีก 2 วันนะครับ แม่ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าก่อนดีกว่าครับ” “หือ..แล้วทำไมไม่บอกแม่ล่ะ อย่างนี้แม่จะมีเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่เหรอ” “หรือว่าแม่จะให้พวกเราไปกันแค่สามคนดี” แม่ที่ตั้งหลักไม่ทันก็กำลังคิดว่าวิธี เธอก็รีบพูดอ้อนท่านเพราะถ้าขืนไปสามคนเธอคงทำตัวไม่ถูกแน่ ๆ “แม่คะ..ไปกับพวกเถอะค่ะ ถ้าไม่มีของใช้จริง ๆ เราค่อยให้พี่หมอพาแวะไปซื้อที่ห้างแถวโน้นก็ได้ค่ะ จริงไหมคะ” “ครับ ๆ แม่ไปเก็บเสื้อผ้าเพิ่มอีกหน่อยแล้วกันนะครับ” “ก็ได้จ้ะ งั้นรอแม่แป๊บหนึ่งนะ” หลังจากนั้นแม่ก็ยื่นทะเลให้เธอท่านก็รีบขึ้นไปเก็บของบนบ้าน เขาที่ยังคงตา
พอเขาได้ยินแม่ของเธอพูดแบบนั้นเขาก็นิ่งไปก่อนจะยิ้มกว้างทำอะไรไม่ถูกแต่ก็รีบเดินตามแม่ของเธอเข้าบ้านไป “จะพาน้องไปเที่ยวแถวไหนเหรอ” “แถวสัตหีบครับ พอดีผมจองบ้านพักตากอากาศไว้แล้ว แม่ไม่ต้องเป็นห่วงน้องกับทะเลนะครับ ผมสัญญาว่าจะช่วยดูแลเป็นอย่างดี” “อืม โปรดน่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ อีกหน่อยคงลงมาแล้ว เดี๋ยวน้าขอตัวไปทำกับข้าวก่อนนะ” “แม่ครับ..ผมอยากจะขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่ผมทำตัวไม่ดีกับน้องคนโปรด ทั้งยังทำให้คุณแม่กับครอบครัวทุกคนเสียใจ ผมผิดเองครับ ผมอยากจะขอขมาคุณแม่จริง ๆ ครับ แต่คุณแม่ช่วยให้โอกาสให้ผมทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีกับทั้งสองคนได้ไหมครับ” “น้า..ยอมรับนะว่าน้าโกรธและเสียใจในสิ่งที่หมอทำลูกสาวน้า แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างพวกเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้อีกรวมไปถึงความรู้สึกของครอบครัวน้าด้วย” แม่ของคนโปรดท่านหันกลับมามองเขาอีกครั้งก่อนจะอมยิ้มและตบที่บ่าเขาเบา ๆ “ผม..” “หมอก็พิสูจน์ให้พวกเราเห็นด้วยกระทำของตัวหมอส่วนครอบครัวน้าจะให้อภัยหรือไม่ก็ให้เวลาเป็นตัวตัดสินแล้วกัน..ที่สำคัญที่สุดน้าแค่อยากเห็นลูกสาวน้ามีความสุขไม่ใช่ต้องม
“แต่พี่ไม่ยอมแพ้หรอกสักวันพี่จะเอาครอบครัวพี่กลับมาอยู่ข้าง ๆ ให้ได้” แม้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บและเสียใจที่วันนั้นเขาไม่เห็นคุณค่าใด ๆ ของเธอเลยแต่เขาก็ขอแค่เพียงเธอให้โอกาส แม้ว่ามันจะน้อยเพียงใดก็ตามเขาก็จะทำมัน “พี่อัยเน่..” เธอเอื้อมมือมาจับแขนเขา เขาก็ยิ้มให้เธอก่อนจะพูดตัดบท “พี่กลับบ้านก่อนดีกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ขอมารับอีกนะ” “เอ่อ..” “นะ..ถือว่าพี่ขอ อย่าปฎิเสธเลย” คนโปรดพยายามปฎิเสธเขาก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่เขาจะลูบหัวทะเลสลับกับลูบหัวเธอเบา ๆ จากนั้นเขาก็เดินไปบอกลาพ่อกับแม่คนโปรด หลังจากลูกหลับแล้วคนโปรดก็เดินมาทานข้าวกับทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตา ซึ่งปลาบปลื้มที่พอเห็นว่าเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็อดที่จะแซวน้องสาวตัวเองไม่ได้ “ลูกเขยคนใหม่แม่คงไม่พ้นพ่อทะเลแน่ ๆ ” “ปลื้ม! กินข้าว” แม่ที่เห็นว่าลูกชายตัวดีเอาแต่แซะน้องไม่เลิกก็ดุเขาอีกครั้งก่อนจะตักกับข้าวให้ลูกชาย “เฮ้อออ..ครับ” “โปรดฉลาดและโตพอที่จะเลือกชีวิตของตัวเองแล้ว พ่อเชื่อใจเราโปรดนะ เอ้!..แขนไปโดนอะไรมาลูก” ขณะที่พ่อเธอกำลังตักกับข้าวให้เธอท่านก็สังเกตเห็นว่าฝ่ามือของเธอมีแผล ทำให้เธอลืมเอามือหลบส
หมออัยเน่หรือนายแพทย์อัยเน่ วานิชศิริ อายุ 34 ปีมีอาชีพเป็นหมอผ่าตัดศัลยแพทย์อันดับต้น ๆ ของประเทศตั้งแต่อายุยังน้อย พร้อมพ่วงมาด้วยตำแหน่งคุณพ่อมือใหม่ ที่ไม่เคยรู้สึกยินดีกับภรรยาคนนี้ตั้งแต่จดทะเบียนจนกระทั้งเธอตั้งท้องลูกของเขา คนภายนอกที่มองเข้ามาต่างก็บอกว่าอิจฉาภรรยาของเขามิหนำซ้ำยังมองว่าเธอไม่คู่ควรที่ได้สามีเป็นถึงอาจารย์หมอสุดหล่อ ทว่าที่เขายอมมีอะไรกับเธอก็เพื่อให้แม่ของเขาสบายใจและเลิกยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขาก็เท่านั้น ขณะที่เขากำลังนั่งเดิมอยู่ในผับแห่งหนึ่งกับเพื่อนสนิทอย่างวาฬเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้านจึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วงว่า “มึงไม่รีบกลับบ้านไปหาลูกหาเมียมึงเหรอไอ้หมอ” เขาหันไปมองค้อนเพื่อนด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ และพูดตอกหน้าวาฬไปว่า “มึงอย่าเอ่ยถึงได้ไหม ฟังแล้วเสียบรรยากาศ” “เชี่ย! แรงไปหรือเปล่าวะไอ้หมอเน่กูพูดแค่นี้ มึงจะอารมณ์เสียอะไรขนาดนั้น ถ้าน้องเขามาได้ยินน้องเขาจะเสียใจนะเว้ย” “เลิกพูดถึงได้ยัง!..ต่อหน้าเธอกูพูดหนักกว่านี้อีก มึงไม่ต้องพูดมากเลยไอ้วาฬรีบ ๆ แดกเป็นเพื่อนกูเลยมา ๆ ” “อืม ๆ ชนก็ชน” ขณะท...
Comments