Share

บทที่สามสิบแปด

“ไม่ต้องกลัวอันตรายหรอกคุณจะได้ถึงเร็วๆไงไม่ชอบเหรอ”

วายุหันมาฉีกยิ้มให้หญิงสาวอย่างหน้าชื่นตาบานที่เห็นเธอหน้าเสียเพราะความที่เขาเร่งความเร็วเขามั่นใจว่าความเร็วระดับนี้เขาเอาอยู่และไม่ได้ประมาทจนเกินไปด้วยดูท่าหญิงสาวจะตื่นกลัวเกินเหตุ

“หึ่ยยย”

รินทร์ธาราเห็นว่าชายหนุ่มคงจะไม่ลดอัตราความเร็วลดลงแน่จึงหลับตาปี๋หาที่ยึดเกาะให้มั่นคงและนั่งภาวนาว่าให้ถึงที่หมายโดยรวดเร็วด้วยเถอะไม่อย่างนั้นเธออาจจะหยุดหายใจเพราะตื่นเต้นตรงนี้ก็เป็นได้เกิดมาก็พึ่งจะมาเคยนั่งบนรถที่มีความเร็วแบบนี้

“หอมจังเลยครับ”

เมฆาเดินออกจากห้องมาถึงห้องครัวก็ได้กลิ่นอาหารหอมฟุ้งเตะจมูกตั้งแต่เช้าชายหนุ่มร่างสูงยืนพิงขอบประตูมองหญิงสาวที่ใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเล็กน้อยที่เธอดูจะเป็นแม่บ้านศรีเรือนที่ทำอะไรคล่องแคล่วเสียจริงงานนอกก็ดีงานในบ้านยังไม่ขาดตกบกพร่องอีกแบบนี้เขาไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปแน่

“เด็กๆล่ะคะ”

ณัฐนิชาได้ยินเสียงของชายหนุ่มจึงหันไปมองร่างสูงครู่หนึ่งแล้วหันมาคนหม้อพะโล้ต่อพร้อมถามหาเด็กๆ

“ยังไม่ตื่นเลยครับ”

เมฆาเดินเข้าไปคุยกับหญิงสาวใกล้ๆเพราะอยากจะเห็นว่ากับข้าวที่หอมเตะจมูกเขาขนาดนั้นมันน่าทานขนาดไหน

“อ๋อค่ะแล้วมือคุณเมฆเป็นยังไงบ้างคะ”

“ก็โอเคแล้วล่ะครับ”

“นิว่ามันก็ยังบวมแดงอยู่เลยนะคะไม่รู้ว่าเมื่อคืนเด็กๆดิ้นไปโดนมือของคุณบ้างหรือเปล่าเดี๋ยวคุณเมฆนั่งรอที่โต๊ะอาหารก่อนดีกว่าค่ะในนี้จะเรียบร้อยแล้ว”

ณัฐนิชาปิดฝาหม้ออาหารพร้อมดับไฟที่เตาและหันมาดูมือของชายหนุ่มพร้อมถามว่าตอนนี้เขามีอาการเป็นอย่างไรบ้างเพราะเธอก็เห็นว่ามันน่าจะยังไม่ยุบไปเท่าไรตอนนี้จึงให้เขานั้นไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารจะดีกว่าขืนยืนอยู่ในนี้อาจจะเกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อวานอีกก็เป็นได้

“นิว่าเด็กๆน่าจะตื่นแล้วคุณเมฆรอนิสักครู่นะคะ”

ณัฐนิชาเริ่มจัดโต๊ะอาหารเช้าเธอรู้สึกว่าได้ยินเสียงกุกกักในห้องจึงรีบขอตัวชายหนุ่มไปดูเด็กๆจะได้ล้างหน้าแปรงฟันให้เจ้าสองแสบแล้วพามาทานอาหารเช้าได้เลย

“ให้ผมดูเด็กๆให้ไหมครับ”

เมฆาเห็นว่าหญิงสาวทำอะไรหลายอย่างเหลือเกินในเช้านี้จึงอาสาจะช่วย

“ไม่เป็นไรค่ะนิจัดการเองจะดีกว่า”

ณัฐนิชาตอบปฏิเสธชายหนุ่มอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าเธอทำคนเดียวจะเร็วกว่าเพราะชายหนุ่มนั้นยังมีอาการบาดเจ็บที่มือทั้งสองของเขาอยู่

20 นาทีต่อมา

“อร่อยไหมครับ”

เมฆานั่งทานข้าวด้วยความทุลักทุเลเพราะเจ็บมือแต่ก็ไม่อยากจะให้หญิงสาวช่วยเมื่อเห็นลูกๆทั้งสองของเขาบนโต๊ะทานข้าวสำหรับเด็กทั้งสองกำลังใช้มือป้อมตักข้าวเข้าปากอย่างไม่ขาดคำเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มที่พองอยู่แล้วพองขึ้นไปอีกช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูเสียจริง

“อร่อยคร้าบ/อร่อยค่า”

เจ้าสองแสบตอบพร้อมกันโดยที่สายตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ถ้วยอาหารไม่ได้หันมามองคนเป็นพ่อที่ถามเลยสักนิด

“ไข่พะโล้ของโปรดสองแสบเลยล่ะค่ะ”

ณัฐนิชาที่นั่งทานข้าวอยู่ก็อดยิ้มไม่ได้พร้อมบอกกับชายหนุ่มว่าเมนูนี้เป็นเมนูโปรดของเด็กๆอีกหนึ่งอย่างที่ทำเมนูนี้มาเมื่อไรจะต้องตั้งหน้าตั้งตาทานกันโดยไม่ต้องบังคับป้อนเลย

“คุณเมฆอิ่มแล้วเหรอคะมัวแต่นั่งยิ้ม”

ณัฐนิชาสังเกตเห็นชายหนุ่มนั่งยิ้มอยู่ครู่หนึ่งแล้วจนเธอเองต้องร้องทักขึ้น

“เอ่อ...เปล่าครับ”

เมฆาหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาวที่ทักขึ้นเมื่อครู่เขากำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ว่าถ้าหากเขาได้อยู่กับหญิงสาวแบบนี้ทุกวันคงมีความสุขน่าดูตอนเช้าตื่นมาเจอลูกๆออกมาจากห้องก็เจอหญิงสาวทำอาหารเช้ารออยู่มันเป็นบรรยากาศครอบครัวที่เขารู้สึกมีความสุขอย่างมากรอยยิ้มมันก็ยิ้มออกมาเองโดยอัตโนมัติเพียงแค่ตอนนี้เขาแค่รอเวลาที่หญิงสาวจะใจอ่อนให้เขาเท่านั้น

ช่วงเย็นของวัน

“ไหนคุณบอกจะมารับช้าไงคะ”

รินทร์ธาราเห็นว่าชายหนุ่มมารับเธอเร็วกว่าที่บอกเมื่อเช้าจึงถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัยว่าทำไมเขามาก่อนเวลาเธอเลิกงานเสียอีก

“พอดีรถที่ซ้อมแข่งมีปัญหานิดหน่อยเลยซ้อมต่อไม่ได้”

วันนี้วายุก็ไม่เข้าใจว่ารถของเขามันจะมีปัญหาอะไรนักหนาทั้งที่ทีมดูแลรถที่ได้มาใหม่ก็มีแต่คนมีฝีมือดีกันทั้งนั้นเขาเลยตัดสินใจยุติการซ้อมเอาไว้ก่อนเพราะหากขืนซ้อมต่ออาจจะเกิดอันตรายต่อตัวของเขาได้ตอนนี้เขาต้องรักษาร่างกายเอาไว้ให้ดีเพื่อการลงแข่งครั้งหน้า

20 นาทีต่อมา

“ขากลับไม่ต้องรีบแบบเมื่อเช้าก็ได้นะคะ”

ก่อนขึ้นรถสปอร์ตคันหรูของวายุรินทร์ธาราจำต้องหันไปกำชับเขาก่อนว่าตอนกลับเธอไม่ได้รีบแบบเมื่อเช้าเพื่อเป็นการปกป้องตัวเองชายหนุ่มจะได้ไม่ขับรถไวตอนที่มีเธออยู่บนรถอีก

“คุณไม่อยากถึงบ้านเร็วๆเหรอ”

วายุหันไปแกล้งหยอกหญิงสาวเพราะรู้ว่าเธอกลัวก่อนจะเข้าไปนั่งที่ฝั่งคนขับ

“หึ...ตอนกลับฉันไม่รีบ”

รินทร์ธาราสั่นหัวหงึกหงักพร้อมเข้าไปนั่งในรถชายหนุ่มด้วยสีหน้ากังวลหวังว่าเขาจะไม่พาเธอซิ่งอย่างเมื่อเช้าอีกนะ

“เด็กๆเล่นกันซนแบบนี้ทุกวันเลยหรือเปล่าครับตอนที่อยู่บนเกาะไม่เห็นเล่นหนักกันขนาดนี้เลย”

เมฆาเห็นลูกๆของเขาเล่นกันเอาเป็นเอาตายที่สไลเดอร์ของเล่นเด็กที่สนามหญ้าข้างบ้านก็อดถามหญิงสาวไม่ได้ว่าเด็กๆเล่นกันแบบนี้เป็นปกติหรือเปล่าเพราะเห็นหญิงสาวไม่ได้ทักท้วงอะไรลูกๆทั้งสองกลับยืนมองพร้อมอมยิ้มอยู่แบบนั้น

“ปกติของเด็กๆแหละค่ะ...เพียงแค่ตอนอยู่ที่เกาะไม่ได้มีสไลเดอร์ให้เล่นแบบนี้เท่านั้นเองค่ะ”

ณัฐนิชาไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเพราะปกติลูกๆของเธอก็เล่นกันแบบนี้ชายหนุ่มคงจะแปลกใจเพราะไม่เคยเห็น

“ถ้าผมได้เฝ้ามองเด็กๆอยู่แบบนี้ตลอดก็ดีสิครับ”

เมฆาหันไปมองลูกๆของเขาที่กำลังเล่นกันอยู่อย่างสนุกจนผมเปียกไปหมดพลางพูดให้หญิงสาวได้ยินถึงสิ่งที่เขาอยากจะให้เป็น

“เอ่อ...เดี๋ยวนิฝากเด็กๆด้วยนะคะนิจะเข้าไปเตรียมน้ำอาบให้เด็กๆก่อนค่ะ”

ณัฐนิชาไม่รู้ว่าจะแสดงความเห็นอะไรในคำพูดของชายหนุ่มพร้อมขอตัวออกไปทำอย่างอื่นทันทีเพราะเธอคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าหากชายหนุ่มจะอยู่ที่นี่ตลอด

เมฆามองหญิงสาวที่เดินหันหลังออกไปด้วยสายตาที่ละห้อยลงเล็กน้อยเขาพอจะรู้ว่าหญิงสาวยังใจแข็งอยู่มากแต่ยังไงเขาก็จะไม่ยอมลดละสิ่งที่เขาพยายามมาถึงขนาดนี้แล้ว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status