Share

บทที่33 อกหัก

นฤดีจำต้องทำตัวเป็นนางเล่าเรื่องให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้กระจ่างถึงความจริงว่าเธอและวันหนึ่งไม่ได้ไปบวชอย่างที่ว่าแต่พาหลานไปหาคู่ตามคำทำนาย วิริยาได้ฟังทั้งหมดก็แทบจะลมจับเธอว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก

"คุณแม่ไม่ได้ไปบวชแต่พาหลานไปหาคู่เหรอคะ!...คุณแม่จะพายัยหนึ่งงมงายเกินไปแล้วนะคะ"

"ผมว่าแล้วจะต้องมีเรื่องอะไรให้ปวดหัว"

สิทธิเดชยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดเผื่อใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าแม่ตนต้องพาลูกสาวไปทำอะไรพิเลนๆอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

"เอาน่าจะว่าอะไรแม่ก็ช่างเถอะ...แต่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยัยหนึ่งก่อนว่าเป็นอะไรถึงได้หนีกลับมาดื้อๆแบบนี้"

"หนึ่งลูก..คุณย่ากลับมาแล้วนะลูกออกมาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า"

"หนึ่งอยากอยู่คนเดียวอย่าพึ่งมายุ่งกับหนึ่งได้ไหมคะ"

เมื่อคุยกันจบทั้งวิริยาและนฤดีก็มาเคาะห้องของวันหนึ่งแต่ก็ต้องเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกันทั้งคู่เพราะทำยังไงเจ้าของห้องก็ไม่ยอมออกมาคุยได้

"คุณแม่แน่ใจนะคะว่ายัยหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ"

วิริยาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้นไม่มีอาการเป็นแบบนี้แน่ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่สามีของเธอแต่ก็ดูออก

"แน่ใจสิ..แม่ก็ยังงงอยู่ถึงตอนนี้"

"คงต้องรอคุยกันพรุ่งนี้แล้วล่ะค่ะ"

นฤดีเชื่อว่าวันหนึ่งไม่ได้มีปัญหากับใครจริงๆเพราะคนที่ไร่ก็ดูเอ็นดูวันหนึ่งกันทุกคนแถมยังแปลกใจกันมากถึงมากที่สุดด้วยที่จู่ๆวันหนึ่งหนีมาแบบนี้

วันต่อมา

"พ่อเลี้ยงมาไวดีเหมือนกันนี่”

“ครับคุณย่า”

นฤดีออกมาต้อนรับน่านน้ำที่มาถึงบ้านของเธอแต่เช้าไม่คิดว่าฝากที่อยู่กับไออุ่นให้พ่อเลี้ยงหนุ่มเมื่อวานวันนี้เขาจะมาโผล่ที่นี่เลย วิริยาและสิทธิเดชที่พึ่งลงมาจากชั้นบนเห็นว่าเป็นน่านน้ำลูกของอนงค์นาถและภัทรพลก็รีบเข้ามาทักทาย

"ตาน่าน"

"คุณลุงคุณป้าสวัสดีครับ"

น่านน้ำยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสองที่คุ้นเคยอย่างแปลกใจที่ไม่รู้ว่าทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับวันหนึ่งและย่าของหญิงสาวถึงได้มาอยู่ที่นี่กันได้

"อ้าว.. รู้จักกันด้วยเหรอ"

นฤดีเห็นว่าน่านน้ำและลูกๆของเธอทักทายกันอย่างสนิทก็พลอยมีสีหน้าแปลกใจ

"นี่ลูกชายคนกลางคุณพลกับคุณนาถค่ะ...คุณแม่ก็เคยเจอตอนที่ตาน่านยังเด็กๆค่ะน่าจะจำไม่ได้"

"อ๋อ..ถึงว่าแม่คุ้นๆหน้าพ่อเลี้ยงเหลือเกินว่าเคยเห็นที่ไหน"

นฤดีคิดเอาไว้แล้วว่าเธอจะต้องเคยเจอน่านน้ำที่ไหนที่แท้ก็เป็นคนกันเองนี่เอง

"ถ้าตาน่านเป็นคนในคำทำนาย​ที่ยัยหนึ่งเชื่อก็เท่ากับโลกกลมเหลือเกินนะคะ"

“นั่นสิคุณ”

คราแรกวิริยากับสิทธิเดชก็กังวลใจว่าลูกจะไปชอบผู้ชายที่ไม่ได้ดีจริงแต่เมื่อรู้ว่าเป็นน่านน้ำแต่เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อยก็สบายใจและยินดีหากลูกสาวของพวกเขาและน่านน้ำจะลงเอยกัน

"ตกลงคุณลุงคุณป้าเป็นพ่อแม่วันหนึ่งเหรอครับ"

"ใช่แล้ว..ยัยตัวแสบลูกลุงเองขอโทษแทนลูกลุงด้วยที่ทำทุกอย่างป่วนไปหมด"

เป็นสิทธิเดชที่เอ่ยขอโทษน่านน้ำออกมาเพราะเท่าที่ฟังจากแม่ตนเล่ามาเมื่อวานลูกเขาก็ทำเรื่องกับน่านน้ำพอตัว

"ผมขอคุยกับหนึ่งหน่อยได้หรือเปล่าครับ"

เมื่อทักทายกันจนดีแล้วน่านน้ำก็ไม่รีรอจะขอคุยกับวันหนึ่งเพราะอยากรู้เหตุผลที่เธอกลับมากะทันหันใจจะขาด

"ป้าก็ไม่รู้ว่ายัยหนึ่งจะคุยกับเราหรือเปล่าเพราะไม่ยอมออกมาจากห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"

ยังไม่ทันที่วิริยาจะเอ่ยขาดคำวันหนึ่งในชุดนอนสีขาวก็เดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักและยังมีอาการตกใจที่เห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มที่นี่เท่ากับว่าเขาคงรู้ความจริงแล้วว่าเธอกนั้นเป็นใคร

"พ่อเลี้ยง.."

“หนึ่ง”

สองหนุ่มสาวเลือกที่จะมาคุยกันหน้าบ้านโดยมีผู้ใหญ่ทั้งสามคอยจับตาดูอยู่ห่างๆ

"มาถึงที่นี่คงรู้แล้วสินะคะว่าหนึ่งโกหก"

คนตัวเล็กเอ่ยเสียงอ่อนโดยที่สายตาของเธอไม่คิดจะจับจ้องไปยังใบหน้าคมแม้แต่น้อยพฤติกรรมของเธอทำน่านน้ำใจเสียอยู่พอสมควรเพราะไม่เคยว่าจะได้เห็นท่าทีเมินเฉยของเธอที่ทำใส่เขาเช่นนี้มาก่อน

"อืม..ถึงผมจะไม่พอใจที่คุณเข้ามาในชีวิตผมโดยการสวมรอยเป็นแม่ครัว...แต่ตอนนี้ผมไม่สนแล้วผมอยากรู้มากกว่าว่าความรู้สึกแท้จริงของคุณที่มีกับผมเป็นอย่างที่คุณเคยพูดมาหรือสิ่งที่คุณพูดเป็นแค่คำพูดหวานๆที่สร้างขึ้นเพราะต้องการได้ผมเป็นคู่ชีวิตให้ตรงตามคำทำนายเท่านั้น...อีกอย่าง..ที่ผมคาใจมากๆคุณหนีผมมาทำไม"

"เอาเป็นว่าที่หนึ่งหนีมา..หนึ่งไม่อยากเป็นแม่ครัวอะไรนั่นแล้ว..มันเหนื่อยค่ะ"

"แล้วความรู้สึกคุณล่ะ"

น่านน้ำเริ่มเสียงสั่น

"หนึ่ง..ทำไปทั้งหมดก็แค่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามคำทำนายเท่านั้นไม่ได้รู้สึกอะไร..แล้วหนึ่งก็เหนื่อยที่จะทำแล้วด้วย"

"..คุณ...มาล้อเล่นกับความรู้สึกผมเพื่ออะไร"

น่านน้ำตัวชาวาบไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้จากปากคนที่บอกว่าชอบเขานักชอบเขาหนาที่แท้ทั้งหมดก็เป็นแค่เรื่องหลอกลวง

"แล้วแต่จะคิดเลยค่ะ..หนึ่งขอตัวนะคะ"

วันหนึ่งว่าจบก็รีบหันหลังวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยกลัวว่าคนตัวโตจะมาเห็นน้ำตาของเธอ เสียใจเหลือเกินที่เขาเอาแต่ถามความจริงจากเธอทั้งที่เขาก็มีเรื่องปิดบังเธออยู่เหมือนกัน ตอนนี้เธอไม่สนแล้วว่าถ้าไม่แต่งงานจะเจอกับอะไรเพราะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเกินกว่าที่จะห่วงเรื่องการเดินตามดวงแล้ววันหน้าจะเป็นเช่นไรก็ขอช่างมันไปก่อน

เหล่าผู้ใหญ่ที่จับตาดูเด็กทั้งสองคุยกันหวังว่าจะเห็นทั้งสองปรับความเข้าใจกันได้แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นวันหนึ่งที่หนีเข้าบ้านส่วนน่านน้ำก็เดินคอตกเหม่อลอยกลับไปดื้อๆ

"ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ"

นฤดีไม่เข้าใจกับสิ่งที่เห็นตอนนี้เลยจริงๆ

“นั่นสิคะ”

วิริยาก็ยังคาใจไม่ต่างจากแม่สามีเธอเหมือนกัน

“คงต้องให้เวลาเป็นตัวแก้ปัญหา”

สิทธิเดชเชื่อว่าทุกอย่าวที่พวกเขาอยากจะรู้คงจะได้รู้เองเมื่อผ่านเวลานี้ไปสักระยะเพราะไม่เชื่อว่าลูกสาวของเขาจะเป็นคนที่ทำอะไรโดยไม่มีเหตุผล

น่านน้ำที่เหมือนคนอกหักอีกรอบเขาก็เลือกที่จะขับรถมาพักในคอนโดของตัวเองเงียบๆคนเดียวเมื่อมาถึงก็เอาแต่นั่งดื่มเพราะอยากจะลืมคำพูดที่ได้ยินจากปากของวันหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไม่ฉลาดพอที่จะดูออกว่าหญิงสาวเข้ามาอย่างจริงใจหรือเสแสร้งเพราะการกระทำทุกอย่างของวันหนึ่งมันดูน่าเชื่อถือเอามากเสียจนเขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองในวันนี้แต่ก็ต้องเชื่อในเมื่อได้ฟังกับหูได้เห็นกับตาตัวเอง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status