นฤดีจำต้องทำตัวเป็นนางเล่าเรื่องให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้กระจ่างถึงความจริงว่าเธอและวันหนึ่งไม่ได้ไปบวชอย่างที่ว่าแต่พาหลานไปหาคู่ตามคำทำนาย วิริยาได้ฟังทั้งหมดก็แทบจะลมจับเธอว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก
"คุณแม่ไม่ได้ไปบวชแต่พาหลานไปหาคู่เหรอคะ!...คุณแม่จะพายัยหนึ่งงมงายเกินไปแล้วนะคะ"
"ผมว่าแล้วจะต้องมีเรื่องอะไรให้ปวดหัว"
สิทธิเดชยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดเผื่อใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าแม่ตนต้องพาลูกสาวไปทำอะไรพิเลนๆอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
"เอาน่าจะว่าอะไรแม่ก็ช่างเถอะ...แต่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยัยหนึ่งก่อนว่าเป็นอะไรถึงได้หนีกลับมาดื้อๆแบบนี้"
"หนึ่งลูก..คุณย่ากลับมาแล้วนะลูกออกมาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า"
"หนึ่งอยากอยู่คนเดียวอย่าพึ่งมายุ่งกับหนึ่งได้ไหมคะ"
เมื่อคุยกันจบทั้งวิริยาและนฤดีก็มาเคาะห้องของวันหนึ่งแต่ก็ต้องเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกันทั้งคู่เพราะทำยังไงเจ้าของห้องก็ไม่ยอมออกมาคุยได้
"คุณแม่แน่ใจนะคะว่ายัยหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ"
วิริยาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้นไม่มีอาการเป็นแบบนี้แน่ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่สามีของเธอแต่ก็ดูออก
"แน่ใจสิ..แม่ก็ยังงงอยู่ถึงตอนนี้"
"คงต้องรอคุยกันพรุ่งนี้แล้วล่ะค่ะ"
นฤดีเชื่อว่าวันหนึ่งไม่ได้มีปัญหากับใครจริงๆเพราะคนที่ไร่ก็ดูเอ็นดูวันหนึ่งกันทุกคนแถมยังแปลกใจกันมากถึงมากที่สุดด้วยที่จู่ๆวันหนึ่งหนีมาแบบนี้
วันต่อมา
"พ่อเลี้ยงมาไวดีเหมือนกันนี่”
“ครับคุณย่า”
นฤดีออกมาต้อนรับน่านน้ำที่มาถึงบ้านของเธอแต่เช้าไม่คิดว่าฝากที่อยู่กับไออุ่นให้พ่อเลี้ยงหนุ่มเมื่อวานวันนี้เขาจะมาโผล่ที่นี่เลย วิริยาและสิทธิเดชที่พึ่งลงมาจากชั้นบนเห็นว่าเป็นน่านน้ำลูกของอนงค์นาถและภัทรพลก็รีบเข้ามาทักทาย
"ตาน่าน"
"คุณลุงคุณป้าสวัสดีครับ"
น่านน้ำยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสองที่คุ้นเคยอย่างแปลกใจที่ไม่รู้ว่าทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับวันหนึ่งและย่าของหญิงสาวถึงได้มาอยู่ที่นี่กันได้
"อ้าว.. รู้จักกันด้วยเหรอ"
นฤดีเห็นว่าน่านน้ำและลูกๆของเธอทักทายกันอย่างสนิทก็พลอยมีสีหน้าแปลกใจ
"นี่ลูกชายคนกลางคุณพลกับคุณนาถค่ะ...คุณแม่ก็เคยเจอตอนที่ตาน่านยังเด็กๆค่ะน่าจะจำไม่ได้"
"อ๋อ..ถึงว่าแม่คุ้นๆหน้าพ่อเลี้ยงเหลือเกินว่าเคยเห็นที่ไหน"
นฤดีคิดเอาไว้แล้วว่าเธอจะต้องเคยเจอน่านน้ำที่ไหนที่แท้ก็เป็นคนกันเองนี่เอง
"ถ้าตาน่านเป็นคนในคำทำนายที่ยัยหนึ่งเชื่อก็เท่ากับโลกกลมเหลือเกินนะคะ"
“นั่นสิคุณ”
คราแรกวิริยากับสิทธิเดชก็กังวลใจว่าลูกจะไปชอบผู้ชายที่ไม่ได้ดีจริงแต่เมื่อรู้ว่าเป็นน่านน้ำแต่เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อยก็สบายใจและยินดีหากลูกสาวของพวกเขาและน่านน้ำจะลงเอยกัน
"ตกลงคุณลุงคุณป้าเป็นพ่อแม่วันหนึ่งเหรอครับ"
"ใช่แล้ว..ยัยตัวแสบลูกลุงเองขอโทษแทนลูกลุงด้วยที่ทำทุกอย่างป่วนไปหมด"
เป็นสิทธิเดชที่เอ่ยขอโทษน่านน้ำออกมาเพราะเท่าที่ฟังจากแม่ตนเล่ามาเมื่อวานลูกเขาก็ทำเรื่องกับน่านน้ำพอตัว
"ผมขอคุยกับหนึ่งหน่อยได้หรือเปล่าครับ"
เมื่อทักทายกันจนดีแล้วน่านน้ำก็ไม่รีรอจะขอคุยกับวันหนึ่งเพราะอยากรู้เหตุผลที่เธอกลับมากะทันหันใจจะขาด
"ป้าก็ไม่รู้ว่ายัยหนึ่งจะคุยกับเราหรือเปล่าเพราะไม่ยอมออกมาจากห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"
ยังไม่ทันที่วิริยาจะเอ่ยขาดคำวันหนึ่งในชุดนอนสีขาวก็เดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักและยังมีอาการตกใจที่เห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มที่นี่เท่ากับว่าเขาคงรู้ความจริงแล้วว่าเธอกนั้นเป็นใคร
"พ่อเลี้ยง.."
“หนึ่ง”
สองหนุ่มสาวเลือกที่จะมาคุยกันหน้าบ้านโดยมีผู้ใหญ่ทั้งสามคอยจับตาดูอยู่ห่างๆ
"มาถึงที่นี่คงรู้แล้วสินะคะว่าหนึ่งโกหก"
คนตัวเล็กเอ่ยเสียงอ่อนโดยที่สายตาของเธอไม่คิดจะจับจ้องไปยังใบหน้าคมแม้แต่น้อยพฤติกรรมของเธอทำน่านน้ำใจเสียอยู่พอสมควรเพราะไม่เคยว่าจะได้เห็นท่าทีเมินเฉยของเธอที่ทำใส่เขาเช่นนี้มาก่อน
"อืม..ถึงผมจะไม่พอใจที่คุณเข้ามาในชีวิตผมโดยการสวมรอยเป็นแม่ครัว...แต่ตอนนี้ผมไม่สนแล้วผมอยากรู้มากกว่าว่าความรู้สึกแท้จริงของคุณที่มีกับผมเป็นอย่างที่คุณเคยพูดมาหรือสิ่งที่คุณพูดเป็นแค่คำพูดหวานๆที่สร้างขึ้นเพราะต้องการได้ผมเป็นคู่ชีวิตให้ตรงตามคำทำนายเท่านั้น...อีกอย่าง..ที่ผมคาใจมากๆคุณหนีผมมาทำไม"
"เอาเป็นว่าที่หนึ่งหนีมา..หนึ่งไม่อยากเป็นแม่ครัวอะไรนั่นแล้ว..มันเหนื่อยค่ะ"
"แล้วความรู้สึกคุณล่ะ"
น่านน้ำเริ่มเสียงสั่น
"หนึ่ง..ทำไปทั้งหมดก็แค่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามคำทำนายเท่านั้นไม่ได้รู้สึกอะไร..แล้วหนึ่งก็เหนื่อยที่จะทำแล้วด้วย"
"..คุณ...มาล้อเล่นกับความรู้สึกผมเพื่ออะไร"
น่านน้ำตัวชาวาบไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้จากปากคนที่บอกว่าชอบเขานักชอบเขาหนาที่แท้ทั้งหมดก็เป็นแค่เรื่องหลอกลวง
"แล้วแต่จะคิดเลยค่ะ..หนึ่งขอตัวนะคะ"
วันหนึ่งว่าจบก็รีบหันหลังวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยกลัวว่าคนตัวโตจะมาเห็นน้ำตาของเธอ เสียใจเหลือเกินที่เขาเอาแต่ถามความจริงจากเธอทั้งที่เขาก็มีเรื่องปิดบังเธออยู่เหมือนกัน ตอนนี้เธอไม่สนแล้วว่าถ้าไม่แต่งงานจะเจอกับอะไรเพราะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเกินกว่าที่จะห่วงเรื่องการเดินตามดวงแล้ววันหน้าจะเป็นเช่นไรก็ขอช่างมันไปก่อน
เหล่าผู้ใหญ่ที่จับตาดูเด็กทั้งสองคุยกันหวังว่าจะเห็นทั้งสองปรับความเข้าใจกันได้แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นวันหนึ่งที่หนีเข้าบ้านส่วนน่านน้ำก็เดินคอตกเหม่อลอยกลับไปดื้อๆ
"ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ"
นฤดีไม่เข้าใจกับสิ่งที่เห็นตอนนี้เลยจริงๆ
“นั่นสิคะ”
วิริยาก็ยังคาใจไม่ต่างจากแม่สามีเธอเหมือนกัน
“คงต้องให้เวลาเป็นตัวแก้ปัญหา”
สิทธิเดชเชื่อว่าทุกอย่าวที่พวกเขาอยากจะรู้คงจะได้รู้เองเมื่อผ่านเวลานี้ไปสักระยะเพราะไม่เชื่อว่าลูกสาวของเขาจะเป็นคนที่ทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล
น่านน้ำที่เหมือนคนอกหักอีกรอบเขาก็เลือกที่จะขับรถมาพักในคอนโดของตัวเองเงียบๆคนเดียวเมื่อมาถึงก็เอาแต่นั่งดื่มเพราะอยากจะลืมคำพูดที่ได้ยินจากปากของวันหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไม่ฉลาดพอที่จะดูออกว่าหญิงสาวเข้ามาอย่างจริงใจหรือเสแสร้งเพราะการกระทำทุกอย่างของวันหนึ่งมันดูน่าเชื่อถือเอามากเสียจนเขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองในวันนี้แต่ก็ต้องเชื่อในเมื่อได้ฟังกับหูได้เห็นกับตาตัวเอง
วันต่อมา"ยัยหนึ่งไปอิตาลีค่ะคุณแม่"เช้านี้ทุกคนในบ้านต่างก็ต้องปวดหัวกันอีกรอบเมื่อวันหนึ่งเลือกที่จะหนีไปอิตาลีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวคนในบ้านก่อนได้แต่เพียงเขียนจดหมายเอาไว้ให้เท่านั้น"หลานคนนี้นี่มีอะไรทำไมไม่พูดกันนะ"นฤดีบ่นอุกด้วยดูท่าหลานเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองใหญ่แล้ว"ใครเลี้ยงก็เหมือนคนนั้นแหละครับ""อย่าพึ่งซ้ำเติมกันได้ไหมตาเดช"สิทธิเดชไม่วายหยอกคนเป็นแม่เล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพราะไม่ได้ห่วงอะไรลูกสาวมากนักด้วยไฟล์บินก็เช็กได้ว่าไปที่ไหนที่พักก็น่าจะหาไม่ยากเช่นกันนฤดีที่ทนกังวลใจต่อไปไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะติดต่อทอฝันเพื่อที่จะขอคุยกับเฟื่องฟ้าถึงสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดในตอนนี้"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่"เฟื่องฟ้าเห็นหน้านฤดีได้ก็รีบเอ่ยให้เพื่อนเธอนั้นหายกังวลเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงแล้ว"หา...แต่งตอนไหน"คำพูดของเฟื่องฟ้าทำนฤดีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเรื่องแต่งงานหลานเธอไม่เห็นเคยพูดให้ฟังสักคำ"ค่อยไปถามหลานสาวตัวเองเองแล้วกัน""ฉันงงไปหมดแล้วตอนนี้""เอาเป็นว่าไม่นานเดี๋ยวสองคนนั้นก็ลงเอยกันด้วยดี"เฟื่องฟ้าบ
"ครับคุณป้า..เธอมาหาผมแล้วครับ...ผมขออนุญาตดัดนิสัยสักหน่อยนะครับ"น่านน้ำรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันหนึ่งจะมาที่นี่เพราะวิริยาโทรมาอธิบายกับเขาทุกอย่างว่าวันหนึ่งเข้าใจผิดเรื่องอะไรและตอนนี้เขาก็ไม่คิดถือโทษเธอแล้วแต่อยากจะแกล้งเพื่อดัดนิสัยหญิงสาวบ้างจะได้รู้ว่าการถูกพูดหรือกระทำไม่ดีใส่มันรู้สึกอย่างไร และก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ลืมโทรไปย้ำกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นหมอสายน้ำเอื้องฟ้าหรือไออุ่นว่าถ้าวันหนึ่งไปขอความช่วยเหลืออะไรห้ามช่วยทุกอย่างวันหนึ่งขับรถมาถึบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มได้เธอก็ลองเข้าครัวอีกสักตั้งเพราะยังไงก็จะพยายามง้อน่านน้ำให้สำเร็จ หญิงสาวอยู่ในครัวนานสองนานเพื่อที่จะทำปลาทับทิมนึ่งและน้ำจิ้มรสเด็ดที่น่านน้ำนั้นชอบเมื่อทำเสร็จนำมาวางที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยน่านน้ำก็กลับมาพอดี"กลับมาแล้วเหรอคะหนึ่งเตรียมอาหารเย็นไว้ให้พ่อเลี้ยงพึ่งเสร็จเลยนะคะ""ผมมีปิ่นโตของผมแล้ว.."คนตัวโตชูปิ่นโตเถาใหญ่ที่ถือกลับมาจากโรงครัวในไร่ให้วันหนึ่งได้เห็น จนวันหนึ่งเริ่มหน้าเจื่อนอีกครั้งที่ถูกน่านน้ำปฏิเสธอาหารของเธอ"อ่อ...ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไปผมจะไปนอนที่บ้านท้ายไร่""ถ้าถึงขนาดที่ไม่อยากจะอยู่
“หนึ่งจะทำให้ได้ค่ะคุณย่า”วันหนึ่งพูดด้วยแววตาและน้ำเสียงที่แน่วแน่ดูซิทั้งสาวทั้งสวยอย่างเธอหรือจะมัดใจชายชาวไร่ไม่ได้ก็ให้มันรู้กันไปคุณหนูนักเรียนนอกที่พึ่งเรียนจบอย่าง วันหนึ่ง พิวัฒน์วรวงค์ ลูกสาวคนเดียวของสิทธิเดชและวิริยา พิวัฒน์วรวงค์เจ้าของธุรกิจจิวเวอร์รี่เพชรพลอยรายใหญ่ของประเทศเลือกที่จะเดินทางขึ้นเหนือมาตามคำทำนายที่ว่าเธอจะต้องรีบมีสามีภายในเวลาหกเดือนหลังเรียนจบวันหนึ่งเป็นหญิงสาวตัวกระเปี๊ยกหุ่นบางร่างน้อยผิวขาวอมชมพูผมลอนฟาร่าสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังใบหน้ารูปไข่คิ้วบางได้รูปดวงตากลมโตมีแก้มเล็กน้อยปากนิดจมูกหน่อย นิสัยค่อนข้างเป็นยัยคุณหนูที่แอบซนเชื่อมั่นในตัวเองสูง เธอรักในการดูดวงและการที่ดำเนินชีวิตตามดวงเธอไม่ได้มีความเชื่อมาจากพ่อหรือแม่แต่ได้มาจากคนเป็นย่าอย่างนฤดีที่เชื่อเรื่องนี้มากและเป็นคนเลี้ยงหลานเองวันหนึ่งจึงได้รับการปลูกฝังมาเช่นนี้ณ บ้านไม้ยกสูงสองชั้นหลังขนาดกลางข้างบ้านเป็นสวนผักร่มรื่นน่าอยู่แห่งนี้อยู่ที่แถวชนบทของจังหวัดน่านเป็นบ้านของอุไรและไออุ่นสองแม่ลูกที่เคยอยู่กับนฤดีเมื่อครั้งที่วันหนึ่งยังเล็กๆ“คุณท่านแน่ใจนะคะว่าจะปล่อยให้คุณหนูทำตามแ
“ปิ่นโตค่ะพ่อเลี้ยง..ตอนนี้แม่ยังเดินไม่ค่อยไหวค่ะแต่ก็กินอะไรได้มากกว่าเดิมค่ะ”ไออุ่นวางปิ่นโตที่แม่เธอฝากเอามาให้น่านน้ำที่โต๊ะไม้สักใหญ่หน้าบ้านของพ่อเลี้ยงหนุ่มทั้งทักทายเจ้านายด้วยรอยยิ้มกว้างนับว่าวันนี้เธอโชคดีที่มาทันก่อนที่เขาจะออกไปข้างนอก“ว่างๆผมจะเข้าไปเยี่ยม”วันหนึ่งชะเง้อมองชายหนุ่มเบิกดวงดวงตากลมโตจ้องมองคนหล่อร่างกำยำทั้งริมฝีปากบางยังยกยิ้มเล็กน้อยปลื้มใจที่ผู้ชายในคำทำนายดูดีราวกับดารานายแบบแม้นเขาจะมีผิวคล้ำดำแดดบ้างก็ยังดูดีอยู่ดีแบบนี้เธอค่อยมีกำลังใจที่จะพิชิตหัวใจของเขาหน่อย“ขอบคุณค่ะ…เอ่อ..พ่อเลี้ยงคะนี่วันหนึ่งญาติห่างๆอุ่นเองค่ะว่าจะพามาสมัครเป็นแม่ครัวแทนแม่ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงได้แม่ครัวใหม่หรือยังคะ”คนที่ถูกแนะนำยืนยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงเธอพยายามทำตัวเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้ทั้งท่องภาวนาในใจว่าให้เขานั้นรับเธอเข้าทำงานได้อย่างง่ายดายเรื่องทุกอย่างต่อจากนี้จะได้ง่ายขึ้น“อ่อ..ก็..”พ่อเลี้ยงหนุ่มมองไปยังคนที่ยิ้มไม่หุบแอบทั้งที่เขาก็หลบสายตาของเธออยู่หลายหนคิดในใจว่าเธอยังเป็นคนปกติดีอยู่หรือเปล่า“หนึ่งทำกับข้าวได้ทุกอย่างเลยนะคะพ่อเลี้ยงแถมยังทำงาน
"ญาติห่างๆอุ่นเองจ่ะพี่เอื้องชื่อวันหนึ่ง""แล้วพ่อเลี้ยงรับทำงานแล้วหรือไงถึงได้มาป้วนเปี้ยนที่นี่ก็รู้นี่ว่าพ่อเลี้ยงไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามที่นี่"คำพูดคำจาจีบปากจีบคอของเอื้องฟ้าทำวันหนึ่งเริ่มขมวดคิ้วเพราะดูออกว่าผู้หญิงหน้าสวยผิวน้ำผึ้งคนนี้ไม่มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย"ใช่จ่ะ""ฝากปิ่นโตไว้ให้พ่อเลี้ยงด้วยละกัน"เอื้องฟ้ายื่นปิ่นโตให้ไออุ่นพร้อมตวัดหางตามองวันหนึ่งแสดงออกให้หญิงสาวรู้ว่าตนไม่ชอบหน้าก่อนจะหันหลังสะบัดก้นเดินออกไป"ใครอะพี่อุ่นหน้าตาก็สวยนะแต่สายตาดูไม่เป็นมิตรเลย""พี่เอื้องฟ้าน่ะลูกลุงคำอ้ายผู้จัดการไร่ส่วนแม่เธอคือป้าดอกสร้อยแม่ครัวที่ไร่""อ๋อ..ก็เหมือนใหญ่ในไร่นี้งี้เหรอ""ก็ไม่ถึงขนาดนั้นแต่แค่เธอน่าจะชอบพ่อเลี้ยงเท่าที่พี่ดูแล้วเธอก็ไม่น่าจะชอบให้สาวๆมาอยู่ใกล้พ่อเลี้ยงล่ะมั้ง"ประโยคนี้ไออุ่นต้องกระซิบกระซาบกับวันหนึ่งด้วยรู้ว่าชนบทแห่งนี้หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง"อย่างนี้นี่เอง""ห่างเธอได้ก็ให้ห่างไว้เพราะน้อยคนที่นี่ที่จะชอบนิสัยเธอที่ทุกคนเกรงใจก็เห็นว่าเป็นลูกลุงคำอ้ายกับป้าสร้อยเท่านั้น"วันหนึ่งรู้แบบนี้คนที่เธอจะมองเป็นคู่แข่งคนแรกก็เห็นจะเป็นเอื้องฟ
“พ่อมีคนมาหา”ทรงพลลูกชายคนเดียวของทรงยศจอมอันธพาลในย่านนี้ที่ใครๆก็รู้จักดีเดินนำหน้าน่านน้ำขึ้นมาทีเรือนไม้ในห้องทำงานคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจพอสมควรเพราะน้อยครั้งนักที่คนของไร่เพชรพนาจะมาที่นี่แถมวันนี้ยังเป็นพ่อเลี้ยงของไร่เป็นคนมาเองด้วย“อ้าว..พ่อเลี้ยงทำไมถึงมาที่นี่กะทันหันได้หรือตัดสินใจได้แล้วว่าจะขายที่ให้ผม..อย่างว่าแหละน้าเด็กหนุ่มไฟแรงคนกรุงเทพอย่างคุณหรือจะมาทำสวนทำไร่”ทรงยศเสี่ยใหญ่ร่างท้วมรีบเข้ามาทักทายน่านน้ำหน้าระรื่นที่เห็นพ่อเล้ยงหนุ่มมาหาถึงที่ในยามเย็นเช่นนี้“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเสี่ยก็อย่าคิดเองเออเองสิครับ...ผมไม่ได้อยากมาเหยียบที่นี่แต่ที่ต้องมาเพราะผมจะมาถามให้แน่ใจว่าสวนป่าของผมที่ถูกไฟไหม้เสี่ยไม่เกี่ยวข้องใช่หรือเปล่าครับเพราะผมคิดว่าคนอย่างเสี่ยคงจะไม่ใช้วิธีหมาลอบกัด”น่านน้ำยืนจ้องหน้าทรงยศด้วยสายตาและท่าทีที่ไม่ได้ให้ความเคารพเท่าไรเพราะเขาเชื่อว่าฝีมือการเผาสวนป่าก็คงไม่พ้นเป็นคนของทรงยศเพราะเป็นคนเดียวที่อยากได้ที่ของเขานักหนาและขึ้นชื่อเรื่องการเล่นสกปรกเป็นที่สุดด้วยไร่หลายที่ในจังหวัดน่านทรงยศก็ได้มาจากการคดโกงหรือไม่ก็ใช้อำนาจเงินและอิทธ
"กลับมาแล้ว"วันหนึ่งที่ขึ้นมาเดินเล่นบนชานบ้านเพื่อดูหมู่ดาวบนท้องฟ้าเมื่อได้เห็นรถกระบะสีดำขับเข้ามาเธอก็จำได้ว่าเป็นรถน่านน้ำจึงรีบวิ่งลงมารับหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มทันที"ทำไมยังไม่ไปพักผ่อน"น่านน้ำเปิดประตูลงจากรถได้ก็ขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กในชุดนอนเจ้าหญิงสีชมพูปล่อยผมสยายด้วยแววตาฉงนว่าเธอมาทำอะไรตรงนี้เพราะตอนนี้ดึกพอสมควร"รอพ่อเลี้ยงกลับมาก่อนค่ะ"สาวเจ้าฉีกยิ้มตอบเสียงใส"อุ่นไม่ได้บอกหรือไงว่าไม่ต้องรอ"คนที่ถูกถามไม่ได้สนใจคำถามสักนิดเธอค่อยๆเดินเข้าไปเพ่งมองหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มใกล้ๆก็เห็นว่าใบหน้าของเขาเขียวช้ำแถมริมฝีปากยังมีรอยแตกเลือดซิบอีกต่างหาก"หน้าพ่อเลี้ยงเป็นอะไรคะทำไมช้ำแบบนั้น...เข้าบ้านก่อนค่ะเดี๋ยวหนึ่งทำแผลให้"วันหนึ่งรีบดึงมือน่านน้ำเข้าไปในบ้าน พฤติกรรมของหญิงสาวทำน่านน้ำตกใจพอสมควรเพราะน้อยคนนักที่จะเข้าถึงเนื้อถึงตัวของเขา"ไปมีเรื่องกับใครมาเหรอคะ"วันหนึ่งหยิบกล้องปฐมพยาบาลมาวางตรงหน้าน่านน้ำก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆชายหนุ่มเธอเอาแต่มองรอบๆหน้าของคนบาดเจ็บด้วยสายตาที่เป็นห่วงทั้งยังอยากรู้ว่าเขาไปทำอะไรมากันแน่ถึงได้มีสภาพกลับมาเช่นนี้"คุณไปพักเถอะผมทำแผลเองไ
"แม่หนูจะไปไหนล่ะน่ะ"คำอ้ายขับรถกระบะตอนเดียวสีน้ำตาลคันเก่ามาทางที่จะไปฟาร์มแกะเมื่อเห็นมีผู้หญิงตัวเล็กเดินจูงจักรยานอยู่ตรงหน้าจึงรีบขับมาเทียบจอดถาม"อ๋อ..คือหนึ่งจะเอาปิ่นโตไปส่งพ่อเลี้ยงที่ฟาร์มแกะน่ะค่ะคุณลุง"วันหนึ่งหันมาตอบตอบคนที่ถามพร้อมยกมือปาดเหงื่อสองสามครั้งและส่งยิ้มร่าอย่างเป็นมิตรกับคนที่ถามด้วยรู้ว่าตอนนี้กำลังมีคนจะช่วยเหลือเธอแล้ว"อ๋อ..หนูเองเหรอที่เป็นแม่ครัวคนใหม่ลุงชื่อคำอ้ายเป็นผู้จัดการไร่..แล้วจักรยานเป็นอะไรถึงต้องจูง"คำอ้ายมองสำรวจไปยังคนตัวเล็กผิวขาวสวมหมวกคาวบอยสีน้ำตาลเขาก็พอจะรู้แล้วว่าเธอเป็นแม่ครัวคนใหม่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มเพราะเธอสวยน่ารักเหมือนกับที่เอื้องฟ้าได้เปรยให้ฟังมิน่าลูกตนถึงได้มีท่าทีไม่ชอบใจเมื่อพูดถึงแม่ครัวคนนี้เท่าไรนัก"หนึ่งปั่นไม่เป็นค่ะแต่พ่อเลี้ยงบอกให้เอาจักรยานไปพร้อมกับปิ่นโตหนึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมพ่อเลี้ยงไม่เอาจักรยานขึ้นรถกระบะไปตั้งแต่แรก""งั้นเดี๋ยวเอาขึ้นรถลุงไปลุงกำลังจะไปฟาร์มแกะพอดี"สาวเจ้าบ่นน้ำเสียงอู้อี้ทำคำอ้ายยิ้มออกคิดว่ามีบางอย่างที่พ่อเลี้ยงหนุ่มสื่อสารกับแม่ครัวตัวเองพลาดแน่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาที่ทำตอนนี้ก