“ไม่ต้องกลัวอันตรายหรอกคุณจะได้ถึงเร็วๆไงไม่ชอบเหรอ”
วายุหันมาฉีกยิ้มให้หญิงสาวอย่างหน้าชื่นตาบานที่เห็นเธอหน้าเสียเพราะความที่เขาเร่งความเร็วเขามั่นใจว่าความเร็วระดับนี้เขาเอาอยู่และไม่ได้ประมาทจนเกินไปด้วยดูท่าหญิงสาวจะตื่นกลัวเกินเหตุ
“หึ่ยยย”
รินทร์ธาราเห็นว่าชายหนุ่มคงจะไม่ลดอัตราความเร็วลดลงแน่จึงหลับตาปี๋หาที่ยึดเกาะให้มั่นคงและนั่งภาวนาว่าให้ถึงที่หมายโดยรวดเร็วด้วยเถอะไม่อย่างนั้นเธออาจจะหยุดหายใจเพราะตื่นเต้นตรงนี้ก็เป็นได้เกิดมาก็พึ่งจะมาเคยนั่งบนรถที่มีความเร็วแบบนี้
“หอมจังเลยครับ”
เมฆาเดินออกจากห้องมาถึงห้องครัวก็ได้กลิ่นอาหารหอมฟุ้งเตะจมูกตั้งแต่เช้าชายหนุ่มร่างสูงยืนพิงขอบประตูมองหญิงสาวที่ใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเล็กน้อยที่เธอดูจะเป็นแม่บ้านศรีเรือนที่ทำอะไรคล่องแคล่วเสียจริงงานนอกก็ดีงานในบ้านยังไม่ขาดตกบกพร่องอีกแบบนี้เขาไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปแน่
“เด็กๆล่ะคะ”
ณัฐนิชาได้ยินเสียงของชายหนุ่มจึงหันไปมองร่างสูงครู่หนึ่งแล้วหันมาคนหม้อพะโล้ต่อพร้อมถามหาเด็กๆ
“ยังไม่ตื่นเลยครับ”
เมฆาเดินเข้าไปคุยกับหญิงสาวใกล้ๆเพราะอยากจะเห็นว่ากับข้าวที่หอมเตะจมูกเขาขนาดนั้นมันน่าทานขนาดไหน
“อ๋อค่ะแล้วมือคุณเมฆเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็โอเคแล้วล่ะครับ”
“นิว่ามันก็ยังบวมแดงอยู่เลยนะคะไม่รู้ว่าเมื่อคืนเด็กๆดิ้นไปโดนมือของคุณบ้างหรือเปล่าเดี๋ยวคุณเมฆนั่งรอที่โต๊ะอาหารก่อนดีกว่าค่ะในนี้จะเรียบร้อยแล้ว”
ณัฐนิชาปิดฝาหม้ออาหารพร้อมดับไฟที่เตาและหันมาดูมือของชายหนุ่มพร้อมถามว่าตอนนี้เขามีอาการเป็นอย่างไรบ้างเพราะเธอก็เห็นว่ามันน่าจะยังไม่ยุบไปเท่าไรตอนนี้จึงให้เขานั้นไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารจะดีกว่าขืนยืนอยู่ในนี้อาจจะเกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อวานอีกก็เป็นได้
“นิว่าเด็กๆน่าจะตื่นแล้วคุณเมฆรอนิสักครู่นะคะ”
ณัฐนิชาเริ่มจัดโต๊ะอาหารเช้าเธอรู้สึกว่าได้ยินเสียงกุกกักในห้องจึงรีบขอตัวชายหนุ่มไปดูเด็กๆจะได้ล้างหน้าแปรงฟันให้เจ้าสองแสบแล้วพามาทานอาหารเช้าได้เลย
“ให้ผมดูเด็กๆให้ไหมครับ”
เมฆาเห็นว่าหญิงสาวทำอะไรหลายอย่างเหลือเกินในเช้านี้จึงอาสาจะช่วย
“ไม่เป็นไรค่ะนิจัดการเองจะดีกว่า”
ณัฐนิชาตอบปฏิเสธชายหนุ่มอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าเธอทำคนเดียวจะเร็วกว่าเพราะชายหนุ่มนั้นยังมีอาการบาดเจ็บที่มือทั้งสองของเขาอยู่
20 นาทีต่อมา
“อร่อยไหมครับ”
เมฆานั่งทานข้าวด้วยความทุลักทุเลเพราะเจ็บมือแต่ก็ไม่อยากจะให้หญิงสาวช่วยเมื่อเห็นลูกๆทั้งสองของเขาบนโต๊ะทานข้าวสำหรับเด็กทั้งสองกำลังใช้มือป้อมตักข้าวเข้าปากอย่างไม่ขาดคำเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มที่พองอยู่แล้วพองขึ้นไปอีกช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูเสียจริง
“อร่อยคร้าบ/อร่อยค่า”
เจ้าสองแสบตอบพร้อมกันโดยที่สายตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ถ้วยอาหารไม่ได้หันมามองคนเป็นพ่อที่ถามเลยสักนิด
“ไข่พะโล้ของโปรดสองแสบเลยล่ะค่ะ”
ณัฐนิชาที่นั่งทานข้าวอยู่ก็อดยิ้มไม่ได้พร้อมบอกกับชายหนุ่มว่าเมนูนี้เป็นเมนูโปรดของเด็กๆอีกหนึ่งอย่างที่ทำเมนูนี้มาเมื่อไรจะต้องตั้งหน้าตั้งตาทานกันโดยไม่ต้องบังคับป้อนเลย
“คุณเมฆอิ่มแล้วเหรอคะมัวแต่นั่งยิ้ม”
ณัฐนิชาสังเกตเห็นชายหนุ่มนั่งยิ้มอยู่ครู่หนึ่งแล้วจนเธอเองต้องร้องทักขึ้น
“เอ่อ...เปล่าครับ”
เมฆาหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาวที่ทักขึ้นเมื่อครู่เขากำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ว่าถ้าหากเขาได้อยู่กับหญิงสาวแบบนี้ทุกวันคงมีความสุขน่าดูตอนเช้าตื่นมาเจอลูกๆออกมาจากห้องก็เจอหญิงสาวทำอาหารเช้ารออยู่มันเป็นบรรยากาศครอบครัวที่เขารู้สึกมีความสุขอย่างมากรอยยิ้มมันก็ยิ้มออกมาเองโดยอัตโนมัติเพียงแค่ตอนนี้เขาแค่รอเวลาที่หญิงสาวจะใจอ่อนให้เขาเท่านั้น
ช่วงเย็นของวัน
“ไหนคุณบอกจะมารับช้าไงคะ”
รินทร์ธาราเห็นว่าชายหนุ่มมารับเธอเร็วกว่าที่บอกเมื่อเช้าจึงถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัยว่าทำไมเขามาก่อนเวลาเธอเลิกงานเสียอีก
“พอดีรถที่ซ้อมแข่งมีปัญหานิดหน่อยเลยซ้อมต่อไม่ได้”
วันนี้วายุก็ไม่เข้าใจว่ารถของเขามันจะมีปัญหาอะไรนักหนาทั้งที่ทีมดูแลรถที่ได้มาใหม่ก็มีแต่คนมีฝีมือดีกันทั้งนั้นเขาเลยตัดสินใจยุติการซ้อมเอาไว้ก่อนเพราะหากขืนซ้อมต่ออาจจะเกิดอันตรายต่อตัวของเขาได้ตอนนี้เขาต้องรักษาร่างกายเอาไว้ให้ดีเพื่อการลงแข่งครั้งหน้า
20 นาทีต่อมา
“ขากลับไม่ต้องรีบแบบเมื่อเช้าก็ได้นะคะ”
ก่อนขึ้นรถสปอร์ตคันหรูของวายุรินทร์ธาราจำต้องหันไปกำชับเขาก่อนว่าตอนกลับเธอไม่ได้รีบแบบเมื่อเช้าเพื่อเป็นการปกป้องตัวเองชายหนุ่มจะได้ไม่ขับรถไวตอนที่มีเธออยู่บนรถอีก
“คุณไม่อยากถึงบ้านเร็วๆเหรอ”
วายุหันไปแกล้งหยอกหญิงสาวเพราะรู้ว่าเธอกลัวก่อนจะเข้าไปนั่งที่ฝั่งคนขับ
“หึ...ตอนกลับฉันไม่รีบ”
รินทร์ธาราสั่นหัวหงึกหงักพร้อมเข้าไปนั่งในรถชายหนุ่มด้วยสีหน้ากังวลหวังว่าเขาจะไม่พาเธอซิ่งอย่างเมื่อเช้าอีกนะ
“เด็กๆเล่นกันซนแบบนี้ทุกวันเลยหรือเปล่าครับตอนที่อยู่บนเกาะไม่เห็นเล่นหนักกันขนาดนี้เลย”
เมฆาเห็นลูกๆของเขาเล่นกันเอาเป็นเอาตายที่สไลเดอร์ของเล่นเด็กที่สนามหญ้าข้างบ้านก็อดถามหญิงสาวไม่ได้ว่าเด็กๆเล่นกันแบบนี้เป็นปกติหรือเปล่าเพราะเห็นหญิงสาวไม่ได้ทักท้วงอะไรลูกๆทั้งสองกลับยืนมองพร้อมอมยิ้มอยู่แบบนั้น
“ปกติของเด็กๆแหละค่ะ...เพียงแค่ตอนอยู่ที่เกาะไม่ได้มีสไลเดอร์ให้เล่นแบบนี้เท่านั้นเองค่ะ”
ณัฐนิชาไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเพราะปกติลูกๆของเธอก็เล่นกันแบบนี้ชายหนุ่มคงจะแปลกใจเพราะไม่เคยเห็น
“ถ้าผมได้เฝ้ามองเด็กๆอยู่แบบนี้ตลอดก็ดีสิครับ”
เมฆาหันไปมองลูกๆของเขาที่กำลังเล่นกันอยู่อย่างสนุกจนผมเปียกไปหมดพลางพูดให้หญิงสาวได้ยินถึงสิ่งที่เขาอยากจะให้เป็น
“เอ่อ...เดี๋ยวนิฝากเด็กๆด้วยนะคะนิจะเข้าไปเตรียมน้ำอาบให้เด็กๆก่อนค่ะ”
ณัฐนิชาไม่รู้ว่าจะแสดงความเห็นอะไรในคำพูดของชายหนุ่มพร้อมขอตัวออกไปทำอย่างอื่นทันทีเพราะเธอคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าหากชายหนุ่มจะอยู่ที่นี่ตลอด
เมฆามองหญิงสาวที่เดินหันหลังออกไปด้วยสายตาที่ละห้อยลงเล็กน้อยเขาพอจะรู้ว่าหญิงสาวยังใจแข็งอยู่มากแต่ยังไงเขาก็จะไม่ยอมลดละสิ่งที่เขาพยายามมาถึงขนาดนี้แล้ว
2 อาทิตย์ผ่านไปเมฆายังคงคอยตามติดหญิงสาวอยู่ไม่ห่างแทบจะทุกย่างก้าวช่วยทำโน่นทำนี่จนตอนนี้สามารถดูแลลูกๆของเขาได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย“เด็กๆมาอาบน้ำกันครับ”“คร้าบ/ค่า”พักหลังที่มือของเมฆาหายดีแล้วช่วงเช้าในเวลาที่ณัฐนิชายุ่งๆเขาก็จะเป็นคนที่ดูแลเด็กๆแทนหญิงสาวแทบทุกอย่างอย่างเช่นการอาบน้ำให้ลูกๆของเขาก็ทำได้ดีเพราะเรียนรู้วิธีมาจากหญิงสาวโดยการสังเกตสิ่งที่เธอทำมาทุกอย่างแล้ว“เป็นอะไรคะ”เมฆาเห็นลูกสาวของเขาก้าวขาที่เป็นปล้องๆลงอ่างอาบน้ำแต่เมื่อเท้าแตะน้ำก็ดึงเท้ากลับทันทีเขาจึงต้องหันไปถามใยไหมด้วยความเป็นห่วง“เย็นค่ะ”เด็กหญิงตอบคนเป็นพ่อคิ้วขมวดปากติดจมูกนิดหน่อยว่าน้ำในอ่างอาบน้ำสีชมพูหวานของเธอมันเย็นจนไม่กล้าลง“น้ำเย็นคร้าบคุณพ่อ”ใบหม่อนก็มีอาการแบบเดียวกับพี่สาวและส่งเสียงบอกคนเป็นพ่อให้รู้ว่าเขาไม่ชอบน้ำเย็นแบบนี้“จริงด้วย”เมฆาใช้มือวัดอุณหภูมิดูเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กๆถึงกับรีบยกเท้าออกเมื่อสัมผัสกับน้ำเขาส่ายหัวให้ตัวเองที่ลืมเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นอีกจนได้“ลืมเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นหรือเปล่าคะคุณเมฆ”ณัฐนิชาที่เตรียมอาหารเช้าและจัดการงานบ้านเสร็จสรรพแล้วเธอจึงเดิน
“ฮ่าๆๆคุณแม่กัดหูเลย”ใยไหมที่คิดว่าคนเป็นพ่อและคนเป็นแม่แกล้งกันเฉยๆเหมือนที่เธอก็เคยแกล้งกับน้องชายของเธอจึงหัวเราะร่าเมื่อเห็นคนเป็นพ่อร้องออกมา“คุณพ่อเจ็บไหมครับ”ใบหม่อนเด็กชายผู้อ่อนโยนเมื่อเห็นคนเป็นพ่อร้องก็เลยหันมาถามด้วยความสงสัยว่าคุณพ่อของเขานั้นเจ็บมากหรือเปล่าต่างจากคนเป็นพี่ที่เอาแต่หัวเราะร่า“ไม่เจ็บเลยครับให้คุณแม่กัดอีกก็ยังได้”เมฆายังมีกะใจหันไปพูดเล่นกับเด็กๆทั้งที่ยังรู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่ใบหูของเขาอยู่เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่กำลังแดงระเรื่อเป็นลูกตำลึงก็คิดว่าการเจ็บตัวครั้งนี้มันคุ้มค่ากันแล้วณัฐนิชาปั้นสีหน้าไม่ถูเพราะยังเขินอายกับวินาทีที่ใบหน้าใกล้กันกับชายหนุ่มเธอได้แต่ใช้สายตามองค้อนคนฉวยโอกาสเล็กน้อยที่ดูคำพูดที่เขาพูดกับลูกๆเป็นการเอ่ยแซวเธอให้รู้ตัวครู่ต่อมา“คุณเมฆไม่ต้องกลับไปทำงานบ้างหรือไงคะ”ณัฐนิชานั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวกับเด็กๆและเมฆาเธอค่อนข้างที่จะเกรงใจเขาอยู่มากที่มาอยู่ที่นี่ช่วยเธอดูแลลูกๆและยังไม่เห็นมีวี่แววว่าเขาจะกลับไปทำงานของเขาเสียทีเหมือนที่เธอคิดไว้คราแรก“อืม...นี่ไล่ผมหรือเปล่าครับ”เมฆาวางช้อนลงอย่างเบามือชายหนุ่มใจเสียเล็กน้
ห้างสรรพสินค้าเมื่อทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองได้ก็เดินดิ่งตรงมาที่ร้านขายของใช้เด็กพร้อมเลือกของกันอยู่ร่วมชั่วโมงจนได้ของครบเกือบทุกอย่างแล้ว“แบบนี้ใหญ่ที่สุดในร้านเลยค่ะ”พนักงานสาวที่ร้านหยิบอ่างอาบน้ำของเด็กที่ใหญ่ที่สุดในร้านมาให้เมฆาดูพร้อมบอกว่าที่เธอเลือกมาก็ใหญ่สุดของในร้านแล้วเธอเหลือบมองเด็กทั้งสองเธอก็เข้าใจได้ว่าทำไมลูกค้าของเธอจึงต้องการอ่างอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุดของเด็ก“อืม...งั้นเอาสองใบนี้สีฟ้ากับชมพูครับ”เมฆาเห็นว่าอ่างอาบน้ำที่พนักงานสาวหยิบมาให้เขาดูนั้นมันก็ใหญ่กว่าแบบเดิมที่ใช้อยู่ที่บ้านของหญิงสาวจริงแต่เมื่อเทียบกับตัวเด็กๆแล้วมันก็ยังดูใช้ได้ไม่นานเท่าไรแต่ก็มีแก้ขัดไปก่อนก็ยังดีจึงตัดสินใจซื้อของสองชิ้นสุดท้ายนี้แล้วออกมาจากร้านอย่างรวดเร็วเพราะเห็นว่าลูกๆของเขาทั้งสองจะเริ่มงอแงไม่อยากอยู่กับที่นานๆแล้ว“เดี๋ยวนิขอพาเด็กๆไปเล่นตรงบ้านบอลก่อนนะคะดูท่าอยากจะเล่นแย่แล้ว”“ไปค่าคุณแม่”“อยากเล่นแล้วคร้าบ”ณัฐนิชาเลือกซื้อของใช้เสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินออกมาจากร้านเพื่อพาเจ้าสองแสบไปเล่นตรงโซนเครื่องเล่นเด็กตามคำขอของลูกๆหากไม่พาไปต
“อยู่สนามแข่งXXXจะมาทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ”ณัฐนิชาถึงกับทำหน้าเซ็งที่ป๋อมแป๋มจะมาก็ไม่บอกไม่กล่าวกันก่อน“ก็อยากจะเซอร์ไพรซ์นี่นาโอเคอีกไม่ถึงสิบนาทีเจอกันเดี่ยวไปหา”ป๋อมแป๋มเห็นว่าตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยู่ไกลกับสนามแข่งที่ณัฐนิชาบอกมากก็เลยนัดไปเจอกันที่นั่นทีเดียว10 นาทีต่อมา“เป็นไงพี่ฝีมือผม”ซ้อมรอบแรกวายุทำเวลาได้ดีก็อดมาอวดความเก่งกับคนที่นั่งดูอยู่ไม่ได้ตอนนี้เขาขอเวลาพักสักสิบนาทีเพื่อการซ้อมรอบต่อไปต่อ“ขอให้รักษาระดับนี้ไว้ให้ดีก็แล้วกัน”เมฆาเห็นฝีมือการขับรถของน้องเขาดีขึ้นก็ยิ้มออกดีใจกับวายุที่ทำในสิ่งที่ตัวเองรักออกมาได้ดีเขาเองก็เอาใจช่วยให้น้องชายของเขารักษามาตรฐานแบบนี้และพยายามทำให้มันดีขึ้นตลอดก็แล้วกัน“สวัสดีค่ะทุกคน”ป๋อมแป๋มเดินจอดรถที่ลานจอดเมื่อมองเห็นไกลๆจำได้ว่าเป็นรินทร์ธารานั่งอยู่จึงเดินเข้ามาหาพร้อมกับทักทายทุกคนที่กำลังคุยกันอยู่“อ้าวคุณแป๋ม”วายุเห็นเป็นป๋อมแป๋มก็ทักขึ้นเขาคิดว่าเธอจะอยู่ที่เกาะเสียอีกเลยแปลกใจเมื่อเห็นเธออยู่ที่นี่“พี่แป๋มหวานนึกว่าอยู่ที่เกาะซะอีก”รินทร์ธาราเองก็คิดเช่นเดียวกับวายุเพราะรู้ว่าป๋อมแป๋มต้องพาทีมไปทำงานที่เกาะ“พอดีแวะ
“จริงด้วยเดี่ยวฉันไปดูข้างนอกก่อนนะแก”“คุณผู้หญิงครับคือ...มีผู้ชายนอนจมกองเลือดอยู่ในห้องน้ำไม่ทราบว่ามากับพวกคุณหรือเปล่ารบกวนไปดูหน่อยครับ”ป๋อมแป๋มกำลังจะปิดประตูเดินออกไปแต่ก็มี ร.ป.ภ เปิดประตูเข้ามาเสียก่อนด้วยสีหน้าที่หน้าตาตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัดเรื่องที่ ร.ป.ภ แจ้งนั้นทำเอาทั้งสองสาวที่ใจเสียอยู่แล้วตอนนี้ใจเหมือนหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะมันมีแต่เรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นทั้งสองสาวภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าเป็นคนที่เธอทั้งสองรู้จักเลย“เราไปดูกันแป๋มหวังว่าจะไม่ใช่คนที่เรารู้จักนะ”ณัฐนิชาชักจะใจไม่ดีแล้วคิดว่ายังไงเธอก็จะต้องไปดูด้วยตัวเองให้เห็นกับตาหากไม่ใช่คนที่รู้จักก็จะได้ไม่ต้องกังวลอีกเรื่องเธอจึงปล่อยให้ลูกทั้งสองของเธออยู่ในห้องนี้ก่อนเพราะคิดว่าไม่นานเธอก็จะกลับมาอยู่แล้วคงไม่เป็นอะไร“ทางนี้เลยครับ” ร.ป.ภ. เดินนำหน้าสองสาวมาอย่างรวดเร็วตอนนี้สองสาวเกาะกุมมือกันแน่นเพราะใจไม่ดีเท่าไรตอนนี้ณัฐนิชาสังเกตเห็นว่าที่หน้าห้องน้ำชายตอนนี้มี ร.ป.ภ ของที่นี่อีกสองสามคนกำลังยืนคุมสถานการณ์อยู่และกำลังโทรเรียกตำรวจและพยาบาลกันเจ้าละหวั่นเพราะเหตุเกิดถึงสองที่ในคราเดียวกัน“คุณเมฆ!!!..
20 นาทีต่อมา“สองคนเป็นยังไงบ้าง”มัทนารู้ข่าวก็รีบบินมาที่เชียงใหม่อย่างเร่งด่วนคราแรกพอรู้ข่าวก็แทบลมจับแต่เมื่อรู้ว่าลูกทั้งสองของเธอปลอดภัยก็โล่งใจขึ้นมาอีกเปราะ“สวัสดีค่ะคุณมัทคุณรงค์ตอนนี้คุณเมฆยังไม่ฟื้นค่ะส่วนคุณไวท์ตอนนี้เข้าเฝือกอ่อนไว้อยู่ค่ะเย็นๆหมอน่าจะผ่าตัดให้ค่ะ”ป๋อมแป๋มยืนลูบหลังให้กำลังใจณัฐนิชาที่นั่งน้าตาไหลไม่เหือดแห้งเอาแต่จับมือม่านเมฆไม่วาง เมื่อเห็นมัทนาและธำมรงค์เปิดประตูเข้ามาก็ยกมือสวัสดีท่านทั้งสองพร้อมบอกอาการของชายหนุ่มทั้งสองให้คนเป็นพ่อกับแม่ของพวกเขาได้รับรู้“นี่เจ้าลูกชายเรามันไปเหยียบหางใครเค้ามาหรือเปล่าถึงได้โดนแบบนี้”ธำมรงค์พอจะมองเหตุการณ์ออกว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนที่ทุกคนสงสัยเพียงแค่ตอนนี้เขาก็เหลือแต่ปรึกษากับตำรวจให้แน่ใจอีกที“พวกเราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะตอนนี้ก็ต้องรอทางตำรวจตรวจสอบอีกทีค่ะ”ป๋อมแป๋มพยักหน้าคือตอนนี้ใครๆก็พอจะมองออกว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาเพราะเป็นไปไม่ได้ที่จู่ๆรถของชายหนุ่มที่ใช้ซ้อมอยู่เป็นประจำและมีทีมงานที่มีฝีมือตรวจสอบอยู่ตลอดจะเกิดเหตุการณ์ขัดข้องกะทันหันจนเป็นสาเหตุให้วายุได้รับบาดเจ็บและจู่ๆเมฆาก็มาโดนทำร้
“เมื่อไรจะตื่นเนี่ยคุณรู้ไหมฉันเป็นห่วงคุณจนเสียการเสียงานแล้วนะ”รินทร์ธาราวางกระเป๋ากับกล่องข้าวที่เธอซื้อมาเผื่อพี่สาวของเธอที่โต๊ะวางของก่อนจะเดินไปจ้องที่ใบหน้าอันซีดเซียวของวายุพูดคุยกับคนที่นอนแน่นิ่งอยู่ด้วยอาการเป็นห่วงแต่คำพูดของเธอก็ดูจะวางฟอร์มเสียหน่อยตามแบบของเธอเอง“จะว่าไปคุณก็หล่อเหมือนกันนะตอนที่นอนนิ่งๆไม่กวนประสาทฉันน่ะ...จมูกก็โด่งคิ้วดกดำปากก็หนา...แต่ก็หัวเถิกไปนิด...หน้าแบบนี้สินะที่พวกสาวๆติดกันแจ...”หญิงสาวก้มลงมองใบหน้าของชายหนุ่มที่หลับตาพริ้มเมื่อได้ลองสังเกตใกล้ๆเธอก็รู้สึกว่าตอนที่เขานอนนิ่งๆแบบนี้มันน่าดูกว่าเยอะเลยพร้อมยิ้มเยาะเมื่อพูดถึงใบหน้าของเขาใบนี้ที่ทำให้สาวๆแทบจะทุกคนติดแจจนเป็นข่าวมาให้เห็นแทบทุกครั้งที่มีการลงแข่ง“อืม...ตัวหอมแล้วนี่นาสงสัยพยาบาลจะมาเช็ดตัวให้แล้วใช่ไหมล่ะ...นอนเป็นผักให้พยาบาลสาวๆดูแลแบบนี้คงจะทำให้คุณสดชื่นไม่น้อยเลยนะรีบๆตื่นมานะจะได้เห็นเวลาพยาบาลเค้าทำอะไรกับร่างกายคุณ...อิๆๆ”วันนี้ที่หญิงสาวพูดเล่นกับวายุและอารมณ์ดีได้ก็เพราะสบายใจที่การผ่าตัดของชายหนุ่มผ่านไปด้วยดีตอนนี้ก็รอแค่ให้ฟื้นตัวเท่านั้นเมื่อพูดคุยกับคนที่
“คุณพ่อนอนนานจังเลยค่ะ”ใยไหมเริ่มสงสัยเพาะเด็กหญิงจำได้ว่าคนเป็นพ่อของเธอนอนที่เตียงนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ววันนี้ก็ยังนอนเหมือนเดิมอยู่เลยจึงเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา“แบบนี้คุณพ่อขี้เซาใช่ไหมคร้าบ”คนเป็นน้องชายก็มีทีท่าสงสัยพอๆกันพลางยืนคิดถึงคำพูดของคนเป็นแม่ที่เวลาตัวเองนอนตื่นสายคนเป็นแม่จะบอกว่าขี้เซาเด็กชายก็มีความคิดว่าคนเป็นพ่อก็คงจะขี้เซาเหมือนที่ตัวเองเคยเป็นเหมือนกันพร้อมเอ่ยถามคนเป็นแม่ด้วยท่าทีสงสัยตามพี่สาว“หืมม...ตอนนี้คุณพ่อไม่สบายค่ะเลยต้องนอนพักอีกไม่นานเดี๋ยวคุณพ่อก็ตื่นแล้วค่ะ”ณัฐนิชาฉีกยิ้มกว้างเอ็นดูกับคำพูดของเจ้าแฝดเหลือเกินก่อนจะบอกเหตุผลให้ลูกๆเธอได้เข้าใจว่าพ่อของพวกเขานั้นไม่ได้ขี้เซาอย่างที่คิด“จุ้บคุณพ่อค่ะ”“โอเคค่ะ.”ณัฐนิชาหันไปหาลูกสาวตัวกลมของเธอด้วยสีหน้าแปลกใจในคราแรกแต่เมื่อนึกขึ้นได้และรู้ว่าลูกของเธอจะทำอะไรก็รีบอุ้มลูกสาวตัวกลมของเธอให้โน้มตัวไปหอมแก้มคนเป็นพ่อที่นอนหลับอยู่ทันที“เดี๋ยวคุณพ่อก็หายแล้วค่ะ”ณัฐนิชาดีใจที่ลูกสาวของเธอนั้นจำพฤติกรรมของเธอได้เมื่อลูกทั้งสองของเธอป่วยเธอก็จะเข้าไปจูบที่แก้มแล้วอวยพรให้หายเร็วๆทุกครั้งแล้วลูกๆข