“มันเป็นของพี่นิค่ะคุณเมฆเก็บได้ตรงไหนคะสงสัยพี่นิจะทำหล่นไว้แน่เลย...หวานไม่เห็นมันนานมากแล้วนะคะไม่คิดว่าพี่นิจะเอาติดมาด้วย”
รินทร์ธาราตอบชายหนุ่มออกไปว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของพี่สาวเธอและคิดว่าชายหนุ่มคงจะเก็บได้แน่เธอเองก็ไม่ได้เห็นสร้อยเส้นนี้ของพี่สาวเธอนานแล้วคิดพี่สาวเธอเก็บไว้อย่างดีเสียอีกแต่นี่ดันมาทำหล่นให้คนอื่นเก็บได้เฉยเลย
“อ่อ...เอ่อ...ด...เดี๋ยวผมเอาไปให้เธอเองก็ได้ครับ”
เมฆาตัวชาวาบแทบจะหยุดหายใจคนที่เขาอยากจะเจออยู่ใกล้ตัวเขาแค่นี้เองเขาพอจะเดาออกแล้วว่าทำไมตั้งแต่เมื่อวานตอนกลางวันณัฐนิชาถึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปขนาดนั้นพลางมองไปที่เจ้าสองแสบตัวกลมที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ตอนนี้ภาพมันลางเพราะน้ำตาที่มันเริ่มคลอออกมาหูที่อื้อไม่ได้ยินอะไรทำให้ชายหนุ่มเหมือนถูกตรึงไว้ตอนนี้เขาแทบยืนไม่อยู่และพยายามทบทวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาค่อยๆลำดับเหตุการณ์
“นี่คุณ...มาดูเด็กๆ”
วายุที่เห็นรินทร์ธาราคุยกันกระหนุงกระหนิงกับพี่ชายของตนเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยพร้อมเรียกให้หญิงสาวกลับมาดูเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นกันอยู่อย่างคึกครื้นและดูจะไม่หมดแรงง่ายๆ
“โอเคๆ...หวานขอตัวนะคะ”
รินทร์ธาราหันไปตามเสียงเรียกของวายุพร้อมขอตัวจากจากหนุ่มตรงหน้าไปดูหลานๆของเธอทันที
ตอนนี้เมฆาเดินสะเปะสะปะอย่างคนเมาทั้งที่ไม่ได้เมาหน้าเขายังชาไม่หายพยายามพาร่างของเขากลับมาที่ห้องของตัวเองถ้าคืนนั้นหญิงสาวเป็นคนที่อยู่กับเขามันก็ไม่ผิดเป็นแน่ที่เขาจะมั่นใจได้ว่าเจ้าแฝดนั้นเป็นลูกของเขา
“ทำไมคุณถึงไม่บอกผม...ทำไม”
เมฆาเริ่มสับสนว่าหญิงสาวรู้ต้องรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเป็นพ่อของใยไหมกับใบหม่อนแต่ทำไมไม่คิดจะบอกกับเขาแม้แต่ครั้งเดียวอีกทั้งยังตีตัวออกห่างจากเขาอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย
ก๊อกๆๆๆ
“คุณเมฆ!!!”
ณัฐนิชาอยากจะเขกหัวตัวเองสักร้อยรอบที่ก่อนจะเปิดประตูออกมาไม่ทันได้ดูตาแมวก่อนหากรู้ว่าเป็นชายหนุ่มเธอเองก็จะทำมึนไม่เปิดประตูออกมา
“สร้อยนี้ของคุณใช่ไหม???”
เมฆาชูสร้อยร็อคเก็ตสีเงินต่อหน้าต่อตาหญิงสาวเขาอยากจะรู้นักว่าทำไมเธอถึงตั้งใจปิดบังเขา
“....เอ่อ....”
ณัฐนิชาหน้าถอดสีทำอะไรไม่ถูกหญิงสาวพยายามที่จะปิดประตูแต่ก็โดนชายหนุ่มดันตัวของเธอเข้ามาข้างในห้องเสียก่อน
“อย่าหนีผม”
เมฆาดันตัวหญิงสาวเข้ามาด้านในก่อนจะเดินตามเธอเข้ามาและปิดประตูล็อคอย่างแน่นหนาทันทีวันนี้ยังไงเขาก็ต้องเคลียกับเธอให้รู้เรื่อง
“คุณจงใจปกปิดผมทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจเพื่ออะไรคุณไม่อยากให้เด็กๆมีพ่อหรือไง”
เมฆาพยายามเดินเข้าไปใกล้กับหญิงสาวเขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเขาไม่ได้ยินจากปากรินทร์ธาราว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของใครอีกนานเท่าไรเขาถึงจะรู้ว่าเขานั้นมีลูก
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้...คุณไม่รู้หรอกว่าเรื่องคืนนั้นเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับนิมาจนถึงทุกวันนี้คุณมันใจร้ายคุณอย่ามามั่นใจไปหน่อยเลยว่าเด็กๆคือลูกคุณ”
ณัฐนิชาถอยหลังกรูจนไปติดผนังเธอมีน้ำตาคลออยู่ตลอดเวลาคำพูดที่พ่นออกมาก็เสียงเป็นเสียงที่สั่นทั้งกังวลเสียใจและไม่พอใจในเวลาเดียวกันเธอไม่อยากให้เขานั้นมั่นใจว่าเด็กๆเป็นลูกของเขาเลยสักนิดเพราะกลัวว่าเธอจะโดนพรากลูกไปจากอก
“หน้าเหมือนผมขนาดนั้นคุณยังกล้าปฏิเสธอีกหรือไง...ตอนแรกผมก็คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญแต่ตอนนี้ผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นว่าพวกเขาคือลูกของผม...เรื่องคืนนั้นมันเป็นอุบัติเหตุผมต้องขอโทษคุณและผมจะรับผิดชอบในตัวคุณเอง”
เมฆาไม่เชื่อคำที่หญิงสาวพยายามพูดให้เขาเข้าใจผิดเลยสักนิดเพราหน้าของเด็กๆทั้งสองเคาะเขาออกมาแบบนั้นอีกอย่างอายุก็นับไม่ยากด้วยว่าเกิดมาตอนไหนเพราะเขาจำคืนวันนั้นได้อย่างดียังไงเรื่องนี้เขาก็ต้องขอโทษเธอและรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้วแต่ก็แค่อยากจะปราบพยศคนปากแข็งและต้องลงโทษเธอเสียบ้างในฐานะที่เธอพยายามปกปิดเขา
“คุณไม่ต้องมารับผิดชอบฉันอย่ามายุ่งกับฉันก็พอ....”
ณัฐนิชารีบหันไปบอกชายหนุ่มเสียงแข็งว่าเธอไม่ได้ต้องการให้เขานั้นรับผิดชอบเลยสักนิดถ้าเขารู้สึกผิดเธอขอแค่อย่ามายุ่งกับเธอก็พอ
“ได้...ผมจะไม่ยุ่งกับคุณแต่เด็กๆต้องอยู่กับผม”
เมฆาต้องตอบคำถามหญิงสาวอย่างตรงกันข้ามกับหัวใจในเมื่อเธอไม่ยอมดีๆเขาเองก็ต้องเล่นแง่บ้างโดยการให้ลูกๆของเขาต้องอยู่กับเขาอย่างเดียวด้วยรู้ว่าหากลูกๆของณัฐนิชาอยู่ที่ไหนหญิงสาวก็คงจะไม่ปฏิเสธการอยู่ที่นั่นด้วย
“นิไม่ยอมหรอกค่ะลูกของนิ...นิถนอมเค้ามาตั้งแต่อยู่ในท้องคุณไม่เกี่ยวคุณไม่มีสิทธิ์มาพรากพวกเค้าจากนิไป”
ณัฐนิชาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเลือดเย็นกับเธอได้ขนาดนี้ตอนนี้เธออยากจะฉีกเนื้อคนตรงหน้าเป็นชิ้นๆปากก็บอกขอโทษเธอแต่การกระทำไม่เห็นว่ามันจะใช่แม้แต่น้อยเธอรู้ว่าเขาไม่อยากมีครอบครัวถ้าไม่อยากมีทำไมต้องเอาลูกเธอไปด้วยเธอไม่เข้าใจ
“หึ่!!...ผมไม่เกี่ยวเหรอ...คนที่ทำเจ้าสองแสบนั้นออกมาก็ผมไม่ใช่หรือไง”
เมฆาแสยะยิ้มเล็กน้อยที่หญิงสาวพูดออกมาเต็มว่าเขาไม่เกี่ยวเขาว่าเธอคงลืมคิดอะไรไปว่าเขาก็เป็นคนทำให้เจ้าสองแสบเกิดมาเหมือนกันยังไงเขาก็ต้องดูแลลูกของเขาอยู่แล้ว
“อื้ม...ทำอะไรของคุณ”
จู่ๆชายหนุ่มก็เดินดิ่งตรงเข้ามาก้มใช้สองมือหนาจับใบหน้าของหญิงสาวเลยขึ้นแล้วประกบริมฝีปากหนาของเขาบดจูบส่งลิ้นร้ายเข้าไปฉกชิมความหวานจากปากเล็กของหญิงสาวอย่างดูดดื่มครู่หนึ่งแล้วจึงถอนจูบออกเพราะเห็นว่าแม่สาวเจ้านั้นดิ้นเร่าๆไม่ยอมหยุด
“แค่อยากลองอีกครั้งว่าปากของคุณยังหวานเหมือนในคืนนั้นอยู่หรือเปล่า..”
ณัฐนิชาหลุดจากพันธนาการได้ก็แผดเสียงใส่คนตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ดวงตาที่โตอยู่แล้วก็เบิกกว้างด้วยความโกรธแต่ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกกลัวใบหน้าของเธอตอนนี้เลยสักนิดกลับดูว่ามันน่ารักอย่างเพลินตาด้วยซ้ำอีกทั้งยังไม่หยุดที่จะใช้คำพูดกวนประสาทให้เธอนั้นโมโหเพิ่มขึ้นอีกด้วย
“หืม...นี่”ณัฐนิชาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกวนประสาทเธอได้มากขนาดนี้มือเล็กที่ไม่เคยคิดจะทำร้ายใครตอนนี้มันเงื้อมมือออกอัตโนมัติหมายจะฟาดไปที่ปากเสียๆของเขา“อืมม...คุณไม่สนใจตำแหน่งเมียผมจริงๆเหรอถึงสั่งให้ผมห้ามยุ่งกับคุณ...อืมไม่ใช่สิคุณก็เป็นเมียผมแล้วนี่นาต้องถามว่าคุณจะกลับมาเป็นเมียผมอีกไหม”เมฆาจับข้อมือหญิงสาวเอาไว้ทันและขึงไว้กับกำแพงก่อนที่มันจะถึงใบหน้าเขาไม่รู้สึกโกรธเธอที่จะทำแบบนี้สักนิดกลับอยากจะแกล้งเธอมากขึ้นอีกต่างหากเลยเริ่มมีท่าทีและน้ำเสียงที่กวนอารมณ์เธอเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว“หยุดพูดแล้วออกไปเลยนะ”ณัฐนิชาทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ได้แต่ไล่เขาให้ออกห่างจากตัวเธอเท่านั้น“ผมออกไปก็ได้...จะไปหาลูกๆของผม”เมฆาปล่อยหญิงสาวแล้วค่อยๆเดินหันหลังออกไปจากห้องอย่างผู้ชนะเขาไม่ได้อยากทำกับเธอแบบนี้แต่ความพยศของหญิงสาวต่างหากที่บังคับให้เขาต้องทำ“เด็กๆไปไหนกันหมดครับ”เมฆาเดินออกมาด้านนอกก็ไม่เห็นเด็กๆแล้วจึงเดินเข้ามาถามหนุ่มสาวทั้งสี่คนที่กำลังยืนดื่มกันอยู่ที่หัวเรือ“นอนแล้วค่ะคุณเมฆ..เด็กๆอยู่ในห้องหวานน่ะค่ะ”“โอเคครับ...อืมเดี๋ยวคืนนี้คุณหวานไปนอนห้องผมก็ได้ครับเดี๋ยวผมไปนอนกั
“ทำไมฉันต้องรายงานคุณทุกเรื่องด้วยเล่า”รินทร์ธาราตวัดสายตามองคนที่พึ่งเอ่ยเสียงดุสีหน้าของเธอตอนนี้เริ่มมีคิ้วขมวดเพราะไม่เข้าใจชายหนุ่มทำไมจะต้องอยากรู้เรื่องของเธอตลอดด้วย“หวาน..เห็นพาเด็กๆไปหาพี่ล่ะ”ขณะที่วายุกำลังเถียงกับรินทร์ธาราณัฐนิชาก็เดินหน้ามุ่ยออกมาพอดีเพราะดึกแล้วแต่น้องสาวเธอยังไม่ยักจะพาหลานๆไปส่งที่ห้อง“อ๋อ...เด็กๆนอนอยู่ในห้องหวานค่ะ”รินทร์ธาราพูดพรางชี้บอกว่าเธอพาเด็กๆไปที่ห้องของเธอก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นมากดื่มอึกใหญ่“อ่อ...จะ”ณัฐนิชาได้ยินเช่นนั้นจึงหันหลังมุ่งตรงไปที่ห้องของน้องสาวเธอทันที“หืมม...เดี๋ยวคุณเมฆอยู่ในห้องป่ะ”รินทร์ธารานึกขึ้นได้ว่าห้องเธอไม่ได้มีเด็กๆนอนอยู่อย่างเดียวจะบอกพี่เธอตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว“ไม่ทันแล้วล่ะหวาน...อิๆๆ”ป๋อมแป๋มแอบขำและคิดว่าดีแล้วที่รินทร์ธาราลืมบอกณัฐนิชา วายุเองก็นั่งอมยิ้มกริ่มช่างเป็นจังหวะที่ดีเหลือเกินที่สองคนนั้นจะได้อยู่ด้วยกันเผื่อจะพูดคุยให้อะไรๆมันดีขึ้นก็ได้แกร็กกก“อ้าวคุณ”เมฆาผงกหัวขึ้นเมื่อเห็นณัฐนิชาเปิดประตูเข้ามา“คุณมานอนในห้องน้องสาวนิได้ยังไงคะ”จากที่หญิงสาวหน้ามุ่ยอยู่แล้วในคราแรกตอนนี้เริ่มขม
“อืม...พึ่งรู้เมื่อคืนนี้แหละ”วายุพยายามเล่าเรื่องราวให้ละเอียดที่สุดเท่าที่ได้รู้มาเขาเห็นสีหน้าของทุกคนเขาก็พอจะเดาภาพออกว่าสีหน้าของเขาเมื่อคืนคงจะไม่ต่างกับทุกคนในตอนนี้เพราะในความคิดของเขามันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้สองคนชายหญิงที่พลาดมีสัมพันธ์กันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งแถมยังมีโซ่ทองไว้คล้องใจเป็นเจ้าสองก้อนกลมหลานแฝดของเขาอีกต่างหากแต่ตอนนี้เหมือนเรื่องมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดที่จะให้ทั้งสี่มาเป็นครอบครัวเดียวกันในเวลาอันรวดเร็วเพราะดูท่าแล้วณัฐนิชาคงจะใจแข็งน่าดูเขาไม่ได้คิดโทษเธอที่เธอเลือกแบบนี้เพราะเขาเข้าใจว่าเธอคงจะทนอยู่กับความเจ็บปวดเรื่องคืนนั้นมานานเหมือนกัน“คุณนี่ท่าทางจะพูดไม่รู้เรื่องนะ...อีกอย่างคุณยังทำงานให้ผมไม่เสร็จผมไม่ให้คุณกลับ”เมื่อเมฆาพาหญิงสาวเข้ามาในห้องของเขาได้เขาก็ต้องเล่นบทโหดเป็นคนเสียงแข็งใส่เธอทันที“นิขอยกเลิกงานค่ะ...แล้วก็จะพาลูกๆนิกลับด้วย”ณัฐนิชาไม่อยากจะมองหน้าของเขาเท่าไรนักเพราะตอนนี้เขาน่ากลัวไม่ใช่แค่ท่าทางกับคำพูดความคิดของเขาก็ยังดูน่ากลัวสำหรับเธอด้วย“คุณคิดว่าคนอย่างผมจะยอมง
“เฮ้อ...ให้เวลาเธอหน่อยก็แล้วกัน”วายุคิดว่าเขาเข้าใจทั้งสองฝ่ายตอนนี้เรื่องมันยังใหม่ๆอยู่ต้องรอให้ทั้งคู่ปรับตัวกันอีกสักพัก“พี่นิ”รินทร์ธาราเข้ามาในห้องก็รีบโผไปกอดปลอบพี่สาวของเธอพร้อมลูบหลังคนที่สะอื้นกอดเข่าอยู่ด้วยสีหน้ากังวล“ใจเย็นๆแก”ป๋อมแป๋มเองก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากให้เพื่อนเธอใจเย็นลงกว่านี้ก่อน“คุณเมฆเค้าจะพรากลูกไปจากฉัน...ฮือๆๆ...ฉันไม่ยอม”ณัฐนิชาสะอื้นไปพูดไปเพราะตอนนี้เธอเหมือนคนจนหนทางที่ไม่สามารถต่อต้านอะไรชายหนุ่มได้“คุณเมฆเค้าไม่ได้จะพรากลูกไปจากพี่นินะคะเค้าก็แค่อยากจะให้พี่กับเด็กๆอยู่กับเค้าเป็นครอบครัวเท่านั้นเอง”รินทร์ธาราเองเข้าใจว่าพี่สาวของเธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่มันผ่านมาแล้วแต่เธอก็เข้าใจเมฆาเหมือนกันและเธอเห็นว่าสิ่งที่ชายหนุ่มตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ถูกที่สุดและดีสำหรับเด็กๆแล้วในแบบที่เธอมอง“นี่หวานเข้าข้างเค้าเหรอ”ณัฐนิชาเงยหน้ามามองน้องสาวของเธออย่างน้อยใจที่ดูน้องสาวของเธอนั้นจะเข้าข้างชายหนุ่มไปอีกคนทำเอารินทร์ธาราที่ถูกตำหนินั้นถึงกับหน้าจ๋อยไปไม่เป็น“หวานไม่ได้เข้าข้างหรอกแก...น้องมันก็อยากเห็นแกมีครอบครัวไหนเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แ
“หืม...ดูท่าลูกชายแม่จะถูกใจหนูนิชาก่อนหน้าที่จะรู้ความจริงใช่ไหม”มัทนามองสีหน้าลูกชายของเธอคนที่อาบน้ำร้อนอย่างเธอมาก่อนก็ต้องดูออกอยู่แล้วว่าอารมณ์และคำพูดแบบนี้ลูกชายเธอมีอาการเป็นอย่างไร“อืมม...จะพูดยังไงดีล่ะครับเธอก็น่ารักดีนะแต่ตอนี้เธอดูดื้อสุดๆไปเลย”เมฆาพยักหน้ารู้ว่าคนเป็นแม่รู้ใจของเขาดีที่สุดแค่มองแปปเดียวก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่“แม่จะบอกว่าถ้าลูกใช้วิธีบังคับเธอมันไม่โอเคหรอกเป็นแม่เองแม่ก็ไม่ชอบ..ผู้หญิงเวลาเจ็บมันฝังใจต้องให้เวลาหนูนิเค้าหน่อยตอนนี้แม่ว่าลูกควรปล่อยเธอไปก่อน”มัทนายอมรับว่าลูกชายเธอผิดที่ทำร้ายจิตใจณัฐนิชาและก็รู้ด้วยว่าหญิงสาวคงจะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยกว่าจะผ่านมาได้เพราะเธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่เธอคิดว่าทางที่ดีที่สุดถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทั้งสองตกลงกันได้เพื่อเป็นผลดีกับเด็กๆมัทนาจึงเสนอแนวทางให้ลูกชายของเธอนั้นปล่อยหญิงสาวไปก่อนเพื่อให้เธอนั้นจะได้ไม่อึดอัดและยิ่งทำตัวออกห่างชายหนุ่มไปมากกว่านี้“ปล่อยเธอไปเนี่ยนะครับ”เมฆาไม่รู้ว่าเขาจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของแม่เขาดีหรือไม่“เอาเถอะน่าเดี่ยวเรื่องนี้แม่จะช่วยอีกแรงแค่ทำตามที่แม่บอกก็พอรับรองมัดใจ
“เด็กๆมาหาคุณพ่อหน่อยครับ”เมฆาเห็นเจ้าสองแสบทั้งสองที่กำลังนั่งตักทรายเล่นอยู่ที่ชายหาดจึงเดินเข้าไปหาเด็กๆทั้งสองเพื่อสานสัมพันธ์พ่อลูกให้แนบแน่นขึ้น“คุณลุง???”ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมีสีหน้าฉงนเล็กน้อยที่สรรพนามของชายหนุ่มใช้แทนตัวเองนั้นแปลกไป“คุณพ่อครับ...คุณลุงเป็นคุณพ่อของเด็กๆไงไหนเรียกคุณพ่อสิครับ”เมฆามองเด็กๆทั้งสองด้วยความเอ็นดูเอื้อมมือไปจับหัวลูกๆอย่างเบามือพร้อมสอนให้เด็กๆเรียกตัวเองให้ถูกว่าควรจะเรียกว่าอะไรให้พวกเค้าได้รู้ว่าพวกเค้านั้นมีพ่อแม่ครบเหมือนเด็กคนอื่นๆ“คุณพ่อ??”ใบหม่อนยิ่งทำหน้าแปลกใจเข้าไปใหญ่ที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครสอนให้เรียกพ่อเลยสักครั้งเด็กชายจึงไม่รู้ว่าคุณพ่อคืออะไรได้แต่เคยได้ยินในทีวีเท่านั้น“คุณพ่อกับคุณแม่ไง”ใยไหมหันไปพูดกับน้องชายตามประสาเด็กที่เคยได้ยินผู้ใหญ่คุยกันและสื่อต่างๆที่จะต้องมีคุณพ่อกับคุณแม่แต่เด็กหญิงก็หาได้เข้าใจคำนี้อยู่ดี“ฮ่าๆๆ”เมฆาต้องขำออกมาแคล้ากับน้ำตาที่คลออยู่ให้กับความไร้เดียงสาของลูกๆเขาทั้งสองคนเด็กนี่ช่างเป็นผ้าขาวที่ใครจะแต่งแต้มอะไรก็ได้เสียจริงไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากเขาไม่ได้เจอเด็กๆและณัฐนิชาหลังจากนี้เขา
“ผมว่าจะไปหาเจ้าสองแสบด้วยคุณจะเลิกงานหรือยัง”วายุเห็นว่านี่มันก็เป็นเวลาที่เย็นมากแล้วหญิงสาวน่าจะใกล้เลิกงานเขาเองก็คิดว่านั่งรอเธอกลับบ้านเธอด้วยจะดีกว่าอีกอย่างก็อยากจะไปหาหลานๆเขาด้วยไม่เจอสองสามวันก็แอบเหงาอยู่เหมือนกัน“อีกสิบนาทีเดี๋ยวคุณนั่งรอก่อนก็ได้...เอ่อแล้วคุณปวดหัวปวดมากไหม”รินทร์ธาราให้ชายหนุ่มนั่งรอที่เก้าอี้บาร์ในร้านก่อนเพราะอีกเดี๋ยวเธอก็เลิกงานแล้วจะได้กลับพร้อมกันหญิงสาวจำได้ว่าชายหนุ่มเข้ามาซื้อยาแก้ปวดจึงหันไปถามอาการของเขาว่าปวดในระดับไหนเธอจะได้จัดยาให้ถูก“เป็นห่วงผมเหรอ”วายุเลิกคิ้วอมยิ้มถามหญิงสาวด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์คิดว่าคนที่ถามต้องเป็นห่วงเขาอยู่เป็นแน่“เอ้า!!..ก็คุณบอกฉันเมื่อกี้ว่าปวดหัวก็เลยถามว่าปวดมากไหมเดี๋ยวจะได้จัดยาให้ถูก”รินทร์ธาราเริ่มตีสีหน้าสับสนกับอีกฝ่ายก็คราแรกเขาบอกเธอเองว่าปวดหัวเธอจึงถามอาการก็แค่นั้นเธอไม่เข้าใจว่าเขาจะทำท่าดีใจอะไรนักหนาแถมยังมามโนว่าเธอเป็นห่วงอีกต่างหาก“ก็ไม่เยอะเท่าไรแต่ก็ปวด”“โอเค...”วายุแทบจะหุบยิ้มไม่ทันเมื่อหญิงสาวนั้นตอบกลับมาจนหน้าชานิดหน่อยและพยายามทำความเข้าใจว่าเขานั้นมโนไปเอง“โหย...อะไรอีกเนี่ย
“ถ้าเป็นเรื่องพี่สาวฉันกับคุณเมฆฉันช่วยเต็มที่”รินทร์ธาราเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขวางอะไรหรอกถ้าแผนการของชายหนุ่มทำให้พี่สาวเธอและเมฆาเข้าใจกันมากขึ้น“ผมกลับก่อนพรุ่งนี้เราค่อยคุยกันอีกทีผมจะมารับคุณกับเด็กๆตอนเก้าโมงเช้าตรงเวลาด้วย”วายุไม่ยอมบอกหญิงสาวว่าแผนของเขาคืออะไรเพียงแค่บอกเวลาที่เขาจะมารับเธอกับเด็กๆก่อนจะขับรถออกไปทันที“อีตานี่จะบอกสักนิดก็ไม่ได้”รินทร์ธาราบ่นอุกหงุดหงิดใจพอสมควรที่วายุไม่คิดจะบอกอะไรให้เธอรู้เลยสักนิดเกาะเพตราเมฆาเตรียมเก็บของหลังจากที่ได้รับข้อความจากน้องชายตอนนี้เขากำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆเกี่ยวกับคำพูดของคนเป็นแม่เมื่อมองย้อนดูตัวเองเขาก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนที่อ่อนไม่ค่อยเป็นจริงๆแต่เขาจะพยายามปรับปรุงตัวให้ได้มากที่สุดเพื่อหญิงสาวและลูกๆของเขาเช้าวันต่อมา“เที่ยวให้สนุกนะคะเด็กๆ”“ค่ะคุณแม่/คร้าบบ”หลังจากที่วายุมารับน้องสาวของเธอและเด็กๆไปแล้วณัฐนิชาก็ยืนมองดูรถแล่นไปจนสุดลูกตาแล้วยืนอมยิ้มส่ายหัวที่ลูกๆของเธอนั้นดูตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้เที่ยวก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้านเตรียมของเพราะเธอนั้นต้องไปหาป๋อมแป๋มที่บริษัทต่อ“นี่ถ้าทุกอย่างจัดเรียบร้อยน