“อืม...พึ่งรู้เมื่อคืนนี้แหละ”
วายุพยายามเล่าเรื่องราวให้ละเอียดที่สุดเท่าที่ได้รู้มาเขาเห็นสีหน้าของทุกคนเขาก็พอจะเดาภาพออกว่าสีหน้าของเขาเมื่อคืนคงจะไม่ต่างกับทุกคนในตอนนี้เพราะในความคิดของเขามันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้สองคนชายหญิงที่พลาดมีสัมพันธ์กันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งแถมยังมีโซ่ทองไว้คล้องใจเป็นเจ้าสองก้อนกลมหลานแฝดของเขาอีกต่างหาก
แต่ตอนนี้เหมือนเรื่องมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดที่จะให้ทั้งสี่มาเป็นครอบครัวเดียวกันในเวลาอันรวดเร็วเพราะดูท่าแล้วณัฐนิชาคงจะใจแข็งน่าดูเขาไม่ได้คิดโทษเธอที่เธอเลือกแบบนี้เพราะเขาเข้าใจว่าเธอคงจะทนอยู่กับความเจ็บปวดเรื่องคืนนั้นมานานเหมือนกัน
“คุณนี่ท่าทางจะพูดไม่รู้เรื่องนะ...อีกอย่างคุณยังทำงานให้ผมไม่เสร็จผมไม่ให้คุณกลับ”
เมื่อเมฆาพาหญิงสาวเข้ามาในห้องของเขาได้เขาก็ต้องเล่นบทโหดเป็นคนเสียงแข็งใส่เธอทันที
“นิขอยกเลิกงานค่ะ...แล้วก็จะพาลูกๆนิกลับด้วย”
ณัฐนิชาไม่อยากจะมองหน้าของเขาเท่าไรนักเพราะตอนนี้เขาน่ากลัวไม่ใช่แค่ท่าทางกับคำพูดความคิดของเขาก็ยังดูน่ากลัวสำหรับเธอด้วย
“คุณคิดว่าคนอย่างผมจะยอมง่ายๆอย่างนั้นเหรอในเมื่อใยไหมกับใบหม่อนเป็นลูกของผม...เราจะมาตกลงกันดีๆไม่ได้หรือไง”
เมฆายืนกอดอกพูดด้วยโทนเสียงที่อ่อนกว่าเดิมเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ยอมให้หญิงสาวพาลูกๆของเขากลับไปอยู่ดีพลางลองพูดดีเป็นในทำนองปรึกษากับหญิงสาวอีกครั้งว่าเขาและเธออาจจะมีอะไรที่ตกลงกันใหม่ได้แล้วผลจะได้ออกมาดีกว่านี้
“นิไม่ตกลงอะไรกับคุณทั้งนั้นยังไงนิก็จะพาลูกนิกลับแล้วคุณก็อย่ามายุ่งกับพวกเรา”
ณัฐนิชายังคงตอบด้วยน้ำเสียงแข็งเช่นเดิมเธอนั้นก็ยังเป็นคนที่ยืนยันความคิดในแบบของเธอ
“อย่าให้ผมต้องใช้วิธีบังคับ...คุณจะโกรธอะไรผมนักหนาเรื่องวันนั้นผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณ”
เมฆาเริ่มมีอารมณ์ที่ครุกรุ่นเพิ่มขึ้นมาบ้างด้วยหญิงสาวดูจะดื้อตาใสเสียจริงเขายืนยันกับเธอไม่รู้กี่รอบว่าเรื่องคืนนั้นเขาไม่ได้ตั้งใจและพร้อมที่จะรับผิดชอบเธอด้วย
“จะพูดถึงอีกทำไมไม่ได้ตั้งใจก็อย่ามายุ่งสิจบๆกันไปทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันเลยก็ได้”
ณัฐนิชามีเสียงสั่นเครือเมื่อชายหนุ่มพูดถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมาเพราะเรื่องนี้แหละทำให้เธอกลายเป็นคนที่กลัวเขาถึงเขาจะพูดว่าไม่ได้ตั้งใจแต่เธอก็ทำให้หายกลัวเรื่องวันนั้นไม่ได้จริงๆ
“คุณทำไมพูดง่ายแบบนี้ลูกผมตั้งสองคนนะนั่นอะ...ผมรู้ว่าผมมีพวกเค้าแล้วคุณจะให้ผมคิดว่าไม่มีไม่ตลกไปหน่อยเหรอคุณ..แล้วถ้าผมบอกว่าให้คุณลืมว่ามีลูกบ้างล่ะคุณจะรู้สึกยังไง”
เมฆารู้สึกว่าหญิงสาวพูดอะไรมันก็ดูง่ายไปหมดแต่จะให้เขาทำแบบนั้นได้อย่างไรเมื่อเขารู้อยู่แก่ใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไรเขาไม่อยากจะเสียเวลาทะเลาะกับเธอแบบนี้เลยทั้งหงุดหงิดในใจว่าเมื่อไรเรื่องมันจะจบลงอย่างที่มีความสุขกันทั้งสองฝ่ายเสียที
“มันไม่เหมือนกันคุณไม่มีพวกเค้าคุณก็อยู่ได้แต่ถ้านิไม่มีพวกเค้านิอยู่ไม่ได้..ฮือๆๆๆ”
ณัฐนิชารู้ว่าในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมันก็ถูกแต่ถ้าหากเธอย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ขอรับงานนี้ตั้งแต่แรกจะได้ไม่มาเจอกับชายหนุ่มแล้วต้องมาเป็นเรื่องบานปลายแบบนี้
สมองรู้ว่าอะไรถูกแต่ปากก็ยังพูดเอาแต่ใจแถเข้าข้างตัวเองอยู่ร่ำไปพลางร้องให้ไปด้วยเพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันช่างทำให้เธออึดอัดหัวใจเหลือเกิน
“ไม่รู้แหละ...ถ้าคุณไม่ยอมใช้ชีวิตแบบครอบครัวกับผมคุณจะไปไหนก็ไปผมไม่ได้ห้ามแต่ลูกต้อง อยู่ กับ ผม”
เมฆากัดกรามกรอดมองหญิงสาวที่กำลังสะอื้นตัวโยนอยู่อย่างอ่อนใจพร้อมพูดทิ้งท้ายและหันหลังออกมาจากห้องอย่างรวดเร็วทั้งสบถในใจว่าเป็นอีกครั้งแล้วน้ำตาของเธอมันจำให้เขาใจอ่อนยวบอีกแล้ว
“ฮือๆๆ...ฮือ...อือ..ฮืออๆ”
ชายหนุ่มเดินหันหลังออกไปได้สาวเจ้าก็นั่งกอดเข่าปล่อยโฮอยู่ในห้องด้วยอารมณ์ที่หลากหลายมันถาโถมเข้ามาจนทำให้เธอต้องระบายออกเป็นน้ำตาชุดใหญ่
“มันอะไรกันพี่ทำไมต้องโวยวายกันด้วย”
“นั่นน่ะสิ”
ตอนนี้ทั้งธาดาและวายุต่างก็พาเด็กๆเดินเล่นข้างนอกเพราะได้ยินเสียงเอะอะจากในห้องกลัวว่าหากเด็กๆอยู่แถวนี้ต่อคงไม่ดีเท่าไร
ป๋อมแป๋มกับรินทร์ธาราเองก็นั่งใจจดใจจ่อรอทั้งสองออกมาแต่ก็ไม่ยักจะออกมากันเสียทีเสียงข้างในก็กระทบกระทั่งกันดังขึ้นเรื่อยๆจนทั้งสองอดเป็นห่วงกันไม่ได้
“คุณสองคนเข้าไปดูคุณนิก่อนเถอะ”
เมฆาเดินทำสีหน้าเซ็งออกมาเขาเห็นสองสาวนั่งมองเขาอยู่กันเป็นตาเดียวพอดีก็ดูออกว่าน้องชายของเขาคงจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังไปหมดแล้วจึงเดินเข้ามาหาทั้งสองวานให้พวกเธอนั้นไปช่วยปลอบณัฐนิชาหน่อยก็น่าจะดี
“ค่ะ/ค่ะ”
รินทร์ธาราและป๋อมแป๋มได้ยินเช่นนั้นก็รีบลุกพรวดกรูกันเข้าไปในห้องเพื่อไปหาณัฐนิชาทันทีเพราะรู้สึกเป็นห่วงอยู่นานแล้ว
“เป็นยังไงบ้างพี่”
วายุเห็นพี่ชายของเขาเดินหน้าจ๋อยออกมาหน้าบ้านจึงทักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“ก็ยังดื้อเหมือนเดิม”
เมฆาส่ายหัวพร้อมมองไปที่เด็กๆกำลังเล่นทรายกันอยู่อย่างหนักใจที่เขาไม่สามารถทำให้หญิงสาวนั้นยอมตกลงกับเขาแต่โดยดีเสียที
“เฮ้อ...ให้เวลาเธอหน่อยก็แล้วกัน”วายุคิดว่าเขาเข้าใจทั้งสองฝ่ายตอนนี้เรื่องมันยังใหม่ๆอยู่ต้องรอให้ทั้งคู่ปรับตัวกันอีกสักพัก“พี่นิ”รินทร์ธาราเข้ามาในห้องก็รีบโผไปกอดปลอบพี่สาวของเธอพร้อมลูบหลังคนที่สะอื้นกอดเข่าอยู่ด้วยสีหน้ากังวล“ใจเย็นๆแก”ป๋อมแป๋มเองก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากให้เพื่อนเธอใจเย็นลงกว่านี้ก่อน“คุณเมฆเค้าจะพรากลูกไปจากฉัน...ฮือๆๆ...ฉันไม่ยอม”ณัฐนิชาสะอื้นไปพูดไปเพราะตอนนี้เธอเหมือนคนจนหนทางที่ไม่สามารถต่อต้านอะไรชายหนุ่มได้“คุณเมฆเค้าไม่ได้จะพรากลูกไปจากพี่นินะคะเค้าก็แค่อยากจะให้พี่กับเด็กๆอยู่กับเค้าเป็นครอบครัวเท่านั้นเอง”รินทร์ธาราเองเข้าใจว่าพี่สาวของเธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่มันผ่านมาแล้วแต่เธอก็เข้าใจเมฆาเหมือนกันและเธอเห็นว่าสิ่งที่ชายหนุ่มตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ถูกที่สุดและดีสำหรับเด็กๆแล้วในแบบที่เธอมอง“นี่หวานเข้าข้างเค้าเหรอ”ณัฐนิชาเงยหน้ามามองน้องสาวของเธออย่างน้อยใจที่ดูน้องสาวของเธอนั้นจะเข้าข้างชายหนุ่มไปอีกคนทำเอารินทร์ธาราที่ถูกตำหนินั้นถึงกับหน้าจ๋อยไปไม่เป็น“หวานไม่ได้เข้าข้างหรอกแก...น้องมันก็อยากเห็นแกมีครอบครัวไหนเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แ
“หืม...ดูท่าลูกชายแม่จะถูกใจหนูนิชาก่อนหน้าที่จะรู้ความจริงใช่ไหม”มัทนามองสีหน้าลูกชายของเธอคนที่อาบน้ำร้อนอย่างเธอมาก่อนก็ต้องดูออกอยู่แล้วว่าอารมณ์และคำพูดแบบนี้ลูกชายเธอมีอาการเป็นอย่างไร“อืมม...จะพูดยังไงดีล่ะครับเธอก็น่ารักดีนะแต่ตอนี้เธอดูดื้อสุดๆไปเลย”เมฆาพยักหน้ารู้ว่าคนเป็นแม่รู้ใจของเขาดีที่สุดแค่มองแปปเดียวก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่“แม่จะบอกว่าถ้าลูกใช้วิธีบังคับเธอมันไม่โอเคหรอกเป็นแม่เองแม่ก็ไม่ชอบ..ผู้หญิงเวลาเจ็บมันฝังใจต้องให้เวลาหนูนิเค้าหน่อยตอนนี้แม่ว่าลูกควรปล่อยเธอไปก่อน”มัทนายอมรับว่าลูกชายเธอผิดที่ทำร้ายจิตใจณัฐนิชาและก็รู้ด้วยว่าหญิงสาวคงจะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยกว่าจะผ่านมาได้เพราะเธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่เธอคิดว่าทางที่ดีที่สุดถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทั้งสองตกลงกันได้เพื่อเป็นผลดีกับเด็กๆมัทนาจึงเสนอแนวทางให้ลูกชายของเธอนั้นปล่อยหญิงสาวไปก่อนเพื่อให้เธอนั้นจะได้ไม่อึดอัดและยิ่งทำตัวออกห่างชายหนุ่มไปมากกว่านี้“ปล่อยเธอไปเนี่ยนะครับ”เมฆาไม่รู้ว่าเขาจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของแม่เขาดีหรือไม่“เอาเถอะน่าเดี่ยวเรื่องนี้แม่จะช่วยอีกแรงแค่ทำตามที่แม่บอกก็พอรับรองมัดใจ
“เด็กๆมาหาคุณพ่อหน่อยครับ”เมฆาเห็นเจ้าสองแสบทั้งสองที่กำลังนั่งตักทรายเล่นอยู่ที่ชายหาดจึงเดินเข้าไปหาเด็กๆทั้งสองเพื่อสานสัมพันธ์พ่อลูกให้แนบแน่นขึ้น“คุณลุง???”ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมีสีหน้าฉงนเล็กน้อยที่สรรพนามของชายหนุ่มใช้แทนตัวเองนั้นแปลกไป“คุณพ่อครับ...คุณลุงเป็นคุณพ่อของเด็กๆไงไหนเรียกคุณพ่อสิครับ”เมฆามองเด็กๆทั้งสองด้วยความเอ็นดูเอื้อมมือไปจับหัวลูกๆอย่างเบามือพร้อมสอนให้เด็กๆเรียกตัวเองให้ถูกว่าควรจะเรียกว่าอะไรให้พวกเค้าได้รู้ว่าพวกเค้านั้นมีพ่อแม่ครบเหมือนเด็กคนอื่นๆ“คุณพ่อ??”ใบหม่อนยิ่งทำหน้าแปลกใจเข้าไปใหญ่ที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครสอนให้เรียกพ่อเลยสักครั้งเด็กชายจึงไม่รู้ว่าคุณพ่อคืออะไรได้แต่เคยได้ยินในทีวีเท่านั้น“คุณพ่อกับคุณแม่ไง”ใยไหมหันไปพูดกับน้องชายตามประสาเด็กที่เคยได้ยินผู้ใหญ่คุยกันและสื่อต่างๆที่จะต้องมีคุณพ่อกับคุณแม่แต่เด็กหญิงก็หาได้เข้าใจคำนี้อยู่ดี“ฮ่าๆๆ”เมฆาต้องขำออกมาแคล้ากับน้ำตาที่คลออยู่ให้กับความไร้เดียงสาของลูกๆเขาทั้งสองคนเด็กนี่ช่างเป็นผ้าขาวที่ใครจะแต่งแต้มอะไรก็ได้เสียจริงไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากเขาไม่ได้เจอเด็กๆและณัฐนิชาหลังจากนี้เขา
“ผมว่าจะไปหาเจ้าสองแสบด้วยคุณจะเลิกงานหรือยัง”วายุเห็นว่านี่มันก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้วหญิงสาวน่าจะใกล้เลิกงานเขาเองก็คิดว่านั่งรอเธอกลับบ้านเธอด้วยจะดีกว่าอีกอย่างก็อยากจะไปหาหลานๆเขาด้วยไม่เจอสองสามวันก็แอบเหงาอยู่เหมือนกัน“อีกสิบนาทีเดี๋ยวคุณนั่งรอก่อนก็ได้...เอ่อแล้วคุณปวดหัวปวดมากไหม”รินทร์ธาราให้ชายหนุ่มนั่งรอที่เก้าอี้บาร์ในร้านก่อนเพราะอีกเดี๋ยวเธอก็เลิกงานแล้วจะได้กลับพร้อมกันหญิงสาวจำได้ว่าชายหนุ่มเข้ามาซื้อยาแก้ปวดจึงหันไปถามอาการของเขาว่าปวดในระดับไหนเธอจะได้จัดยาให้ถูก“เป็นห่วงผมเหรอ”วายุเลิกคิ้วอมยิ้มถามหญิงสาวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์คิดว่าคนที่ถามต้องเป็นห่วงเขาอยู่เป็นแน่“เอ้า!!..ก็คุณบอกฉันเมื่อกี้ว่าปวดหัวก็เลยถามว่าปวดมากไหมเดี๋ยวจะได้จัดยาให้ถูก”รินทร์ธาราเริ่มตีสีหน้าสับสนกับอีกฝ่ายก็คราแรกเขาบอกเธอเองว่าปวดหัวเธอจึงถามอาการก็แค่นั้นเธอไม่เข้าใจว่าเขาจะทำท่าดีใจอะไรนักหนาแถมยังมามโนว่าเธอเป็นห่วงอีกต่างหาก“ก็ไม่เยอะเท่าไรแต่ก็ปวด”“โอเค...”วายุแทบจะหุบยิ้มไม่ทันเมื่อหญิงสาวนั้นตอบกลับมาจนหน้าชานิดหน่อยและพยายามทำความเข้าใจว่าเขานั้นมโนไปเอง“โหย...อะไรอีกเนี่ย
“ถ้าเป็นเรื่องพี่สาวฉันกับคุณเมฆฉันช่วยเต็มที่”รินทร์ธาราเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางอะไรหรอกถ้าแผนการของชายหนุ่มทำให้พี่สาวเธอและเมฆาเข้าใจกันมากขึ้น“ผมกลับก่อนพรุ่งนี้เราค่อยคุยกันอีกทีผมจะมารับคุณกับเด็กๆตอนเก้าโมงเช้าตรงเวลาด้วย”วายุไม่ยอมบอกหญิงสาวว่าแผนของเขาคืออะไรเพียงแค่บอกเวลาที่เขาจะมารับเธอกับเด็กๆก่อนจะขับรถออกไปทันที“อีตานี่จะบอกสักนิดก็ไม่ได้”รินทร์ธาราบ่นอุกหงุดหงิดใจพอสมควรที่วายุไม่คิดจะบอกอะไรให้เธอรู้เลยสักนิดเกาะเพตราเมฆาเตรียมเก็บของหลังจากที่ได้รับข้อความจากน้องชายตอนนี้เขากำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆเกี่ยวกับคำพูดของคนเป็นแม่เมื่อมองย้อนดูตัวเองเขาก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่อ่อนไม่ค่อยเป็นจริงๆแต่เขาจะพยายามปรับปรุงตัวให้ได้มากที่สุดเพื่อหญิงสาวและลูกๆของเขาเช้าวันต่อมา“เที่ยวให้สนุกนะคะเด็กๆ”“ค่ะคุณแม่/คร้าบบ”หลังจากที่วายุมารับน้องสาวของเธอและเด็กๆไปแล้วณัฐนิชาก็ยืนมองดูรถแล่นไปจนสุดลูกตาแล้วยืนอมยิ้มส่ายหัวที่ลูกๆของเธอนั้นดูตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้เที่ยวก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้านเตรียมของเพราะเธอนั้นต้องไปหาป๋อมแป๋มที่บริษัทต่อ“นี่ถ้าทุกอย่างจัดเรียบร้อยน
“นิชา”“คะ???”“ผมต้องขอโทษคุณอีกครั้งขอโทษจริงๆที่ผมทำอะไรแย่ๆไว้กับคุณต่อไปนี้ผมจะไม่บังคับอะไรคุณอีกผมรู้ตัวว่าผมมันแย่แต่ผมจะพยายามเป็นคนที่ใจเย็นขึ้น”เมฆาเห็นสีหน้าของหญิงสาวยังมีความกังวลอยู่เขาจึงอยากบอกให้เธอได้รับรู้และแน่ใจว่าเขาสำนึกผิดกับเรื่องที่ผ่านมาและอีกอย่างการบังคับจิตใจเธอจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้วเพื่อให้เธอสบายใจได้และไม่ระแวงในระหว่างที่เขาอยู่ที่นี่“อืม...ค่ะ...งั้นเดี๋ยวนิไปจัดห้องให้คุณก่อนนะคะ”ณัฐนิชาได้ยินแบบนี้ก็โล่งอกไปเปราะหนึ่งอย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องคอยระแวงอะไรชายหนุ่มเธอหวังในใจว่าชายหนุ่มจะปรับปรุงนิสัยได้จริงๆ“แล้วเด็กๆไปไหนกันหมดเหรอ”เมฆาเห็นว่าตั้งแต่มายังไม่เห็นเด็กๆอยู่บ้านเลยเขาคิดว่ามาถึงแล้วจะได้เจอลูกๆเขาเสียอีก“ไปเที่ยวกับคุณไวท์แล้วก็น้ำหวานตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”“อ่อ...ครับ”ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่าเมื่อวานทำไมน้องชายของเขาจะต้องให้เขามาวันนี้ให้ได้ที่แท้ก็เปิดทางเขาได้อยู่กับเธอสองต่อสองก่อนนี่เอง20 นาทีต่อมา“ห้องคุณเมฆเรียบร้อยแล้วนะคะคุณเมฆเอาของเข้าไปเก็บได้เลยค่ะเดี๋ยวนิขอตัวทำกับข้าวก่อนนะคะ”“โอเคครับ”ณัฐนิชาจัดเตรียมห้องสำหรั
“มันบวมมากเลยคุณเจ็บมากไหมคะ”ณัฐนิชามองมือเมฆาก็คิ้วขมวดเป็นปมเพราะเมื่อครู่มือของเขาที่ว่าบวมแดงแล้วตอนนี้มันก็ยังบวมเพิ่มขึ้นไปอีก“ไม่ค่อยเท่าไรครับ”เมฆาไม่ได้สนความเจ็บที่มือของเขาแล้วตอนนี้เขาสนในการจับจ้องไปที่ใบหน้าหญิงสาวที่กำลังง่วนกับการทายาที่มือของเขาอยู่ต่างหากผู้หญิงอะไรขนาดหน้างอยังดูน่ารักเขาต้องขอบคุณน้ำซุปหม้อนั้นจริงๆที่ทำให้รู้ว่าหญิงสาวก็ยังใจดีเป็นห่วงเขาอยู่บ้าง“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วคุณทานยาเลยนะคะนิกลัวว่าคืนนี้คุณจะนอนปวด”“ครับ”ณัฐนิชาทายาให้ชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วเธอจึงเดินเข้าไปจัดการอาหารในครัวต่อเพราะตอนนี้ทุกคนก็กลับมากันแล้วเธอจะได้จัดโต๊ะอาหารเย็นเลย30 นาทีต่อมา“พี่ทานได้ไหมมาเดี๋ยวผมช่วย”วายุเห็นพี่ชายของเขานั่งจ้องจานข้าวก็พอจะเดาออกว่าคงจะจับช้อนทานไม่ได้จึงอาสาจะช่วย“ไม่ต้อง”เมฆาถึงกับต้องรีบปฏิเสธน้องชายของเขาโดยทันทีจะให้น้องชายเขามาทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นมันดูยังไงๆชอบกล“ไม่ให้ช่วยแล้วจะทานยังไง”วายุถึงกับตั้งจ้องหน้าพี่ชายเขาเขม็งถ้าปฏิเสธไม่ให้เขาช่วยจะทานยังไงนั่งมองจานข้าวมันคงจะอิ่มอยู่หรอก“เอ่อ...คุณไวท์ทานข้าวเถอะค่ะเดี๋ยวนิป้อนค
“ไม่ต้องกลัวอันตรายหรอกคุณจะได้ถึงเร็วๆไงไม่ชอบเหรอ”วายุหันมาฉีกยิ้มให้หญิงสาวอย่างหน้าชื่นตาบานที่เห็นเธอหน้าเสียเพราะความที่เขาเร่งความเร็วเขามั่นใจว่าความเร็วระดับนี้เขาเอาอยู่และไม่ได้ประมาทจนเกินไปด้วยดูท่าหญิงสาวจะตื่นกลัวเกินเหตุ“หึ่ยยย”รินทร์ธาราเห็นว่าชายหนุ่มคงจะไม่ลดอัตราความเร็วลดลงแน่จึงหลับตาปี๋หาที่ยึดเกาะให้มั่นคงและนั่งภาวนาว่าให้ถึงที่หมายโดยรวดเร็วด้วยเถอะไม่อย่างนั้นเธออาจจะหยุดหายใจเพราะตื่นเต้นตรงนี้ก็เป็นได้เกิดมาก็พึ่งจะมาเคยนั่งบนรถที่มีความเร็วแบบนี้“หอมจังเลยครับ”เมฆาเดินออกจากห้องมาถึงห้องครัวก็ได้กลิ่นอาหารหอมฟุ้งเตะจมูกตั้งแต่เช้าชายหนุ่มร่างสูงยืนพิงขอบประตูมองหญิงสาวที่ใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเล็กน้อยที่เธอดูจะเป็นแม่บ้านศรีเรือนที่ทำอะไรคล่องแคล่วเสียจริงงานนอกก็ดีงานในบ้านยังไม่ขาดตกบกพร่องอีกแบบนี้เขาไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปแน่“เด็กๆล่ะคะ”ณัฐนิชาได้ยินเสียงของชายหนุ่มจึงหันไปมองร่างสูงครู่หนึ่งแล้วหันมาคนหม้อพะโล้ต่อพร้อมถามหาเด็กๆ“ยังไม่ตื่นเลยครับ”เมฆาเดินเข้าไปคุยกับหญิงสาวใกล้ๆเพราะอยากจะเห็นว่ากับข้าวที่หอมเตะจมูกเขาขนา