20 นาทีต่อมา
“สองคนเป็นยังไงบ้าง”
มัทนารู้ข่าวก็รีบบินมาที่เชียงใหม่อย่างเร่งด่วนคราแรกพอรู้ข่าวก็แทบลมจับแต่เมื่อรู้ว่าลูกทั้งสองของเธอปลอดภัยก็โล่งใจขึ้นมาอีกเปราะ“สวัสดีค่ะคุณมัทคุณรงค์ตอนนี้คุณเมฆยังไม่ฟื้นค่ะส่วนคุณไวท์ตอนนี้เข้าเฝือกอ่อนไว้อยู่ค่ะเย็นๆหมอน่าจะผ่าตัดให้ค่ะ”
ป๋อมแป๋มยืนลูบหลังให้กำลังใจณัฐนิชาที่นั่งน้าตาไหลไม่เหือดแห้งเอาแต่จับมือม่านเมฆไม่วาง เมื่อเห็นมัทนาและธำมรงค์เปิดประตูเข้ามาก็ยกมือสวัสดีท่านทั้งสองพร้อมบอกอาการของชายหนุ่มทั้งสองให้คนเป็นพ่อกับแม่ของพวกเขาได้รับรู้
“นี่เจ้าลูกชายเรามันไปเหยียบหางใครเค้ามาหรือเปล่าถึงได้โดนแบบนี้”
ธำมรงค์พอจะมองเหตุการณ์ออกว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนที่ทุกคนสงสัยเพียงแค่ตอนนี้เขาก็เหลือแต่ปรึกษากับตำรวจให้แน่ใจอีกที
“พวกเราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะตอนนี้ก็ต้องรอทางตำรวจตรวจสอบอีกทีค่ะ”
ป๋อมแป๋มพยักหน้าคือตอนนี้ใครๆก็พอจะมองออกว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆรถของชายหนุ่มที่ใช้ซ้อมอยู่เป็นประจำและมีทีมงานที่มีฝีมือตรวจสอบอยู่ตลอดจะเกิดเหตุการณ์ขัดข้องกะทันหันจนเป็นสาเหตุให้วายุได้รับบาดเจ็บและจู่ๆเมฆาก็มาโดนทำร้ายไปด้วยอีกคนพร้อมๆกัน
“เห้อ...ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วยนะ...ถ้ารู้ว่าใครทำฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลยคอยดู”
มัทนาได้ว่าเรื่องมันคล้ายจะเป็นเหตุจงใจเช่นนั้นเธอก็รู้สึกร้อนรุ่มอยู่ในใจและโกรธคนที่จงใจทำร้ายลูกชายเธอทั้งสองคนเรื่องนี้ถ้าเธอรู้ตัวการเมื่อไรเธอจะไม่มีวันยอมให้มันจบง่ายๆเป็นแน่
“เด็กๆมาหาปู่ดีกว่าเดี๋ยวปู่พาไปซื้อขนม”
ธำมรงค์เห็นว่าสถานการณ์ในห้องค่อนข้างตึงเครียดจึงถือโอกาสนี้พาหลานๆของเขาไปสานสัมพันธ์ด้วยจะดีกว่าเพราะครั้งก่อนก็ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไร
“หา..ขนม”
“ไปคร้าบบ”
เจ้าสองแสบได้ยินว่าคุณปู่ของพวกเขาจะพาไปหาของโปรดก็หูผึ่งรับเข้าไปเกาะแขนคนเป็นปู่อย่างรวดเร็วบ่งบอกว่าพร้อมที่จะไปข้างนอกที่สุด
“ดูหลานๆให้ดีล่ะคุณ”
“ผมเอาอยู่น่า”
มัทนาเห็นว่าดีแล้วที่สามีเธอจะพาหลานๆออกไปด้านนอกเพราะเธอก็ไม่ได้อยากให้เด็กๆได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้สักเท่าไรที่คนเป็นพ่อก็มานอนป่วยส่วนแม่ก็หดหู่ตลอดเวลาแบบนี้
“เดี๋ยวเด็กๆฉันกับคุณรงค์จะดูแลให้เองไม่ต้องห่วงนะนานๆทีจะได้อยู่กับหลานบ้างส่วนตาเมฆฉันฝากหนูนิด้วยละกันนะ”
มัทนาเข้าไปใกล้ๆกับณัฐนิชาเธอดูออกว่าหญิงสาวคงจะเป็นห่วงลูกชายของเธออยู่มากไม่เช่นนั้นคงไม่มีอาการแบบนี้ถึงแม้ในเรื่องร้ายๆก็ยังมีเรื่องดีอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เธอพอได้ใจชื้นขึ้นมาได้เพราะอย่างน้อยวันที่ลูกชายของเธอหวังไว้ก็ใกล้เข้ามาแล้ว
มัทนาเอ่ยปากขอให้ณัฐนิชาอยู่ดูแลลูกชายของเธอทางนี้เพราะเธอคิดว่าลูกชายของเธออาจจะหายเร็วก็เป็นได้เมื่อมีคนที่รักอยู่ใกล้ๆส่วนเรื่องหลานๆของเธอนั้นเธอกับสามีจะเป็นคนดูแลเองถือเอาโอกาสนี้ใช้เวลาอยู่กับหลานๆไปตัวด้วย
“เรื่องเด็กๆนิกลัวจะรบกวนคุณมัทค่ะเดี๋ยวนิกลับไปดูเด็กๆเองจะดีกว่านะคะ”
ณัฐนิชาเห็นว่าเรื่องดูแลเด็กๆจะเป็นการรบกวนมัทนากับธำมรงค์จนเกินไปเธอคิดว่าเธอสามารถดูแลเด็กๆและชายหนุ่มไปพร้อมๆกันได้
“ให้พวกท่านอยู่กับหลานๆบ้างคงไม่เป็นไรหรอกนิฉันว่าแกอยู่ดูแลคุณเมฆจะดีกว่า”
ป๋อมแป๋มรู้ว่าเพื่อนสาวเธอเกรงใจพ่อกับแม่ของชายหนุ่มแต่เวลานี้เธอคิดว่าเพื่อนเธอคงไม่ไหวเป็นแน่หากจะดูแลทั้งคนเป็นพ่อของลูกกับลูกๆอีกสองคนจึงช่วยมัทนาพูดอีกแรง
“ใช่จะ”
“แบบนั้นก็ได้ค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันขอตัวไปดูตาไวท์สักหน่อยนะ”
“เดี๋ยวแป๋มไปด้วยค่ะคุณมัท...”
ป๋อมแป๋มอยากจะให้ณัฐนิชาและเมฆาได้อยู่กันสองต่อสองเมื่อเห็นว่ามัทนาจะไปดูอาการของวายุจึงขอตามไปด้วยเพราะเธอก็ยังไม่ได้ไปดูอาการของชายหนุ่มเช่นกันมีแต่รินทร์ธาราเท่านั้นที่เฝ้าอยู่
“คุณรีบหายไวๆนะคุณเมฆรู้ไหมคุณเป็นแบบนี้นิใจไม่ดีเลยรีบๆตื่นมาช่วยนิดูแลเด็กๆเหมือนเดิมนะคะ”
เมื่อในห้องเหลือแค่เธอกับชายหนุ่มเท่านั้นหญิงสาวกอบกุมมือชายหนุ่มแน่นขึ้นตอนนี้เธอไม่อยากเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้นานเท่าไรนักมันหดหู่อยู่ในใจของเธออย่างบอกไม่ถูกเธอสงสารคนตรงหน้าจนอยากจะเป็นแทน
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าในใจของเธอต้องการอะไรเธอจะไม่สนคำพูดของเมฆาที่ติดอยู่ในใจของเธอหรืออะไรทั้งนั้นเธอรู้แต่ว่าหากชายหนุ่มตื่นมาเธอจะทำให้ครอบครัวเป็นครอบครัวอย่างที่เขาเคยขอร้องเพราะเธอจะทำให้ทุกวันเป็นวันที่มีความสุขที่สุด
เธอไม่รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองหรือหรือชายหนุ่มอีกหรือเปล่าครั้งนี้ยังโชคดีที่ยังไม่ถึงแก่ชีวิตแต่วันข้างหน้าเธอก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างณัฐนิชาจึงย้ำกับตัวเองว่าต่อจากนี้ไปเธอจะไม่ให้ทิฐิมาบงการชีวิตเธออีกแล้วเธอจะใช้ชีวิตตามเสียงของหัวใจและธรรมชาติที่มันควรจะเป็น
วันต่อมา
วันนี้รินทร์ธาราลางานอีกวันเพื่อมาเฝ้าดูอาการของวายุในเมื่อชายหนุ่มยังไม่หายดีเธอเองก็ไม่มีกะจิตกะใจทำงานเพราะรู้สึกเป็นห่วงอีกคนที่นอนป่วยอยู่ตลอดเวลา
“เมื่อไรจะตื่นเนี่ยคุณรู้ไหมฉันเป็นห่วงคุณจนเสียการเสียงานแล้วนะ”รินทร์ธาราวางกระเป๋ากับกล่องข้าวที่เธอซื้อมาเผื่อพี่สาวของเธอที่โต๊ะวางของก่อนจะเดินไปจ้องที่ใบหน้าอันซีดเซียวของวายุพูดคุยกับคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ด้วยอาการเป็นห่วงแต่คำพูดของเธอก็ดูจะวางฟอร์มเสียหน่อยตามแบบของเธอเอง“จะว่าไปคุณก็หล่อเหมือนกันนะตอนที่นอนนิ่งๆไม่กวนประสาทฉันน่ะ...จมูกก็โด่งคิ้วดกดำปากก็หนา...แต่ก็หัวเถิกไปนิด...หน้าแบบนี้สินะที่พวกสาวๆติดกันแจ...”หญิงสาวก้มลงมองใบหน้าของชายหนุ่มที่หลับตาพริ้มเมื่อได้ลองสังเกตใกล้ๆเธอก็รู้สึกว่าตอนที่เขานอนนิ่งๆแบบนี้มันน่าดูกว่าเยอะเลยพร้อมยิ้มเยาะเมื่อพูดถึงใบหน้าของเขาใบนี้ที่ทำให้สาวๆแทบจะทุกคนติดแจจนเป็นข่าวมาให้เห็นแทบทุกครั้งที่มีการลงแข่ง“อืม...ตัวหอมแล้วนี่นาสงสัยพยาบาลจะมาเช็ดตัวให้แล้วใช่ไหมล่ะ...นอนเป็นผักให้พยาบาลสาวๆดูแลแบบนี้คงจะทำให้คุณสดชื่นไม่น้อยเลยนะรีบๆตื่นมานะจะได้เห็นเวลาพยาบาลเค้าทำอะไรกับร่างกายคุณ...อิๆๆ”วันนี้ที่หญิงสาวพูดเล่นกับวายุและอารมณ์ดีได้ก็เพราะสบายใจที่การผ่าตัดของชายหนุ่มผ่านไปด้วยดีตอนนี้ก็รอแค่ให้ฟื้นตัวเท่านั้นเมื่อพูดคุยกับคนที่
“คุณพ่อนอนนานจังเลยค่ะ”ใยไหมเริ่มสงสัยเพาะเด็กหญิงจำได้ว่าคนเป็นพ่อของเธอนอนที่เตียงนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ววันนี้ก็ยังนอนเหมือนเดิมอยู่เลยจึงเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา“แบบนี้คุณพ่อขี้เซาใช่ไหมคร้าบ”คนเป็นน้องชายก็มีทีท่าสงสัยพอๆกันพลางยืนคิดถึงคำพูดของคนเป็นแม่ที่เวลาตัวเองนอนตื่นสายคนเป็นแม่จะบอกว่าขี้เซาเด็กชายก็มีความคิดว่าคนเป็นพ่อก็คงจะขี้เซาเหมือนที่ตัวเองเคยเป็นเหมือนกันพร้อมเอ่ยถามคนเป็นแม่ด้วยท่าทีสงสัยตามพี่สาว“หืมม...ตอนนี้คุณพ่อไม่สบายค่ะเลยต้องนอนพักอีกไม่นานเดี๋ยวคุณพ่อก็ตื่นแล้วค่ะ”ณัฐนิชาฉีกยิ้มกว้างเอ็นดูกับคำพูดของเจ้าแฝดเหลือเกินก่อนจะบอกเหตุผลให้ลูกๆเธอได้เข้าใจว่าพ่อของพวกเขานั้นไม่ได้ขี้เซาอย่างที่คิด“จุ้บคุณพ่อค่ะ”“โอเคค่ะ.”ณัฐนิชาหันไปหาลูกสาวตัวกลมของเธอด้วยสีหน้าแปลกใจในคราแรกแต่เมื่อนึกขึ้นได้และรู้ว่าลูกของเธอจะทำอะไรก็รีบอุ้มลูกสาวตัวกลมของเธอให้โน้มตัวไปหอมแก้มคนเป็นพ่อที่นอนหลับอยู่ทันที“เดี๋ยวคุณพ่อก็หายแล้วค่ะ”ณัฐนิชาดีใจที่ลูกสาวของเธอนั้นจำพฤติกรรมของเธอได้เมื่อลูกทั้งสองของเธอป่วยเธอก็จะเข้าไปจูบที่แก้มแล้วอวยพรให้หายเร็วๆทุกครั้งแล้วลูกๆข
“โห...สายเปย์งั้นดิ..ฉันขอเข้าทำงานเลยค่ะคุณเจ้านาย”รินทร์ธาราไม่ปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอของชายหนุ่มเพราะเรื่องดูแลคนที่ป่วยอยู่เธอก็ถนัดอยู่แล้วอีกอย่างหากเธอเป็นผู้จัดการให้เขาก็จะได้ช่วยคัดคนที่จะมาเข้าทีมของเขาอีกด้วยเพราะเธอไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับชายหนุ่มอีกหนึ่งวันมาแล้วที่เมฆารู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาเมื่อชายหนุ่มรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาวินาทีนั้นมันเหมือนยกภูเขาออกจากอกของณัฐนิชาเธอยิ้มกว้างต้อนรับเขาอย่างดีใจและหลังจากที่เขาตื่นเธอก็คอยดูแลถามไถ่อาการของเขาอยู่ไม่ห่างคอยอยู่ให้เขานั้นเห็นหน้าเธอตลอดเวลา“ทานยาก่อนนะคะ”หลังจากที่ชายหนุ่มทานข้าวต้มและผลไม้ที่พยาบาลนำมาให้เรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็จัดการป้อนยาตามทันทีเธอดูแลเขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพราะอยากจะเห็นคนตรงหน้ากลับมาแข็งแรงโดยเร็ววัน“ขอบคุณครับ”“ถ้าปวดหัวหรือจะเข้าห้องน้ำเรียกนิได้ตลอดเลยนะคะ”“ครับ”“คุณเมฆอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะเดี๋ยวนิจะหามาให้คุณหมอบอกว่าตอนนี้คุณเมฆทานได้แทบทุกอย่างแล้วแต่นิว่าถ้าเป็นของหวานควรจะงดไว้ก่อนเพราะแผลยังไม่หายดีค่ะ”“ผมทานอะไรก็ได้ครับ”“ค่ะ”คำถามและท่าทีที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย
“คือคุณไม่ได้เป็นภาระนิสักนิดเลยนะคะ...คุณอย่าไปเลยนะคะอยู่ที่นี่ช่วยนิดูแลลูกๆได้ไหมคะอยู่กันเป็นครอบครัวอย่างที่คุณเคยขอนิไงคะ...”ณัฐนิชานิ่งงันหลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบประโยคเล็กน้อยตอนนี้เธอมีน้ำตาคลอออกมาก่อนจะเข้าไปสวมกอดที่ด้านหลังของชายหนุ่มพร้อมขอร้องให้เขาอยู่กับเธออย่างไม่สนศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้น“คุณนิไม่ลำบากใจแน่นะครับ”“ค่ะ”เมฆายังคงไม่หันหน้าไปหาหญิงสาวเขายังปล่อยให้เธอกอดเขาเอาไว้แบบนั้นก่อนจะถามหญิงสาวให้แน่ใจอีกทีว่าเธอนั้นคิดไม่ผิด“งั้นผมขอถามได้ไหมว่าทำไมเวลาที่ผ่านมาคุณถึงพยายามออกไปจากชีวิตผม”เมฆายังคงตั้งคำถามให้หญิงสาวได้ตอบเขาอยู่ไม่เลิกเมื่อมีโอกาสเคลียใจเขาก็อยากจะเคลียทันทั้งหมดกับเรื่องที่ยังค้างคาใจอยู่“นิแค่ยังกลัวกับเหตุการณ์ในวันนั้นแต่นิพยายามสลัดมันออกไปได้แล้วนะคะอีกอย่างก็คือนิรู้ว่าคุณเมฆไม่อยากมีครอบครัวหากนิกับลูกๆเข้ามาในชีวิตคุณในช่วงเวลาที่คุณเมฆไม่อยากมีพันธะนิคิดว่ามันคงทำให้ครอบครัวมีความสุขไม่ได้หรอกค่ะ...แต่ตอนนี้นิไม่สนอะไรแล้วค่ะจากเหตุการณ์ที่คุณเมฆเจ็บนิรู้ว่าควรใช้ชีวิตตามเสียงหัวใจโดยไม่มีทิฐิจะดีกว่า...เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่
“อือ...อื้มม...”คนตัวโตก้มลงใช้จมูกสูดดมซอกซอนมาจนถึงพวงแก้มแล้วใช้ริมฝีปากหนาบดจูบริมฝีปากบางอวบอิ่มของเธออย่างดูดดื่มโหยหาส่งลิ้นร้ายเข้าไปตักตวงความหวานจากปากหญิงสาวอย่างไม่มีท่าทีที่จะอิ่มและพอใจกับมันเขายังคงบดจูบเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆจนสร้างอารมณ์วาบหวามให้หญิงสาวที่นอนอยู่ใต้ร่างได้ดีพอสมควรมือไม้เรียวของหญิงสาวหาที่เกาะยึดปัดป่ายไม่อยู่สุขจนมาจบอยู่ที่ลำแขนแกร่งเล็บบางจิกลงระบายอารมณ์จนกล้ามแขนแกร่งเป็นรอยบีบข่วนแทบเลือดซิบตอนนี้ทั้งสองเหลือแต่ร่างกายที่เปลือยเปล่าแนบชิดติดกันเพราะเมฆาพึ่งจะสลัดผ้าออกจากตัวเขาเมื่อครู่มือไม้ที่บีบคลึงอยู่ที่สองเต้างามพอดีมือก็สลับกับปากหนาดูดคลึงบีบเล่นไปมาเพื่อเรียกอารมณ์รักให้หญิงสาวนั้นมีความสุขเพลิดเพลินกับบทรักที่เขามอบให้มือเล็กเปลี่ยนที่ยึดเกาะจากลำแขนแกร่งของชายหนุ่มเป็นหมอนนุ่มของเธอบ้างหรือปัดป่ายมาจิกที่ไหล่กว้างของเขาบ้างเพราะอารมณ์วาบหวามเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองชายหนุ่มไม่รอช้าเมื่อตัวตนของเขามันพร้อมแล้วก็ค่อยๆแทรกตัวเข้าไปที่ลำขาเรียวเล็กของหญิงสาวค่อยๆแทรกลำขาแกร่งเข้าไปจนตัวตนของทั้งสองแนบชิดติดกันจนหญ
30 นาทีต่อมา“เด็กๆ”“คุณพ่อขา/คุณแม่คร้าบบ”เมฆาเดินเข้าบ้านพักพ่อกับแม่ของเขาพร้อมกับณัฐนิชาเมื่อเห็นพ่อกับแม่ของเขานั่งเล่นอยู่กับเจ้าสองแสบที่สนามหญ้าหน้าบ้านก็รีบเดินเข้าไปหาทันทีเจ้าสองแสบเมื่อเห็นคนเป็นพ่อกับแม่มาหาก็รีบสิ่งเข้าไปโผกอดเป็นภาพสี่คนพ่อแม่ลูกที่ดูอบอุ่นต่อสายตาคนที่เห็นอย่างมาก“หายดีแล้วเหรอตาเมฆ”“ครับเมื่อเช้าพึ่งไปตัดไหมมาแล้วก็แวะมาที่นี่เลยครับคิดถึงเจ้าสองแสบแย่แล้ว”มัทนาถามไถ่อาการของลูกชายเธอด้วยรอยยิ้มเพราะตอนนี้หน้าตาของลูกชายเธอสดใสขึ้นมากคงเป็นเพราะมีคนดูแลดีอย่างที่สามีเธอบอกจริงๆนั่นแหละ“โอย..โอ้ยย..มัน.ร้อนน..นะคุณ”วายุแทบคายข้าวต้มออกจากปากเพราะรินทร์ธาราเล่นไม่ยอมเป่าให้มันเย็นก่อนที่จะป้อนเข้าปากของเขา“ก็ฉันบอกให้คุณทานเองก็ไม่อยากจะทานมืออีกข้างก็ยังใช้การได้อยู่นี่นา”รินทร์ธารานั่งหน้าเซ็งชายหนุ่มตื่นสายยังไม่พอยังชอบบังคับให้เธอป้อนข้าวอยู่ทุกวันอีกทั้งที่มืออีกข้างก็ใช้ได้“นั่นเสียงเอะอะอะไรกันเหรอคะคุณมัท”ณัฐนิชาที่กำลังกอดหอมเล่นกับลูกเธออยู่ที่หน้าบ้านจู่ๆก็ได้ยินเสียงโวยวายจากในบ้านออกมาเธอพอจะจำได้ว่าเสียงนั่นน่าจะมีเสียงของน้อง
ครู่ต่อมาหลังจากที่ทานอาหารอิ่มแล้วเจ้าแฝดตัวกลมทั้งสองก็ไปเล่นกันต่อโดยคนเป็นย่าปล่อยให้เล่นเพื่อย่อยอาหารเพราะอีกสักพักเธอก็จะพาหลานๆอาบน้ำทานนมนอนกลางวันแล้วตอนนี้บนโต๊ะอาหารก็เหลือแต่คนโตที่นั่งอยู่ด้วยกันพลางพูดคุยกันตามประสาครอบครัว“ผมว่าจะจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุดดีไหมครับคุณแม่”“ก็ดีจะตระกูลเราคนค่อนข้างนับหน้าถือตาดีเลยถือเป็นการเปิดตัวทายาทของลูกในวันนั้นเลย”“พ่อก็เห็นด้วยนะอะไรๆมันจะได้อยู่ถูกที่ถูกทางเสียที”“ครับ”เมฆาคิดว่าในตอนนี้เรื่องราวมันก็เป็นไปในทิศทางที่ดีแล้วตอนนี้เขาก็อยากจะจัดงานแต่งประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเขานั้นมีลูกมีครอบครัวแล้วและถือเป็นการให้เกียรติหญิงสาวกับลูกๆด้วยทั้งมัทนาและธำมรงค์ก็เห็นดีเห็นงามด้วยว่าควรจะจัดงานแต่งมาให้เร็วที่สุดเพราะไม่อย่างนั้นคนที่เสียหายก็จะเป็นณัฐนิชาเพราะพวกเขารู้ว่าหากเมฆาใช้ชีวิตอยู่กับหญิงสาวไปเรื่อยๆแบบนี้คงไม่วายเป็นข่าวเสียๆหายๆเป็นแน่“พี่นิทานน้อยจังเลยค่ะ...ไม่สบายหรือเปล่าคะเหมือนหวานสังเกตเห็นพี่นิเพลียๆตั้งแต่เข้ามาแล้วเมื่อคืนทำงานดึกเหรอคะ”ตอนนี้ทุกคนก็ท่าทางจะอิ่มกันหมดแล้วรินทร์ธารามองไปยังจานข้าวของพี่ส
“ฉันว่าเวอาจจะอยากใช้ชีวิตแบบนี้อีกสักพักก็ได้...เรื่องแผลใจฉันว่าคงหายดีแล้วหละ”เมฆาเห็นว่าเรื่องแผลใจของธาดานั้นน่าจะหายไปนานแล้วเขาเห็นว่าธาดาอาจจะมีความสุขกับการอยู่แบบนี้มากกว่าส่วนเรื่องอยากจะกลับไปทำงานของตัวเองเมื่อไรเขาเองก็ไปบังคับธาดาไม่ได้เพราะไม่ได้อยากบังคับใจใคร“นี่ภรรยาฉันนิชา”เมฆาถือโอกาสแนะนำหญิงสาวให้ธาวินได้รู้จักตอนที่เธอเดินออกมาพอดี“นิครับนี่ธาวินพี่ชายของเว”“ผมวินยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนิชา”“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ...ตามสบายเลยนะคะเดี๋ยวนิขอตัวจัดการงานบ้านก่อน”ตอนนี้ณัฐนิชาอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนที่เป็นแม่บ้านเต็มตัวเมื่อทักทายกับชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วเธอเองก็ไม่ได้อยากกวนเวลาของผู้ชายที่เขาจะคุยกันเลยขอปลีกตัวออกไปทำงานบ้านของเธอต่อ“นายหาแม่บ้านสักคนก็ดีนะคุณนิเป็นถึงภรรยานักธุรกิจยังทำงานบ้านเองอีกหรือไง”ธาวินแอบตะขิดตะขวงในใจอยู่เล็กๆที่หญิงสาวเป็นภรรยาของเพื่อนเขาที่เป็นถึงระดับนักธุรกิจใหญ่โตที่ดูแลกิจการหลายอย่างต้องมาทำงานบ้านเอง“เมียฉันเค้าไม่อยากได้เองไม่ใช่ฉันไม่เคยเสนอ...ฉันไม่อยากขัด...เออแล้วอีกสามเดือนฉันจะแต่งงานไปงานฉันด้วยล่ะ”เมฆา