“เมื่อไรจะตื่นเนี่ยคุณรู้ไหมฉันเป็นห่วงคุณจนเสียการเสียงานแล้วนะ”
รินทร์ธาราวางกระเป๋ากับกล่องข้าวที่เธอซื้อมาเผื่อพี่สาวของเธอที่โต๊ะวางของก่อนจะเดินไปจ้องที่ใบหน้าอันซีดเซียวของวายุพูดคุยกับคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ด้วยอาการเป็นห่วงแต่คำพูดของเธอก็ดูจะวางฟอร์มเสียหน่อยตามแบบของเธอเอง
“จะว่าไปคุณก็หล่อเหมือนกันนะตอนที่นอนนิ่งๆไม่กวนประสาทฉันน่ะ...จมูกก็โด่งคิ้วดกดำปากก็หนา...แต่ก็หัวเถิกไปนิด...หน้าแบบนี้สินะที่พวกสาวๆติดกันแจ...”
หญิงสาวก้มลงมองใบหน้าของชายหนุ่มที่หลับตาพริ้มเมื่อได้ลองสังเกตใกล้ๆเธอก็รู้สึกว่าตอนที่เขานอนนิ่งๆแบบนี้มันน่าดูกว่าเยอะเลยพร้อมยิ้มเยาะเมื่อพูดถึงใบหน้าของเขาใบนี้ที่ทำให้สาวๆแทบจะทุกคนติดแจจนเป็นข่าวมาให้เห็นแทบทุกครั้งที่มีการลงแข่ง
“อืม...ตัวหอมแล้วนี่นาสงสัยพยาบาลจะมาเช็ดตัวให้แล้วใช่ไหมล่ะ...นอนเป็นผักให้พยาบาลสาวๆดูแลแบบนี้คงจะทำให้คุณสดชื่นไม่น้อยเลยนะรีบๆตื่นมานะจะได้เห็นเวลาพยาบาลเค้าทำอะไรกับร่างกายคุณ...อิๆๆ”
วันนี้ที่หญิงสาวพูดเล่นกับวายุและอารมณ์ดีได้ก็เพราะสบายใจที่การผ่าตัดของชายหนุ่มผ่านไปด้วยดีตอนนี้ก็รอแค่ให้ฟื้นตัวเท่านั้น
เมื่อพูดคุยกับคนที่นอนแน่นิ่งเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินถือกล่องข้าวออกจากห้องไปเพราะจะต้องเอาไปให้พี่สาวไม่รู้ว่าป่านนี้จะได้ทานอะไรหรือยังเธอยิ่งรู้ว่าพี่ตนชอบเป็นคนคิดมากอยู่ด้วยวินาทีนี้เธอต้องคอยเป็นกำลังใจเยอะๆ
“หึ่...ยัยบ๊องเอ้ย!!”
หลังจากได้ยินเสียงหญิงสาวปิดประตูออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้ววายุก็สบถพูดออกมาเบาๆขณะที่ยังหลับตาอยู่ตอนนี้เขาได้ยินและรับรู้หมดทุกอย่างเพียงแค่เขาแค่ลืมตาไม่ขึ้นเท่านั้นเองน่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวดที่ทำให้เขาอยากพักผ่อนทั้งวันจะว่าไปเขาก็ใจชื้นอยู่ลึกๆเมื่อรับรู้ว่ารินทร์ธาราอยู่ข้างๆเขาไม่เคยห่าง
ก๊อกๆๆ
“พี่นิ..หวานเอาข้าวมาให้ค่ะ”
“ขอบใจจะ..”
รินทร์ธาราเห็นสีหน้าพี่สาวของเธอที่นั่งติดขอบเตียงตลอดเวลาก็รู้ได้ทันทีว่าคงจะกังวลจนทานอะไรไม่ลงแน่นอน
“มาทานข้าวกันเถอะค่ะ”
รินทร์ธาราจำต้องทานข้าวเป็นเพื่อนพี่สาวเธออีกรอบที่นี่เพราะไม่อย่างนั้นหากรอให้พี่สาวเธอทานเองโดยไม่ใช้วิธีนี้มีหวังไม่ยอมทานเป็นแน่
10 นาทีผ่านไป
“พี่อิ่มแล้ว”
ณัฐนิชานั่งเขี่ยข้าวในกล่องไปมาพลางตักเข้าปากบ้างนิดๆหน่อยๆเธอทานอะไรไม่ลงจริงๆไม่ได้อยากให้ตัวเองเป็นแบบนี้แต่มันฝืนได้ยาก
“หืมม...ข้าวยังไม่ยุบสักนิดเลยนะคะพี่นิ..ทานอีกนิดนะคะเดี๋ยวจะป่วยไปอีกคนฝืนหน่อยนะคะ”
รินทร์ธาราถึงกับวางช้อนลงหันมามองหน้าพี่สาวเธออย่างจริงจังเธอจะทนเห็นพี่สาวเธอเป็นแบบนี้ไม่ได้ไม่อย่างนั้นคนที่ป่วยอีกคนก็จะเป็นพี่สาวของเธอจึงต้องใช้ลูกบังคับกันบ้าง
“เดี๋ยวหวานไปดูคุณไวท์ก่อนนะคะ...แต่หวานจะมาหาพี่นิทุกเวลาที่ทานอาหารโอเคไหมคะ”
เมื่อเวลาผ่านมาพักใหญ่จนรินทร์ธารานั้นบังคับพี่สาวเธอทานข้าวจนเกือบหมดกล่องก็ได้เวลาที่เธอจะขอตัวกลับไปเฝ้าวายุต่อแต่เธอก็ยังจะต้องกำชับกับณัฐนิชาอยู่ดีว่าเธอจะมาเฝ้าพี่สาวเธอทานข้าวทุกเวลาที่ทานอาหารเพราะต้องการให้คนเป็นพี่ได้ทานอาหารทุกมื้อ
“จ้า”
ณัฐนิชาอมยิ้มให้น้องเธอเล็กน้อยอย่างน้อยเวลาที่เธอมีน้องสาวอยู่ใกล้ๆก็พอทานอะไรได้บ้างถ้าไม่มีเธอก็คงจะไม่บังคับตัวเองให้ทานอาหารอยู่ดี
“คุณแม่คร้าบ/คุณแม่ขา”
“เด็กๆ”
หลังจากรินทร์ธาราออกจากห้องไปพักใหญ่ณัฐนิชาหันไปตามเสียงเรียกของลูกๆเธอทั้งรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดหอมที่แก้มย้วยๆของเจ้าสองแสบอย่างคิดถึงเพราะไม่ได้นอนด้วยกันคืนนึงแล้วพรางมองไปที่ของเล่นในมือของลูกๆเธอก็รู้ได้เลยว่าคงไม่พ้นคนเป็นปู่กับย่าซื้อให้
“ตาเมฆเป็นยังไงบ้างจ้ะหนูนิ”
มัทนามองร่างลูกชายคนโตของเธอที่เตียงด้วยสายตาที่ค่อนข้างหดหู่
“หมอบอกว่าแผลยังมีอาการอักเสบอยู่นิดหน่อยค่ะเลยให้ยาฆ่าเชื้อทางน้ำเกลือตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นค่ะ”
ณัฐนิชาเฝ้าชายหนุ่มอยู่ตลอดก็ไม่ยักจะเห็นชายหนุ่มมีอาการตื่นมาเธอเข้าใจว่าคงเป็นเพราฤทธิ์ยาที่ให้ทางสายน้ำเกลือ
“ผมว่าอีกไม่นานลูกเราคงหายแล้วหละมีคนเฝ้าดีขนาดนี้”
“ค่ะ”
ธำมรงค์ไม่ได้กังวลอะไรกับอาการของลูกชายของเขาทั้งสองแล้วเพราะรู้สึกว่าลูกชายจะมีคนเฝ้าไข้ดีกันทั้งคู่ตอนนี้ก็เหลือแค่รอเวลาให้ฟื้นตัวกันอีกสักหน่อยก็เท่านั้น
“เด็กๆกวนบ้างหรือเปล่าคะ”
ณัฐนิชาอยากรู้ว่าลูกๆของเธอนั้นทำให้ทั้งสองนั้นลำบากหรือไม่เพราะถึงลูกของเธอจะเข้ากับคนง่ายแต่ถ้าหากนอนแปลกที่แปลกทางก็อาจจะทำให้งอแงอยู่บ้าง
“ไม่เลยจะเลี้ยงง่ายทานง่ายไม่ทำให้ปู่กับย่าเหนื่อยเลย”
“รู้แบบนี้ก็สบายใจค่ะ”
มัทนาไม่ได้รู้สึกว่าหลานๆของเธอจะเลี้ยงยากอะไรเลยสักนิดเด็กก็คือเด็กมีซนกันเป็นธรรมดาแต่จากประสบการณ์ที่เธอเคยเลี้ยงลูกมาถึงแม้ว่ามันจะนานมาแล้วแต่เธอก็เอาอยู่
“คุณพ่อนอนนานจังเลยค่ะ”ใยไหมเริ่มสงสัยเพาะเด็กหญิงจำได้ว่าคนเป็นพ่อของเธอนอนที่เตียงนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ววันนี้ก็ยังนอนเหมือนเดิมอยู่เลยจึงเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา“แบบนี้คุณพ่อขี้เซาใช่ไหมคร้าบ”คนเป็นน้องชายก็มีทีท่าสงสัยพอๆกันพลางยืนคิดถึงคำพูดของคนเป็นแม่ที่เวลาตัวเองนอนตื่นสายคนเป็นแม่จะบอกว่าขี้เซาเด็กชายก็มีความคิดว่าคนเป็นพ่อก็คงจะขี้เซาเหมือนที่ตัวเองเคยเป็นเหมือนกันพร้อมเอ่ยถามคนเป็นแม่ด้วยท่าทีสงสัยตามพี่สาว“หืมม...ตอนนี้คุณพ่อไม่สบายค่ะเลยต้องนอนพักอีกไม่นานเดี๋ยวคุณพ่อก็ตื่นแล้วค่ะ”ณัฐนิชาฉีกยิ้มกว้างเอ็นดูกับคำพูดของเจ้าแฝดเหลือเกินก่อนจะบอกเหตุผลให้ลูกๆเธอได้เข้าใจว่าพ่อของพวกเขานั้นไม่ได้ขี้เซาอย่างที่คิด“จุ้บคุณพ่อค่ะ”“โอเคค่ะ.”ณัฐนิชาหันไปหาลูกสาวตัวกลมของเธอด้วยสีหน้าแปลกใจในคราแรกแต่เมื่อนึกขึ้นได้และรู้ว่าลูกของเธอจะทำอะไรก็รีบอุ้มลูกสาวตัวกลมของเธอให้โน้มตัวไปหอมแก้มคนเป็นพ่อที่นอนหลับอยู่ทันที“เดี๋ยวคุณพ่อก็หายแล้วค่ะ”ณัฐนิชาดีใจที่ลูกสาวของเธอนั้นจำพฤติกรรมของเธอได้เมื่อลูกทั้งสองของเธอป่วยเธอก็จะเข้าไปจูบที่แก้มแล้วอวยพรให้หายเร็วๆทุกครั้งแล้วลูกๆข
“โห...สายเปย์งั้นดิ..ฉันขอเข้าทำงานเลยค่ะคุณเจ้านาย”รินทร์ธาราไม่ปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอของชายหนุ่มเพราะเรื่องดูแลคนที่ป่วยอยู่เธอก็ถนัดอยู่แล้วอีกอย่างหากเธอเป็นผู้จัดการให้เขาก็จะได้ช่วยคัดคนที่จะมาเข้าทีมของเขาอีกด้วยเพราะเธอไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับชายหนุ่มอีกหนึ่งวันมาแล้วที่เมฆารู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาเมื่อชายหนุ่มรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาวินาทีนั้นมันเหมือนยกภูเขาออกจากอกของณัฐนิชาเธอยิ้มกว้างต้อนรับเขาอย่างดีใจและหลังจากที่เขาตื่นเธอก็คอยดูแลถามไถ่อาการของเขาอยู่ไม่ห่างคอยอยู่ให้เขานั้นเห็นหน้าเธอตลอดเวลา“ทานยาก่อนนะคะ”หลังจากที่ชายหนุ่มทานข้าวต้มและผลไม้ที่พยาบาลนำมาให้เรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็จัดการป้อนยาตามทันทีเธอดูแลเขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพราะอยากจะเห็นคนตรงหน้ากลับมาแข็งแรงโดยเร็ววัน“ขอบคุณครับ”“ถ้าปวดหัวหรือจะเข้าห้องน้ำเรียกนิได้ตลอดเลยนะคะ”“ครับ”“คุณเมฆอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะเดี๋ยวนิจะหามาให้คุณหมอบอกว่าตอนนี้คุณเมฆทานได้แทบทุกอย่างแล้วแต่นิว่าถ้าเป็นของหวานควรจะงดไว้ก่อนเพราะแผลยังไม่หายดีค่ะ”“ผมทานอะไรก็ได้ครับ”“ค่ะ”คำถามและท่าทีที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย
“คือคุณไม่ได้เป็นภาระนิสักนิดเลยนะคะ...คุณอย่าไปเลยนะคะอยู่ที่นี่ช่วยนิดูแลลูกๆได้ไหมคะอยู่กันเป็นครอบครัวอย่างที่คุณเคยขอนิไงคะ...”ณัฐนิชานิ่งงันหลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบประโยคเล็กน้อยตอนนี้เธอมีน้ำตาคลอออกมาก่อนจะเข้าไปสวมกอดที่ด้านหลังของชายหนุ่มพร้อมขอร้องให้เขาอยู่กับเธออย่างไม่สนศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้น“คุณนิไม่ลำบากใจแน่นะครับ”“ค่ะ”เมฆายังคงไม่หันหน้าไปหาหญิงสาวเขายังปล่อยให้เธอกอดเขาเอาไว้แบบนั้นก่อนจะถามหญิงสาวให้แน่ใจอีกทีว่าเธอนั้นคิดไม่ผิด“งั้นผมขอถามได้ไหมว่าทำไมเวลาที่ผ่านมาคุณถึงพยายามออกไปจากชีวิตผม”เมฆายังคงตั้งคำถามให้หญิงสาวได้ตอบเขาอยู่ไม่เลิกเมื่อมีโอกาสเคลียใจเขาก็อยากจะเคลียทันทั้งหมดกับเรื่องที่ยังค้างคาใจอยู่“นิแค่ยังกลัวกับเหตุการณ์ในวันนั้นแต่นิพยายามสลัดมันออกไปได้แล้วนะคะอีกอย่างก็คือนิรู้ว่าคุณเมฆไม่อยากมีครอบครัวหากนิกับลูกๆเข้ามาในชีวิตคุณในช่วงเวลาที่คุณเมฆไม่อยากมีพันธะนิคิดว่ามันคงทำให้ครอบครัวมีความสุขไม่ได้หรอกค่ะ...แต่ตอนนี้นิไม่สนอะไรแล้วค่ะจากเหตุการณ์ที่คุณเมฆเจ็บนิรู้ว่าควรใช้ชีวิตตามเสียงหัวใจโดยไม่มีทิฐิจะดีกว่า...เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่
“อือ...อื้มม...”คนตัวโตก้มลงใช้จมูกสูดดมซอกซอนมาจนถึงพวงแก้มแล้วใช้ริมฝีปากหนาบดจูบริมฝีปากบางอวบอิ่มของเธออย่างดูดดื่มโหยหาส่งลิ้นร้ายเข้าไปตักตวงความหวานจากปากหญิงสาวอย่างไม่มีท่าทีที่จะอิ่มและพอใจกับมันเขายังคงบดจูบเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆจนสร้างอารมณ์วาบหวามให้หญิงสาวที่นอนอยู่ใต้ร่างได้ดีพอสมควรมือไม้เรียวของหญิงสาวหาที่เกาะยึดปัดป่ายไม่อยู่สุขจนมาจบอยู่ที่ลำแขนแกร่งเล็บบางจิกลงระบายอารมณ์จนกล้ามแขนแกร่งเป็นรอยบีบข่วนแทบเลือดซิบตอนนี้ทั้งสองเหลือแต่ร่างกายที่เปลือยเปล่าแนบชิดติดกันเพราะเมฆาพึ่งจะสลัดผ้าออกจากตัวเขาเมื่อครู่มือไม้ที่บีบคลึงอยู่ที่สองเต้างามพอดีมือก็สลับกับปากหนาดูดคลึงบีบเล่นไปมาเพื่อเรียกอารมณ์รักให้หญิงสาวนั้นมีความสุขเพลิดเพลินกับบทรักที่เขามอบให้มือเล็กเปลี่ยนที่ยึดเกาะจากลำแขนแกร่งของชายหนุ่มเป็นหมอนนุ่มของเธอบ้างหรือปัดป่ายมาจิกที่ไหล่กว้างของเขาบ้างเพราะอารมณ์วาบหวามเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองชายหนุ่มไม่รอช้าเมื่อตัวตนของเขามันพร้อมแล้วก็ค่อยๆแทรกตัวเข้าไปที่ลำขาเรียวเล็กของหญิงสาวค่อยๆแทรกลำขาแกร่งเข้าไปจนตัวตนของทั้งสองแนบชิดติดกันจนหญ
30 นาทีต่อมา“เด็กๆ”“คุณพ่อขา/คุณแม่คร้าบบ”เมฆาเดินเข้าบ้านพักพ่อกับแม่ของเขาพร้อมกับณัฐนิชาเมื่อเห็นพ่อกับแม่ของเขานั่งเล่นอยู่กับเจ้าสองแสบที่สนามหญ้าหน้าบ้านก็รีบเดินเข้าไปหาทันทีเจ้าสองแสบเมื่อเห็นคนเป็นพ่อกับแม่มาหาก็รีบสิ่งเข้าไปโผกอดเป็นภาพสี่คนพ่อแม่ลูกที่ดูอบอุ่นต่อสายตาคนที่เห็นอย่างมาก“หายดีแล้วเหรอตาเมฆ”“ครับเมื่อเช้าพึ่งไปตัดไหมมาแล้วก็แวะมาที่นี่เลยครับคิดถึงเจ้าสองแสบแย่แล้ว”มัทนาถามไถ่อาการของลูกชายเธอด้วยรอยยิ้มเพราะตอนนี้หน้าตาของลูกชายเธอสดใสขึ้นมากคงเป็นเพราะมีคนดูแลดีอย่างที่สามีเธอบอกจริงๆนั่นแหละ“โอย..โอ้ยย..มัน.ร้อนน..นะคุณ”วายุแทบคายข้าวต้มออกจากปากเพราะรินทร์ธาราเล่นไม่ยอมเป่าให้มันเย็นก่อนที่จะป้อนเข้าปากของเขา“ก็ฉันบอกให้คุณทานเองก็ไม่อยากจะทานมืออีกข้างก็ยังใช้การได้อยู่นี่นา”รินทร์ธารานั่งหน้าเซ็งชายหนุ่มตื่นสายยังไม่พอยังชอบบังคับให้เธอป้อนข้าวอยู่ทุกวันอีกทั้งที่มืออีกข้างก็ใช้ได้“นั่นเสียงเอะอะอะไรกันเหรอคะคุณมัท”ณัฐนิชาที่กำลังกอดหอมเล่นกับลูกเธออยู่ที่หน้าบ้านจู่ๆก็ได้ยินเสียงโวยวายจากในบ้านออกมาเธอพอจะจำได้ว่าเสียงนั่นน่าจะมีเสียงของน้อง
ครู่ต่อมาหลังจากที่ทานอาหารอิ่มแล้วเจ้าแฝดตัวกลมทั้งสองก็ไปเล่นกันต่อโดยคนเป็นย่าปล่อยให้เล่นเพื่อย่อยอาหารเพราะอีกสักพักเธอก็จะพาหลานๆอาบน้ำทานนมนอนกลางวันแล้วตอนนี้บนโต๊ะอาหารก็เหลือแต่คนโตที่นั่งอยู่ด้วยกันพลางพูดคุยกันตามประสาครอบครัว“ผมว่าจะจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุดดีไหมครับคุณแม่”“ก็ดีจะตระกูลเราคนค่อนข้างนับหน้าถือตาดีเลยถือเป็นการเปิดตัวทายาทของลูกในวันนั้นเลย”“พ่อก็เห็นด้วยนะอะไรๆมันจะได้อยู่ถูกที่ถูกทางเสียที”“ครับ”เมฆาคิดว่าในตอนนี้เรื่องราวมันก็เป็นไปในทิศทางที่ดีแล้วตอนนี้เขาก็อยากจะจัดงานแต่งประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเขานั้นมีลูกมีครอบครัวแล้วและถือเป็นการให้เกียรติหญิงสาวกับลูกๆด้วยทั้งมัทนาและธำมรงค์ก็เห็นดีเห็นงามด้วยว่าควรจะจัดงานแต่งมาให้เร็วที่สุดเพราะไม่อย่างนั้นคนที่เสียหายก็จะเป็นณัฐนิชาเพราะพวกเขารู้ว่าหากเมฆาใช้ชีวิตอยู่กับหญิงสาวไปเรื่อยๆแบบนี้คงไม่วายเป็นข่าวเสียๆหายๆเป็นแน่“พี่นิทานน้อยจังเลยค่ะ...ไม่สบายหรือเปล่าคะเหมือนหวานสังเกตเห็นพี่นิเพลียๆตั้งแต่เข้ามาแล้วเมื่อคืนทำงานดึกเหรอคะ”ตอนนี้ทุกคนก็ท่าทางจะอิ่มกันหมดแล้วรินทร์ธารามองไปยังจานข้าวของพี่ส
“ฉันว่าเวอาจจะอยากใช้ชีวิตแบบนี้อีกสักพักก็ได้...เรื่องแผลใจฉันว่าคงหายดีแล้วหละ”เมฆาเห็นว่าเรื่องแผลใจของธาดานั้นน่าจะหายไปนานแล้วเขาเห็นว่าธาดาอาจจะมีความสุขกับการอยู่แบบนี้มากกว่าส่วนเรื่องอยากจะกลับไปทำงานของตัวเองเมื่อไรเขาเองก็ไปบังคับธาดาไม่ได้เพราะไม่ได้อยากบังคับใจใคร“นี่ภรรยาฉันนิชา”เมฆาถือโอกาสแนะนำหญิงสาวให้ธาวินได้รู้จักตอนที่เธอเดินออกมาพอดี“นิครับนี่ธาวินพี่ชายของเว”“ผมวินยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนิชา”“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ...ตามสบายเลยนะคะเดี๋ยวนิขอตัวจัดการงานบ้านก่อน”ตอนนี้ณัฐนิชาอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนที่เป็นแม่บ้านเต็มตัวเมื่อทักทายกับชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วเธอเองก็ไม่ได้อยากกวนเวลาของผู้ชายที่เขาจะคุยกันเลยขอปลีกตัวออกไปทำงานบ้านของเธอต่อ“นายหาแม่บ้านสักคนก็ดีนะคุณนิเป็นถึงภรรยานักธุรกิจยังทำงานบ้านเองอีกหรือไง”ธาวินแอบตะขิดตะขวงในใจอยู่เล็กๆที่หญิงสาวเป็นภรรยาของเพื่อนเขาที่เป็นถึงระดับนักธุรกิจใหญ่โตที่ดูแลกิจการหลายอย่างต้องมาทำงานบ้านเอง“เมียฉันเค้าไม่อยากได้เองไม่ใช่ฉันไม่เคยเสนอ...ฉันไม่อยากขัด...เออแล้วอีกสามเดือนฉันจะแต่งงานไปงานฉันด้วยล่ะ”เมฆา
“ฮึก...คุณเว”คำพูดจี้ใจหญิงสาวที่ออกจากปากธาดาทำให้เธอโผเข้ากอดเขาปล่อยโฮอย่างที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัวน้อยคนนักที่จะพูดกับเธอและห่วงใยความรู้สึกของเธอแบบนี้ปกติแล้วคนอย่างเธอจะร้องให้กับณัฐนิชาเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ตอนนี้ชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกว่าเธอสบายใจที่จะทำตามเสียงหัวใจตัวเองในเวลาที่อยู่กับเขาเมื่อตอนที่ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะก็มีธาดานี่แหละที่เป็นเพื่อนคุยทั้งยังให้คำปรึกษาเรื่องงานกับเธอตลอดจนหญิงสาวค่อนข้างแปลกใจว่าชายหนุ่มนั้นดูจะเก่งเกินบอดี้การ์ดธรรมดาไปเสียมากทั้งเชิงวิชาการและการต่อสู้หรือทักษะอื่นๆไม่ได้น้อยหน้าใครเลยธาดาคงจะเป็นผู้ชายคนที่สองละมั้งที่เธอไว้ใจกับเขาที่จะพูดคุยรองจากคนเป็นพ่อของเธอธาดาไม่ได้พูดอะไรยังคงกอดปลอบเธอกลับและรอให้หญิงสาวปล่อยโฮออกมาให้เต็มที่ไม่นานเธอก็หยุดร้องให้ลงเขาจึงทิ้งรถของเขาไว้ที่นี่และกลับไปส่งเธอที่บ้านบ้านธีธารา“เวโทรมามีอะไรหรือเปล่า”เมฆาเห็นหญิงสาวคุยกับธาดาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นานสองนานจนเขาต้องกลายเป็นคนเสียมารยาทถามหญิงสาวเรื่องที่คุยโทรศัพท์ด้วยความสงสัย“คือพอดีมีปัญหานิดหน่อยค่ะ...”ณัฐนิชาเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้กับชา