เมื่อทุกคนขึ้นเรือกันครบธาดาก็ขับเรือยอร์ชสุดหรูลำใหญ่ที่มีพื้นที่อำนวยความสะดวกเพียงพอสำหรับทุกคนออกจากฝั่งไม่นานก็จอดเรือพร้อมเริ่มงานปาร์ตี้บนเรือกันอย่างสนุกสนานตอนนี้ธาดาทำหน้าที่ย่างบาร์บีคิวและดูแลเรื่องอาหารให้กับทุกคนส่วนป๋อมแป๋มก็ทำตัวเป็นดีเจเปิดเพลงคลอบรรยากาศไปทางด้านวายุและรินทร์ธาราก็ไม่ทิ้งหน้าที่เดิมยังคงเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กๆทั้งสองอีกทั้งยังพาเด็กๆมาออกสเตปแดนซ์กันอย่างน่ารักอีกด้วย
“นี่ฉันต้องเปิดเพลงเด็กด้วยหรือเปล่าเนี่ย”
“ฮ่าๆๆ”
ป๋อมแป๋มและณัฐนิชาอดขำเจ้าสองแสบที่ออกมาเต้นกับรินทร์ธาราและวายุไม่ได้ที่เด็กๆดูจะสนุกกันจนลืมขวดนมในมือไปเลย
“เอ่อ...นี่แกเค้กอยู่ในตู้แกไปเอามาสิ่นี่ก็จะได้เวลาคุณเมฆเป่าเค้กแล้ว”
ป๋อมแป๋มเห็นว่ามันได้เวลาที่จะให้เมฆานั้นเป่าเค้กเธอเห็นชายหนุ่มกำลังยืนชมวิวอยู่ที่ด้านบนพอดีเลยให้ณัฐนิชาถือเค้กไปให้เมฆาเป่าน่าจะทำให้เจ้าของวันเกิดรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย
“แกก็ไปเองสิทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ”
ณัฐนิชารีบส่ายหัวระริกไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องถือเค้กไปให้เมฆาด้วย
“ก็แกนั่นแหละเหมาะสุดแล้วฉันว่าคุณเมฆเค้าต้องประทับใจ...”
ณัฐนิชายังคงยืนนิ่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“ไปเหอะน่าแค่ถือเค้กไปให้คุณเมฆเป่าคงไม่ตายหรอกมั้ง”
ป๋อมแป๋มเห็นว่าเพื่อนเธอทำหน้างอไม่ค่อยจะตอบรับคำขอของเธอก็พยายามคะยั้นคะยอให้ณัฐนิชาไปให้ได้
“อืม...ก็ได้”
และแล้วณัฐนิชาก็ต้องเป็นฝ่ายยอมทำตามที่ป๋อมแป๋มบอกแต่โดยดี
“คุณเมฆคะ”
ณัฐนิชายืนทำใจอยู่ครู่หนึ่งจึงขึ้นมาหาชายหนุ่มที่ยืนชมวิวอยู่ด้านบน
“ครับ”
เมฆารีบหันกลับมาด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงของณัฐนิชาเรียกเขายิ้มออกเมื่อเห็นเธอนั้นถือเค้กพร้อมเทียนที่จุดอยู่หนึ่งเล่มมายื่นที่ตรงหน้าของเขาสายตาของเมฆาตอนนี้มันไม่ได้จับจ้องอยู่ที่เค้กแต่เป็นใบหน้าหญิงสาวที่อยู่ใกล้ๆกับแสงเทียนต่างหากแต่ก็แอบหงุดหงิดตรงที่แม่สาวเจ้าหลบหน้าหลบตาเขาตลอด
ตอนนี้เสียงเพลงอึกกระทึกคราแรกเงียบลงพร้อมเปลี่ยนเป็นเพลง Happy Birth daysคลออยู่เบาๆ
“สุขสันต์วันเกิดนะคะ”
“สุขสันต์วันเกิดนะคร้าบพี่”
เมื่อเพลงจบลงทุกคนข้างล่างก็ตะโกนขึ้นมาหาชายหนุ่มเจ้าของวันเกิดอย่างเสียงดังและเปิดเพลงอื่นและนั่งปาร์ตี้กันต่อและปล่อยให้เมฆาและณัฐนิชาอยู่ด้านบนกันสองต่อสอง
“งั้นนิขอตัวก่อนนะคะ”
ณัฐนิชาเห็นชายหนุ่มเป่าเค้กเรียบร้อยแล้วเธอจึงวางเค้กก้อนนั้นลงที่โต๊ะวางของลายไม้หรูข้างๆกับชายหนุ่มก่อนจะหันหลังหมายจะเดินลงไปด้านล่างเพราะถือว่าหมดหน้าที่ของเธอแล้ว
“เดี๋ยว...คุณทำไมไม่ใส่ชุดที่ผมเลือกให้”
เมฆารั้งแขนหญิงสาวเอาไว้จนเธอหยุดชะงักการเดินแต่ไม่ยักจะหันกลับมามองหน้าของเขาทำให้ชายหนุ่มเริ่มไม่พอใจในท่าทีที่เมินเฉยของเธอ
“คือ...มันใส่ไม่พอดีน่ะค่ะก็เลยไม่ใส่ดีกว่า”
ณัฐนิชาหันกลับมาหาชายหนุ่มหาข้ออ้างในการที่ไม่ได้ใส่ชุดที่เขาให้เธอมาในวันนี้
“ผมว่าชุดที่ผมเลือกให้คุณมันน่าจะพอดีกว่าชุดที่คุณใส่อยู่ตอนนี้อีกนะ”
เมฆารู้ว่าหญิงสาวกำลังโกหกชุดที่เขาเลือกให้เธอมันน่าจะพอดีตัวของเธอสุดแล้วผิดจากชุดนี้ที่ยังจะดูหลวมไปเสียกว่าจนอะไรๆมันก็จะโผล่ออกง่ายๆเมื่อเธอขยับตัวก้มๆเงยๆตอนอยู่กับเด็กๆ
ณัฐนิชาไม่ได้โต้ตอบอะไรเพียงแค่ดึงมือที่เหนียวเป็นตุ๊กแกของชายหนุ่มออกจากแขนของเธอและรีบสาวเท้าเดินออกจากตรงนี้ทันที
“หึ่!!!”
เมฆายืนกระฟัดกระเฟียดเป็นวัวบ้าเพราะเขาชักจะไม่โอเคกับท่าทีของหญิงสาวที่มันเริ่มจะหนักขึ้นเรื่อยๆโดยที่เขาก็ไม่เข้าใจในอารมณ์ของเธอ
“หวานฝากดูเด็กๆก่อนนะเดี๋ยวพี่ขอตัวไปพักก่อน”
ณัฐนิชาเดินมาด้านล่างเธอก็เข้าไปบอกกับรินทร์ธาราให้รู้ว่าเธอจะขอเข้าไปพักก่อนด้วยไม่มีอารมณ์จะสนุกอะไรที่ตรงนี้ต่อ
“ได้...พี่นิเป็นอะไรรึเปล่า”
รินทร์ธาราเห็นท่าทางพี่สาวของเธอไม่ค่อยดีเท่าไรจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าหรอกพี่แค่อยากพัก”
ณัฐนิชาฉีกยิ้มให้น้องสาวกลบเกลื่อนอารมณ์ที่ขุ่นมัวในตอนนี้เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจและไม่ต้องห่วงเธอ
“อ้าวแกจะไปไหน”
“ขอพักก่อน”
“อ้าว”
ป๋อมแป๋มที่ยืนดื่มไวน์ราคาแพงมองชื่นชมบรรยากาศยามค่ำคืนอยู่เห็นเพื่อนเธอรีบเดินเข้าไปด้านในจึงร้องทักแต่ก็ได้คำตอบจากเพื่อนเธอมาว่าเพื่อนอยากจะพักผ่อนอีกทั้งยังรีบจนไม่หันหน้ามาพูดกับเธอด้วยซ้ำทำเอาเธอต้องทำหน้ายู่เล็กน้อยไม่เข้าใจอารมณ์ของณัฐนิชาเท่าไร
“เด็กๆมาทานเค้กกับลุงไหมครับ.”
เมฆาถือก้อนเค้กลงมาด้านล่างพร้อมเรียกเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นมาทานเค้กของเขา
“..เค้ก”
เจ้าสองก้อนกลมที่วิ่งเล่นกันอยู่เมื่อได้รู้ว่าจะได้ทานเค้กก็รีบวิ่งกรูเข้ามาหาชายหนุ่มที่ถือเค้กสีหวานอยู่
“อ้าปากเร็วคนเก่ง”
“อร่อยคร้าบ”
“เอาอีกค่ะ”
เมฆานั่งย่อเข่าตักเค้กป้อนเด็กๆทั้งสองอย่างพอดีคำดูท่าเจ้าสองก้อนจะถูกใจในรสชาติเค้กของเขาเสียด้วย
“โอเค”
“ให้หวานป้อนเด็กๆดีกว่าค่ะ...คุณเมฆคงอยากสนุกกับกลุ่มโน้นมากกว่า”
รินทร์ธาราเห็นว่าหน้าที่ป้อนเด็กๆปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอจะดีกว่าพลางชี้บอกให้ชายหนุ่มไปสนุกกันตามประสาผู้ชายที่ยืนดื่มกันตรงหัวเรือ
“ครับ...เอ่อแล้วคุณนิไปไหนแล้วล่ะครับ”
เมฆาคิดว่าเขาเดินตามหลังณัฐนิชามาติดๆแล้วแต่ลงมากลับไม่เห็นเธอเสียอย่างนั้น
“เข้าไปพักในห้องแล้วค่ะ”
รินทร์ธาราเห็นชายหนุ่มมองกวาดไปรอบเรือเธอจึงต้องรีบบอกว่าพี่สาวของเธอเข้าไปพักในห้องแล้วชายหนุ่มร็เช่นนั้นจึงพยักหน้าเล็กน้องก่อนจะลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินไปหาธาดากับวายุที่ยืนดื่มกันอยู่
“คุณเมฆคะ...สร้อยค่ะ..เอ๋มันของพี่นินี่นา”
รินทร์ธาราสังเกตเห็นสร้อยร็อคเก็ตที่มันหล่นลงมาตอนที่ชายหนุ่มลุกขึ้นเธอเห็นว่ามันเหมือนกับของพี่สาวเธอมากจึงหยิบขึ้นมาดูก็ปรากฏว่ามันเป็นของพี่สาวเธอจริงๆเพราะร็อคเก็ตที่มันเปิดอ้าอยู่มีรูปของพ่อกับแม่ของเธออยู่ด้วย
“เมื่อกี้คุณหวานว่าสร้อยนี้เป็นของใครนะครับ”
เมฆาอยากจะฟังจากปากหญิงสาวอีกรอบว่าที่เขาได้ยินเมื่อครู่มันไม่ผิด
“มันเป็นของพี่นิค่ะคุณเมฆเก็บได้ตรงไหนคะสงสัยพี่นิจะทำหล่นไว้แน่เลย...หวานไม่เห็นมันนานมากแล้วนะคะไม่คิดว่าพี่นิจะเอาติดมาด้วย”รินทร์ธาราตอบชายหนุ่มออกไปว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของพี่สาวเธอและคิดว่าชายหนุ่มคงจะเก็บได้แน่เธอเองก็ไม่ได้เห็นสร้อยเส้นนี้ของพี่สาวเธอนานแล้วคิดพี่สาวเธอเก็บไว้อย่างดีเสียอีกแต่นี่ดันมาทำหล่นให้คนอื่นเก็บได้เฉยเลย“อ่อ...เอ่อ...ด...เดี๋ยวผมเอาไปให้เธอเองก็ได้ครับ”เมฆาตัวชาวาบแทบจะหยุดหายใจคนที่เขาอยากจะเจออยู่ใกล้ตัวเขาแค่นี้เองเขาพอจะเดาออกแล้วว่าทำไมตั้งแต่เมื่อวานตอนกลางวันณัฐนิชาถึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปขนาดนั้นพลางมองไปที่เจ้าสองแสบตัวกลมที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ตอนนี้ภาพมันลางเพราะน้ำตาที่มันเริ่มคลอออกมาหูที่อื้อไม่ได้ยินอะไรทำให้ชายหนุ่มเหมือนถูกตรึงไว้ตอนนี้เขาแทบยืนไม่อยู่และพยายามทบทวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาค่อยๆลำดับเหตุการณ์“นี่คุณ...มาดูเด็กๆ”วายุที่เห็นรินทร์ธาราคุยกันกระหนุงกระหนิงกับพี่ชายของตนเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยพร้อมเรียกให้หญิงสาวกลับมาดูเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นกันอยู่อย่างคึกครื้นและดูจะไม่หมดแรงง่ายๆ“โอเคๆ...หวานขอตัวนะคะ”รินทร์ธาราหันไปตามเสียง
“หืม...นี่”ณัฐนิชาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกวนประสาทเธอได้มากขนาดนี้มือเล็กที่ไม่เคยคิดจะทำร้ายใครตอนนี้มันเงื้อมมือออกอัตโนมัติหมายจะฟาดไปที่ปากเสียๆของเขา“อืมม...คุณไม่สนใจตำแหน่งเมียผมจริงๆเหรอถึงสั่งให้ผมห้ามยุ่งกับคุณ...อืมไม่ใช่สิคุณก็เป็นเมียผมแล้วนี่นาต้องถามว่าคุณจะกลับมาเป็นเมียผมอีกไหม”เมฆาจับข้อมือหญิงสาวเอาไว้ทันและขึงไว้กับกำแพงก่อนที่มันจะถึงใบหน้าเขาไม่รู้สึกโกรธเธอที่จะทำแบบนี้สักนิดกลับอยากจะแกล้งเธอมากขึ้นอีกต่างหากเลยเริ่มมีท่าทีและน้ำเสียงที่กวนอารมณ์เธอเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว“หยุดพูดแล้วออกไปเลยนะ”ณัฐนิชาทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ได้แต่ไล่เขาให้ออกห่างจากตัวเธอเท่านั้น“ผมออกไปก็ได้...จะไปหาลูกๆของผม”เมฆาปล่อยหญิงสาวแล้วค่อยๆเดินหันหลังออกไปจากห้องอย่างผู้ชนะเขาไม่ได้อยากทำกับเธอแบบนี้แต่ความพยศของหญิงสาวต่างหากที่บังคับให้เขาต้องทำ“เด็กๆไปไหนกันหมดครับ”เมฆาเดินออกมาด้านนอกก็ไม่เห็นเด็กๆแล้วจึงเดินเข้ามาถามหนุ่มสาวทั้งสี่คนที่กำลังยืนดื่มกันอยู่ที่หัวเรือ“นอนแล้วค่ะคุณเมฆ..เด็กๆอยู่ในห้องหวานน่ะค่ะ”“โอเคครับ...อืมเดี๋ยวคืนนี้คุณหวานไปนอนห้องผมก็ได้ครับเดี๋ยวผมไปนอนกั
“ทำไมฉันต้องรายงานคุณทุกเรื่องด้วยเล่า”รินทร์ธาราตวัดสายตามองคนที่พึ่งเอ่ยเสียงดุสีหน้าของเธอตอนนี้เริ่มมีคิ้วขมวดเพราะไม่เข้าใจชายหนุ่มทำไมจะต้องอยากรู้เรื่องของเธอตลอดด้วย“หวาน..เห็นพาเด็กๆไปหาพี่ล่ะ”ขณะที่วายุกำลังเถียงกับรินทร์ธาราณัฐนิชาก็เดินหน้ามุ่ยออกมาพอดีเพราะดึกแล้วแต่น้องสาวเธอยังไม่ยักจะพาหลานๆไปส่งที่ห้อง“อ๋อ...เด็กๆนอนอยู่ในห้องหวานค่ะ”รินทร์ธาราพูดพรางชี้บอกว่าเธอพาเด็กๆไปที่ห้องของเธอก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นมากดื่มอึกใหญ่“อ่อ...จะ”ณัฐนิชาได้ยินเช่นนั้นจึงหันหลังมุ่งตรงไปที่ห้องของน้องสาวเธอทันที“หืมม...เดี๋ยวคุณเมฆอยู่ในห้องป่ะ”รินทร์ธารานึกขึ้นได้ว่าห้องเธอไม่ได้มีเด็กๆนอนอยู่อย่างเดียวจะบอกพี่เธอตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว“ไม่ทันแล้วล่ะหวาน...อิๆๆ”ป๋อมแป๋มแอบขำและคิดว่าดีแล้วที่รินทร์ธาราลืมบอกณัฐนิชา วายุเองก็นั่งอมยิ้มกริ่มช่างเป็นจังหวะที่ดีเหลือเกินที่สองคนนั้นจะได้อยู่ด้วยกันเผื่อจะพูดคุยให้อะไรๆมันดีขึ้นก็ได้แกร็กกก“อ้าวคุณ”เมฆาผงกหัวขึ้นเมื่อเห็นณัฐนิชาเปิดประตูเข้ามา“คุณมานอนในห้องน้องสาวนิได้ยังไงคะ”จากที่หญิงสาวหน้ามุ่ยอยู่แล้วในคราแรกตอนนี้เริ่มขม
“อืม...พึ่งรู้เมื่อคืนนี้แหละ”วายุพยายามเล่าเรื่องราวให้ละเอียดที่สุดเท่าที่ได้รู้มาเขาเห็นสีหน้าของทุกคนเขาก็พอจะเดาภาพออกว่าสีหน้าของเขาเมื่อคืนคงจะไม่ต่างกับทุกคนในตอนนี้เพราะในความคิดของเขามันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้สองคนชายหญิงที่พลาดมีสัมพันธ์กันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งแถมยังมีโซ่ทองไว้คล้องใจเป็นเจ้าสองก้อนกลมหลานแฝดของเขาอีกต่างหากแต่ตอนนี้เหมือนเรื่องมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดที่จะให้ทั้งสี่มาเป็นครอบครัวเดียวกันในเวลาอันรวดเร็วเพราะดูท่าแล้วณัฐนิชาคงจะใจแข็งน่าดูเขาไม่ได้คิดโทษเธอที่เธอเลือกแบบนี้เพราะเขาเข้าใจว่าเธอคงจะทนอยู่กับความเจ็บปวดเรื่องคืนนั้นมานานเหมือนกัน“คุณนี่ท่าทางจะพูดไม่รู้เรื่องนะ...อีกอย่างคุณยังทำงานให้ผมไม่เสร็จผมไม่ให้คุณกลับ”เมื่อเมฆาพาหญิงสาวเข้ามาในห้องของเขาได้เขาก็ต้องเล่นบทโหดเป็นคนเสียงแข็งใส่เธอทันที“นิขอยกเลิกงานค่ะ...แล้วก็จะพาลูกๆนิกลับด้วย”ณัฐนิชาไม่อยากจะมองหน้าของเขาเท่าไรนักเพราะตอนนี้เขาน่ากลัวไม่ใช่แค่ท่าทางกับคำพูดความคิดของเขาก็ยังดูน่ากลัวสำหรับเธอด้วย“คุณคิดว่าคนอย่างผมจะยอมง
“เฮ้อ...ให้เวลาเธอหน่อยก็แล้วกัน”วายุคิดว่าเขาเข้าใจทั้งสองฝ่ายตอนนี้เรื่องมันยังใหม่ๆอยู่ต้องรอให้ทั้งคู่ปรับตัวกันอีกสักพัก“พี่นิ”รินทร์ธาราเข้ามาในห้องก็รีบโผไปกอดปลอบพี่สาวของเธอพร้อมลูบหลังคนที่สะอื้นกอดเข่าอยู่ด้วยสีหน้ากังวล“ใจเย็นๆแก”ป๋อมแป๋มเองก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากให้เพื่อนเธอใจเย็นลงกว่านี้ก่อน“คุณเมฆเค้าจะพรากลูกไปจากฉัน...ฮือๆๆ...ฉันไม่ยอม”ณัฐนิชาสะอื้นไปพูดไปเพราะตอนนี้เธอเหมือนคนจนหนทางที่ไม่สามารถต่อต้านอะไรชายหนุ่มได้“คุณเมฆเค้าไม่ได้จะพรากลูกไปจากพี่นินะคะเค้าก็แค่อยากจะให้พี่กับเด็กๆอยู่กับเค้าเป็นครอบครัวเท่านั้นเอง”รินทร์ธาราเองเข้าใจว่าพี่สาวของเธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่มันผ่านมาแล้วแต่เธอก็เข้าใจเมฆาเหมือนกันและเธอเห็นว่าสิ่งที่ชายหนุ่มตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ถูกที่สุดและดีสำหรับเด็กๆแล้วในแบบที่เธอมอง“นี่หวานเข้าข้างเค้าเหรอ”ณัฐนิชาเงยหน้ามามองน้องสาวของเธออย่างน้อยใจที่ดูน้องสาวของเธอนั้นจะเข้าข้างชายหนุ่มไปอีกคนทำเอารินทร์ธาราที่ถูกตำหนินั้นถึงกับหน้าจ๋อยไปไม่เป็น“หวานไม่ได้เข้าข้างหรอกแก...น้องมันก็อยากเห็นแกมีครอบครัวไหนเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แ
“หืม...ดูท่าลูกชายแม่จะถูกใจหนูนิชาก่อนหน้าที่จะรู้ความจริงใช่ไหม”มัทนามองสีหน้าลูกชายของเธอคนที่อาบน้ำร้อนอย่างเธอมาก่อนก็ต้องดูออกอยู่แล้วว่าอารมณ์และคำพูดแบบนี้ลูกชายเธอมีอาการเป็นอย่างไร“อืมม...จะพูดยังไงดีล่ะครับเธอก็น่ารักดีนะแต่ตอนี้เธอดูดื้อสุดๆไปเลย”เมฆาพยักหน้ารู้ว่าคนเป็นแม่รู้ใจของเขาดีที่สุดแค่มองแปปเดียวก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่“แม่จะบอกว่าถ้าลูกใช้วิธีบังคับเธอมันไม่โอเคหรอกเป็นแม่เองแม่ก็ไม่ชอบ..ผู้หญิงเวลาเจ็บมันฝังใจต้องให้เวลาหนูนิเค้าหน่อยตอนนี้แม่ว่าลูกควรปล่อยเธอไปก่อน”มัทนายอมรับว่าลูกชายเธอผิดที่ทำร้ายจิตใจณัฐนิชาและก็รู้ด้วยว่าหญิงสาวคงจะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยกว่าจะผ่านมาได้เพราะเธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่เธอคิดว่าทางที่ดีที่สุดถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทั้งสองตกลงกันได้เพื่อเป็นผลดีกับเด็กๆมัทนาจึงเสนอแนวทางให้ลูกชายของเธอนั้นปล่อยหญิงสาวไปก่อนเพื่อให้เธอนั้นจะได้ไม่อึดอัดและยิ่งทำตัวออกห่างชายหนุ่มไปมากกว่านี้“ปล่อยเธอไปเนี่ยนะครับ”เมฆาไม่รู้ว่าเขาจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของแม่เขาดีหรือไม่“เอาเถอะน่าเดี่ยวเรื่องนี้แม่จะช่วยอีกแรงแค่ทำตามที่แม่บอกก็พอรับรองมัดใจ
“เด็กๆมาหาคุณพ่อหน่อยครับ”เมฆาเห็นเจ้าสองแสบทั้งสองที่กำลังนั่งตักทรายเล่นอยู่ที่ชายหาดจึงเดินเข้าไปหาเด็กๆทั้งสองเพื่อสานสัมพันธ์พ่อลูกให้แนบแน่นขึ้น“คุณลุง???”ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมีสีหน้าฉงนเล็กน้อยที่สรรพนามของชายหนุ่มใช้แทนตัวเองนั้นแปลกไป“คุณพ่อครับ...คุณลุงเป็นคุณพ่อของเด็กๆไงไหนเรียกคุณพ่อสิครับ”เมฆามองเด็กๆทั้งสองด้วยความเอ็นดูเอื้อมมือไปจับหัวลูกๆอย่างเบามือพร้อมสอนให้เด็กๆเรียกตัวเองให้ถูกว่าควรจะเรียกว่าอะไรให้พวกเค้าได้รู้ว่าพวกเค้านั้นมีพ่อแม่ครบเหมือนเด็กคนอื่นๆ“คุณพ่อ??”ใบหม่อนยิ่งทำหน้าแปลกใจเข้าไปใหญ่ที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครสอนให้เรียกพ่อเลยสักครั้งเด็กชายจึงไม่รู้ว่าคุณพ่อคืออะไรได้แต่เคยได้ยินในทีวีเท่านั้น“คุณพ่อกับคุณแม่ไง”ใยไหมหันไปพูดกับน้องชายตามประสาเด็กที่เคยได้ยินผู้ใหญ่คุยกันและสื่อต่างๆที่จะต้องมีคุณพ่อกับคุณแม่แต่เด็กหญิงก็หาได้เข้าใจคำนี้อยู่ดี“ฮ่าๆๆ”เมฆาต้องขำออกมาแคล้ากับน้ำตาที่คลออยู่ให้กับความไร้เดียงสาของลูกๆเขาทั้งสองคนเด็กนี่ช่างเป็นผ้าขาวที่ใครจะแต่งแต้มอะไรก็ได้เสียจริงไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากเขาไม่ได้เจอเด็กๆและณัฐนิชาหลังจากนี้เขา
“ผมว่าจะไปหาเจ้าสองแสบด้วยคุณจะเลิกงานหรือยัง”วายุเห็นว่านี่มันก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้วหญิงสาวน่าจะใกล้เลิกงานเขาเองก็คิดว่านั่งรอเธอกลับบ้านเธอด้วยจะดีกว่าอีกอย่างก็อยากจะไปหาหลานๆเขาด้วยไม่เจอสองสามวันก็แอบเหงาอยู่เหมือนกัน“อีกสิบนาทีเดี๋ยวคุณนั่งรอก่อนก็ได้...เอ่อแล้วคุณปวดหัวปวดมากไหม”รินทร์ธาราให้ชายหนุ่มนั่งรอที่เก้าอี้บาร์ในร้านก่อนเพราะอีกเดี๋ยวเธอก็เลิกงานแล้วจะได้กลับพร้อมกันหญิงสาวจำได้ว่าชายหนุ่มเข้ามาซื้อยาแก้ปวดจึงหันไปถามอาการของเขาว่าปวดในระดับไหนเธอจะได้จัดยาให้ถูก“เป็นห่วงผมเหรอ”วายุเลิกคิ้วอมยิ้มถามหญิงสาวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์คิดว่าคนที่ถามต้องเป็นห่วงเขาอยู่เป็นแน่“เอ้า!!..ก็คุณบอกฉันเมื่อกี้ว่าปวดหัวก็เลยถามว่าปวดมากไหมเดี๋ยวจะได้จัดยาให้ถูก”รินทร์ธาราเริ่มตีสีหน้าสับสนกับอีกฝ่ายก็คราแรกเขาบอกเธอเองว่าปวดหัวเธอจึงถามอาการก็แค่นั้นเธอไม่เข้าใจว่าเขาจะทำท่าดีใจอะไรนักหนาแถมยังมามโนว่าเธอเป็นห่วงอีกต่างหาก“ก็ไม่เยอะเท่าไรแต่ก็ปวด”“โอเค...”วายุแทบจะหุบยิ้มไม่ทันเมื่อหญิงสาวนั้นตอบกลับมาจนหน้าชานิดหน่อยและพยายามทำความเข้าใจว่าเขานั้นมโนไปเอง“โหย...อะไรอีกเนี่ย