“พ่อเลี้ยงคะน้ำค่ะ”
วันหนึ่งเดินตรงมายังพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังยืนส่งกระเบื้องให้กับคนบนหลังคาก่อนจะรีบยื่นน้ำให้กับเขา
“ขอบคุณ”
แกร๊ก.. กึก“ระวังค่ะ” วันหนึ่งมองไปยังต้นเสียงด้านบนที่รู้สึกว่ามันผิดปกติและก็เห็นว่ามีค้อนกำลังหล่นลงมาจะถึงหัวของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังดื่มน้ำเธอจึงรีบกระโจนผลักชายหนุ่มจนล้มลงไปกองกับพื้นกันทั้งคู่
ฟึ่บ.. “โอ้ย..” น่านน้ำหัวโขกกับกองไม้จนหางคิ้วแตก
"ผมขอโทษครับไม่เห็นจริงๆ"
มนัสชายหนุ่มชาวบ้านวัยกลางคนรีบกระโดดลงมาขอโทษพ่อเลี้ยงหนุ่มทันทีรวมถึงคนที่อยู่ระแวกนั้นก็เข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
“พ่อเลี้ยง..ดีนะคะที่หลบทัน..แต่..เลือด”
วันหนึ่งค่อยๆลุกพร้อมกันกับน่านน้ำเมื่อเห็นว่าเขามีเลือดออกที่หางคิ้วก็รีบควักผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็กให้เขาได้กดแผลเอาไว้ น่านน้ำเห็นค้อนปอนที่หล่นมากองกับพื้นก็นึกหวาดเสียวพอสมควรไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากมันหล่นใส่หัวของเขาสภาพตัวเองตอนนี้จะเป็นเช่นไรคิดได้เช่นนั้นก็หันไปขอบคุณแม่ครัวตัวเล็กทันที
“ขอบคุณนะหนึ่ง”
"ไม่เป็นไรค่ะ..พ่อเลี้ยงไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ"
"นั่นสิครับ"
คำอ้ายที่ยืนมองพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วยความเป็นห่วงเห็นด้วยกับวันหนึ่ง
"แผลไม่ได้ใหญ่มากเดี๋ยวผมกลับไปทำแผลเองก็ได้ครับ"
"งั้นก็กลับบ้านกันค่ะเดี๋ยวหนึ่งไปทำแผลให้"
ไม่นานนักทั้งสองก็กลับมาถึงที่บ้านวันหนึ่งรีบควานหาอุปกรณ์ทำแผลมานั่งทำให้น่านน้ำด้วยท่าทีที่เป็นห่วงทำเอาพ่อเลี้ยงหนุ่มซึ้งในน้ำใจของคนตัวเล็กพอสมควรเพราะเธอกล้าที่จะพุ่งตัวช่วยเขาโดยที่ไม่กลัวอันตรายอะไร
"ตอนที่ช่วยผมไม่กลัวตัวเองเจ็บหรือไง"
"ไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะคิดอย่างเดียวคือถ้าค้อนนั้นหล่นใส่หัวพ่อเลี้ยงเจ็บหนักแน่"
สาวเจ้าส่ายหัวขณะที่กำลังหยิบผ้าก๊อซเพื่อจะมาปิดแผลหลังจากใส่ยาที่แผลเสร็จ
"ขอบคุณนะ"
ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มแววตาคมเริ่มมีประกายเป็นครั้งแรกที่วันหนึ่งได้เห็นรอยยิ้มของพ่อเลี้ยงหนุ่มแม้นมันจะไม่กว้างมากแต่นั่นก็ทำให้ใบหน้าของเขาน่ามองมากขึ้นหลายเท่าจนสาวเจ้าอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
"พ่อเลี้ยงนี่หล่ออยู่แล้วยิ่งยิ้มยิ่งหล่อนะคะ"
คนถูกชมก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบกลับสาวเจ้าอย่างเก้อเขินเพราะนานๆทีจะเจอคำชมจากผู้หญิงอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
"ผมขอบคุณคุณอยู่เมื่อกี้ยังจะนอกเรื่องอีก"
"เปล่านอกเรื่องค่ะ..ก็พ่อเลี้ยงยิ้มแล้วหล่อจนอดชมไม่ได้จริงๆ..”
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มไม่หุบคำชมของเธอออกมาจากใจขณะที่กำลังปิดแผลให้ชายหนุ่ม
“เรียบร้อยค่ะหนึ่งว่าพ่อเลี้ยงน่าจะหายาฆ่าเชื้อแก้อักเสบมาทานด้วยนะคะ"
"อืม..ผมว่าจะออกไปซื้ออยู่พอดี"
"หนึ่งไปด้วยนะคะ"
"จะตามไปทำไม"
"ก็หนึ่งจะไปหาซื้อของใช้ส่วนตัวด้วยขอติดรถไปด้วยนะคะ"
"ก็ได้"
และแล้วคนตัวเล็กก็ติดสอยห้อยตามพ่อเลี้ยงหนุ่มมาถึงตลาดในอำเภอจนได้อันที่จริงไม่ได้อยากจะมาซื้อของใช้ส่วนตัวอะไรนักเพียงแค่อยากมาเที่ยวข้างนอกดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นี่เท่านั้น
"หนึ่งขอไปเดินตลาดตรงนั้นได้ไหมคะ"
น่านน้ำซื้อยาเรียบร้อยตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายคล้อยตลาดนัดก็เริ่มตั้งขึ้นกันแล้ววันหนึ่งจึงขออนุญาตพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังจะเตรียมตัวกลับไปเดินที่ตลาด
"รีบไปรีบมาล่ะ..ผมจะรออยู่ที่นี่"
"ค่ะ"
น่านน้ำเข้าใจว่าวันหนึ่งน่าจะอยากเดินซื้อของตามประสาผู้หญิงจึงไม่เดินตามเธอไปเขาไม่ชอบเดินในพื้นที่คนเยอะๆเท่าไรอีกอย่างพื้นที่ตลาดแห่งนี้ก็เป็นพื้นที่ของเสี่ยทรงยศหากเขาเจอคนของทรงยศหรือเจอทรงพลคงเสียอารมณ์แย่
“หม้อแกงชิ้นละ5บาททองหยิบทองหยอดถาดละ10บาทจ้า”
วันหนึ่งเดินปรี่ไปยังร้านขนมไทยแผงเล็กที่วางขายขนมจนเต็มโต๊ะยิ่งได้ฟังราคาเธอก็ยิ่งอยากจะซื้อเพราะถูกจนเธอไม่อยากจะเชื่อด้วยตอนอยู่ต่างประเทศหากจะทานขนมไทยพวกนี้ต้องเสียเงินหลายเหรียญอีกอย่างก็หาทานยากด้วย
“300..ยาย”
ยังไม่ทันที่สาวเจ้าจะได้สั่งอะไรก็มีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สามคนมายืนเท้าเอววางมาดอยู่หน้าร้านขนมหวาน
"ฉันยังไม่มีเลยจ่ะพ่อหมอกพึ่งจะตั้งร้านขายของเองมาเก็บเย็นๆกว่านี้ได้ไหมให้ฉันได้ขายของก่อน"
หญิงชราเห็นหมอกลูกน้องของทรงพลมาถึงก็หน้าเสียก่อนจะขอร้องเสียงอ่อนเพราะวันนี้เธอพึ่งจะวางขายของแต่ก็ถูกเก็บค่าแผงเสียแล้ว
"ไม่มีก็ไม่ต้องขายเก็บร้านกลับบ้านไป"
วันหนึ่งเริ่มขมวดคิ้วเมื่อดูท่าผู้ชายพวกนี้ดูจะไม่มีน้ำใจกับคนชราแม้แต่นิดเดียวเธอเข้าใจว่ายังไงขายในพื้นที่คนอื่นก็ต้องจ่ายค่าที่แต่ยายที่ขายของไม่ได้บอกว่าจะไม่จ่ายเสียหน่อย
"ทำไมใจดำจังเลยล่ะ"
"น้องยุ่งอะไรด้วยนี่มันธุรกิจถ้ายายนี่ไม่มีเงินจ่ายค่าที่ก็ไม่ต้องขายให้คนอื่นที่เค้ามีเงินพร้อมจ่ายมาขายถูกแล้ว"
สายตาของอันธพาลจับจ้องมายังหญิงสาวร่างเล็กเป็นตาเดียวเป็นหมอกที่เอ่ยเสียงแข็งกับคนตัวเล็กโดยที่ไม่สนว่าจะถูกมองไม่เป็นสุภาพบุรุษหรือไม่
"ค่าที่เท่าไร"
"300"
"ฉันจ่ายให้"
วันหนึ่งรีบควักเงินจ่ายให้กับผู้ชายตัวใหญ่ตรงหน้าเพราะเงินแค่นี้เธอไม่เดือดร้อนอยู่แล้วที่เธอเดือดร้อนตอนนี้เพราะไม่ชอบความไม่มีน้ำใจของเหล่าคนตรงหน้ามากกว่า
"มีเรื่องอะไรกัน"
น่านน้ำสังเกตมาครู่หนึ่งแล้วเมื่อเห็นแน่ชัดว่าวันหนึ่งกำลังมีปัญหากับลูกน้องของทรงพลเขาจึงต้องรีบพาตัวเองเข้ามาในสถาณการณ์ด้วยกลัวคนของตัวเองจะเป็นอันตราย
"คนของพ่อเลี้ยงเองเหรอ...บอกให้สงบปากสงบคำบ้างก็ดี"
หมอกมองหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินจากไปเก็บค่าแผงร้านอื่นหลังจากได้เงินแล้ว
"ขอบใจมากนะแม่หนูเงินที่จ่ายไปเมื่อกี้หนูเอาขนมยายไปนะ"
หญิงชราเห็นเหล่าคนเจ้าถิ่นเดินให้หลังไปได้ก็รีบขอบอกขอบใจหญิงสาวตัวเล็กที่ใจใหญ่กล้าจะต่อกลอนกับเหล่าคนที่ได้ชื่อว่ามีอิทธิพลที่นี่และรีบคว้าขนมหลายถาดใส่ถุงให้วันหนึ่งจนเกือบจะเต็มถุงจนหญิงสาวต้องรีบคว้าถุงขนมในมือของหญิงชรามาถือเอาไว้ก่อน
"หนึ่งเอาแค่นี้พอค่ะยาย"
"ไม่ได้ลูกมันยังไม่เท่าที่หนูจ่ายไปเลย"
"งั้นเดี๋ยววันหลังหนูมาเอาใหม่ละกันค่ะ"
"รีบกลับเถอะ"
น่านน้ำเห็นว่าสถานการณ์ที่นี่ไม่ดีนักจึงรีบคว้าข้อมือน้อยของหญิงสาวดึงตัวเธอกลับไปที่ลานจอดรถและขับรถกลับทันที
"คนพวกนั้นทำไมใจจืดใจดำแบบนี้นะ"ขณะนั่งรถกลับสาวเจ้าก็บ่นอุกถึงเรื่องที่พึ่งเจอ"คราวหลังอย่าหาเรื่องใส่ตัวคนพวกนั้นเป็นคนของเสี่ยทรงยศเจ้าของที่ตลาดขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาล""ถึงว่าล่ะ..แต่หนึ่งไม่กลัวหรอกค่ะ"วันหนึ่งคิดเอาไว้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่พ้นอันธพาลและมีอิทธิพลที่นี่ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าวางมาดกันขนาดนั้นหรอก"หัดกลัวไว้บ้างก็เงินที่จ่ายไปถึงบ้านแล้วผมจะคืนให้""ไม่เอาค่ะหนึ่งไม่ได้เดือดร้อน"คนที่กำลังอารมณ์เดิอดดาลส่ายหัวหงึกหงัก"ไม่ได้เดือดร้อนอะไร..คุณยังต้องหาเงินอีกเยอะเพื่อรักษาย่าคุณไม่ใช่หรือไง""อ๋อค่ะ..เดือดร้อนขอบคุณนะคะ"สาวเจ้าตำหนิตัวเองในใจที่จะเผลอหลุดตัวตนออกมาในขณะที่ไม่สติแล้ว"คุณอยากเรียนต่อหรือเปล่า"น่านน้ำว่าจะพูดเรื่องนี้กับวันหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่ก็ลืมเพราะเขาเห็นว่าเธออายุยังน้อยหากได้เรียนสูงๆคงมีโอกาสทำงานดีๆกว่าจะมาเป็นแม่บ้าน"ทำไมเหรอคะ""ผมจะส่งคุณเรียนช่วงเสาร์อาทิตย์คุณโอเคไหมถ้าคุณมีความรู้เพิ่มอาจจะได้ทำงานที่ดีกว่าเป็นแม่บ้าน"เรื่องสนับสนุนการศึกษาเขายินดีทำอยู่แล้วเพราะก่อนหน้าก็เห็นปู่ของเขาชอบให้ทุนการศึกษากับลูกคนงานในไร่หลายคน
"เป็นยังไงบ้างคะคุณหนูงานบ้านงานครัวทำไหวหรือเปล่าคะ"อุไรยกอาหารเย็นสำรับใหญ่มาวางกลางโต๊ะอาหารหลังจากที่ไออุ่นไปรับวันหนึ่งมาทานข้าวเย็นที่นี่เมื่อเห็นหน้าคุณหนูตัวเล็กได้ก็ไม่วายอยากจะรู้ว่าวันหนึ่งไหวกับงานบ้านงานครัวหรือเปล่า"สบายมากค่ะป้าไรหนึ่งสนุกมากค่ะที่ได้ทำอาหาร""แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรของเค้าเสียหาย"นฤดีเอ่ยหยอกหลานสาวที่เอ่ยตอบอุไรยิ้มปากบานด้วยความมั่นใจเธอไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างที่หลานเธอว่าเพราะรู้ดีว่าวันหนึ่งไม่เคยได้ทำงานบ้านงานครัวเก่ง"ไม่มี๊.. ไม่มีแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายหัวหงึกหงัก ไออุ่นมองมายังวันหนึ่งก็ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเปรยเอ่ยหยอกเรื่องที่รับรู้มากับวันหนึ่ง"เอ.. พี่ได้ยินมาว่าพ่อเลี้ยงต้องไปหากับข้าวที่โรงครัวในไร่เพราะใครดันลืมปิดแก๊สกันน้า""นั่นไงย่าว่าแล้ว""ผิดพลาดนิดหน่อยเองค่ะ"นฤดียิ้มร่าคิดเอาไว้ไม่มีผิดคนที่ไม่มีอะไรจะเถียงอย่างวันหนึ่งก็ได้แต่นั่งก้มหน้างุดทำท่าทีสนใจอาหารตรงหน้าแก้เขินทำเอาคนที่รายล้อมโต๊ะอาหารต่างก็อมยิ้มเอ็นดู"คุณพ่อกับคุณแม่โทรตามเราบ้างหรือเปล่าคะคุณย่า"หลังจากทานข้าวเย็นเรียบร้อยว
น่านน้ำกลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ของตนที่เคยอยู่ก็นึกถึงเรื่องราวเก่าๆทุกผืนที่ในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้เคยมีกวินตราได้เคยอยู่เฟอร์นิเจอร์ทุกตัวหรือของตกแต่งก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวเลือกทั้งหมด น่านน้ำทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ก่อนจะถอนหายใจอ่อนเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้รู้สึกสบายขึ้นก่อนจะลุกเก็บรูปคู่ของเขากับกวินตราที่ใส่กรอบวางเอาไว้ทั่งพื้นที่ลงกล่อง“ผมจะพยายามลืมคุณให้ได้”น่านน้ำพูดกับรูปภาพที่อยู่ในกล่องก่อนจะเก็บมันเอาไว้ที่ในตู้เก็บของ เขาคบกับกวินตราตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศพร้อมกันด้วยความที่พ่อแม่รู้จักกันและเรียนรุ่นเดียวกันเมื่อไปอยู่ต่างประเทศเขาและเธอห่างครอบครัวจึงทำให้ได้พูดคุยกันสนิทสนมกว่าอยู่ที่ไทยและตัดสินใจคบกัน ความรักของเขาและเธอมันดีมาโดยตลอดแต่มันมาสะดุดตรงที่เขาเลือกที่จะเข้ามาดูแลไร่ในช่วงที่เคยคุยไว้ว่าจะแต่งงานเขาแพลนการสร้างครอบครัวไว้ตั้งแต่แรกว่าจะบริหารงานแทนคนเป็นพ่อที่ต่างประเทศและให้พ่อกับแม่กลับไปอยู่ที่ไทยแต่เมื่อมีเรื่องปู่ของเขาเกิดขึ้นจึงทำให้แผนทั้งหมดที่วางเอาไว้ไม่เป็นเช่นที่คิด กวินตราจึงไม่พอใจมากและโกรธเคืองเขาที่สุดเพราะสัญญาไม่เป็นสัญญาอีกอย
"พี่มาที่นี่จะมาหาพ่อเลี้ยงจะหาผู้ช่วยไปฉีดวัคซีนให้วัวไม่รู้ว่าไม่อยู่..แล้วที่อยู่ที่นี่พี่แค่เบื่อชีวิตในเมืองเบื่อการปั้นหน้าออกงานสังคมเราก็พอจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าส่วนมากก็มีแต่ปลอมๆทั้งนั้น"สายน้ำสัตวแพทย์หนุ่มรูปหล่อปานนายแบบเขาแก่กว่าวันหนึ่งประมาณสี่ห้าปีเป็นลูกชายคนเดียวของพิศิษฐ์และวันรวีน้าสาวและน้าเขยของวันหนึ่งเจ้าของกิจการนำเข้าเครื่องมือแพทย์เจ้าใหญ่ ที่เขาเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อันที่จริงแล้วก็เพราะอกหักช้ำรักจากผู้หญิงไม่จริงใจมาหลายหนทุกคนเข้าหาเขาก็เพราะหน้าตาชาติตระกูลเท่านั้น อีกอย่างที่เลือกที่จะปักหลักอยู่แถวนี้เพราะรู้สึกถูกชะตากับใครบางคน"ก็จริง""แล้วมาเป็นแม่บ้านให้พ่อเลี้ยงแบบนี้เค้ารู้หรือเปล่าว่าเราเป็นลูกใคร"สายน้ำคิดว่าไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่ใช้ชีวิตที่นี่อย่างที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริง"มีแค่คุณย่าของหนึ่งพี่อุ่นกับป้าไรที่รู้ค่ะแล้วพี่สายก็ห้ามบอกใครด้วยเรื่องนี้...แลกกับการที่หนึ่งจะไม่บอกกับน้าวีว่าพี่สายอยู่ที่นี่""ยัยตัวแสบ...”สายน้ำเปรยยิ้มแกมเอ็นดูยัยน้องสาวตัวแสบที่ชอบหาเรื่องเล่นซนไม่เลิก“โอเคพี่รับปากแต่พี่ขอคำอธิบายหน่อยเถอะว่าทำแบบ
"ในสังคมของเราหากยากเหมือนกันนะคนแบบนี้"หมอหนุ่มยังคงพูดถึงเอื้องฟ้าโดยที่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้มไม่หุบ"ชื่นชมเหรอคะ.. เอ... หรือว่าพี่สายปลื้มพี่เอื้องฟ้า"หญิงสาวเริ่มวาดแขนกอดอกเอียงหน้าเงยมองพี่ชายเธอด้วยสายตามีเลศนัยเพราะดูรอยยิ้มของพี่ชายและสายตาที่มองตามคนที่ปั่นจักรยานออกไปด้วยความหยาดเยิ้มมันดูแปลกๆ"พี่ไม่เคยเจอคนตรงไปตรงมาแบบนี้มาก่อนเลยชอบก็พูดตรงๆไม่ชอบก็พูดตรงๆ.. คำบางคำอาจจะขัดหูคนอื่นไปบ้างแต่พี่ก็ชอบที่เธอตรงไปตรงมากับความคิดของตัวเอง... ไม่เหมือนพวกคนที่พี่เคยเจอเสแสร้งแกล้งปั้นคำกันทั้งนั้น"คำถามของวันหนึ่งทำหมอหนุ่มหลบสายตาด้วยความเขินอายเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะพูดยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขารู้สึกถูกชะตากับเอื้องฟ้าพอสมควรแม้นจะรู้มาว่าคนแทบทั้งไร่จะไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอก็เถอะ และคำตอบของหมอหนุ่มก็ทำวันหนึ่งเริ่มคิดอะไรออกเธอไม่ต้องไปเสียเงินจ้างใครที่ไหนให้มาจีบเอื้องฟ้าแล้วเพราะมีพี่ชายเธอเป็นตัวช่วยอยู่ตรงนี้ทั้งคน"ชอบก็จีบเลยสิคะ""แน่ะ...จะหาไม้กันหมาสินะ"มือหนายกยีหัวทุยน้องสาวตัวเล็กเล่นเบาๆด้วยดูออกว่ายัยตัวแสบนั้นคิดอะไรอยู่"พี่รู้ว่าเอื้องฟ้าช
หลังจากพ่อเลี้ยงหนุ่มออกจากบ้านไปได้วันหนึ่งก็รีบทำงานบ้านให้เสร็จก่อนจะมาหาวิธีเจ็บตัว ใช่วิธีเจ็บตัวเมื่อตอนฝึกปั่นจักรยานเพราะเธอต้องการให้น่านน้ำนั้นดูแลเธออย่างใกล้ชิด"...อืม..ลงท่าไหนถึงจะดูสวยนะ"ตั้งแต่เที่ยงจนจะเข้าบ่ายวันหนึ่งก็ยังคงจับจ้องเจ้าจักรยานแม่บ้านหัดขึ้นขี่และฝึกท่าล้มลงพื้นไม่ลดละเพราะต้องการหาวิธีล้มให้เธอดูดีที่สุดในสายตาของน่านน้ำ หลังจากล้มเธอก็จะแกล้งข้อเท้าเคล็ดเดินไม่ได้แล้วคนที่ถือเนื้อถือตัวอย่างพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ต้องอุ้มเธอจนได้เวลานั้นแหละเธอจะทำตัวใกล้ชิดเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้พอบ่ายคล้อยน่านน้ำก็กลับมาสอนวันหนึ่งปั่นจักรยานตามนัดเขาสอนหญิงสาวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านอยู่พักใหญ่จนเธอนั้นเริ่มที่จะปั่นไปข้างหน้าเองได้แล้ว"เดี๋ยวหนึ่งลองปั่นไปตรงนั้นแล้ววนกลับมานะคะ"วันหนึ่งอยากจะลองปั่นเองโดยที่ไม่ต้องมีน่านน้ำคอยประคองเพราะเธอจะได้ล้มลงและแกล้งเจ็บตัวอย่างที่ชายหนุ่มไม่สงสัยอะไร"อืม.. ผมจะไม่เดินตามแล้ว..จะรออยู่ตรงนี้""ค่ะ"วันหนึ่งเริ่มปั่นทั้งที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่มั่นใจเท่าไรแต่เพราะอยากจะทำตามสิ่งที่คิดเอาไว้แล้วจึงขอน่านน้ำปั่นจักรยานแม่บ้า
"สายตาพ่อเลี้ยงมันฟ้องค่ะว่ากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ"ดวงตากลมโตเริ่มจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อจนน่านน้ำต้องหลบสายตาก่อนจะใช้มือหนาปัดใบหน้าจิ้มลิ้มให้เลิกมองจ้องเขาอย่างเบามือ"ทำเป็นรู้ดี""ยิ้มเข้าไว้สิคะ..พ่อเลี้ยงของหนึ่งเก่งอยู่แล้ว"มือเรียวทั้งสองยกจับแก้มพ่อเลี้ยงหนุ่มเล่นเบาๆทั้งฉีกยิ้มกว้างหมายจะนำร่องให้เขานั้นยิ้มตาม พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เคยมีใครเคยทำกับน่านน้ำแม้นจะเป็นกวินตราและไม่คิดว่าจะมีใครทำด้วยแต่ก็ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มรู้สึกดีไม่น้อยจนยิ้มกว้างออกมาได้อย่างเช่นที่วันหนึ่งอยากให้เป็น"คุณนี่ก็เล่นเป็นเด็กไปได้""นั่นไงยิ้มหล่อแล้วหายเครียดแล้วใช่ไหมคะ"ริมฝีปากหนายิ้มกว้างได้วันหนึ่งก็ละมือจากพวงแก้มสากเปลี่ยนเป็นยืนเกาะแขนแกร่งของน่านน้ำแทน และครั้งนี้คนที่จะถือเนื้อถือตัวกลับไม่ปฏิเสธที่สาวเจ้าจะยืนเกาะแขนของเขาไว้เพราะรู้สึกดีกับทุกการกระทำของคนตัวเล็กไปหมดเสียทุกอย่าง อย่างที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกรำคาญเธอแม้แต่น้อย"ขอบคุณนะ..อ่อ..เรื่องที่จะเรียนต่อคุณอยากจะเรียนเมื่อไรล่ะเห็นว่าอาทิตย์หน้าเค้าก็จะเปิดรับสมัครแล้ว""เดี๋ยวหนึ่งให้พี่อุ่นพาไปสมัครค่ะ"
"นี่..ถึงฉันจะไม่ชอบที่เธอตัวติดกับพ่อเลี้ยงแต่ฉันก็มีความคิดมากพอจะขอบคุณคนที่ช่วยเหลือฉัน..จะกินหรือเปล่าไม่กินก็ไม่ว่าจะได้เอากลับ"เอื้องฟ้าทำท่าจะคว้าแก้วที่ยื่นให้วันหนึ่งคืนแต่หญิงมีหรือคนที่ได้ของแล้วจะยอมคืนให้"ให้แล้วให้เลย...ทำเป็นน้อยใจไปได้""ก็ทำเป็นพูดจาหักหารน้ำใจกันเองนี่...อ่อนี่แกงเขียวหวานแม่ฉันเห็นเธอชอบเลยฝากมาให้"ว่าจบก็เลือนปิ่นโตที่ถือมาไว้ตรงหน้าของวันหนึ่ง"ฝากขอบคุณป้าสร้อยด้วยนะคะ""อืม..""แล้วพี่เอื้องล่ะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมเมื่อวานกลับมาก็มืดค่ำไม่ได้ถามอะไรกันเลย"เมื่อวานเธอมัวตกใจและโมโหกับเรื่องที่มนัสทำและกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้วเลยไม่ได้มีเวลาคุยกับเอื้องฟ้ามากนัก"ไม่...เอ่อ..ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงช่วยฉัน""ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรหรอกแค่ไม่อยากเห็นใครถูกทำร้าย""ตัวเล็กเท่าลูกหมาทำเก่ง"วันหนึ่งอ้าปากค้างกับคำพูดของเอื้องฟ้าเธอเข้าใจว่าหญิงสาวคงจะห่วงเธอแต่ก็น่าจะใช้คำพูดให้มันดีกว่านี้จะได้ฟังอย่างรื่นหูหน่อย"อ้าว...ฉันช่วยพี่นะพูดให้ดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง""ทีหลังก็หัดห่วงตัวเองก่อน""ได้ทีหลังหนึ่งจะมองดูพี่ถูกรุมกระทืบก่อน""ปากคอนะ""ฮ่าๆ