Share

บทที่สี่สิบห้า

“เมื่อไรจะตื่นเนี่ยคุณรู้ไหมฉันเป็นห่วงคุณจนเสียการเสียงานแล้วนะ”

รินทร์ธาราวางกระเป๋ากับกล่องข้าวที่เธอซื้อมาเผื่อพี่สาวของเธอที่โต๊ะวางของก่อนจะเดินไปจ้องที่ใบหน้าอันซีดเซียวของวายุพูดคุยกับคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ด้วยอาการเป็นห่วงแต่คำพูดของเธอก็ดูจะวางฟอร์มเสียหน่อยตามแบบของเธอเอง

“จะว่าไปคุณก็หล่อเหมือนกันนะตอนที่นอนนิ่งๆไม่กวนประสาทฉันน่ะ...จมูกก็โด่งคิ้วดกดำปากก็หนา...แต่ก็หัวเถิกไปนิด...หน้าแบบนี้สินะที่พวกสาวๆติดกันแจ...”

หญิงสาวก้มลงมองใบหน้าของชายหนุ่มที่หลับตาพริ้มเมื่อได้ลองสังเกตใกล้ๆเธอก็รู้สึกว่าตอนที่เขานอนนิ่งๆแบบนี้มันน่าดูกว่าเยอะเลยพร้อมยิ้มเยาะเมื่อพูดถึงใบหน้าของเขาใบนี้ที่ทำให้สาวๆแทบจะทุกคนติดแจจนเป็นข่าวมาให้เห็นแทบทุกครั้งที่มีการลงแข่ง

“อืม...ตัวหอมแล้วนี่นาสงสัยพยาบาลจะมาเช็ดตัวให้แล้วใช่ไหมล่ะ...นอนเป็นผักให้พยาบาลสาวๆดูแลแบบนี้คงจะทำให้คุณสดชื่นไม่น้อยเลยนะรีบๆตื่นมานะจะได้เห็นเวลาพยาบาลเค้าทำอะไรกับร่างกายคุณ...อิๆๆ”

วันนี้ที่หญิงสาวพูดเล่นกับวายุและอารมณ์ดีได้ก็เพราะสบายใจที่การผ่าตัดของชายหนุ่มผ่านไปด้วยดีตอนนี้ก็รอแค่ให้ฟื้นตัวเท่านั้น

เมื่อพูดคุยกับคนที่นอนแน่นิ่งเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินถือกล่องข้าวออกจากห้องไปเพราะจะต้องเอาไปให้พี่สาวไม่รู้ว่าป่านนี้จะได้ทานอะไรหรือยังเธอยิ่งรู้ว่าพี่ตนชอบเป็นคนคิดมากอยู่ด้วยวินาทีนี้เธอต้องคอยเป็นกำลังใจเยอะๆ

“หึ่...ยัยบ๊องเอ้ย!!”

หลังจากได้ยินเสียงหญิงสาวปิดประตูออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้ววายุก็สบถพูดออกมาเบาๆขณะที่ยังหลับตาอยู่ตอนนี้เขาได้ยินและรับรู้หมดทุกอย่างเพียงแค่เขาแค่ลืมตาไม่ขึ้นเท่านั้นเองน่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวดที่ทำให้เขาอยากพักผ่อนทั้งวันจะว่าไปเขาก็ใจชื้นอยู่ลึกๆเมื่อรับรู้ว่ารินทร์ธาราอยู่ข้างๆเขาไม่เคยห่าง

ก๊อกๆๆ

“พี่นิ..หวานเอาข้าวมาให้ค่ะ”

“ขอบใจจะ..”

รินทร์ธาราเห็นสีหน้าพี่สาวของเธอที่นั่งติดขอบเตียงตลอดเวลาก็รู้ได้ทันทีว่าคงจะกังวลจนทานอะไรไม่ลงแน่นอน

“มาทานข้าวกันเถอะค่ะ”

รินทร์ธาราจำต้องทานข้าวเป็นเพื่อนพี่สาวเธออีกรอบที่นี่เพราะไม่อย่างนั้นหากรอให้พี่สาวเธอทานเองโดยไม่ใช้วิธีนี้มีหวังไม่ยอมทานเป็นแน่

10 นาทีผ่านไป

 “พี่อิ่มแล้ว”

ณัฐนิชานั่งเขี่ยข้าวในกล่องไปมาพลางตักเข้าปากบ้างนิดๆหน่อยๆเธอทานอะไรไม่ลงจริงๆไม่ได้อยากให้ตัวเองเป็นแบบนี้แต่มันฝืนได้ยาก

“หืมม...ข้าวยังไม่ยุบสักนิดเลยนะคะพี่นิ..ทานอีกนิดนะคะเดี๋ยวจะป่วยไปอีกคนฝืนหน่อยนะคะ”

รินทร์ธาราถึงกับวางช้อนลงหันมามองหน้าพี่สาวเธออย่างจริงจังเธอจะทนเห็นพี่สาวเธอเป็นแบบนี้ไม่ได้ไม่อย่างนั้นคนที่ป่วยอีกคนก็จะเป็นพี่สาวของเธอจึงต้องใช้ลูกบังคับกันบ้าง

“เดี๋ยวหวานไปดูคุณไวท์ก่อนนะคะ...แต่หวานจะมาหาพี่นิทุกเวลาที่ทานอาหารโอเคไหมคะ”

เมื่อเวลาผ่านมาพักใหญ่จนรินทร์ธารานั้นบังคับพี่สาวเธอทานข้าวจนเกือบหมดกล่องก็ได้เวลาที่เธอจะขอตัวกลับไปเฝ้าวายุต่อแต่เธอก็ยังจะต้องกำชับกับณัฐนิชาอยู่ดีว่าเธอจะมาเฝ้าพี่สาวเธอทานข้าวทุกเวลาที่ทานอาหารเพราะต้องการให้คนเป็นพี่ได้ทานอาหารทุกมื้อ

“จ้า”

ณัฐนิชาอมยิ้มให้น้องเธอเล็กน้อยอย่างน้อยเวลาที่เธอมีน้องสาวอยู่ใกล้ๆก็พอทานอะไรได้บ้างถ้าไม่มีเธอก็คงจะไม่บังคับตัวเองให้ทานอาหารอยู่ดี

“คุณแม่คร้าบ/คุณแม่ขา”

“เด็กๆ”

หลังจากรินทร์ธาราออกจากห้องไปพักใหญ่ณัฐนิชาหันไปตามเสียงเรียกของลูกๆเธอทั้งรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดหอมที่แก้มย้วยๆของเจ้าสองแสบอย่างคิดถึงเพราะไม่ได้นอนด้วยกันคืนนึงแล้วพรางมองไปที่ของเล่นในมือของลูกๆเธอก็รู้ได้เลยว่าคงไม่พ้นคนเป็นปู่กับย่าซื้อให้

“ตาเมฆเป็นยังไงบ้างจ้ะหนูนิ”

มัทนามองร่างลูกชายคนโตของเธอที่เตียงด้วยสายตาที่ค่อนข้างหดหู่

“หมอบอกว่าแผลยังมีอาการอักเสบอยู่นิดหน่อยค่ะเลยให้ยาฆ่าเชื้อทางน้ำเกลือตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นค่ะ”

ณัฐนิชาเฝ้าชายหนุ่มอยู่ตลอดก็ไม่ยักจะเห็นชายหนุ่มมีอาการตื่นมาเธอเข้าใจว่าคงเป็นเพราฤทธิ์ยาที่ให้ทางสายน้ำเกลือ

“ผมว่าอีกไม่นานลูกเราคงหายแล้วหละมีคนเฝ้าดีขนาดนี้”

“ค่ะ”

ธำมรงค์ไม่ได้กังวลอะไรกับอาการของลูกชายของเขาทั้งสองแล้วเพราะรู้สึกว่าลูกชายจะมีคนเฝ้าไข้ดีกันทั้งคู่ตอนนี้ก็เหลือแค่รอเวลาให้ฟื้นตัวกันอีกสักหน่อยก็เท่านั้น

“เด็กๆกวนบ้างหรือเปล่าคะ”

ณัฐนิชาอยากรู้ว่าลูกๆของเธอนั้นทำให้ทั้งสองนั้นลำบากหรือไม่เพราะถึงลูกของเธอจะเข้ากับคนง่ายแต่ถ้าหากนอนแปลกที่แปลกทางก็อาจจะทำให้งอแงอยู่บ้าง

“ไม่เลยจะเลี้ยงง่ายทานง่ายไม่ทำให้ปู่กับย่าเหนื่อยเลย”

“รู้แบบนี้ก็สบายใจค่ะ”

มัทนาไม่ได้รู้สึกว่าหลานๆของเธอจะเลี้ยงยากอะไรเลยสักนิดเด็กก็คือเด็กมีซนกันเป็นธรรมดาแต่จากประสบการณ์ที่เธอเคยเลี้ยงลูกมาถึงแม้ว่ามันจะนานมาแล้วแต่เธอก็เอาอยู่

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status