ความผิดพลาดแค่คืนเดียวนำพาความวุ่นวายเข้ามาในชีวิตไม่หยุด จากที่ต่างคนต่างทำเฉยกับความสัมพันธ์ที่เกินเลยไปไกล กลับต้องมาร่วมมือกันโกหกคำโตเพื่อให้รอดจากการจับคู่และบังคับใจไม่ให้หวั่นไหวที่ต้องใกล้ชิดกัน
ดูเพิ่มเติม“ไม่ไปยุโรปกันแน่นะคะลูก”วิภาดาถามย้ำอีกครั้งแม้ลูกจะยืนยันว่าจะเปลี่ยนที่เที่ยวก็ตาม วันครบรอบแต่งงานที่เคยวางแผนกันไว้ว่าจะไปแถวๆยุโรปกลายเป็นต้องเปลี่ยนแผนใหม่เพราะว่านีรนาราท้องขึ้นมาซะก่อน “ไม่ไปครับ ผมกลัวนีนจะลำบากถ้าเดินทางไกลมากเราเลยตกลงจะไปแค่ที่ภูเก็ตครับ”“นั่นสิเนอะกำลังท้องอยู่ด้วย แต่ก็ดีแล้วค่ะไม่ไกลมากแม่ก็ไม่ห่วงเสียดายที่ไปด้วยไม่ได้เพราะแม่ติดไปงานเลี้ยง ยังไงก็ดูแลน้องดีๆนะลูก มีอะไรให้รีบติดต่อแม่เลยนะคะ”วิภาดาสั่งอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่นีรนาราท้องเธอก็คอยดูแลตลอดเวลาไม่ต่างจากวิกรเพราะกลัวจะเกิดอันตรายแม้จะมีคนคอยช่วยดูแลตั้งมากมายก็ตาม“ครับผม ไม่ต้องห่วงนะครับ”“งั้นก็ไปพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้จะได้ออกเช้าๆ”วิภาดาพยักหน้าให้ก่อนจะบอกให้ลูกไปพักเพราะเห็นว่าดึกแล้ว “ครับคุณแม่”—----------------------“ไหวมั้ยครับ”วิกรถามนีรนาราพลางประคองร่างบางด้วยความเป็นห่วง จนนีรนาราที่รู้สึกว่าได้รับการดูแลมากไปต้องยืนยันออกมาให้วิกรสบายใจอีกที“สบายมากค่ะพี่กร นีนไม่เป็นไรเลย”“ค่อยๆเดินนะครับ รถที่โรงแรมมารอเราแล้วเดินไปอีกนิดเดียว”“ค่ะ”“พักก่อนมั้ยครับ”“ไม่
“ไม่ไปโรงพยาบาลแน่นะครับ”วิกรถามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลายวันมานี้นีรนารามีอาการป่วยบ่อยๆจนวันนี้ถึงกับลุกไปทำงานไม่ไหว แต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าจะไม่ไปโรงพยาบาลอยู่ดี“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่เวียนหัวนิดหน่อยนอนพักไม่นานก็หาย”“ตามใจครับ แต่ว่าถ้าไม่โอเครีบโทรหาพี่เลยนะครับรู้มั้ย”“รู้แล้วค่า พี่กรไม่ต้องห่วงหรอกนีนอยู่ได้คนในบ้านเยอะแยะลืมแล้วเหรอคะ พี่กรนั่นแหละนีนไม่ไปด้วยไหวแน่นะคะ”นีรนาราถามกลับด้วยสีหน้าไม่วางใจ เพราะช่วงนี้งานที่บริษัทเยอะมากๆจนแทบไม่มีเวลาพัก หากไม่มีเธอช่วยอีกคนเกรงว่าวิกรจะทำงานหนักเกินไป“ไหวสิครับ ทำงานแค่นี้พี่สบายมากคุณคิมเค้าเก่งขึ้นเยอะแล้ว”วิกรยืนยันก่อนจะเอ่ยถึงผู้ช่วยเลขาคนใหม่ที่รับเข้ามาได้สักพักเพื่อช่วยนีรนาราทำงานอีกแรง “‘งั้นก็ไปทำงานได้แล้วค่ะเดี๋ยวสาย”“โอเคครับที่รัก”—------------------------“แกแน่ใจนะนีนว่าจะทำแบบนี้อ่ะ ไม่กลัวคุณกรเค้าน้อยใจเหรอวะ”เปรมาถามด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนวางแผนจะทำอยู่ตอนนี้ แถมเธอยังกลายมาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดโดยไม่ตั้งใจอีกต่างหาก “อือ พี่กรไม่ใช่คนคิดมากแบบนั้นสักหน่อย”“คิดแทนเค้าละหนึ่ง เอาดีๆนะเ
“หนาวมั้ยครับ”วิกรหันมาถามภรรยาที่เดินข้างๆด้วยความเป็นห่วง ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ญี่ปุ่นนั้นอากาศหนาวมากๆ มือหนาเอื้อมไปกระชับผ้าพันคอให้นีรนาราอีกครั้งแล้วจับมือเล็กมากุมไว้เหมือนเดิม“นิดหน่อยค่ะ พี่กรล่ะคะ”“เหมือนกันครับ แต่ว่าอากาศดีมากเลยไม่ได้เดินสูดอากาศแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ”วิกรบอกพลางยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี มองไปรอบๆที่มีผู้คนมากมายออกมาเที่ยวชมงานเทศกาลอย่างคึกคักก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยได้สัมผัสกับงานอะไรแบบนี้ ถึงจะเคยไปเที่ยวกับครอบคัวก็ไม่เคยไปเดินเล่นเพราะขี้เกียจจนเอาแต่นอนซะมากกว่า“ก็พี่กรเอาแต่ทำงานไม่ยอมหยุดเลยนี่คะ นีนคิดว่าหยุดยาวนี้จะไม่ได้มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วซะอีก”“ต้องได้มาสิครับ พี่วางแผนไว้แล้วนี่นา”“แต่ความจริงก็ไม่ถึงกับต้องมาหลายวันก็ได้นะคะ เกรงใจคุณอัคคีเค้ามากเลย”นีรนาราอดจะพูดถึงคนที่มาดูแลบริษัทแทนวิกรไม่ได้ เมื่อวิกรขอหยุดยาวแล้วเรียกให้หุ้นส่วนน้อยนิดอย่างอัคคีเข้ามารับภาระไปเต็มๆจนอัคคีโวยวายอยู่นาน“ไม่ต้องไปเกรงใจมันหรอกครับ ยังไงนั่นก็งานมันเหมือนกัน อีกอย่างคนอย่างมันก็ไม่ได้จะไปไหนอยู่แล้วนอกจากอยู่บ้าน”“จริงเ
“ดูอะไรคะ”นีรนาราถามพลางเดินเข้าไปใกล้วิกรที่ดูอะไรบางอย่างในมือถืออยู่ ร่างสูงหันมายิ้มให้เจ้าสาวคนสวยก่อนจะยื่นมือถือให้ดู“ไออุ่นน่ะครับ เค้าส่งข้อความมายินดีแล้วก็ขอโทษที่เคยทำให้ลำบาก”“เค้าสบายดีใช่มั้ยคะ”นีรนาราถามหลังกวาดตาอ่านเพียงคร่าวๆแล้วส่งคืนให้เจ้าของ วิกรพยักหน้าแล้วเล่าถึงอดีตคนรักที่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ต่างประเทศเพื่อรักษาจิตใจตัวเอง“ครับ เค้าย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้วบอกว่าจะเปิดร้านขนมที่นั่นด้วย”“ถ้าเค้ามีความสุขได้จริงๆก็ดีนะคะ เค้าน่าสงสารมากๆเลย”นีรนาราบอกด้วยความเห็นใจเพราะรู้ว่าอริสาต้องต่อสู้กับการรักษาโรคซึมเศร้าที่เป็นอยู่ด้วย ไหนจะครอบครัวที่กดดันอยู่ตลอด ไหนจะต้องตัดใจจากความรักที่ฝังแน่นในใจมานานอีก เป็นใครก็คงทรมานไม่ต่างกัน“ไม่โกรธเค้าเหรอครับ”“ถามเหมือนไม่รู้จักนีนเลยนะคะ”“ล้อเล่นครับ พี่รู้ว่านีนไม่คิดอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว”วิกรยิ้มออกมาก่อนจะจับมือนีรนารามากดจูบลงที่หลังมือขาวอย่างเอาใจ ถึงจะไม่ได้รู้ใจทุกอย่างแต่ก็มั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองรู้จักว่าที่ภรรยาดีที่สุดกว่าใครทั้งนั้น นีรนาราที่ดูเหมือนเฉยชากับทุกอย่างแต่ในใจกลับอ่อนโยนและเห็นใจคนอื่นอยู่เ
ช่วงเวลายามดึกบนยอดดอยในช่วงเดือนธันวาคมนั้นอากาศค่อนข้างเย็นพอสมควร ยิ่งมีสายลมที่พัดผ่านไปเป็นระยะๆก็ยิ่งสร้างความหนาวให้กับนักท่องเที่ยวที่มาสัมผัสอากาศแบบนี้ไม่น้อย ไม่ต่างจากนีรนารากับวิกรที่พากันมาชมดาวบนดอยแห่งนี้ด้วยเช่นกัน เพราะตกลงกันว่าจะมาก่อนกำหนดแต่งงานเพื่อพากันมาดูดาวที่นี่ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะมากๆทั้งคู่เลยเลือกบ้านพักแทนตั้งเต้นท์เพราะอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะมาถึงตรงนี้ได้”จู่ๆวิกรที่เงียบมานานก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไปจนนีรนาราที่กำลังมองดาวเพลินๆงง ร่างบางที่เอนตัวพิงอกแกร่งผละตัวออกมาก่อนจะมองหน้าวิกรแล้วถามด้วยความสงสัย“หมายถึงอะไรคะ”“ก็พอมองย้อนกลับไปแล้ว เรารู้จักกันทำงานด้วยกันมาตั้งนานไม่เคยนึกถึงภาพอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง ทำไมเราถึงไม่ได้ชอบกันตั้งแต่แรกเจอนะว่ามั้ย”“มันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรักแรกพบนี่คะ อีกอย่างต่อให้เราเป็นแบบนั้นจริงก็ไม่แน่ว่าจะคบกันจนมาถึงวันนี้ได้นี่นา”นีรนาราตอบตามที่คิด ความรักเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อสำหรับเธอเสมอไม่ว่าจะในสถานะไหน จะแอบรัก รักแรกพบ หรือรักที่มั่นคงตั้งแต่เด็กจนถึงว
“นักธุรกิจที่มีบริษัทใหญ่โตอย่างคุณคงมองว่าที่นี่เล็กไปเลยสินะ”ประดิพัทธ์ถามพลางขำออกมาเบาๆ ในน้ำเสียงไร้ความประชดเพียงแต่พูดตามความเป็นจริงเพราะรู้ดีว่าวิกรนั้นบริหารธุรกิจที่ใหญ่มากขนาดไหน หากเป็นก่อนหน้าจะได้รู้จักกันคงมีแต่อคติเท่านั้น แต่พอได้ฟังเรื่องราวหลายๆอย่างจากวิภาดาคนเป็นแม่มาแล้ว จากที่ไม่ชอบใจก็กลายเป็นชื่นชมแต่ก็ไม่คิดแสดงออกมาให้เห็นง่ายๆวิกรมองใบหน้าคนที่เรียกมาคุยส่วนตัวในยามเย็นแบบนี้ ก่อนจะพยักหน้าและตอบออกมาตามความเป็นจริง“ถ้าถามขนาดก็ใช่ครับ แต่ถ้ามองในมุมนักธุรกิจผมว่ามันสามารถขยายไปได้ไม่ต่างจากของผมเลย”“หึ แค่พูดก็ฟังดูเหมือนจะทำได้นั่นแหละนะ แต่เอาเข้าจริงคุณก็รู้ว่ามันจะโตขนาดนั้นได้ก็ต้องใช้ทั้งเงินทั้งเวลาอีกไม่รู้เท่าไหร่”“ก็จริงครับ แต่ถ้าอยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยนะครับผมยินดี”วิกรบอกด้วยความจริงใจ ตั้งแต่มาถึงนี่ก็สังเกตและเก็บรายละเอียดทุกอย่างที่เห็นผ่านตาตามนิสัยนักธุรกิจ รู้ดีว่าการพัฒนาที่นี่ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ต้องใช้เวลานานพอสมควรอย่างที่พ่อของนีรนาราว่า “ไม่รบกวนคุณหรอก ยังไงพวกเราก็แค่ทำเท่าที่ตัวเองยังสบายๆกันอยู่ไม่ได้หวังให้มันเติบโ
“คุณแม่จะไปไหนนะครับ”วิกรถามด้วยความตกใจเมื่อคนเป็นแม่โทรมาบอกว่าจะไปต่างจังหวัดสักพัก แต่ต่างจังหวัดที่ว่าคือบ้านของนีรนาราทำเอาตกใจจนต้องถามย้ำอีกครั้ง“ตกใจอะไรขนาดนั้นล่ะคะลูก แม่จะไปบ้านหนูนีนค่ะ”“ไม่ได้นะครับ ผมบอกแล้วไงว่าเค้ายังไม่ยอมรับที่ผมกับนีนคบกัน”วิกรรีบห้ามไว้ทันทีเมื่อแม่ตอบชัดเจน ที่บอกว่าอยากให้แม่ช่วยก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้ไปถึงบ้านขนาดนี้ซักหน่อย“แม่รู้แล้วค่ะไม่ต้องย้ำ แต่แม่มีวิธีของแม่ก็แล้วกันน่าไม่ต้องห่วงหรอก”“แต่คุณแม่ครับ มันจะไม่แย่ลงใช่มั้ย”วิกรถามด้วยความกังวล กลัวว่าแม่จะไปรุกเกินจนอีกฝ่ายยิ่งไม่พอใจมากขึ้นอีก แต่วิภาดากลับถามย้อนลูกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทันที“เชื่อใจแม่มั้ยคะ”“เชื่อสิครับ แต่ว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องจะไปคุยกันง่ายๆซะหน่อยคุณแม่ก็รู้ ไว้ผมหาวิธีเองดีกว่าครับ”วิกรตอบแบ่งรับแบ่งสู้ยังไม่อยากเสี่ยงอะไรมากในตอนนี้ ไม่รู้ว่าต้องรับมือกับพ่อของนีรนาราแบบไหนเพราะไม่เคยได้เจอหรือรู้จักมาก่อน แต่หากได้รู้จักตัวตนอีกนิดคงหาทางรับมือได้ไม่ยาก แต่คำตอบนั้นกลับสร้างความไม่พอใจให้คนเป็นแม่จนโวยวายออกมาอีกรอบ“โอ้ย แม่รอไม่ไหวแล้วค่ะเอาเป็
“มากันไวจังวะ”วิกรยิ้มทักทายเพื่อนสองคนที่นั่งรออยู่ในห้องเดิมที่เคยนัดกันมาดื่มประจำ ก่อนจะได้สายตาเหยียดๆมาจากทั้งพีรวิชญ์และอัคคีราวกับไปทำอะไรไม่ดีมาจนต้องหุบยิ้มทันที“ไม่มีใครไวทั้งนั้นมึงแค่มาเลยเวลานัดเองอย่าเนียน”“แหม่ แกล้งๆทำเหมือนดีใจที่เจอกูบ้างก็ได้เนอะ”วาิกรเบ้ปากใส่ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเพื่อนๆ “ทำไมกูต้องทำ ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”อัคคีว่าพลางมองวิกรแรงกว่าเดิมอย่างไม่คิดถนอมน้ำใจสักนิด หากเป็นคนอื่นมาเห็นคงคิดว่าเป็นศัตรูกันไม่น่าใช่เพื่อนสนิทแน่ๆ“อือ กูก็ไม่น่าเล่นแต่แรกเลย ไงพีนัทช่วงนี้ร้องเพลงจนเสียงแหบเลยเหรอมึงอ่ะ”“ก็นะ คนมันฮ็อตมากกูก็เหนื่อยเหมือนกัน”พีรวิชญ์ยืดอกรับคำชมอย่างไม่คิดจะถ่อมตัวสักนิดจนวิกรส่ายหัวให้กับความมั่นอกมั่นใจเกินเหตุของเพื่อน“พอกูจะชมก็เป็นแบบนี้แหละมึงอ่ะ มั่นหน้า”“ก็มีให้มั่นอ่ะค้าบ มึงเถอะได้ข่าวว่าโดนสกัดขาตั้งแต่นอกสนามเลยเหรอวะ”พีรวิชญ์ยักคิ้วกวนๆใส่เพื่อนก่อนจะถามกลับเชิงหยอก รู้ว่าวันนี้วิกรเรียกมารวมตัวเพราะอยากปรึกษาเรื่องที่บ้านของนีรนาราไม่ยอมรับการคบกันของทั้งคู่ เลยต้องทำหน้าที่เพื่อนที่ดีตัดกำลังใจกันหน่อย“กูไม่ได้ไปเ
“ค่ะพี่เหนือ”นีรนารารับสายจากขุนเขาด้วยความแปลกใจ เพราะปกติอีกฝ่ายแทบไม่เคยโทรมาหาหากไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ ขนาดจะแชทคุยกันก็ยังนานๆครั้งเลยด้วยซ้ำ พอเป็นแบบนี้ใจคอก็ไม่ค่อยดีขึ้นมาเพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับที่บ้านเธอ‘นีน คือพี่มีเรื่องอยากคุยด้วยตอนนี้สะดวกมั้ยครับ’“ได้ค่ะ พอมีเวลานิดนึงพี่เหนือมีอะไรเหรอคะ”นีรนารามองนาฬิกาที่ยังเหลือเวลาจากช่วงพักอยู่นิดหน่อยก่อนจะตั้งใจฟัง แต่ขุนเขากลับทิ้งช่วงไปสักพักก่อนจะพูดอึกอักจนนีรนาราพลอยลุ้นไปด้วย‘คือ พี่เผลอหลุดปากเรื่องที่นีนมีแฟนกับลุงพัทไปอ่ะครับ แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจนะก็ลุงเค้ามาถามเรื่องแต่งงานพี่เลยอธิบายไปแต่พูดละเอียดเกินไปหน่อย พี่ขอโทษนะครับ…’ขุนเขาที่ตั้งใจจะโทรมาขอโทษอธิบายเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด กลัวเหลือเกินว่านีรนาราจะเข้าใจผิดหลังจากคุยกับพ่อของนีรนาราเสร็จก็รีบโทรมาบอกทันที“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เหนือ ยังไงวันนึงพ่อก็ต้องรู้อยู่แล้ว นีนเองก็ตั้งใจจะบอกเร็วๆนี้เหมือนกันค่ะ”นีรนารายิ้มออกมาได้เมื่อไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอย่างที่กลัว แต่จะว่าไม่กังวลก็ไม่ใช่เพราะรู้ดีว่าพ่อต้องโทรมาคุยภายในวันนี้แน่ๆ ไอ้ที่ว่าตั้งใจจะบอกก็ไม่
แสงไฟสีส้มภายในห้องที่ถูกหรี่ลงจนเหลือเพียงความสว่างน้อยนิด ไม่อาจบดบังใบหน้างดงามที่บัดนี้ภายในดวงตาที่เคยกลมโตกลับหรี่ปรือและหยาดเยิ้มเต็มไปด้วยความรู้สึก มันระคนไปด้วยความเจ็บปวดและสุขสมจนดูยั่วยวนชวนมองมากกว่าในยามปกติ มากเสียจนคนที่มองอยู่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้และเผลอโจนจ้วงเข้าใส่ด้วยความลืมตัว“อื้อ”เสียงหวานครางกระเส่ายามถูกเคล้นคลึงและขบกัดด้วยริมฝีปากร้อน เรียวลิ้นที่ทำหน้าที่อยู่นั้นสร้างความหวามไหวไปทั่วร่าง ไม่ต่างจากจุดอ่อนไหวด้านล่างที่ถูกโจนจ้วงเน้นหนักราวจะตราตรึงความซ่านเสียวให้เธอจนแทบขาดใจ เรือนร่างเย้ายวนขาวผ่องบิดเร่าไปตามคลื่นความกระสันที่สาดซัด แอ่นหน้าอกเข้าหาสัมผัสอย่างไม่อาจควบคุม ขณะที่เอวบางกลับถูกกดตรึงติดที่นอนนุ่ม รับการตอกอัดที่เร่งเร้าหนักหน่วงจนต้องแหงนเงยหน้าครวญครางอย่างสุดจะกลั้น“ไม่ ไม่ไหว”มือขาวทั้งจิกทั้งข่วนเข้าที่แขนแกร่งด้วยความกระสันที่เกินต้าน ยิ่งถูกความแข็งแกร่งที่เร่าร้อนตอกอัดเข้ามาจนจุกแน่น ใบหน้าสวยยิ่งบิดเบ้กัดปากส่ายหน้าราวกับจะทนไม่ไหวเข้าจริงๆ“อา อีกนิด”เสียงทุ้มกระซิบพร่าตรงใบหู ก้มลงจูบแก้มเนียนอย่างปลอบประโลม สวนทางกับส...
ความคิดเห็น