“ทำไมฉันต้องรายงานคุณทุกเรื่องด้วยเล่า”
รินทร์ธาราตวัดสายตามองคนที่พึ่งเอ่ยเสียงดุสีหน้าของเธอตอนนี้เริ่มมีคิ้วขมวดเพราะไม่เข้าใจชายหนุ่มทำไมจะต้องอยากรู้เรื่องของเธอตลอดด้วย
“หวาน..เห็นพาเด็กๆไปหาพี่ล่ะ”
ขณะที่วายุกำลังเถียงกับรินทร์ธาราณัฐนิชาก็เดินหน้ามุ่ยออกมาพอดีเพราะดึกแล้วแต่น้องสาวเธอยังไม่ยักจะพาหลานๆไปส่งที่ห้อง
“อ๋อ...เด็กๆนอนอยู่ในห้องหวานค่ะ”
รินทร์ธาราพูดพรางชี้บอกว่าเธอพาเด็กๆไปที่ห้องของเธอก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นมากดื่มอึกใหญ่
“อ่อ...จะ”
ณัฐนิชาได้ยินเช่นนั้นจึงหันหลังมุ่งตรงไปที่ห้องของน้องสาวเธอทันที
“หืมม...เดี๋ยวคุณเมฆอยู่ในห้องป่ะ”
รินทร์ธารานึกขึ้นได้ว่าห้องเธอไม่ได้มีเด็กๆนอนอยู่อย่างเดียวจะบอกพี่เธอตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“ไม่ทันแล้วล่ะหวาน...อิๆๆ”
ป๋อมแป๋มแอบขำและคิดว่าดีแล้วที่รินทร์ธาราลืมบอกณัฐนิชา วายุเองก็นั่งอมยิ้มกริ่มช่างเป็นจังหวะที่ดีเหลือเกินที่สองคนนั้นจะได้อยู่ด้วยกันเผื่อจะพูดคุยให้อะไรๆมันดีขึ้นก็ได้
แกร็กกก
“อ้าวคุณ”
เมฆาผงกหัวขึ้นเมื่อเห็นณัฐนิชาเปิดประตูเข้ามา
“คุณมานอนในห้องน้องสาวนิได้ยังไงคะ”
จากที่หญิงสาวหน้ามุ่ยอยู่แล้วในคราแรกตอนนี้เริ่มขมวดคิ้วผูกโบว์ยิ่งกว่าเดิมเมื่อภาพตรงหน้าคือเมฆากำลังนอนกกลูกๆของเธออยู่
“ก็ผมแลกห้องกับน้องคุณแล้วเธอไม่ได้บอกหรือไง...อืม...ผมก็แค่อยากจะนอนกับลูกๆของผมบ้างคุณมานอนด้วยกันสิ”
เมฆาพูดเสียงค่อนข้างที่จะเบาเพราะกลัวเด็กๆตื่นอีกทั้งยังไม่วายที่จะย้ำสถานะของเขากับเด็กๆให้เธอได้ฟังจะได้คุ้นหูเอาไว้ทั้งกวักมือชวนเธอมานอนที่เตียงเดียวกับเขาและเด็กๆอีกด้วย
“ไม่...นิจะพาเด็กๆกลับห้อง”
ณัฐนิชามองค้อนใส่ชายหนุ่มที่ชอบพูดจาให้เธอไม่ชอบใจอยู่เรื่อยเธอเดินดุ่มเข้ามาเอื้อมมือหมายจะอุ้มลูกๆไปนอนที่ห้องของเธอ
“โอ้ยย...คุณปล่อยแขนนิเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ปล่อยคุณก็นอนที่นี่แหละ...”
เมฆาเห็นว่าหญิงสาวเตรียมจะอุ้มลูกของเขาไปจึงจับไปที่ข้อมือเล็กพลางดึงให้เธอขึ้นมาบนเตียงดีที่มีเด็กๆขั้นกลางเอาไว้ไม่อย่างนั้นเขาคงรวบเธอมากอดเอาไว้แล้ว
“...นี่คุณ....”
ณัฐนิชาพยายามแกะมือของเขาออกจากข้อมือของเธอแต่เขาก็ยังไม่ยอมจะปล่อยเธอเสียทีขนาดเธอกระชากจนตัวโยนยังสู้แรงบีบของเขาไม่ได้อยู่ดี
“อย่าเสียงดังสิแล้วก็อยู่เฉยๆเดี๋ยวเด็กๆตื่นนะ...คุณจะนอนหรือไม่นอนก็ช่างผมจะจับคุณไว้แบบนี้”
“หึ่..!!”
เมฆาต้องขู่คนพยศไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะต่อต้านเขาอยู่อีกนานคนตัวโตวางหัวบนหมอนนุ่มดังเดิมแต่มือก็ยังไม่วายที่จะจับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้อยู่จนเธอนั้นจำต้องนอนลงข้างๆเด็กๆโดยมือของเธออีกข้างวางพาดเอาไว้ด้านบนเพราะชายหนุ่มนั้นยังคงบีบรั้งเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
เช้าวันต่อมา
“แอบพาเด็กๆออกมาทำไมไม่ปลุกนิคะ”
ณัฐนิชาเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าบึ้งตึงพอสมควรวันนี้เธอตื่นสายเพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบจะเช้าด้วยไม่ชินกับการที่มีชายหนุ่มนอนจับมือเธออยู่แบบนั้นเท่าไรหญิงสาวเดินออกมาด้านนอกที่มีชายหนุ่มกับเด็กๆนั้นนั่งเล่นกันอยู่ที่หัวเรือจึงเดินเข้ามาตำหนิชายหนุ่มเล็กน้อยพลางทำท่าทางเหมือนจงอางที่หวงไข่อยู่
“เรือจะถึงฝั่งแล้วคุณไปเก็บของเด็กๆเถอะ...”
เมฆาพูดโดยที่ไม่มองหน้าหญิงสาวเขาขี้เกียจมานั่งเถียงกับเธอในตอนเช้าที่มันอากาศดีๆแบบนี้รอให้ถึงฝั่งก่อนแล้วตนนั้นค่อยเคลียทีเดียว ณัฐนิชาจำใจต้องเดินออกไปเพราะว่าเธอก็ยังไม่ได้เก็บของจริงๆตอนนี้จึงปล่อยให้เขาได้อยู่กับลูกๆไปก่อนโดยที่เธอปฏิเสธอะไรไม่ได้
ชั่วโมงต่อมา
หลังจากเรือมาจอดที่เกาะเพตราเรียบร้อยแล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันทำธุระส่วนตัวกันก่อนแล้วจึงมารวมกันที่โต๊ะอาหารโดยทุกคนจะจับสังเกตได้ว่าณัฐนิชาและเมฆานั้นยังมีท่าทีที่ตึงๆใส่กันอยู่แต่คนที่ไม่สงสัยเห็นจะเป็นวายุที่ยังเล่นกับเด็กๆอย่างไม่รู้ไม่ชี้กับอาการของทั้งสองคน
“สองคนนี้เค้าจะอะไรกันนักหนา”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ป๋อมแป๋มละรินทร์ธารารู้สึกแปลกใจมาพักใหญ่จนต้องกระซิบกระซาบกันเล็กน้อยแต่ต่างคนต่างก็ยังไม่เข้าใจสาเหตุเหมือนกันจึงต้องนั่งดูสถานการณ์กันไปก่อน
“ป๋อมแป๋มเดี๋ยววันนี้ฉันพาเด็กๆกลับไปพร้อมกับน้ำหวานเลยแล้วกันนะฉันขอตัวไปเก็บของก่อน”
ณัฐนิชาคิดว่าตอนนี้เธอควรจะกลับพร้อมน้องสาวเธอเลยจะดีกว่าเพราะไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานแล้วอีกอย่างก็อยากจะพาลูกๆของเธอออกไปให้ห่างจากคนเป็นพ่อที่คิดจะพรากลูกไปจากเธออีกด้วย
“หา...อ้าวแล้......”
ป๋อมแป๋มและรินทร์ธาราจ้องหน้ากันด้วยอาการสงสัยหนักขึ้นไปอีกจากคำพูดและท่าทีของณัฐนิชาที่จู่ๆก็ลุกออกจากโต๊ะอาหารไปเลย
เมฆามีสีหน้าเอือมระอาเขาวางช้อนส้อมลงบนจานและลุกเดินตามหญิงสาวออกไปทันทีเขาเข้าใจว่าเธอฟังเขารู้เรื่องแล้วเสียอีกแบบนี้เขาคงต้องอธิบายร่ายยาวให้เธอฟังอีกสักรอบ
“คุณจะไปก็ไปแต่ลูกต้องอยู่กับผม”
“อะไรของคุณอีกล่ะ...ปล่อยสิ”
ณัฐนิชาหยุดชะงักด้วยแรงดึงของชายหนุ่มที่มาจับแขนเธอจู่ๆเขาก็ลากเธอให้เดินตามเขาไปเสียอย่างนั้นหญิงสาวจอมดื้อมีหรือจะยอมชายหนุ่มง่ายๆเธอดิ้นจนสุกดแรงเกิดเสียงเอะอะโวยวายเงียบหายไปเมื่อทั้งสองเข้าไปในห้องตอนนี้คนบนโต๊ะอาหารถึงกับมีสีหน้ามึนงงกันค่อนข้างหนักวายุเองก็เดาเรื่องต่อไปไม่ถูกว่าพี่ชายตนกับหญิงสาวจะตกลงกันได้เมื่อไร
“สองคนนั้นอะไรกัน”
ป๋อมแป๋มมองดูสถานการณ์จนทั้งสองเข้าห้องกันไปก่อนจะหันมาถามทุกคนพลางคิดว่าต้องมีใครให้ความเห็นเรื่องนี้ให้เธอนั้นกระจ่างได้บ้าง
“เดี๋ยวผมอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน”
วายุรู้ว่าทุกคนกำลังสงสัยอีกอย่างพี่ชายของเขาก็เปิดประเด็นมาให้ทุกคนได้อึ้งกันขนาดนั้นงานนี้คนที่อธิบายทุกอย่างก็คงจะเป็นเขาเสียแล้ว
“คุณรู้เรื่อง???”
รินทร์ธาราหันหน้ามาหาชายหนุ่มคิ้วขมวดรวมทั้งคนอื่นๆด้วยเช่นกัน
“อืม...พึ่งรู้เมื่อคืนนี้แหละ”วายุพยายามเล่าเรื่องราวให้ละเอียดที่สุดเท่าที่ได้รู้มาเขาเห็นสีหน้าของทุกคนเขาก็พอจะเดาภาพออกว่าสีหน้าของเขาเมื่อคืนคงจะไม่ต่างกับทุกคนในตอนนี้เพราะในความคิดของเขามันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้สองคนชายหญิงที่พลาดมีสัมพันธ์กันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งแถมยังมีโซ่ทองไว้คล้องใจเป็นเจ้าสองก้อนกลมหลานแฝดของเขาอีกต่างหากแต่ตอนนี้เหมือนเรื่องมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดที่จะให้ทั้งสี่มาเป็นครอบครัวเดียวกันในเวลาอันรวดเร็วเพราะดูท่าแล้วณัฐนิชาคงจะใจแข็งน่าดูเขาไม่ได้คิดโทษเธอที่เธอเลือกแบบนี้เพราะเขาเข้าใจว่าเธอคงจะทนอยู่กับความเจ็บปวดเรื่องคืนนั้นมานานเหมือนกัน“คุณนี่ท่าทางจะพูดไม่รู้เรื่องนะ...อีกอย่างคุณยังทำงานให้ผมไม่เสร็จผมไม่ให้คุณกลับ”เมื่อเมฆาพาหญิงสาวเข้ามาในห้องของเขาได้เขาก็ต้องเล่นบทโหดเป็นคนเสียงแข็งใส่เธอทันที“นิขอยกเลิกงานค่ะ...แล้วก็จะพาลูกๆนิกลับด้วย”ณัฐนิชาไม่อยากจะมองหน้าของเขาเท่าไรนักเพราะตอนนี้เขาน่ากลัวไม่ใช่แค่ท่าทางกับคำพูดความคิดของเขาก็ยังดูน่ากลัวสำหรับเธอด้วย“คุณคิดว่าคนอย่างผมจะยอมง
“เฮ้อ...ให้เวลาเธอหน่อยก็แล้วกัน”วายุคิดว่าเขาเข้าใจทั้งสองฝ่ายตอนนี้เรื่องมันยังใหม่ๆอยู่ต้องรอให้ทั้งคู่ปรับตัวกันอีกสักพัก“พี่นิ”รินทร์ธาราเข้ามาในห้องก็รีบโผไปกอดปลอบพี่สาวของเธอพร้อมลูบหลังคนที่สะอื้นกอดเข่าอยู่ด้วยสีหน้ากังวล“ใจเย็นๆแก”ป๋อมแป๋มเองก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากให้เพื่อนเธอใจเย็นลงกว่านี้ก่อน“คุณเมฆเค้าจะพรากลูกไปจากฉัน...ฮือๆๆ...ฉันไม่ยอม”ณัฐนิชาสะอื้นไปพูดไปเพราะตอนนี้เธอเหมือนคนจนหนทางที่ไม่สามารถต่อต้านอะไรชายหนุ่มได้“คุณเมฆเค้าไม่ได้จะพรากลูกไปจากพี่นินะคะเค้าก็แค่อยากจะให้พี่กับเด็กๆอยู่กับเค้าเป็นครอบครัวเท่านั้นเอง”รินทร์ธาราเองเข้าใจว่าพี่สาวของเธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่มันผ่านมาแล้วแต่เธอก็เข้าใจเมฆาเหมือนกันและเธอเห็นว่าสิ่งที่ชายหนุ่มตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ถูกที่สุดและดีสำหรับเด็กๆแล้วในแบบที่เธอมอง“นี่หวานเข้าข้างเค้าเหรอ”ณัฐนิชาเงยหน้ามามองน้องสาวของเธออย่างน้อยใจที่ดูน้องสาวของเธอนั้นจะเข้าข้างชายหนุ่มไปอีกคนทำเอารินทร์ธาราที่ถูกตำหนินั้นถึงกับหน้าจ๋อยไปไม่เป็น“หวานไม่ได้เข้าข้างหรอกแก...น้องมันก็อยากเห็นแกมีครอบครัวไหนเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แ
“หืม...ดูท่าลูกชายแม่จะถูกใจหนูนิชาก่อนหน้าที่จะรู้ความจริงใช่ไหม”มัทนามองสีหน้าลูกชายของเธอคนที่อาบน้ำร้อนอย่างเธอมาก่อนก็ต้องดูออกอยู่แล้วว่าอารมณ์และคำพูดแบบนี้ลูกชายเธอมีอาการเป็นอย่างไร“อืมม...จะพูดยังไงดีล่ะครับเธอก็น่ารักดีนะแต่ตอนี้เธอดูดื้อสุดๆไปเลย”เมฆาพยักหน้ารู้ว่าคนเป็นแม่รู้ใจของเขาดีที่สุดแค่มองแปปเดียวก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่“แม่จะบอกว่าถ้าลูกใช้วิธีบังคับเธอมันไม่โอเคหรอกเป็นแม่เองแม่ก็ไม่ชอบ..ผู้หญิงเวลาเจ็บมันฝังใจต้องให้เวลาหนูนิเค้าหน่อยตอนนี้แม่ว่าลูกควรปล่อยเธอไปก่อน”มัทนายอมรับว่าลูกชายเธอผิดที่ทำร้ายจิตใจณัฐนิชาและก็รู้ด้วยว่าหญิงสาวคงจะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยกว่าจะผ่านมาได้เพราะเธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่เธอคิดว่าทางที่ดีที่สุดถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทั้งสองตกลงกันได้เพื่อเป็นผลดีกับเด็กๆมัทนาจึงเสนอแนวทางให้ลูกชายของเธอนั้นปล่อยหญิงสาวไปก่อนเพื่อให้เธอนั้นจะได้ไม่อึดอัดและยิ่งทำตัวออกห่างชายหนุ่มไปมากกว่านี้“ปล่อยเธอไปเนี่ยนะครับ”เมฆาไม่รู้ว่าเขาจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของแม่เขาดีหรือไม่“เอาเถอะน่าเดี่ยวเรื่องนี้แม่จะช่วยอีกแรงแค่ทำตามที่แม่บอกก็พอรับรองมัดใจ
“เด็กๆมาหาคุณพ่อหน่อยครับ”เมฆาเห็นเจ้าสองแสบทั้งสองที่กำลังนั่งตักทรายเล่นอยู่ที่ชายหาดจึงเดินเข้าไปหาเด็กๆทั้งสองเพื่อสานสัมพันธ์พ่อลูกให้แนบแน่นขึ้น“คุณลุง???”ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมีสีหน้าฉงนเล็กน้อยที่สรรพนามของชายหนุ่มใช้แทนตัวเองนั้นแปลกไป“คุณพ่อครับ...คุณลุงเป็นคุณพ่อของเด็กๆไงไหนเรียกคุณพ่อสิครับ”เมฆามองเด็กๆทั้งสองด้วยความเอ็นดูเอื้อมมือไปจับหัวลูกๆอย่างเบามือพร้อมสอนให้เด็กๆเรียกตัวเองให้ถูกว่าควรจะเรียกว่าอะไรให้พวกเค้าได้รู้ว่าพวกเค้านั้นมีพ่อแม่ครบเหมือนเด็กคนอื่นๆ“คุณพ่อ??”ใบหม่อนยิ่งทำหน้าแปลกใจเข้าไปใหญ่ที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครสอนให้เรียกพ่อเลยสักครั้งเด็กชายจึงไม่รู้ว่าคุณพ่อคืออะไรได้แต่เคยได้ยินในทีวีเท่านั้น“คุณพ่อกับคุณแม่ไง”ใยไหมหันไปพูดกับน้องชายตามประสาเด็กที่เคยได้ยินผู้ใหญ่คุยกันและสื่อต่างๆที่จะต้องมีคุณพ่อกับคุณแม่แต่เด็กหญิงก็หาได้เข้าใจคำนี้อยู่ดี“ฮ่าๆๆ”เมฆาต้องขำออกมาแคล้ากับน้ำตาที่คลออยู่ให้กับความไร้เดียงสาของลูกๆเขาทั้งสองคนเด็กนี่ช่างเป็นผ้าขาวที่ใครจะแต่งแต้มอะไรก็ได้เสียจริงไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากเขาไม่ได้เจอเด็กๆและณัฐนิชาหลังจากนี้เขา
“ผมว่าจะไปหาเจ้าสองแสบด้วยคุณจะเลิกงานหรือยัง”วายุเห็นว่านี่มันก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้วหญิงสาวน่าจะใกล้เลิกงานเขาเองก็คิดว่านั่งรอเธอกลับบ้านเธอด้วยจะดีกว่าอีกอย่างก็อยากจะไปหาหลานๆเขาด้วยไม่เจอสองสามวันก็แอบเหงาอยู่เหมือนกัน“อีกสิบนาทีเดี๋ยวคุณนั่งรอก่อนก็ได้...เอ่อแล้วคุณปวดหัวปวดมากไหม”รินทร์ธาราให้ชายหนุ่มนั่งรอที่เก้าอี้บาร์ในร้านก่อนเพราะอีกเดี๋ยวเธอก็เลิกงานแล้วจะได้กลับพร้อมกันหญิงสาวจำได้ว่าชายหนุ่มเข้ามาซื้อยาแก้ปวดจึงหันไปถามอาการของเขาว่าปวดในระดับไหนเธอจะได้จัดยาให้ถูก“เป็นห่วงผมเหรอ”วายุเลิกคิ้วอมยิ้มถามหญิงสาวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์คิดว่าคนที่ถามต้องเป็นห่วงเขาอยู่เป็นแน่“เอ้า!!..ก็คุณบอกฉันเมื่อกี้ว่าปวดหัวก็เลยถามว่าปวดมากไหมเดี๋ยวจะได้จัดยาให้ถูก”รินทร์ธาราเริ่มตีสีหน้าสับสนกับอีกฝ่ายก็คราแรกเขาบอกเธอเองว่าปวดหัวเธอจึงถามอาการก็แค่นั้นเธอไม่เข้าใจว่าเขาจะทำท่าดีใจอะไรนักหนาแถมยังมามโนว่าเธอเป็นห่วงอีกต่างหาก“ก็ไม่เยอะเท่าไรแต่ก็ปวด”“โอเค...”วายุแทบจะหุบยิ้มไม่ทันเมื่อหญิงสาวนั้นตอบกลับมาจนหน้าชานิดหน่อยและพยายามทำความเข้าใจว่าเขานั้นมโนไปเอง“โหย...อะไรอีกเนี่ย
“ถ้าเป็นเรื่องพี่สาวฉันกับคุณเมฆฉันช่วยเต็มที่”รินทร์ธาราเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางอะไรหรอกถ้าแผนการของชายหนุ่มทำให้พี่สาวเธอและเมฆาเข้าใจกันมากขึ้น“ผมกลับก่อนพรุ่งนี้เราค่อยคุยกันอีกทีผมจะมารับคุณกับเด็กๆตอนเก้าโมงเช้าตรงเวลาด้วย”วายุไม่ยอมบอกหญิงสาวว่าแผนของเขาคืออะไรเพียงแค่บอกเวลาที่เขาจะมารับเธอกับเด็กๆก่อนจะขับรถออกไปทันที“อีตานี่จะบอกสักนิดก็ไม่ได้”รินทร์ธาราบ่นอุกหงุดหงิดใจพอสมควรที่วายุไม่คิดจะบอกอะไรให้เธอรู้เลยสักนิดเกาะเพตราเมฆาเตรียมเก็บของหลังจากที่ได้รับข้อความจากน้องชายตอนนี้เขากำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆเกี่ยวกับคำพูดของคนเป็นแม่เมื่อมองย้อนดูตัวเองเขาก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่อ่อนไม่ค่อยเป็นจริงๆแต่เขาจะพยายามปรับปรุงตัวให้ได้มากที่สุดเพื่อหญิงสาวและลูกๆของเขาเช้าวันต่อมา“เที่ยวให้สนุกนะคะเด็กๆ”“ค่ะคุณแม่/คร้าบบ”หลังจากที่วายุมารับน้องสาวของเธอและเด็กๆไปแล้วณัฐนิชาก็ยืนมองดูรถแล่นไปจนสุดลูกตาแล้วยืนอมยิ้มส่ายหัวที่ลูกๆของเธอนั้นดูตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้เที่ยวก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้านเตรียมของเพราะเธอนั้นต้องไปหาป๋อมแป๋มที่บริษัทต่อ“นี่ถ้าทุกอย่างจัดเรียบร้อยน
“นิชา”“คะ???”“ผมต้องขอโทษคุณอีกครั้งขอโทษจริงๆที่ผมทำอะไรแย่ๆไว้กับคุณต่อไปนี้ผมจะไม่บังคับอะไรคุณอีกผมรู้ตัวว่าผมมันแย่แต่ผมจะพยายามเป็นคนที่ใจเย็นขึ้น”เมฆาเห็นสีหน้าของหญิงสาวยังมีความกังวลอยู่เขาจึงอยากบอกให้เธอได้รับรู้และแน่ใจว่าเขาสำนึกผิดกับเรื่องที่ผ่านมาและอีกอย่างการบังคับจิตใจเธอจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้วเพื่อให้เธอสบายใจได้และไม่ระแวงในระหว่างที่เขาอยู่ที่นี่“อืม...ค่ะ...งั้นเดี๋ยวนิไปจัดห้องให้คุณก่อนนะคะ”ณัฐนิชาได้ยินแบบนี้ก็โล่งอกไปเปราะหนึ่งอย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องคอยระแวงอะไรชายหนุ่มเธอหวังในใจว่าชายหนุ่มจะปรับปรุงนิสัยได้จริงๆ“แล้วเด็กๆไปไหนกันหมดเหรอ”เมฆาเห็นว่าตั้งแต่มายังไม่เห็นเด็กๆอยู่บ้านเลยเขาคิดว่ามาถึงแล้วจะได้เจอลูกๆเขาเสียอีก“ไปเที่ยวกับคุณไวท์แล้วก็น้ำหวานตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”“อ่อ...ครับ”ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่าเมื่อวานทำไมน้องชายของเขาจะต้องให้เขามาวันนี้ให้ได้ที่แท้ก็เปิดทางเขาได้อยู่กับเธอสองต่อสองก่อนนี่เอง20 นาทีต่อมา“ห้องคุณเมฆเรียบร้อยแล้วนะคะคุณเมฆเอาของเข้าไปเก็บได้เลยค่ะเดี๋ยวนิขอตัวทำกับข้าวก่อนนะคะ”“โอเคครับ”ณัฐนิชาจัดเตรียมห้องสำหรั
“มันบวมมากเลยคุณเจ็บมากไหมคะ”ณัฐนิชามองมือเมฆาก็คิ้วขมวดเป็นปมเพราะเมื่อครู่มือของเขาที่ว่าบวมแดงแล้วตอนนี้มันก็ยังบวมเพิ่มขึ้นไปอีก“ไม่ค่อยเท่าไรครับ”เมฆาไม่ได้สนความเจ็บที่มือของเขาแล้วตอนนี้เขาสนในการจับจ้องไปที่ใบหน้าหญิงสาวที่กำลังง่วนกับการทายาที่มือของเขาอยู่ต่างหากผู้หญิงอะไรขนาดหน้างอยังดูน่ารักเขาต้องขอบคุณน้ำซุปหม้อนั้นจริงๆที่ทำให้รู้ว่าหญิงสาวก็ยังใจดีเป็นห่วงเขาอยู่บ้าง“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วคุณทานยาเลยนะคะนิกลัวว่าคืนนี้คุณจะนอนปวด”“ครับ”ณัฐนิชาทายาให้ชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินเข้าไปจัดการอาหารในครัวต่อเพราะตอนนี้ทุกคนก็กลับมากันแล้วเธอจะได้จัดโต๊ะอาหารเย็นเลย30 นาทีต่อมา“พี่ทานได้ไหมมาเดี๋ยวผมช่วย”วายุเห็นพี่ชายของเขานั่งจ้องจานข้าวก็พอจะเดาออกว่าคงจะจับช้อนทานไม่ได้จึงอาสาจะช่วย“ไม่ต้อง”เมฆาถึงกับต้องรีบปฏิเสธน้องชายของเขาโดยทันทีจะให้น้องชายเขามาทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นมันดูยังไงๆชอบกล“ไม่ให้ช่วยแล้วจะทานยังไง”วายุถึงกับตั้งจ้องหน้าพี่ชายเขาเขม็งถ้าปฏิเสธไม่ให้เขาช่วยจะทานยังไงนั่งมองจานข้าวมันคงจะอิ่มอยู่หรอก“เอ่อ...คุณไวท์ทานข้าวเถอะค่ะเดี๋ยวนิป้อนค