“ฮ่าๆๆคุณแม่กัดหูเลย”
ใยไหมที่คิดว่าคนเป็นพ่อและคนเป็นแม่แกล้งกันเฉยๆเหมือนที่เธอก็เคยแกล้งกับน้องชายของเธอจึงหัวเราะร่าเมื่อเห็นคนเป็นพ่อร้องออกมา
“คุณพ่อเจ็บไหมครับ”
ใบหม่อนเด็กชายผู้อ่อนโยนเมื่อเห็นคนเป็นพ่อร้องก็เลยหันมาถามด้วยความสงสัยว่าคุณพ่อของเขานั้นเจ็บมากหรือเปล่าต่างจากคนเป็นพี่ที่เอาแต่หัวเราะร่า
“ไม่เจ็บเลยครับให้คุณแม่กัดอีกก็ยังได้”
เมฆายังมีกะใจหันไปพูดเล่นกับเด็กๆทั้งที่ยังรู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่ใบหูของเขาอยู่เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่กำลังแดงระเรื่อเป็นลูกตำลึงก็คิดว่าการเจ็บตัวครั้งนี้มันคุ้มค่ากันแล้ว
ณัฐนิชาปั้นสีหน้าไม่ถูเพราะยังเขินอายกับวินาทีที่ใบหน้าใกล้กันกับชายหนุ่มเธอได้แต่ใช้สายตามองค้อนคนฉวยโอกาสเล็กน้อยที่ดูคำพูดที่เขาพูดกับลูกๆเป็นการเอ่ยแซวเธอให้รู้ตัว
ครู่ต่อมา
“คุณเมฆไม่ต้องกลับไปทำงานบ้างหรือไงคะ”
ณัฐนิชานั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวกับเด็กๆและเมฆาเธอค่อนข้างที่จะเกรงใจเขาอยู่มากที่มาอยู่ที่นี่ช่วยเธอดูแลลูกๆและยังไม่เห็นมีวี่แววว่าเขาจะกลับไปทำงานของเขาเสียทีเหมือนที่เธอคิดไว้คราแรก
“อืม...นี่ไล่ผมหรือเปล่าครับ”
เมฆาวางช้อนลงอย่างเบามือชายหนุ่มใจเสียเล็กน้อยพร้อมหันมาถามหญิงสาวให้หายคาใจว่าเธออยากไล่เขาไปเหมือนที่เขาคิดหรือเปล่า
“เอ่อ..เปล่าค่ะ...คือนิหมายถึงงานธุรกิจของคุณเมฆก็มีหลายอย่างอีกอย่างเห็นป๋อมแป๋มบอกว่าคุณก็ไม่ได้ไปดูตอนที่ทีมไปที่เกาะด้วย”
ณัฐนิชาไม่ได้อยากที่จะไล่เขาแต่กลัวว่าเธอและลูกๆจะทำให้เขาเสียงานเปล่าๆคิดไปคิดมาพอนึกถึงว่าถ้าหากชายหนุ่มไม่อยู่ที่นี่แล้วเธอก็คงใจหายแปลกๆเหมือนกัน
เพราะตอนนี้เธอเองก็มีแอบจะหวั่นไหวไปกับเมฆาบ้างแค่ไม่รู้ตัวเท่านั้นเองอีกทั้งก็ยังเก็บคำพูดของชายหนุ่มที่เธอได้ยินว่าเขาไม่อยากมีครอบครัวมาเก็บไว้ในหัวสร้างกำแพงกั้นไว้อีกต่างหาก
“เรื่องบ้านเวจัดการได้ครับส่วนเรื่องงานตอนนี้คุณพ่อผมก็ดูแลให้อยู่ไม่ได้มีปัญหาอะไรผมอยู่กับคุณกับลูกได้ตลอดเลย”
เมฆารู้ว่าหญิงสาวไม่ได้อยากไล่เขาไปไกลๆแค่นี้ก็พอแล้วส่วนเรื่องงานมันก็ไม่ได้ยุ่งจนเขานั้นต้องไปดูด้วยตัวเองเขามีเวลาอยู่กับเธออีกนานเลย
“เอ่อ...ค่ะ”
“เดี่ยวทานข้าวเสร็จแล้วผมว่าจะเข้าเมืองไปหาซื้อของให้เด็กๆทานข้าวแล้วเดี่ยวเราเตรียมตัวไปกันเลยนะครับ”
เมฆารู้ว่าวันนี้หญิงสาวว่างเลยจะถือโอกาสนี้ชวนเธอเข้าเมืองไปหาซื้อของใช้ใหม่ให้เด็กๆเสียเลยครั้นเขาจะไปคนเดียวก็กลัวจะเลือกไม่ถูกแล้วก็อยากจะพาเด็กๆไปเที่ยวข้างนอกด้วย
“ค่ะ”
ณัฐนิชาไม่ได้ปฏิเสธที่ชายหนุ่มจะพาเธอกับลูกๆออกไปข้างนอกเพราะเธอเองก็ว่าจะวานให้เขาพาไปอยู่แล้วมีเขาอยู่ก็แบ่งเบาภาระเธอได้เยอะอยู่เหมือนกัน
ร้านยา
“อ้าวคุณมาทำอะไรยังไม่ถึงเวลาเลิกงานฉันเลย”
รินทร์ธาราเห็นวายุเดินเข้าร้านมาตั้งแต่ยังไม่เที่ยงจึงทักขึ้นด้วยความสงสัย
“ผมมารับคุณไปดูผมซ้อม...ส่วนงานผมลากับเจ้าของร้านคุณให้แล้วไม่เชื่อดูในไลน์คุณสิ”
พักหลังๆมานี้วายุชอบทำตัวให้ติดอยู่กับรินทร์ธาราตลอดเวลาวันไหนเธอหยุดเป็นไม่ได้จะต้องลากเธอตะลอนๆไปไหนมาไหนเรื่อยเปื่อยดูท่าวันนี้จะหนักเอาการเพราะเล่นลางานให้เธอเสร็จสรรพ
“อืม...นี่คุณทำไมชอบทำอะไรไม่บอกฉันก่อนฮะ”
รินทร์ธารามองดูมือถือปรากฏว่ามีข้อความจากเจ้าของร้านอนุญาตให้เธอลางานได้จึงเงยหน้ามาต่อว่าวายุที่ทำอะไรไม่ปรึกษาเธอเลยสักนิด
“ไปเหอะน่า...ผมว่าจะไปทานข้าวที่ห้างแถวนี้ก่อนแล้วคุณก็ต้องไปกับผมด้วยพอทานข้าวแล้วเราก็ไปที่สนามซ้อมกัน”
วายุจัดการเดินไปหยิบกระเป๋าและจูงมือหญิงสาวออกมาจากร้านอย่างรวดเร็วจนเด็กที่อยู่ในร้านถึงกับงงพร้อมพาเธอลงมายัดในรถที่ข้างเบาะคนขับอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก
“ทำไมต้องลากฉันไปดูคุณประจำเลยมันร้อนคุณเข้าใจไหม”
รินทร์ธาราบ่นอุกเธอไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มชอบลากเธอไปด้วยนักหนาอากาศก็ออกจะร้อนที่เธอไม่ชอบไปนั่งดูก็เพราะแบบนี้แหละ
“ก็ผมอยากให้คุณดูผมนี่นา...ผมรู้สึกว่าเวลาคุณนั่งดูผมมันทำให้ผมทำผลงานได้ดี”
วายุเปรยสายตามองรินทร์ธาราครู่หนึ่งและหันกลับไปดูทางเพื่อขับรถต่อเขารู้สึกว่าการมีหญิงสาวไปนั่งดูเขามันทำให้เขานั้นมีกำลังใจในการซ้อมขึ้นเยอะและทำเวลาได้ดีอีกด้วยถ้าเป็นไปได้อยากจะให้เธอนั่งเฝ้าเขาทุกวินาทีที่ซ้อมแข่งและลงแข่งเลยด้วยซ้ำ
“แบบนี้ไม่พาฉันซ้อนท้ายด้วยเลยล่ะจะได้ชนะถ้าฉันทำให้คุณทำผลงานได้ดีขนาดนั้น”
รินทร์ธาราอดที่จะประชดไม่ได้เพราะเธอไม่ค่อยจะเชื่อถือในคำพูดของวายุเท่าไรว่าอันไหนพูดจริงอันไหนพูดเล่นคำพูดที่ดูเหมือนจีบเธอที่ออกมาจากปากเขาหญิงสาวเองก็ไม่เคยสนใจเพราะเข้าใจว่าวายุเป็นคนกะล่อน
“คุณจะไปกับผมไหมล่ะ”
“ฉันล้อเล่นย่ะ”
ทั้งสองยังคงถกเถียงกันเป็นประจำแบบนี้อยู่เรื่อยมาทั้งที่ก็เจอกันแทบทุกวันแต่ทุกครั้งก็ยังไม่วายที่จะกัดกันอย่างไม่มีใครยอมใครแต่มันก็ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูสนิทสนมกันมากก็เพราะเถียงกันทุกวันนี้แหละ
ห้างสรรพสินค้าเมื่อทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองได้ก็เดินดิ่งตรงมาที่ร้านขายของใช้เด็กพร้อมเลือกของกันอยู่ร่วมชั่วโมงจนได้ของครบเกือบทุกอย่างแล้ว“แบบนี้ใหญ่ที่สุดในร้านเลยค่ะ”พนักงานสาวที่ร้านหยิบอ่างอาบน้ำของเด็กที่ใหญ่ที่สุดในร้านมาให้เมฆาดูพร้อมบอกว่าที่เธอเลือกมาก็ใหญ่สุดของในร้านแล้วเธอเหลือบมองเด็กทั้งสองเธอก็เข้าใจได้ว่าทำไมลูกค้าของเธอจึงต้องการอ่างอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุดของเด็ก“อืม...งั้นเอาสองใบนี้สีฟ้ากับชมพูครับ”เมฆาเห็นว่าอ่างอาบน้ำที่พนักงานสาวหยิบมาให้เขาดูนั้นมันก็ใหญ่กว่าแบบเดิมที่ใช้อยู่ที่บ้านของหญิงสาวจริงแต่เมื่อเทียบกับตัวเด็กๆแล้วมันก็ยังดูใช้ได้ไม่นานเท่าไรแต่ก็มีแก้ขัดไปก่อนก็ยังดีจึงตัดสินใจซื้อของสองชิ้นสุดท้ายนี้แล้วออกมาจากร้านอย่างรวดเร็วเพราะเห็นว่าลูกๆของเขาทั้งสองจะเริ่มงอแงไม่อยากอยู่กับที่นานๆแล้ว“เดี๋ยวนิขอพาเด็กๆไปเล่นตรงบ้านบอลก่อนนะคะดูท่าอยากจะเล่นแย่แล้ว”“ไปค่าคุณแม่”“อยากเล่นแล้วคร้าบ”ณัฐนิชาเลือกซื้อของใช้เสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินออกมาจากร้านเพื่อพาเจ้าสองแสบไปเล่นตรงโซนเครื่องเล่นเด็กตามคำขอของลูกๆหากไม่พาไปต
“อยู่สนามแข่งXXXจะมาทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ”ณัฐนิชาถึงกับทำหน้าเซ็งที่ป๋อมแป๋มจะมาก็ไม่บอกไม่กล่าวกันก่อน“ก็อยากจะเซอร์ไพรซ์นี่นาโอเคอีกไม่ถึงสิบนาทีเจอกันเดี่ยวไปหา”ป๋อมแป๋มเห็นว่าตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยู่ไกลกับสนามแข่งที่ณัฐนิชาบอกมากก็เลยนัดไปเจอกันที่นั่นทีเดียว10 นาทีต่อมา“เป็นไงพี่ฝีมือผม”ซ้อมรอบแรกวายุทำเวลาได้ดีก็อดมาอวดความเก่งกับคนที่นั่งดูอยู่ไม่ได้ตอนนี้เขาขอเวลาพักสักสิบนาทีเพื่อการซ้อมรอบต่อไปต่อ“ขอให้รักษาระดับนี้ไว้ให้ดีก็แล้วกัน”เมฆาเห็นฝีมือการขับรถของน้องเขาดีขึ้นก็ยิ้มออกดีใจกับวายุที่ทำในสิ่งที่ตัวเองรักออกมาได้ดีเขาเองก็เอาใจช่วยให้น้องชายของเขารักษามาตรฐานแบบนี้และพยายามทำให้มันดีขึ้นตลอดก็แล้วกัน“สวัสดีค่ะทุกคน”ป๋อมแป๋มเดินจอดรถที่ลานจอดเมื่อมองเห็นไกลๆจำได้ว่าเป็นรินทร์ธารานั่งอยู่จึงเดินเข้ามาหาพร้อมกับทักทายทุกคนที่กำลังคุยกันอยู่“อ้าวคุณแป๋ม”วายุเห็นเป็นป๋อมแป๋มก็ทักขึ้นเขาคิดว่าเธอจะอยู่ที่เกาะเสียอีกเลยแปลกใจเมื่อเห็นเธออยู่ที่นี่“พี่แป๋มหวานนึกว่าอยู่ที่เกาะซะอีก”รินทร์ธาราเองก็คิดเช่นเดียวกับวายุเพราะรู้ว่าป๋อมแป๋มต้องพาทีมไปทำงานที่เกาะ“พอดีแวะ
“จริงด้วยเดี่ยวฉันไปดูข้างนอกก่อนนะแก”“คุณผู้หญิงครับคือ...มีผู้ชายนอนจมกองเลือดอยู่ในห้องน้ำไม่ทราบว่ามากับพวกคุณหรือเปล่ารบกวนไปดูหน่อยครับ”ป๋อมแป๋มกำลังจะปิดประตูเดินออกไปแต่ก็มี ร.ป.ภ เปิดประตูเข้ามาเสียก่อนด้วยสีหน้าที่หน้าตาตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัดเรื่องที่ ร.ป.ภ แจ้งนั้นทำเอาทั้งสองสาวที่ใจเสียอยู่แล้วตอนนี้ใจเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะมันมีแต่เรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นทั้งสองสาวภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าเป็นคนที่เธอทั้งสองรู้จักเลย“เราไปดูกันแป๋มหวังว่าจะไม่ใช่คนที่เรารู้จักนะ”ณัฐนิชาชักจะใจไม่ดีแล้วคิดว่ายังไงเธอก็จะต้องไปดูด้วยตัวเองให้เห็นกับตาหากไม่ใช่คนที่รู้จักก็จะได้ไม่ต้องกังวลอีกเรื่องเธอจึงปล่อยให้ลูกทั้งสองของเธออยู่ในห้องนี้ก่อนเพราะคิดว่าไม่นานเธอก็จะกลับมาอยู่แล้วคงไม่เป็นอะไร“ทางนี้เลยครับ” ร.ป.ภ. เดินนำหน้าสองสาวมาอย่างรวดเร็วตอนนี้สองสาวเกาะกุมมือกันแน่นเพราะใจไม่ดีเท่าไรตอนนี้ณัฐนิชาสังเกตเห็นว่าที่หน้าห้องน้ำชายตอนนี้มี ร.ป.ภ ของที่นี่อีกสองสามคนกำลังยืนคุมสถานการณ์อยู่และกำลังโทรเรียกตำรวจและพยาบาลกันเจ้าละหวั่นเพราะเหตุเกิดถึงสองที่ในคราเดียวกัน“คุณเมฆ!!!..
20 นาทีต่อมา“สองคนเป็นยังไงบ้าง”มัทนารู้ข่าวก็รีบบินมาที่เชียงใหม่อย่างเร่งด่วนคราแรกพอรู้ข่าวก็แทบลมจับแต่เมื่อรู้ว่าลูกทั้งสองของเธอปลอดภัยก็โล่งใจขึ้นมาอีกเปราะ“สวัสดีค่ะคุณมัทคุณรงค์ตอนนี้คุณเมฆยังไม่ฟื้นค่ะส่วนคุณไวท์ตอนนี้เข้าเฝือกอ่อนไว้อยู่ค่ะเย็นๆหมอน่าจะผ่าตัดให้ค่ะ”ป๋อมแป๋มยืนลูบหลังให้กำลังใจณัฐนิชาที่นั่งน้าตาไหลไม่เหือดแห้งเอาแต่จับมือม่านเมฆไม่วาง เมื่อเห็นมัทนาและธำมรงค์เปิดประตูเข้ามาก็ยกมือสวัสดีท่านทั้งสองพร้อมบอกอาการของชายหนุ่มทั้งสองให้คนเป็นพ่อกับแม่ของพวกเขาได้รับรู้“นี่เจ้าลูกชายเรามันไปเหยียบหางใครเค้ามาหรือเปล่าถึงได้โดนแบบนี้”ธำมรงค์พอจะมองเหตุการณ์ออกว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนที่ทุกคนสงสัยเพียงแค่ตอนนี้เขาก็เหลือแต่ปรึกษากับตำรวจให้แน่ใจอีกที“พวกเราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะตอนนี้ก็ต้องรอทางตำรวจตรวจสอบอีกทีค่ะ”ป๋อมแป๋มพยักหน้าคือตอนนี้ใครๆก็พอจะมองออกว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆรถของชายหนุ่มที่ใช้ซ้อมอยู่เป็นประจำและมีทีมงานที่มีฝีมือตรวจสอบอยู่ตลอดจะเกิดเหตุการณ์ขัดข้องกะทันหันจนเป็นสาเหตุให้วายุได้รับบาดเจ็บและจู่ๆเมฆาก็มาโดนทำร้
“เมื่อไรจะตื่นเนี่ยคุณรู้ไหมฉันเป็นห่วงคุณจนเสียการเสียงานแล้วนะ”รินทร์ธาราวางกระเป๋ากับกล่องข้าวที่เธอซื้อมาเผื่อพี่สาวของเธอที่โต๊ะวางของก่อนจะเดินไปจ้องที่ใบหน้าอันซีดเซียวของวายุพูดคุยกับคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ด้วยอาการเป็นห่วงแต่คำพูดของเธอก็ดูจะวางฟอร์มเสียหน่อยตามแบบของเธอเอง“จะว่าไปคุณก็หล่อเหมือนกันนะตอนที่นอนนิ่งๆไม่กวนประสาทฉันน่ะ...จมูกก็โด่งคิ้วดกดำปากก็หนา...แต่ก็หัวเถิกไปนิด...หน้าแบบนี้สินะที่พวกสาวๆติดกันแจ...”หญิงสาวก้มลงมองใบหน้าของชายหนุ่มที่หลับตาพริ้มเมื่อได้ลองสังเกตใกล้ๆเธอก็รู้สึกว่าตอนที่เขานอนนิ่งๆแบบนี้มันน่าดูกว่าเยอะเลยพร้อมยิ้มเยาะเมื่อพูดถึงใบหน้าของเขาใบนี้ที่ทำให้สาวๆแทบจะทุกคนติดแจจนเป็นข่าวมาให้เห็นแทบทุกครั้งที่มีการลงแข่ง“อืม...ตัวหอมแล้วนี่นาสงสัยพยาบาลจะมาเช็ดตัวให้แล้วใช่ไหมล่ะ...นอนเป็นผักให้พยาบาลสาวๆดูแลแบบนี้คงจะทำให้คุณสดชื่นไม่น้อยเลยนะรีบๆตื่นมานะจะได้เห็นเวลาพยาบาลเค้าทำอะไรกับร่างกายคุณ...อิๆๆ”วันนี้ที่หญิงสาวพูดเล่นกับวายุและอารมณ์ดีได้ก็เพราะสบายใจที่การผ่าตัดของชายหนุ่มผ่านไปด้วยดีตอนนี้ก็รอแค่ให้ฟื้นตัวเท่านั้นเมื่อพูดคุยกับคนที่
“คุณพ่อนอนนานจังเลยค่ะ”ใยไหมเริ่มสงสัยเพาะเด็กหญิงจำได้ว่าคนเป็นพ่อของเธอนอนที่เตียงนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ววันนี้ก็ยังนอนเหมือนเดิมอยู่เลยจึงเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา“แบบนี้คุณพ่อขี้เซาใช่ไหมคร้าบ”คนเป็นน้องชายก็มีทีท่าสงสัยพอๆกันพลางยืนคิดถึงคำพูดของคนเป็นแม่ที่เวลาตัวเองนอนตื่นสายคนเป็นแม่จะบอกว่าขี้เซาเด็กชายก็มีความคิดว่าคนเป็นพ่อก็คงจะขี้เซาเหมือนที่ตัวเองเคยเป็นเหมือนกันพร้อมเอ่ยถามคนเป็นแม่ด้วยท่าทีสงสัยตามพี่สาว“หืมม...ตอนนี้คุณพ่อไม่สบายค่ะเลยต้องนอนพักอีกไม่นานเดี๋ยวคุณพ่อก็ตื่นแล้วค่ะ”ณัฐนิชาฉีกยิ้มกว้างเอ็นดูกับคำพูดของเจ้าแฝดเหลือเกินก่อนจะบอกเหตุผลให้ลูกๆเธอได้เข้าใจว่าพ่อของพวกเขานั้นไม่ได้ขี้เซาอย่างที่คิด“จุ้บคุณพ่อค่ะ”“โอเคค่ะ.”ณัฐนิชาหันไปหาลูกสาวตัวกลมของเธอด้วยสีหน้าแปลกใจในคราแรกแต่เมื่อนึกขึ้นได้และรู้ว่าลูกของเธอจะทำอะไรก็รีบอุ้มลูกสาวตัวกลมของเธอให้โน้มตัวไปหอมแก้มคนเป็นพ่อที่นอนหลับอยู่ทันที“เดี๋ยวคุณพ่อก็หายแล้วค่ะ”ณัฐนิชาดีใจที่ลูกสาวของเธอนั้นจำพฤติกรรมของเธอได้เมื่อลูกทั้งสองของเธอป่วยเธอก็จะเข้าไปจูบที่แก้มแล้วอวยพรให้หายเร็วๆทุกครั้งแล้วลูกๆข
“โห...สายเปย์งั้นดิ..ฉันขอเข้าทำงานเลยค่ะคุณเจ้านาย”รินทร์ธาราไม่ปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอของชายหนุ่มเพราะเรื่องดูแลคนที่ป่วยอยู่เธอก็ถนัดอยู่แล้วอีกอย่างหากเธอเป็นผู้จัดการให้เขาก็จะได้ช่วยคัดคนที่จะมาเข้าทีมของเขาอีกด้วยเพราะเธอไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับชายหนุ่มอีกหนึ่งวันมาแล้วที่เมฆารู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาเมื่อชายหนุ่มรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาวินาทีนั้นมันเหมือนยกภูเขาออกจากอกของณัฐนิชาเธอยิ้มกว้างต้อนรับเขาอย่างดีใจและหลังจากที่เขาตื่นเธอก็คอยดูแลถามไถ่อาการของเขาอยู่ไม่ห่างคอยอยู่ให้เขานั้นเห็นหน้าเธอตลอดเวลา“ทานยาก่อนนะคะ”หลังจากที่ชายหนุ่มทานข้าวต้มและผลไม้ที่พยาบาลนำมาให้เรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็จัดการป้อนยาตามทันทีเธอดูแลเขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพราะอยากจะเห็นคนตรงหน้ากลับมาแข็งแรงโดยเร็ววัน“ขอบคุณครับ”“ถ้าปวดหัวหรือจะเข้าห้องน้ำเรียกนิได้ตลอดเลยนะคะ”“ครับ”“คุณเมฆอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะเดี๋ยวนิจะหามาให้คุณหมอบอกว่าตอนนี้คุณเมฆทานได้แทบทุกอย่างแล้วแต่นิว่าถ้าเป็นของหวานควรจะงดไว้ก่อนเพราะแผลยังไม่หายดีค่ะ”“ผมทานอะไรก็ได้ครับ”“ค่ะ”คำถามและท่าทีที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย
“คือคุณไม่ได้เป็นภาระนิสักนิดเลยนะคะ...คุณอย่าไปเลยนะคะอยู่ที่นี่ช่วยนิดูแลลูกๆได้ไหมคะอยู่กันเป็นครอบครัวอย่างที่คุณเคยขอนิไงคะ...”ณัฐนิชานิ่งงันหลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบประโยคเล็กน้อยตอนนี้เธอมีน้ำตาคลอออกมาก่อนจะเข้าไปสวมกอดที่ด้านหลังของชายหนุ่มพร้อมขอร้องให้เขาอยู่กับเธออย่างไม่สนศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้น“คุณนิไม่ลำบากใจแน่นะครับ”“ค่ะ”เมฆายังคงไม่หันหน้าไปหาหญิงสาวเขายังปล่อยให้เธอกอดเขาเอาไว้แบบนั้นก่อนจะถามหญิงสาวให้แน่ใจอีกทีว่าเธอนั้นคิดไม่ผิด“งั้นผมขอถามได้ไหมว่าทำไมเวลาที่ผ่านมาคุณถึงพยายามออกไปจากชีวิตผม”เมฆายังคงตั้งคำถามให้หญิงสาวได้ตอบเขาอยู่ไม่เลิกเมื่อมีโอกาสเคลียใจเขาก็อยากจะเคลียทันทั้งหมดกับเรื่องที่ยังค้างคาใจอยู่“นิแค่ยังกลัวกับเหตุการณ์ในวันนั้นแต่นิพยายามสลัดมันออกไปได้แล้วนะคะอีกอย่างก็คือนิรู้ว่าคุณเมฆไม่อยากมีครอบครัวหากนิกับลูกๆเข้ามาในชีวิตคุณในช่วงเวลาที่คุณเมฆไม่อยากมีพันธะนิคิดว่ามันคงทำให้ครอบครัวมีความสุขไม่ได้หรอกค่ะ...แต่ตอนนี้นิไม่สนอะไรแล้วค่ะจากเหตุการณ์ที่คุณเมฆเจ็บนิรู้ว่าควรใช้ชีวิตตามเสียงหัวใจโดยไม่มีทิฐิจะดีกว่า...เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่