"คุณมาเจ็บตัวอยู่ที่นี่ย่าคุณคงจะห่วงมากกลับไปผมต้องไปขอโทษย่าคุณด้วยตัวเอง"
"หนึ่งฝากพี่อุ่นบอกย่าแล้วค่ะว่าไม่ต้องห่วงหนึ่งมีพ่อเลี้ยงดูแลอย่างดีค่ะ"
"ยังไงผมก็ต้องไปขอโทษท่านอยู่ดี"
"ไปฝากตัวเป็นหลานเขยด้วยเลยสิคะ"
ใบหน้าจิ้มลิ้มเอียงเงยหน้ามายิ้มทะเล้นหยอกเอิญเล่นกับคนตัวโต
"คุณนี่ก็ทะเล้นไม่เลิกจริงๆ"
"ก็พูดจริงนี่คะ..หนึ่งอยากเก็บหิ่งห้อยพวกนี้ไปไว้ที่ไร่เราจังเลยค่ะ"
"ใครว่าที่ไร่เราไม่มีล่ะ"
ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ยิ้มทะเล้นคราแรกเริ่มมีสีหน้าและแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นที่ไม่ยักรู้ว่าที่ไร่เพชรพนาจะมีหิ่งห้อยเพราะเธอออกมาดูดาวแทบทุกคืนไม่เคยจะเห็น
"เหรอคะ..หนึ่งออกมาดูดาวออกจะบ่อยไม่เคยเห็น"
"ถ้าออกไปจากที่นี่ผมจะพาคุณไปที่บ้านเล็กท้ายไร่ที่นั่นติดกับแนวเขาธรรมชาติสมบูรณ์มากมีหิ่งห้อยให้เห็นตลอดเลย"
"สัญญาแล้วนะคะว่าจะพาหนึ่งไป"
"อืม.."
"เอ..เคยพาสาวๆคนไหนไปที่นั่นหรือเปล่าคะ"
"ไม่เคย.."
"ดีใจจังที่หนึ่งจะได้ไปที่นั่นคนแรก"
ฟึ่บ .. สาวเจ้าว่าจบก็เลื่อนตัวลงนอนตักของน่านน้ำ
"เมื่อยค่ะขอนอนหน่อยนะคะ"
คนตัวโตเอาแต่นั่งยิ้มมองไปยังหิ่งห้อยหลายพันตัวที่ส่องแสงสว่างไปทั่วต้นไม้ใหญ่หน้ากระท่อมนานแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้รู้สึกหัวใจกระชุ่มกระชวยเช่นนี้ไม่เคยคิดว่าคนที่รักความเป็นส่วนตัวอย่างเขาจะมาชอบคนที่จุ้นจ้านไปเสียทุกเรื่องแบบวันหนึ่งได้เหมือนกันแต่มันก็เป็นไปแล้วและรู้สึกดีกับเธอในเวลาอันรวดเร็วด้วย
"ยัยตัวแสบ"
น่านน้ำนั่งมองหิ่งห้อยและท้องฟ้ายามค่ำคืนพักใหญ่เมื่อรู้สึกว่าเสียงของหญิงสาวเริ่มเงียบไปเขาจึงก้มลงมาดูและสบถขำเล็กน้อยที่คนส่งเสียงเจื้อยแจ้วหาเรื่องคุยกับเขาคราแรกหมดฤทธิ์หลับไปจนได้ เมือเห็นเช่นนั้นจึงรีบรวบอุ้มคนตัวเล็กเข้าไปนอนด้านในและรีบปูฟูกนอนของตัวเองไม่ห่างจากที่นอนของหญิงสาวมากนักหลายคืนแล้วที่เขานอนเฝ้าเธอแบบนี้ไม่ได้คิดว่าการดูแลเธอเป็นหน้าที่แต่ทำเพราะความเต็มใจ
"น้ำพริกผักต้มที่นี่อร๊อยอร่อยค่ะ"
เช้าวันนี้วันหนึ่งตื่นมาด้วยท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษแม้อาหารตรงหน้าจะไม่ได้เลิศหรูอะไรแต่ก็ทำให้เธอยิ้มได้เมื่อได้ตักอาหารพวกนี้เข้าปาก
"พึ่งรู้ว่าคุณชอบน้ำพริกผักต้ม"
"ได้นั่งทานข้าวพร้อมพ่อเลี้ยงอะไรก็อร่อยทุกอย่างนั่นแหละค่ะ"
สาวเจ้าว่าด้วยสีหน้าระรื่นส่งยิ้มหวานให้พ่อเลี้ยงหนุ่มไม่ลดละจนคนตัวโตอดที่จะหยิบอะไรบางอย่างทำท่าป้อนเธอไม่ได้
"พริกไหม"
"ไม่ค่า.. อย่าแกล้งกันสิคะ"
ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายหงึกหงักที่ถูกคนตัวโตหยอกเล่น
"หนึ่งอยากให้พ่อเลี้ยงแบกหนึ่งเดินเล่นแบบนี้ทุกวันเลยแต่ถ้ากลับไร่แล้วคงไม่ได้ใช่ไหมคะ"
หลังจากทานมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้วเป็นอีกวันที่วันหนึ่งอ้อนให้น่านน้ำไปนั่งเล่นที่ธารน้ำตกด้วยกันจนน่านน้ำต้องทำตัวบริการแบกคนตัวเล็กมานั่งที่โขดหินด้วยกลัวว่าเธอจะซุ่มซ่ามลื่นล้มจนเกิดอันตรายอีก
"ถ้าผมทำแบบนั้นให้คนที่ไร่เห็นคุณนั่นแหละจะเสียหาย"
"ยอมเสียหายค่ะ..อิๆ"
ว่าจบก็ซบหัวทุยกับบ่าของพ่อเลี้ยงหนุ่มยิ่งเขาไม่ปฏิเสธทุกการกระทำของเธอสาวเจ้าก็ยิ่งได้ใจว่าตัวเองน่าจะกลายเป็นคนพิเศษของเขาในช้าไม่นานนี้แน่นอน
"พ่อเลี้ยงกับแฟนเค้าน่ารักจังเลยเนอะพี่ผา"
น้ำผึ้งเด็กสาวเอ่ยบอกกับคนเป็นพี่ชายด้วยท่าทีเอียงอายเมื่อแอบเห็นน่านน้ำและวันหนึ่งมานั่งเล่นกันที่ธารน้ำตกไกลๆ
"แฟน?.."
ภูผาเริ่มขมวดคิ้ว
"ผึ้งแอบเห็นพ่อเลี้ยงพาแฟนเค้ามาที่นี่หลายรอบแล้วบางวันก็อุ้มมาบางวันก็ให้ขี่หลัง"
"แต่พ่อบอกว่าพี่หนึ่งเป็นแค่แม่ครัวของพ่อเลี้ยง"
"แสดงว่าเค้าอยู่บ้านเดียวกันอาจจะกิ๊กกั๊กกันมานานแล้วก็ได้"
เด็กสาวว่าด้วยท่าทีสีหน้าทะเล้น
"แก่แดดแล้วนะเราดูพูดเข้า..กลับกันเถอะเดี๋ยวแม่ใช้ให้ช่วยทำกับข้าวไม่เจอก็บ่นเราอีก"
"จ้า"
ภูผารีบชวนน้องสาวตัวเองกลับเพราะไม่อยากกลายเป็นพวกถ้ำมองคนอื่นเท่าไรนัก
วันต่อมา
"ทำไมวันนี้เป็นน้ำผึ้งเอาอาหารมาให้พี่ล่ะป้าศรีอ่อนไปไหนเหรอ"
เช้าวันนี้วันหนึ่งแปลกใจที่เห็นน้ำผึ้งเด็กสาวใบหน้าคมเอาปิ่นโตมาให้พวกเธอแทนที่จะเป็นศรีอ่อนอย่างเช่นทุกวัน
"แม่ไปช่วยเตรียมงานแต่งงานของญาติที่กลางหมู่บ้านจ่ะเลยให้ผึ้งมาแทน"
"งานแต่งเหรอ..น่าสนุกมากไหม"
วันหนึ่งเริ่มหูผึ่งและมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
"งานแต่งที่นี่สนุกมากจ่ะตอนเช้าจะมีพิธีผูกข้อไม้ข้อมือส่วนตอนกลางคืนก็จะเป็นพิธีส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอหลังจากนั้นคนในหมู่บ้านก็จะเต้นรอบกองไฟแสดงความยินดีกับบ่าวสาวแทบทั้งคืนเลยจ่ะ"
"โหย..อยากเห็นจังเลย"
คนที่อยู่เมืองนอกเมืองนามาเกือบทั้งชีวิตอยากจะเห็นพิธีการแต่งงานที่น้ำผึ้งเล่ามาใจจะขาด
"พี่หนึ่งอยากไปเหรอจ้ะ"
"ใช่"
น่านน้ำเข้ามาได้ยินว่าวันหนึ่งจะไปที่ไหนพอดีจึงต้องรีบเอ่ยถามเพราะกลัวว่าจะไปเล่นซนอะไรที่ไหนจนเป็นเรื่อง
"จะไปไหนกัน"
"ไปงานแต่งในหมู่บ้านค่ะพ่อเลี้ยงเราไปกันนะคะ"
"คุณจะไปยุ่งอะไรในงานเค้า"
น่านน้ำพอจะรู้ว่างานแต่งของคนที่นี่คนทั้งหมู่บ้านจะต้องออกมารวมตัวกันทั้งหมดดูวุ่นวายสำหรับเขาพอสมควร
"ก็หนึ่งอยากเห็นนี่คะ"
วันหนึ่งเริ่มบุ้ยปากหน้าเจื่อนเมื่อคนตัวโตมีท่าทีจะห้ามเธอ
"ไปเถอะค่ะพ่อเลี้ยงน่าสนุกนะคะ"
น้ำผึ้งเห็นว่าวันหนึ่งอยากจะเข้าไปร่วมงานมากจึงเอ่ยขอร้องพ่อเลี้ยงหนุ่มอีกแรง
"งั้นรอไปตอนกลางคืนแล้วกัน"
"เย่"
หากวันหนึ่งอยากจะไปร่วมงานจริงๆเขาก็จะพาหญิงสาวไปในช่วงกลางคืนเพราะตอนนั้นคนน่าจะไม่เยอะเท่าตอนเช้าด้วยส่วนมากคนที่จะมีแรงมาเต้นรอบกองไฟคงจะมีแต่เหล่าคนที่ยังแข็งแรงคนเฒ่าคนแก่ก็กลับไปพักผ่อนกัน
"ปู่ผมไว้ใจคุณมากทำกับท่านแบบนี้ได้ยังไงห้ะ"
ทางด้านณดลตอนนี้เมื่อได้ตัวสมานได้ก็รีบจ่อปืนไปที่หัวเพราะรับรู้ความจริงจากปากสมานว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับทรงยศจริง
สาเหตุก็เพราะตอนนั้นปู่ของเขาเป็นคนรู้เรื่องความลับที่ทรงยศจะกว้านซื้อที่เพื่อทำเป็นแหล่งซ่องสุมสิ่งผิดกฏหมายจึงไปเตือนทรงยศว่าห้ามทำและจะไม่ยอมขายที่ให้ง่ายๆและหลังจากเตือนแล้วไม่คิดจะหยุดมือเขาจะแจ้งทางการ ทรงยศจึงไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นเลยเลือกที่จะเข้าทางสมานเพราะเห็นว่าเป็นคนที่พ่อเลี้ยงเพชรพนาไว้ใจโดยเสนอเงินก้อนใหญ่สมานในตอนนั้นโลภมากจึงยอมทำตามที่ทรงยศบอกโดยดี
"คุณเหนือ..ใจเย็นๆคุณน่านไม่ต้องการให้คุณทำอะไรใจร้อนเค้าถึงไม่อยากบอกให้ใครรู้แต่แรกไง"
ผู้กองปุณณ์ต้องรีบเอาตัวมาขวางณดลเอาไว้เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีอย่างที่น่านน้ำกังวล
"ผมขอโทษ..ขอโทษจริงๆตอนนั้นผมโลภมากเองอีกอย่างเสี่ยทรงยศบอกว่าให้ผมล่อพ่อเลี้ยงออกมาเพราะต้องการจะมาพูดคุยเจรจาด้วยเฉยๆไม่คิดว่ามันจะทำร้ายพ่อเลี้ยงถึงชีวิต"
จากวันนั้นจนถึงวันนี้สมานก็รู้สึกผิดมาโดยตลอดเพราะเขาไม่คิดว่าทรงยศจะเล่นงานพ่อเลี้ยงเพชรพนาจนถึงตาย
"ให้กฏหมายจัดการทุกอย่างนะครับคุณเหนือ"
ผู้กองปุณณ์ที่เห็นว่าณดลเริ่มอ่อนลงเขาจึงรีบเก็บปืนจากมือของชายหนุ่มและให้ลูกน้องของเขาพาณดลไปสงบอารมณ์ด้านนอกส่วนเรื่องการสืบสวนสมานให้เป็นหน้าที่ของเขาเอง
วันหนึ่งมาถึงงานช่วงกลางคืนได้พักใหญ่ก็แยกตัวออกจากน่านน้ำออกมาเดินเล่นกับน้ำผึ้งเพราะรู้สึกตื่นเต้นอยากดูเก็บรายละเอียดพิธีกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"นี่อะไรอะผึ้ง"วันหนึ่งจ้องมองไปยังแก้วไม้ไผ่เล็กๆที่วางบนถาดในมือของน้ำผึ้งอยากรู้นักว่าน้ำใสๆในแก้วที่น้ำผึ้งคอยเอาไปเสริฟเหล่าผู้ชายที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่หลายครั้งแล้วคืออะไร"ลองชิมดูสิคะ""อืมม..อ่าาา..ขมจัง"วันหนึ่งรีบคว้าแก้วในถาดมากระดกอึกใหญ่พอหมดแก้วได้ก็มีสีหน้าเหยเกเพราะรู้สึกว่าไอ้น้ำใสๆที่ดื่มไปเมื่อครู่ทั้งขมทั้งบาดคอ"กลืนไปอึกใหญ่เลยเหรอคะเดี๋ยวก็เมาหรอกค่ะ..นั่นเหล้าต้มของพ่อผึ้งเองแรงมากเลยนะคะ"น้ำผึ้งรีบหยิบแก้วในมือของวันหนึ่งมาถือเอาไว้ทั้งยังมีสีหน้าตกใจที่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะยกไปกระดกหมดแก้วทีเดียวแบบนั้นทั้งที่ผู้ชายที่คุ้นเคยกับเหล้าต้มที่นี่นังค่อยๆจิบทีละนิด"อ้าว..ก็ไม่บอกพี่ว่ามันคือเหล้า"“ก็ไม่คิดว่าจะกระดกจนหมดแบบนั้นนี่คะ”น้ำผึ้งรู้ได้เลยว่าหลังจากนี้อีกไม่กี่นาทีวันหนึ่งได้เมาแอ๋แน่นอนและแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆหลังจากที่วันหนึ่งดื่มเหล้าต้มที่ได้ชื่อว่าแรงมากเธอก็หน้าแดงตาเยิ้มลอยเริ่มเดินสะเ
"หา.."วันหนึ่งเริ่มหน้าเสียและขยิบตาเล็กน้อยเพื่อให้ย่าเธอได้รู้ว่าควรตามน้ำไปก่อน"อ..อ๋อ..ใช่..ค่ะฉันป่วย..โอ้ยฉันก็ขี้หลงขี้ลืมอย่างนี้นั่นแหละค่ะ""รักษาสุขภาพด้วยนะครับถ้าอยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยตอบแทนที่หนึ่งช่วยชีวิตผมเอาไว้""ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยงใจดีจริงๆ"แววตาของนฤดีมีแววชื่นชมว่าที่หลานเขยคนนี้พอสมควร"ผมขอตัวกลับไร่ก่อนนะครับ..""บ๊ายบายค่ะพ่อเลี้ยง"คนที่หันหลังกลับไปแล้วหยุดชะงักฝีเท้าและหันมายิ้มให้คนที่เอ่ยลาเสียงเจื้อยแจ้วก่อนจะรีบขับรถกลับไปที่ไร่เพราะมีหลายอย่างเกี่ยวกับคดีของปู่ที่เขาจะต้องไปพูดคุยกับตำรวจ"สายตาที่เค้ามองหลานย่าดูเยิ้มเป็นพิเศษนะ"หลังจากพ่อเลี้ยหงนุ่มให้หลังไปได้นฤดีก็เอ่ยหยอกลานสาวตนถึงเรื่องที่ดูสายตาของน่านน้ำออก"หนึ่งบอกชอบเค้าไปแล้วค่ะ""งั้นเหรอแล้วเค้าว่าไงลูก""เค้าน่าจะไม่เชื่อค่ะให้หนึ่งถามตัวเองให้แน่ใจก่อนเพราะยังไม่เห็นอีกหลายๆมุมของเค้าแล้วอีกสามเดือนค่อยมาพูดอีกทีว่าชอบเค้าจริงๆหรือเปล่า""ย่ามองออกว่าเค้าชอบหลานย่าแล้วแต่เราล่ะชอบเค้าจริงๆหรือพูดแบบนั้นไปเพราะคำทำนาย"ไม่ใช่น่านน้ำที่ยังไม่คิดว่าวันหนึ่งชอบตัวเองได้จริงๆนฤดีเอง
"พี่เอื้อง..หยุดฟังหนึ่งก่อน""ไม่ฟัง"เอื้องฟ้าสะบัดมือของวันหนึ่งทิ้ง"หนึ่งกับพี่สายเป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ"วันหนึ่งจึงต้องโพร่งประโยคสำคัญออกมาเพื่อรั้งให้เอื้องฟ้านั้นฟังเธอให้ได้และมันก็ได้ผลเอื้องฟ้าหันมาขมวดคิ้วมองหน้าวันหนึ่งด้วยท่าทีแปลกใจกับสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อครู่"ว่าไงนะ"“เรื่องมันอาจจะยาวสักหน่อยแต่หนึ่งจะเล่าความจริงให้พี่เอื้องฟังค่ะ”วันหนึ่งใช้เวลาอธิบายตั้งแต่ว่าเธอเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่รวมถึงภาพเมื่อครู่ที่เอื้องฟ้าเห็นเธอกับสายน้ำไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าพี่น้อง"เชื่อเรื่องดวงขนาดนี้เลยเหรอ"เอื้องฟ้าพอจะเข้าใจได้เรื่องที่วันหนึ่งกับสายน้ำเป็นอะไรกันแต่มาแปลกใจตรงที่หญิงสาวเชื่อเรื่องดวงมากจนทิ้งชีวิตคุณหนูมาเป็นแม่ครัวอยู่บ้านไร่เพียงเพราะคำทำนายของหมอดู"ค่ะ..คุณย่ากับหนึ่งเดินตามดวงกันมานานแล้วพวกเราเชื่อเรื่องนี้กันมากจริงๆ""ก็คงจะจริงไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ทิ้งชีวิตคุณหนูมาลำบากแบบนี้หรอก...แล้วหมอสายน้ำล่ะเดินตามดวงอะไรด้วยหรือเปล่า""ไม่เกี่ยวค่ะพี่สายน้ำแค่อยากหาที่สงบอยู่เท่านั้นหนึ่งก็พึ่งรู้ว่าพี่สายน้ำอยู่ที่นี่วันที่พี่สายน้ำพาหนึ่งไปฉีดวัคซีนวัว
"หนึ่งว่าบ้านพ่อเลี้ยงน่าอยู่มากๆแล้วที่นี่ดูน่าอยู่มากกว่าอีกนะคะบ้านหลังเล็กๆกับวิวที่สวยสุดยอดเลย"วันหนึ่งเดินดูรอบบ้านด้วยท่าทีตื่นเต้นบ้านหลังเล็กนี้เหมือนบ้านพักในฝันที่เคยเคยคิดอยากจะสร้างก็ว่าได้"ผมสร้างที่นี่เพื่อเอาไว้พักผ่อนเงียบๆ...แต่เป็นเพราะงานที่ยุ่งก็เลยไม่ได้มานานแล้ว""หนึ่งขอมาที่นี่บ่อยๆได้ไหมคะ""ได้อยู่แล้ว...ผมว่าจะให้คุณแบ่งเวลามาทำความสะอาดที่นี่บ้างแต่ไม่ได้ใช้ฟรีผมจะให้เงินพิเศษเพิ่ม""ว้า.. นึกว่าอยากพามาสวีทแต่อยากให้มาทำงานบ้านซะงั้น""เบื่อที่จะเป็นแม่ครัวแม่บ้านให้ผมแล้วหรือไง""เปล่าค่ะ...ได้อยู่ใกล้พ่อเลี้ยงหนึ่งเป็นอะไรก็ได้ค่ะ"พ่อเลี้ยงหนุ่มวาดมือหนายีหัวทุยเล่นด้วยท่าทีเอ็นดูคนตัวเล็กเป็นพิเศษที่ขยันหยอดคำหวานกับเขาได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน"ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อนคุณคงได้ไปสมัครเรียนแล้ว""ไว้รอไปสมัครตอนเค้าเปิดรับอีกทีก็ได้ค่ะหนึ่งไม่รีบ...แต่ดูท่าเหมือนพ่อเลี้ยงจะรีบกว่าหนึ่งนะคะ""คุณอายุยังน้อยถ้าเรียนได้วุฒิสูงๆยังสร้างประโยชน์อะไรได้มากกว่ามาทำงานเป็นแม่บ้านดีไม่ดีคุณอาจจะกลายเป็นบัญชีฝีมือดีหรือไม่อาจจะบริหารองค์กรใหญ่ๆได้เลยก็ได้"น่านน
"หนึ่ง.. จะไปไหนแล้วร้องให้ทำไม"สายน้ำที่ขับรถATVคันเก่งจะไปดูแกะในฟาร์มช่วงสายขณะที่กำลังขับไปที่ฟาร์มเห็นว่าเป็นวันหนึ่งเดินอยู่จึงได้เข้าไปทักแต่เขาก็ต้องหน้าเสียเมื่อเห็นน้องสาวตนนั้นร้องให้จนหน้าตาแดงก่ำไปหมด"พี่สายพาหนึ่งออกไปจากไร่ได้ไหมคะ..ฮือๆๆ"มือเรียวยกปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะกระโดดขึ้นหลังรถหมอหนุ่ม จนสายน้ำต้องละงานไปก่อนและพาวันหนึ่งมาสงบอารมณ์ที่คลินิกของเขา"เป็นอะไรบอกพี่ได้หรือเปล่า"สายน้ำเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เอาแต่กอดหมอนร้องให้อยู่บนโซฟาโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง"หนึ่ง..ฮึก..ฮือๆๆ..เสียใจขออยู่เงียบๆ..ฮือๆๆ""โอเคๆ..งั้นก็พักที่นี่ก่อนแล้วกันพี่จะไปตรวจเจ้าแกะที่ฟาร์มต่อ""ฮือๆ..อย่าบอกใครนะคะ..ฮือๆ..ๆ..ว่าหนึ่งอยู่ที่นี่""ได้พักให้สบายใจได้เลย"ถึงสายน้ำจะคาใจกับอาการเสียใจของวันหนึ่งพอสมควรแต่ก็ไม่เลือกที่จะเค้นถามอะไรในเมื่อคนอย่างวันหนึ่งถึงขั้นร้องให้ฟูมฟายขออยู่คนเดียวคงเป็นเรื่องปวดใจมากแน่คิดว่ารอให้น้องสาวของเขาอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยจะดีกว่าน่านน้ำคุยกับกวินตราจนหญิงสาวสบายใจจนกลับไปได้ตอนนี้ก็เป็นฝ่ายน่านน้ำที่กังวลใจเพราะหาแม่ครัวตัวเล็กของตัวเองไม่เจอโท
นฤดีจำต้องทำตัวเป็นนางเล่าเรื่องให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้กระจ่างถึงความจริงว่าเธอและวันหนึ่งไม่ได้ไปบวชอย่างที่ว่าแต่พาหลานไปหาคู่ตามคำทำนาย วิริยาได้ฟังทั้งหมดก็แทบจะลมจับเธอว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก"คุณแม่ไม่ได้ไปบวชแต่พาหลานไปหาคู่เหรอคะ!...คุณแม่จะพายัยหนึ่งงมงายเกินไปแล้วนะคะ""ผมว่าแล้วจะต้องมีเรื่องอะไรให้ปวดหัว"สิทธิเดชยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดเผื่อใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าแม่ตนต้องพาลูกสาวไปทำอะไรพิเลนๆอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ"เอาน่าจะว่าอะไรแม่ก็ช่างเถอะ...แต่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยัยหนึ่งก่อนว่าเป็นอะไรถึงได้หนีกลับมาดื้อๆแบบนี้""หนึ่งลูก..คุณย่ากลับมาแล้วนะลูกออกมาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า""หนึ่งอยากอยู่คนเดียวอย่าพึ่งมายุ่งกับหนึ่งได้ไหมคะ"เมื่อคุยกันจบทั้งวิริยาและนฤดีก็มาเคาะห้องของวันหนึ่งแต่ก็ต้องเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกันทั้งคู่เพราะทำยังไงเจ้าของห้องก็ไม่ยอมออกมาคุยได้"คุณแม่แน่ใจนะคะว่ายัยหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ"วิริยาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้นไม่มีอาการเป็นแบบนี้แน่ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่สามี
วันต่อมา"ยัยหนึ่งไปอิตาลีค่ะคุณแม่"เช้านี้ทุกคนในบ้านต่างก็ต้องปวดหัวกันอีกรอบเมื่อวันหนึ่งเลือกที่จะหนีไปอิตาลีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวคนในบ้านก่อนได้แต่เพียงเขียนจดหมายเอาไว้ให้เท่านั้น"หลานคนนี้นี่มีอะไรทำไมไม่พูดกันนะ"นฤดีบ่นอุกด้วยดูท่าหลานเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองใหญ่แล้ว"ใครเลี้ยงก็เหมือนคนนั้นแหละครับ""อย่าพึ่งซ้ำเติมกันได้ไหมตาเดช"สิทธิเดชไม่วายหยอกคนเป็นแม่เล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพราะไม่ได้ห่วงอะไรลูกสาวมากนักด้วยไฟล์บินก็เช็กได้ว่าไปที่ไหนที่พักก็น่าจะหาไม่ยากเช่นกันนฤดีที่ทนกังวลใจต่อไปไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะติดต่อทอฝันเพื่อที่จะขอคุยกับเฟื่องฟ้าถึงสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดในตอนนี้"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่"เฟื่องฟ้าเห็นหน้านฤดีได้ก็รีบเอ่ยให้เพื่อนเธอนั้นหายกังวลเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงแล้ว"หา...แต่งตอนไหน"คำพูดของเฟื่องฟ้าทำนฤดีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเรื่องแต่งงานหลานเธอไม่เห็นเคยพูดให้ฟังสักคำ"ค่อยไปถามหลานสาวตัวเองเองแล้วกัน""ฉันงงไปหมดแล้วตอนนี้""เอาเป็นว่าไม่นานเดี๋ยวสองคนนั้นก็ลงเอยกันด้วยดี"เฟื่องฟ้าบ
"ครับคุณป้า..เธอมาหาผมแล้วครับ...ผมขออนุญาตดัดนิสัยสักหน่อยนะครับ"น่านน้ำรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันหนึ่งจะมาที่นี่เพราะวิริยาโทรมาอธิบายกับเขาทุกอย่างว่าวันหนึ่งเข้าใจผิดเรื่องอะไรและตอนนี้เขาก็ไม่คิดถือโทษเธอแล้วแต่อยากจะแกล้งเพื่อดัดนิสัยหญิงสาวบ้างจะได้รู้ว่าการถูกพูดหรือกระทำไม่ดีใส่มันรู้สึกอย่างไร และก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ลืมโทรไปย้ำกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นหมอสายน้ำเอื้องฟ้าหรือไออุ่นว่าถ้าวันหนึ่งไปขอความช่วยเหลืออะไรห้ามช่วยทุกอย่างวันหนึ่งขับรถมาถึบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มได้เธอก็ลองเข้าครัวอีกสักตั้งเพราะยังไงก็จะพยายามง้อน่านน้ำให้สำเร็จ หญิงสาวอยู่ในครัวนานสองนานเพื่อที่จะทำปลาทับทิมนึ่งและน้ำจิ้มรสเด็ดที่น่านน้ำนั้นชอบเมื่อทำเสร็จนำมาวางที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยน่านน้ำก็กลับมาพอดี"กลับมาแล้วเหรอคะหนึ่งเตรียมอาหารเย็นไว้ให้พ่อเลี้ยงพึ่งเสร็จเลยนะคะ""ผมมีปิ่นโตของผมแล้ว.."คนตัวโตชูปิ่นโตเถาใหญ่ที่ถือกลับมาจากโรงครัวในไร่ให้วันหนึ่งได้เห็น จนวันหนึ่งเริ่มหน้าเจื่อนอีกครั้งที่ถูกน่านน้ำปฏิเสธอาหารของเธอ"อ่อ...ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไปผมจะไปนอนที่บ้านท้ายไร่""ถ้าถึงขนาดที่ไม่อยากจะอยู่