“เด็กๆมาหาคุณพ่อหน่อยครับ”
เมฆาเห็นเจ้าสองแสบทั้งสองที่กำลังนั่งตักทรายเล่นอยู่ที่ชายหาดจึงเดินเข้าไปหาเด็กๆทั้งสองเพื่อสานสัมพันธ์พ่อลูกให้แนบแน่นขึ้น
“คุณลุง???”
ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมีสีหน้าฉงนเล็กน้อยที่สรรพนามของชายหนุ่มใช้แทนตัวเองนั้นแปลกไป
“คุณพ่อครับ...คุณลุงเป็นคุณพ่อของเด็กๆไงไหนเรียกคุณพ่อสิครับ”
เมฆามองเด็กๆทั้งสองด้วยความเอ็นดูเอื้อมมือไปจับหัวลูกๆอย่างเบามือพร้อมสอนให้เด็กๆเรียกตัวเองให้ถูกว่าควรจะเรียกว่าอะไรให้พวกเค้าได้รู้ว่าพวกเค้านั้นมีพ่อแม่ครบเหมือนเด็กคนอื่นๆ
“คุณพ่อ??”
ใบหม่อนยิ่งทำหน้าแปลกใจเข้าไปใหญ่ที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครสอนให้เรียกพ่อเลยสักครั้งเด็กชายจึงไม่รู้ว่าคุณพ่อคืออะไรได้แต่เคยได้ยินในทีวีเท่านั้น
“คุณพ่อกับคุณแม่ไง”
ใยไหมหันไปพูดกับน้องชายตามประสาเด็กที่เคยได้ยินผู้ใหญ่คุยกันและสื่อต่างๆที่จะต้องมีคุณพ่อกับคุณแม่แต่เด็กหญิงก็หาได้เข้าใจคำนี้อยู่ดี
“ฮ่าๆๆ”
เมฆาต้องขำออกมาแคล้ากับน้ำตาที่คลออยู่ให้กับความไร้เดียงสาของลูกๆเขาทั้งสองคนเด็กนี่ช่างเป็นผ้าขาวที่ใครจะแต่งแต้มอะไรก็ได้เสียจริงไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากเขาไม่ได้เจอเด็กๆและณัฐนิชาหลังจากนี้เขาจะคิดถึงทั้งสามแค่ไหน
ช่วงเย็นของวัน
“แล้วนี่จะกลับพร้อมกันหมดเลยใช่ไหมจ้ะ”
“ค่ะงานของแป๋มก็เสร็จแล้วแป๋มว่าจะกลับมาอีกทีก็ตอนที่พาทีมมาทำงานเลยค่ะ”
หญิงสาวทั้งสามเก็บกระเป๋าออกมารอที่ท่าเรือคราแรกป๋อมแป๋มคิดว่าจะอยู่ต่อที่นี่อีกสักหน่อยแต่เมื่อเห็นว่าทั้งรินทร์ธาราและณัฐนิชาไปกันหมดเธอก็ไม่อยากจะเหงาอยู่ที่นี่คนเดียวอีกอย่างงานส่วนนี้ก็เรียบร้อยแล้วเธอคิดว่าถ้าจะได้กลับมาที่นี่อีกทีก็คงจะมาพร้อมทีมที่ตกแต่งอีกที
“แล้วหนูนิล่ะจ้ะจะมาพร้อมหนูแป๋มด้วยไหม”
มัทนาเห็นลูกชายตัวดียืนอุ้มลูกทั้งสองไว้ในอ้อมกอดมองณัฐนิชาตาละห้อยอยู่ห่างๆจึงแกล้งถามหญิงสาวให้รู้กันไปว่าเธออยากจะกลับมาที่นี่อีกหรือเปล่า
“งานของนิเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะคุณมัทคงจะไม่ได้มาแล้ว”
ในหัวหญิงสาวตอนนี้เธอคิดว่าไปให้ไกลจากที่นี่จะดีที่สุดอีกทั้งยังไม่อยากจะหันกลับไปมองหน้าชายหนุ่มแม้แต่น้อย
“เด็กๆมาหาคุณแม่มาค่ะเราจะกลับกันแล้วนะคะ”
ณัฐนิชาต้องจำใจหันไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ห่างเธอหลายวาและเรียกเด็กๆทั้งสองที่อยู่กับคนเป็นพ่อของพวกเค้าให้เข้ามาหาเธอเพราะเตรียมตัวจะลงเรือแล้ว
เมฆาได้ยินหญิงสาวเรียกลูกๆก่อนจะปล่อยเจ้าก้อนทั้งสองจากไปก็กอดจูบเจ้าตัวกลมด้วยน้ำตาและยอมปล่อยลูกๆของเขาให้ไปหาณัฐนิชาแต่โดยดีตอนนี้เขาจำต้องทำใจแข็งปล่อยเธอไปก่อนเพราะเขาเห็นว่าตอนนี้สถานการณ์มันกำลังไปได้ดีแต่เมื่อถึงเวลาเมื่อไรเขาจะทวงเธอคืนทั้งตัวทั้งใจให้ได้
“คุณพ่อไม่ไปด้วยเหรอคะ”
เจ้าสองแสบรีบวิ่งมาหาเกาะมือของแม่คนละข้างใยไหมเห็นว่าคนเป็นพ่อหมาดๆของเธอไม่เดินตามมาด้วยจึงหันไปถามคนเป็นแม่ด้วยสีหน้าฉงนใจว่าคุณพ่อของเธอไม่กลับไปด้วยหรืออย่างไร
“ไม่ค่ะ...คุณพ่อต้องอยู่ที่นี่ค่ะ”
ณัฐนิชาตอบลูกๆของเธอด้วยความกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยที่รู้ว่าเมฆานั้นบอกให้เด็กๆเรียกเขาว่าพ่อแล้วจึงฝืนยิ้มบอกกับลูกๆทั้งสองของเธอให้เข้าใจว่าพ่อของพวกเขาต้องอยู่ที่นี่
“..งั้นเราไปกันเถอะ..”
มัทนาเห็นว่าทุกคนก็พร้อมแล้วเลยให้ลงเรือกันเลยทันทีเพราะมันเริ่มเย็นมากแล้วเดี๋ยวทั้งสามสาวและเด็กๆต้องเดินทางไกลกันอีก..อีกอย่างเธอก็ไม่ได้อยากเห็นลูกชายของเธอยืนหน้าละห้อยแบบนี้นานเท่าไรกลัวจะอดทนไม่ได้เอาเสีย
“..ไม่คิดจะมาส่งบ้างหรือไง...”
รินทร์ธาราที่ขึ้นเรือมาเรียบร้อยแล้วแต่เธอก็ยังไม่เลิกที่จะมองหาใครอีกคนที่เธอคิดว่าจะมาส่งยิ่งคิดยิ่งน่าโมโหแทนที่ชายหนุ่มจะมีน้ำใจกับเธอสักนิดก็ไม่..เห็นกันมาแทบทุกวันที่อยู่ที่นี่แต่วันนี้กลับไม่เห็นเสียอย่างนั้นทำให้หญิงสาวหงุดหงิดหัวใจอยู่ไม่น้อย
“ไปกันนานแล้วเหรอพี่”
วายุเดินออกมาเห็นพี่ชายของเขานั่งเหงาอยู่ที่เก้าอี้ไม้หน้าบ้านจึงถามว่าทั้งหมดไปกันนานหรือยัง
“อืม...พักใหญ่แล้วทำไมพึ่งออกมา”
เมฆาหันมองน้องชายของเขาครู่หนึ่งแล้วก็หันกลับมามองที่น่านน้ำทะเลด้านหน้าด้วยท่าทีห่อเหี่ยวหัวใจ
“อ๋อ...ผมก็แค่เผลองีบไปหน่อยเดียวเองเสียดายออกมาไม่ทัน”
อันที่จริงชายหนุ่มยังไม่หายงอนใครบางคนที่ไม่บอกเขาว่าจะกลับล่วงหน้าต่างหากจึงไม่ยอมออกมาส่งทุกคนขึ้นเรือเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องน้อยใจกับเรื่องแบบนี้ด้วย
“งั้นเหรอ...”
เมฆาพอจะดูออกว่าน้องชายของเขามีอาการแปลกๆไปแต่ก็ไม่ได้อยากซักอะไรมากมายเพราะตอนนี้หัวใจเขาไม่อยากจะคิดอะไรให้มันเยอะเรื่อง
3 วันต่อมา
ร้านขายยา
“ยาแก้ปวดแผงนึงครับ”
วายุเดินทางมาเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อวานเพราะมีบางอย่างทำให้ใจของเขามันลอยมาที่นี่เลยทำให้ตัวของเขาต้องถ่อตามมาถึงที่นี่ด้วย
“อ้าวคุณมาที่นี่ได้ไง”
รินทร์ธาราเงยหน้าขึ้นเห็นว่าเป็นวายุก็แปลกใจว่าเขานั้นมาทำอะไรที่นี่
“เหาะมามั้ง”
วายุยังคงทำตัวเป็นคนที่ชอบกวนประสาทหญิงสาวอยู่ไม่เลิก
“กวนประสาทฉันอีกแล้วนะ”
รินทร์ธารากรอกตาเล็กน้อยเพราะเธอไม่ค่อยประทับใจกับมุขของชายหนุ่มเท่าไร
“คือว่า...ผมมาซ้อมแข่งที่สนามแถวนี้น่ะ”
วายุอ้างว่าเขาต้องมาซ้อมที่สนามแถวนี้ก็เลยต้องมาอยู่ที่นี่
“อ๋อ...แล้วรู้ได้ไงฉันอยู่ที่ร้านนี้”
รินทร์ธาราพยักหน้าเชิงเข้าใจพร้อมถามว่าเขานั้นรู้ได้อย่างไรว่าเธอทำงานอยู่ที่นี่เพราะเธอเห็นว่าเขาไม่แปลกใจเท่าไรตอนที่เจอเธอ
“ก็คุณเคยบอกผมเองว่าทำงานอยู่ที่ไหน”
วายุอยากจะเขกหัวหญิงสาวให้สมองมันดีขึ้นกว่านี้ก็เจ้าตัวหญิงสาวเองเป็นคนบอกกับเขาตั้งแต่อยู่ที่เกาะว่าทำงานอยู่ที่ไหน
“อ๋อ..ใช่ลืม”
รินทร์ธาราพึ่งจะนึกขึ้นได้จึงแสยะยิ้มแหยให้ชายหนุ่มแก้เก้อที่เธอเป็นคนที่ลืมเสียเอง
“ผมว่าจะไปหาเจ้าสองแสบด้วยคุณจะเลิกงานหรือยัง”วายุเห็นว่านี่มันก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้วหญิงสาวน่าจะใกล้เลิกงานเขาเองก็คิดว่านั่งรอเธอกลับบ้านเธอด้วยจะดีกว่าอีกอย่างก็อยากจะไปหาหลานๆเขาด้วยไม่เจอสองสามวันก็แอบเหงาอยู่เหมือนกัน“อีกสิบนาทีเดี๋ยวคุณนั่งรอก่อนก็ได้...เอ่อแล้วคุณปวดหัวปวดมากไหม”รินทร์ธาราให้ชายหนุ่มนั่งรอที่เก้าอี้บาร์ในร้านก่อนเพราะอีกเดี๋ยวเธอก็เลิกงานแล้วจะได้กลับพร้อมกันหญิงสาวจำได้ว่าชายหนุ่มเข้ามาซื้อยาแก้ปวดจึงหันไปถามอาการของเขาว่าปวดในระดับไหนเธอจะได้จัดยาให้ถูก“เป็นห่วงผมเหรอ”วายุเลิกคิ้วอมยิ้มถามหญิงสาวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์คิดว่าคนที่ถามต้องเป็นห่วงเขาอยู่เป็นแน่“เอ้า!!..ก็คุณบอกฉันเมื่อกี้ว่าปวดหัวก็เลยถามว่าปวดมากไหมเดี๋ยวจะได้จัดยาให้ถูก”รินทร์ธาราเริ่มตีสีหน้าสับสนกับอีกฝ่ายก็คราแรกเขาบอกเธอเองว่าปวดหัวเธอจึงถามอาการก็แค่นั้นเธอไม่เข้าใจว่าเขาจะทำท่าดีใจอะไรนักหนาแถมยังมามโนว่าเธอเป็นห่วงอีกต่างหาก“ก็ไม่เยอะเท่าไรแต่ก็ปวด”“โอเค...”วายุแทบจะหุบยิ้มไม่ทันเมื่อหญิงสาวนั้นตอบกลับมาจนหน้าชานิดหน่อยและพยายามทำความเข้าใจว่าเขานั้นมโนไปเอง“โหย...อะไรอีกเนี่ย
“ถ้าเป็นเรื่องพี่สาวฉันกับคุณเมฆฉันช่วยเต็มที่”รินทร์ธาราเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางอะไรหรอกถ้าแผนการของชายหนุ่มทำให้พี่สาวเธอและเมฆาเข้าใจกันมากขึ้น“ผมกลับก่อนพรุ่งนี้เราค่อยคุยกันอีกทีผมจะมารับคุณกับเด็กๆตอนเก้าโมงเช้าตรงเวลาด้วย”วายุไม่ยอมบอกหญิงสาวว่าแผนของเขาคืออะไรเพียงแค่บอกเวลาที่เขาจะมารับเธอกับเด็กๆก่อนจะขับรถออกไปทันที“อีตานี่จะบอกสักนิดก็ไม่ได้”รินทร์ธาราบ่นอุกหงุดหงิดใจพอสมควรที่วายุไม่คิดจะบอกอะไรให้เธอรู้เลยสักนิดเกาะเพตราเมฆาเตรียมเก็บของหลังจากที่ได้รับข้อความจากน้องชายตอนนี้เขากำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆเกี่ยวกับคำพูดของคนเป็นแม่เมื่อมองย้อนดูตัวเองเขาก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่อ่อนไม่ค่อยเป็นจริงๆแต่เขาจะพยายามปรับปรุงตัวให้ได้มากที่สุดเพื่อหญิงสาวและลูกๆของเขาเช้าวันต่อมา“เที่ยวให้สนุกนะคะเด็กๆ”“ค่ะคุณแม่/คร้าบบ”หลังจากที่วายุมารับน้องสาวของเธอและเด็กๆไปแล้วณัฐนิชาก็ยืนมองดูรถแล่นไปจนสุดลูกตาแล้วยืนอมยิ้มส่ายหัวที่ลูกๆของเธอนั้นดูตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้เที่ยวก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้านเตรียมของเพราะเธอนั้นต้องไปหาป๋อมแป๋มที่บริษัทต่อ“นี่ถ้าทุกอย่างจัดเรียบร้อยน
“นิชา”“คะ???”“ผมต้องขอโทษคุณอีกครั้งขอโทษจริงๆที่ผมทำอะไรแย่ๆไว้กับคุณต่อไปนี้ผมจะไม่บังคับอะไรคุณอีกผมรู้ตัวว่าผมมันแย่แต่ผมจะพยายามเป็นคนที่ใจเย็นขึ้น”เมฆาเห็นสีหน้าของหญิงสาวยังมีความกังวลอยู่เขาจึงอยากบอกให้เธอได้รับรู้และแน่ใจว่าเขาสำนึกผิดกับเรื่องที่ผ่านมาและอีกอย่างการบังคับจิตใจเธอจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้วเพื่อให้เธอสบายใจได้และไม่ระแวงในระหว่างที่เขาอยู่ที่นี่“อืม...ค่ะ...งั้นเดี๋ยวนิไปจัดห้องให้คุณก่อนนะคะ”ณัฐนิชาได้ยินแบบนี้ก็โล่งอกไปเปราะหนึ่งอย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องคอยระแวงอะไรชายหนุ่มเธอหวังในใจว่าชายหนุ่มจะปรับปรุงนิสัยได้จริงๆ“แล้วเด็กๆไปไหนกันหมดเหรอ”เมฆาเห็นว่าตั้งแต่มายังไม่เห็นเด็กๆอยู่บ้านเลยเขาคิดว่ามาถึงแล้วจะได้เจอลูกๆเขาเสียอีก“ไปเที่ยวกับคุณไวท์แล้วก็น้ำหวานตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”“อ่อ...ครับ”ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่าเมื่อวานทำไมน้องชายของเขาจะต้องให้เขามาวันนี้ให้ได้ที่แท้ก็เปิดทางเขาได้อยู่กับเธอสองต่อสองก่อนนี่เอง20 นาทีต่อมา“ห้องคุณเมฆเรียบร้อยแล้วนะคะคุณเมฆเอาของเข้าไปเก็บได้เลยค่ะเดี๋ยวนิขอตัวทำกับข้าวก่อนนะคะ”“โอเคครับ”ณัฐนิชาจัดเตรียมห้องสำหรั
“มันบวมมากเลยคุณเจ็บมากไหมคะ”ณัฐนิชามองมือเมฆาก็คิ้วขมวดเป็นปมเพราะเมื่อครู่มือของเขาที่ว่าบวมแดงแล้วตอนนี้มันก็ยังบวมเพิ่มขึ้นไปอีก“ไม่ค่อยเท่าไรครับ”เมฆาไม่ได้สนความเจ็บที่มือของเขาแล้วตอนนี้เขาสนในการจับจ้องไปที่ใบหน้าหญิงสาวที่กำลังง่วนกับการทายาที่มือของเขาอยู่ต่างหากผู้หญิงอะไรขนาดหน้างอยังดูน่ารักเขาต้องขอบคุณน้ำซุปหม้อนั้นจริงๆที่ทำให้รู้ว่าหญิงสาวก็ยังใจดีเป็นห่วงเขาอยู่บ้าง“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วคุณทานยาเลยนะคะนิกลัวว่าคืนนี้คุณจะนอนปวด”“ครับ”ณัฐนิชาทายาให้ชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินเข้าไปจัดการอาหารในครัวต่อเพราะตอนนี้ทุกคนก็กลับมากันแล้วเธอจะได้จัดโต๊ะอาหารเย็นเลย30 นาทีต่อมา“พี่ทานได้ไหมมาเดี๋ยวผมช่วย”วายุเห็นพี่ชายของเขานั่งจ้องจานข้าวก็พอจะเดาออกว่าคงจะจับช้อนทานไม่ได้จึงอาสาจะช่วย“ไม่ต้อง”เมฆาถึงกับต้องรีบปฏิเสธน้องชายของเขาโดยทันทีจะให้น้องชายเขามาทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นมันดูยังไงๆชอบกล“ไม่ให้ช่วยแล้วจะทานยังไง”วายุถึงกับตั้งจ้องหน้าพี่ชายเขาเขม็งถ้าปฏิเสธไม่ให้เขาช่วยจะทานยังไงนั่งมองจานข้าวมันคงจะอิ่มอยู่หรอก“เอ่อ...คุณไวท์ทานข้าวเถอะค่ะเดี๋ยวนิป้อนค
“ไม่ต้องกลัวอันตรายหรอกคุณจะได้ถึงเร็วๆไงไม่ชอบเหรอ”วายุหันมาฉีกยิ้มให้หญิงสาวอย่างหน้าชื่นตาบานที่เห็นเธอหน้าเสียเพราะความที่เขาเร่งความเร็วเขามั่นใจว่าความเร็วระดับนี้เขาเอาอยู่และไม่ได้ประมาทจนเกินไปด้วยดูท่าหญิงสาวจะตื่นกลัวเกินเหตุ“หึ่ยยย”รินทร์ธาราเห็นว่าชายหนุ่มคงจะไม่ลดอัตราความเร็วลดลงแน่จึงหลับตาปี๋หาที่ยึดเกาะให้มั่นคงและนั่งภาวนาว่าให้ถึงที่หมายโดยรวดเร็วด้วยเถอะไม่อย่างนั้นเธออาจจะหยุดหายใจเพราะตื่นเต้นตรงนี้ก็เป็นได้เกิดมาก็พึ่งจะมาเคยนั่งบนรถที่มีความเร็วแบบนี้“หอมจังเลยครับ”เมฆาเดินออกจากห้องมาถึงห้องครัวก็ได้กลิ่นอาหารหอมฟุ้งเตะจมูกตั้งแต่เช้าชายหนุ่มร่างสูงยืนพิงขอบประตูมองหญิงสาวที่ใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเล็กน้อยที่เธอดูจะเป็นแม่บ้านศรีเรือนที่ทำอะไรคล่องแคล่วเสียจริงงานนอกก็ดีงานในบ้านยังไม่ขาดตกบกพร่องอีกแบบนี้เขาไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปแน่“เด็กๆล่ะคะ”ณัฐนิชาได้ยินเสียงของชายหนุ่มจึงหันไปมองร่างสูงครู่หนึ่งแล้วหันมาคนหม้อพะโล้ต่อพร้อมถามหาเด็กๆ“ยังไม่ตื่นเลยครับ”เมฆาเดินเข้าไปคุยกับหญิงสาวใกล้ๆเพราะอยากจะเห็นว่ากับข้าวที่หอมเตะจมูกเขาขนา
2 อาทิตย์ผ่านไปเมฆายังคงคอยตามติดหญิงสาวอยู่ไม่ห่างแทบจะทุกย่างก้าวช่วยทำโน่นทำนี่จนตอนนี้สามารถดูแลลูกๆของเขาได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย“เด็กๆมาอาบน้ำกันครับ”“คร้าบ/ค่า”พักหลังที่มือของเมฆาหายดีแล้วช่วงเช้าในเวลาที่ณัฐนิชายุ่งๆเขาก็จะเป็นคนที่ดูแลเด็กๆแทนหญิงสาวแทบทุกอย่างอย่างเช่นการอาบน้ำให้ลูกๆของเขาก็ทำได้ดีเพราะเรียนรู้วิธีมาจากหญิงสาวโดยการสังเกตสิ่งที่เธอทำมาทุกอย่างแล้ว“เป็นอะไรคะ”เมฆาเห็นลูกสาวของเขาก้าวขาที่เป็นปล้องๆลงอ่างอาบน้ำแต่เมื่อเท้าแตะน้ำก็ดึงเท้ากลับทันทีเขาจึงต้องหันไปถามใยไหมด้วยความเป็นห่วง“เย็นค่ะ”เด็กหญิงตอบคนเป็นพ่อคิ้วขมวดปากติดจมูกนิดหน่อยว่าน้ำในอ่างอาบน้ำสีชมพูหวานของเธอมันเย็นจนไม่กล้าลง“น้ำเย็นคร้าบคุณพ่อ”ใบหม่อนก็มีอาการแบบเดียวกับพี่สาวและส่งเสียงบอกคนเป็นพ่อให้รู้ว่าเขาไม่ชอบน้ำเย็นแบบนี้“จริงด้วย”เมฆาใช้มือวัดอุณหภูมิดูเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กๆถึงกับรีบยกเท้าออกเมื่อสัมผัสกับน้ำเขาส่ายหัวให้ตัวเองที่ลืมเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นอีกจนได้“ลืมเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นหรือเปล่าคะคุณเมฆ”ณัฐนิชาที่เตรียมอาหารเช้าและจัดการงานบ้านเสร็จสรรพแล้วเธอจึงเดิน
“ฮ่าๆๆคุณแม่กัดหูเลย”ใยไหมที่คิดว่าคนเป็นพ่อและคนเป็นแม่แกล้งกันเฉยๆเหมือนที่เธอก็เคยแกล้งกับน้องชายของเธอจึงหัวเราะร่าเมื่อเห็นคนเป็นพ่อร้องออกมา“คุณพ่อเจ็บไหมครับ”ใบหม่อนเด็กชายผู้อ่อนโยนเมื่อเห็นคนเป็นพ่อร้องก็เลยหันมาถามด้วยความสงสัยว่าคุณพ่อของเขานั้นเจ็บมากหรือเปล่าต่างจากคนเป็นพี่ที่เอาแต่หัวเราะร่า“ไม่เจ็บเลยครับให้คุณแม่กัดอีกก็ยังได้”เมฆายังมีกะใจหันไปพูดเล่นกับเด็กๆทั้งที่ยังรู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่ใบหูของเขาอยู่เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่กำลังแดงระเรื่อเป็นลูกตำลึงก็คิดว่าการเจ็บตัวครั้งนี้มันคุ้มค่ากันแล้วณัฐนิชาปั้นสีหน้าไม่ถูเพราะยังเขินอายกับวินาทีที่ใบหน้าใกล้กันกับชายหนุ่มเธอได้แต่ใช้สายตามองค้อนคนฉวยโอกาสเล็กน้อยที่ดูคำพูดที่เขาพูดกับลูกๆเป็นการเอ่ยแซวเธอให้รู้ตัวครู่ต่อมา“คุณเมฆไม่ต้องกลับไปทำงานบ้างหรือไงคะ”ณัฐนิชานั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวกับเด็กๆและเมฆาเธอค่อนข้างที่จะเกรงใจเขาอยู่มากที่มาอยู่ที่นี่ช่วยเธอดูแลลูกๆและยังไม่เห็นมีวี่แววว่าเขาจะกลับไปทำงานของเขาเสียทีเหมือนที่เธอคิดไว้คราแรก“อืม...นี่ไล่ผมหรือเปล่าครับ”เมฆาวางช้อนลงอย่างเบามือชายหนุ่มใจเสียเล็กน้
ห้างสรรพสินค้าเมื่อทั้งสี่คนพ่อแม่ลูกเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองได้ก็เดินดิ่งตรงมาที่ร้านขายของใช้เด็กพร้อมเลือกของกันอยู่ร่วมชั่วโมงจนได้ของครบเกือบทุกอย่างแล้ว“แบบนี้ใหญ่ที่สุดในร้านเลยค่ะ”พนักงานสาวที่ร้านหยิบอ่างอาบน้ำของเด็กที่ใหญ่ที่สุดในร้านมาให้เมฆาดูพร้อมบอกว่าที่เธอเลือกมาก็ใหญ่สุดของในร้านแล้วเธอเหลือบมองเด็กทั้งสองเธอก็เข้าใจได้ว่าทำไมลูกค้าของเธอจึงต้องการอ่างอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุดของเด็ก“อืม...งั้นเอาสองใบนี้สีฟ้ากับชมพูครับ”เมฆาเห็นว่าอ่างอาบน้ำที่พนักงานสาวหยิบมาให้เขาดูนั้นมันก็ใหญ่กว่าแบบเดิมที่ใช้อยู่ที่บ้านของหญิงสาวจริงแต่เมื่อเทียบกับตัวเด็กๆแล้วมันก็ยังดูใช้ได้ไม่นานเท่าไรแต่ก็มีแก้ขัดไปก่อนก็ยังดีจึงตัดสินใจซื้อของสองชิ้นสุดท้ายนี้แล้วออกมาจากร้านอย่างรวดเร็วเพราะเห็นว่าลูกๆของเขาทั้งสองจะเริ่มงอแงไม่อยากอยู่กับที่นานๆแล้ว“เดี๋ยวนิขอพาเด็กๆไปเล่นตรงบ้านบอลก่อนนะคะดูท่าอยากจะเล่นแย่แล้ว”“ไปค่าคุณแม่”“อยากเล่นแล้วคร้าบ”ณัฐนิชาเลือกซื้อของใช้เสร็จเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินออกมาจากร้านเพื่อพาเจ้าสองแสบไปเล่นตรงโซนเครื่องเล่นเด็กตามคำขอของลูกๆหากไม่พาไปต