“พ่อมีคนมาหา”
ทรงพลลูกชายคนเดียวของทรงยศจอมอันธพาลในย่านนี้ที่ใครๆก็รู้จักดีเดินนำหน้าน่านน้ำขึ้นมาทีเรือนไม้ในห้องทำงานคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจพอสมควรเพราะน้อยครั้งนักที่คนของไร่เพชรพนาจะมาที่นี่แถมวันนี้ยังเป็นพ่อเลี้ยงของไร่เป็นคนมาเองด้วย
“อ้าว..พ่อเลี้ยงทำไมถึงมาที่นี่กะทันหันได้หรือตัดสินใจได้แล้วว่าจะขายที่ให้ผม..อย่างว่าแหละน้าเด็กหนุ่มไฟแรงคนกรุงเทพอย่างคุณหรือจะมาทำสวนทำไร่”
ทรงยศเสี่ยใหญ่ร่างท้วมรีบเข้ามาทักทายน่านน้ำหน้าระรื่นที่เห็นพ่อเล้ยงหนุ่มมาหาถึงที่ในยามเย็นเช่นนี้
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเสี่ยก็อย่าคิดเองเออเองสิครับ...ผมไม่ได้อยากมาเหยียบที่นี่แต่ที่ต้องมาเพราะผมจะมาถามให้แน่ใจว่าสวนป่าของผมที่ถูกไฟไหม้เสี่ยไม่เกี่ยวข้องใช่หรือเปล่าครับเพราะผมคิดว่าคนอย่างเสี่ยคงจะไม่ใช้วิธีหมาลอบกัด”
น่านน้ำยืนจ้องหน้าทรงยศด้วยสายตาและท่าทีที่ไม่ได้ให้ความเคารพเท่าไรเพราะเขาเชื่อว่าฝีมือการเผาสวนป่าก็คงไม่พ้นเป็นคนของทรงยศเพราะเป็นคนเดียวที่อยากได้ที่ของเขานักหนาและขึ้นชื่อเรื่องการเล่นสกปรกเป็นที่สุดด้วยไร่หลายที่ในจังหวัดน่านทรงยศก็ได้มาจากการคดโกงหรือไม่ก็ใช้อำนาจเงินและอิทธิพลของตัวเองเพื่อให้ได้มาสิ่งที่ต้องการทั้งนั้นถึงคนอื่นจะกลัวในอำนาจของทรงยศเพียงใดแต่เขาก็ไม่เคยคิดกลัวคนแบบนี้แม้แต่น้อย
“หึ่..ตรงไปตรงมาดี”
สีหน้าของเสี่ยใหญ่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงขึ้นเพราะรู้สึกว่ากำลังถูกเด็กปีนเกลียวถึงที่ ทางด้านทรงพลก็เริ่มยืนกอดอกจ้องน่านน้ำเขม็งด้วยไม่ชอบใจที่ชายหนุ่มมาวางท่าทำเก่งในถิ่นของตัวเอง
“จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวผมขอไม่ตอบ...แต่ถ้าอะไรที่ผมอยากจะได้มันจะต้องได้ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม”
ทรงยศก้าวเข้ามาประชิดตัวของน่านน้ำก่อนจะว่าด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“เสี่ยจะอยากได้อะไรของใครหรือใช้วิธีไหนก็เรื่องของเสี่ยแต่อย่ามาอยากได้ในสิ่งที่ผมไม่อยากให้เพราะผมจะไม่มีทางยอมง่ายๆแน่แล้วถ้าผมจับได้คาหนังคาเขาว่าใครเล่นสกปรกผมไม่เอาไว้แน่”
ฟึ่บบ.. น่านน้ำว่าจบทรงพลก็ทนไม่ไหวกระชากคอเสื้อของคนที่ปากดีเต็มแรงในฐานที่กล้าก้าวร้าวกับพ่อของเขา
“มึงขู่ใครวะ”
ปึก..“ ทำไมวะ”
น่านน้ำผลักคนที่ทำกิริยาต่ำทรามจนกระเด็นไปที่พื้นทำทรงพลเสียหน้าต่อหน้าลูกน้องและพ่อของตัวเองมากจึงผุดลุกวาดหมัดไปที่หน้าของน่านน้ำจนพ่อเลี้ยงหนุ่มหน้าหัน
พลั้ก..ปัก ตุบ ตับ
ตอนนี้สองหนุ่มเลยรัวหมัดกันชุลมุนจนทรงยศต้องสั่งให้ลูกน้องจับแยกเพราะไม่อยากให้มีเรื่องมีราวใหญ่โตและเขากับลูกก็จะต้องเสียเวลาไปโรงพักกันอีก
“กลับไปได้แล้วพ่อเลี้ยง”
เมื่อคนของทรงยศจับแยกทั้งสองได้ทรงยศก็รีบไล่น่านน้ำให้กลับไป
“หึ่..”
น่านน้ำหยิบหมวกที่ล่วงพื้นกลับมาใส่เช่นเดิมทั้งยังมองจ้องไปยังทรงพลด้วยแววตาแข็งกร้าวไม่เกรงกลัวก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“อย่าให้กูเจอมึงอีกนะ”
ทรงพลสะบัดตัวออกจากมือของคนของพ่อตนเขาตะโกนตามหลังไวๆของน่านน้ำด้วยความโมโหสุดขีด
“ถ้าฉันไม่จับแยกแกเละไปแล้ว”
ทรงพลตวาดลูกชายตัวดีที่ฝีมือไม่ถึงแล้วยังทำเก่งที่เขาต้องจับแยกเพราะรู้ว่าหากสู้กันไปมากกว่านี้ต้องมีใครเจ็บตัวหนักแล้วเรื่องก็จะถึงโรงถึงศาลเขาไม่ค่อยชอบไปที่แบบนั้นเท่าไรนัก
“พ่อไม่ให้คนรุมกระทืบมันล่ะ”
ทรงพลยังเคืองใจคนเป็นพ่อที่ปล่อยให้เขาต่อยอยู่กับน่านน้ำสองคนอยู่ได้ทั้งที่พ่อเลี้ยงหนุ่มนั่นมาที่นี่คนเดียว
“ขี้เกียจหาเรื่องเข้าตัวโว้ย..แล้วฉันถามแกหน่อยเรื่องไฟไหม้สวนป่าที่ไร่เพชรพนาฝีมือแกใช่ไหม”
คนที่กำลังฟึดฟัดมองค้อนเคืองใจคนเป็นพ่อคราแรกตอนนี้เริ่มหลบสายตาไม่พูดไม่จาอะไรจนทรงยศรู้ได้ว่าหากลูกชายมีอาการเช่นนี้ก็ไม่ต้องเค้นคำตอบกันแล้วคงจะจริงอย่างที่เขาคิด
“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำอะไรที่ฉันไม่ได้สั่ง”
ทรงยศกัดฟันกรอดถลึงตามองลูกชายตัวดีด้วยอาการไม่พอใจหนักเขาตะหงิดใจอยู่แล้วเชียวว่าทำไมสวนป่าของไร่เพชรพนาถึงได้ไฟไหม้ติดกันที่เดิมๆ
“ผมก็แค่อยากทำให้มันรู้ว่าถ้ามันไม่ยอมขายที่ง่ายๆก็จะถูกแกล้งก่อกวนแบบนี้”
“โถ่โว้ย..ทีหลังไม่ต้องเสือกฉันมีแผนของฉันอยู่แล้วต่อจากนี้หยุดไปยุ่งอะไรที่ฉันไม่ได้สั่ง”
“ครับ”
ทรงยศยืนเท้าเอวส่ายหัวกับลูกชายตัวดีที่ทำอะไรไม่ค่อยได้อย่างใจไอ้ที่สั่งทำไม่ค่อยได้ไอ้ที่ไม่อยากให้ทำเสนอหน้าทำจนเขาปวดหัว
“เย็นมากแล้วพ่อเลี้ยงยังไม่เข้าบ้านอีกเหรอคะพี่อุ่น”
วันหนึ่งเก็บกระเป๋าเข้าห้องแม่บ้านเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ยักจะเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มกลับมาที่บ้านเสียที
“คงมีธุระหลายที่มั้งเดี๋ยวพี่ต้องกลับก่อนคุณหนึ่งอยู่ได้ใช่ไหมคะ”
ไออุ่นเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเธอก็เคยได้ยินแม่ตัวเองพูดอยู่บ่อยๆว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มกลับบ้านไม่ค่อยตรงเวลา
“ค่ะ..”
หลังจากไออุ่นกลับไปแล้ววันหนึ่งก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทำตัวให้ชินกับห้องเล็กๆที่ชั้นล่างข้างในสุดของบ้านเกิดมาเธอไม่เคยนอนห้องเล็กเท่านี้มาก่อนแต่ยังดีที่ยังมีห้องน้ำในตัวเอาไว้ให้
"เป็นอะไรของแกหน้าหงิกหน้างอมันทั้งวันแล้ว"
ดอกสร้อยยืนกวาดบ้านเห็นลูกสาวนั่งชันเข่าเท้าคางหน้าหงิกหน้างอตั้งแต่กินข้าวเย็นด้วยกันแล้วจึงต้องถามเสียหน่อยเพราะรำคาญหูรำคาญตากับอาการของลูกสาวตัวเองเหลือเกิน
"ก็แม่อะ..ถ้าให้ฉันไปเป็นแม่ครัวให้พ่อเลี้ยงป่านนี้อีนังหน้าขาวนั่นก็ไม่ได้มาอยู่บ้านเดียวกับพ่อเลี้ยงหรอก"
คนถูกถามหันมาตอบแม่ตนด้วยอาการกระฟัดกระเฟียดนึกเคืองใจที่แม่ตัวเองห้ามไม่ให้ไปเป็นแม่ครัวให้พ่อเลี้ยงหนุ่มจนตอนนี้มีแม่ครัวสาวสวยมาทำหน้าที่นั้นไปเสียได้
"ช่วยฉันอยู่ในครัวที่ไร่ก็พอแล้วฉันรู้นะแกคิดอะไรอยู่อย่ากระดี๊กระด๊าออกหน้าออกตาให้มากนักฉันกับพ่อแกจะอาย"
ดอกสร้อยวางไม้กวาดยืนเท้าเอวนึกว่าลูกเธอจะเลิกอารมณ์เสียกับเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วเสียอีกเธอรู้ว่าเอื้องฟ้าชอบพ่อเลี้ยงหนุ่มจึงไม่อยากให้ลูกสาวไปอยู่ใกล้มากนักเพราะรู้ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่ได้คิดพิสวาสลูกเธอแม้แต่น้อยอีกอย่างหากลูกเธอไปทำอาการหึงหวงพ่อเลี้ยงออกหน้าออกตาให้คนอื่นเห็นก็จะขายหน้ามาถึงเธอกับสามีการที่ให้ลูกอยู่แต่ในครัวของไร่นี่เป็นวิธีที่ปรามลูกเธอได้ดีที่สุดแล้ว
"หุ้ย!"
เอื้องฟ้าผุดลุกสะบัดก้นหนีคนเป็นแม่เข้าไปในห้องเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่เธอถึงไม่คิดยินดีที่เธอชมชอบคนอย่างพ่อเลี้ยงหากสนับสนุนให้เธออยู่ใกล้พ่อเลี้ยงหนุ่มป่านนี้แม่เธอคงจะได้ขึ้นเป็นแม่เลี้ยงของไร่พ่อกับแม่ของเธอก็จะสบายไปด้วย
"อ้าว..มันเป็นอะไรของมันนังลูกคนนี้"
คำอ้ายกลับเข้าบ้านมาหลังฟ้ามืดเห็นหลังไวๆของลูกสาวก็ต้องหันไปขมวดคิ้วกับคนเป็นภรรยา
"ก็ไม่พอใจที่พ่อเลี้ยงจ้างแม่ครัวคนใหม่น่ะสิ"
"ใครล่ะแม่ครัวคนใหม่"
"เห็นว่าเป็นญาติอุไรมันแถมยังสาวยังสวยฉันก็ยังไม่ได้เห็นแต่เอื้องมันไปเห็นมาตอนเอาปิ่นโตไปไว้บ้านพ่อเลี้ยง"
"เฮ่อะ!.."
คำอ้ายส่ายหัวด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายนิสัยของลูกสาวรู้ได้เลยว่าหากเอื้องฟ้าไม่ได้เป็นลูกของเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการไร่ป่านนี้ไม่มีใครคิดอยากจะสนทนาด้วยนักหรอก
"กลับมาแล้ว"วันหนึ่งที่ขึ้นมาเดินเล่นบนชานบ้านเพื่อดูหมู่ดาวบนท้องฟ้าเมื่อได้เห็นรถกระบะสีดำขับเข้ามาเธอก็จำได้ว่าเป็นรถน่านน้ำจึงรีบวิ่งลงมารับหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มทันที"ทำไมยังไม่ไปพักผ่อน"น่านน้ำเปิดประตูลงจากรถได้ก็ขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กในชุดนอนเจ้าหญิงสีชมพูปล่อยผมสยายด้วยแววตาฉงนว่าเธอมาทำอะไรตรงนี้เพราะตอนนี้ดึกพอสมควร"รอพ่อเลี้ยงกลับมาก่อนค่ะ"สาวเจ้าฉีกยิ้มตอบเสียงใส"อุ่นไม่ได้บอกหรือไงว่าไม่ต้องรอ"คนที่ถูกถามไม่ได้สนใจคำถามสักนิดเธอค่อยๆเดินเข้าไปเพ่งมองหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มใกล้ๆก็เห็นว่าใบหน้าของเขาเขียวช้ำแถมริมฝีปากยังมีรอยแตกเลือดซิบอีกต่างหาก"หน้าพ่อเลี้ยงเป็นอะไรคะทำไมช้ำแบบนั้น...เข้าบ้านก่อนค่ะเดี๋ยวหนึ่งทำแผลให้"วันหนึ่งรีบดึงมือน่านน้ำเข้าไปในบ้าน พฤติกรรมของหญิงสาวทำน่านน้ำตกใจพอสมควรเพราะน้อยคนนักที่จะเข้าถึงเนื้อถึงตัวของเขา"ไปมีเรื่องกับใครมาเหรอคะ"วันหนึ่งหยิบกล้องปฐมพยาบาลมาวางตรงหน้าน่านน้ำก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆชายหนุ่มเธอเอาแต่มองรอบๆหน้าของคนบาดเจ็บด้วยสายตาที่เป็นห่วงทั้งยังอยากรู้ว่าเขาไปทำอะไรมากันแน่ถึงได้มีสภาพกลับมาเช่นนี้"คุณไปพักเถอะผมทำแผลเองไ
"แม่หนูจะไปไหนล่ะน่ะ"คำอ้ายขับรถกระบะตอนเดียวสีน้ำตาลคันเก่ามาทางที่จะไปฟาร์มแกะเมื่อเห็นมีผู้หญิงตัวเล็กเดินจูงจักรยานอยู่ตรงหน้าจึงรีบขับมาเทียบจอดถาม"อ๋อ..คือหนึ่งจะเอาปิ่นโตไปส่งพ่อเลี้ยงที่ฟาร์มแกะน่ะค่ะคุณลุง"วันหนึ่งหันมาตอบตอบคนที่ถามพร้อมยกมือปาดเหงื่อสองสามครั้งและส่งยิ้มร่าอย่างเป็นมิตรกับคนที่ถามด้วยรู้ว่าตอนนี้กำลังมีคนจะช่วยเหลือเธอแล้ว"อ๋อ..หนูเองเหรอที่เป็นแม่ครัวคนใหม่ลุงชื่อคำอ้ายเป็นผู้จัดการไร่..แล้วจักรยานเป็นอะไรถึงต้องจูง"คำอ้ายมองสำรวจไปยังคนตัวเล็กผิวขาวสวมหมวกคาวบอยสีน้ำตาลเขาก็พอจะรู้แล้วว่าเธอเป็นแม่ครัวคนใหม่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มเพราะเธอสวยน่ารักเหมือนกับที่เอื้องฟ้าได้เปรยให้ฟังมิน่าลูกตนถึงได้มีท่าทีไม่ชอบใจเมื่อพูดถึงแม่ครัวคนนี้เท่าไรนัก"หนึ่งปั่นไม่เป็นค่ะแต่พ่อเลี้ยงบอกให้เอาจักรยานไปพร้อมกับปิ่นโตหนึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมพ่อเลี้ยงไม่เอาจักรยานขึ้นรถกระบะไปตั้งแต่แรก""งั้นเดี๋ยวเอาขึ้นรถลุงไปลุงกำลังจะไปฟาร์มแกะพอดี"สาวเจ้าบ่นน้ำเสียงอู้อี้ทำคำอ้ายยิ้มออกคิดว่ามีบางอย่างที่พ่อเลี้ยงหนุ่มสื่อสารกับแม่ครัวตัวเองพลาดแน่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาที่ทำตอนนี้ก
“หนึ่งอยากทำงานที่นี่จริงๆตอนนี้หนึ่งไม่มีที่ไปหนึ่งพาย่ามาขออาศัยบ้านป้าอุไรแถมย่าหนึ่งก็ป่วยหลงๆลืมๆทานอะไรก็ไม่ค่อยจะได้หนึ่งต้องทำงานเก็บเงินเอาไว้รักษาย่าค่ะแล้วอีกอย่างนึงหนึ่งก็อยากมีอาชีพเผื่อวันหน้าจะได้มีบ้านอยู่ของตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งญาติพี่น้อง”วันหนึ่งใช้ลูกอ้อนอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตจ้องพ่อเลี้ยงหนุ่มเรียกร้องความสงสารไม่ขาดระยะจนน่านน้ำต้องหลบสายตาของเธออยู่หลายจังหวะด้วยรู้กำลังรู้สึกใจอ่อนไปกับคำพูดที่เรียกร้องความสงสาร“เฮ้อ..!”เป็นอีกครั้งที่น่านน้ำต้องถอนหายใจให้กับแม่ครัวที่ชื่อวันหนึ่งคนนี้“สงสารหนึ่งเถอะนะคะ..หนึ่งจะไม่ให้มันเกิดความผิดพลาดอะไรอีก..นะคะพ่อเลี้ยง..นะค้า..”มือน้อยเกาะเขย่าขาคนที่เอาแต่หันหน้าหนีเธอพยายามออดอ้อนเช่นดั่งที่เคยออดอ้อนคนในครอบครัววิธีนี้เธอใช้ได้ผลทุกครั้งและภาวนาว่าจะใช้ได้ผลกับพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วย“อืม”เสียงตอบกลับสั้นๆห้วนๆของน่านน้ำทำวันหนึ่งหายความกังวลใจไปปลิดทิ้งใช่แล้ววิธีการขอความเห็นใจเช่นนี้เธอใช้มันได้ผล“แต่..ห้ามพลาดอะไรอีกเข้าใจหรือเปล่าทำอะไรต้องมีสติรอบคอบใส่ใจกับสิ่งที่ทำเสมอ”“หนึ่งจะจำไว้ค่ะพ่อเลี้ยง..พ่อเลี้ย
"ก็..จบแค่ม.ปลายค่ะเคยเป็นแม่บ้านมาก่อนนี่แหละค่ะ""ทำไมอ่านภาษาอังกฤษได้คล่อง"ดวงตาคมเริ่มจ้องแม่ครัวคนใหม่เขม็งเพราะความสงสัยในตัวของเธอเริ่มทวีคูณมากขึ้น"ก็..ขยันอ่านหนังสือสิคะสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนเข้าถึงง่ายมากเลยนะคะพ่อเลี้ยง"วันหนึ่งยังคงหาทางหนีทีไล่คนที่ถามได้ตลอดแอบภูมิใจกับตัวเองในใจที่ตนนั้นหัวไวอยู่เหมือนกันและเชื่อว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มคงจะไม่กังขาในความรู้ของเธอด้วยสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนมีได้ทุกที่อยู่ที่ใครอยากจะหาความรู้เพิ่มเติมหรือไม่เท่านั้น"อืม..”น่านน้ำนิ่งไปครู่หนึ่งทำเอาวันหนึ่งเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าจะเชื่อสิ่งที่เธอพูดหรือไม่“ผมชื่นชมนะคนเราถึงจะไม่ได้ร่ำเรียนมาสูงแต่รู้จักขวนขวายอันนี้ถือเป็นข้อดี""ขอบคุณที่ชมหนึ่งนะคะ..เดี๋ยวหนึ่งขอตัวไปทำความสะอาดส่วนอื่นก่อนนะคะ""อืม"วันหนึ่งยิ้มร่าอย่างโล่งอกและรีบเดินปรี่ออกไปจากห้องทำงานของน่านน้ำทันทีก่อนจะมีคำถามอะไรมาเพิ่ม ยังไม่ทันที่สาวเจ้าจะได้เดินผ่านห้องทำงานของน่านน้ำไปไกลเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนของพ่อเลี้ยงหนุ่มเปิดอยู่เธอก็รีบแทรกตัวเข้าไปในนั้นทันทีเพราะเมื่อตอนที่ไออุ่นพาดูห้องที่ต้องทำควา
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”เกือบเที่ยงคืนแล้วแต่น่านน้ำยังคงตาสว่างเมื่อเพื่อนที่เป็นนักสืบได้โทรมาคุยเรื่องความคืบหน้าในการสืบเรื่องอุบัติเหตุของปู่“ได้ฉันจะอ่านในเมล..ขอบคุณมาก”เมื่อปลายสายบอกว่าได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้ในอีเมลคนตัวโตในชุดนอนก็ผุดลุกเปิดโน๊ตบุ๊คที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียงทันที“คิดอะไรเอาไว้ไม่ผิด”พักใหญ่ที่น่านน้ำนั่งอ่านข้อมูลในอีเมลเขากำมือแน่นกัดฟันกรอดพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้กระโตกกระตากอะไรไปก่อน หลังจากที่ได้รู้ว่าพื้นที่ที่ปู่ของเขาไปประสบอุบัติเหตุคือพื้นที่ของเสี่ยทรงยศที่ได้ทำการซื้อก่อนหน้าที่ปู่ของเขาจะเสียได้ไม่กี่เดือนและยังใช้ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของเท่ากับว่าที่เขาสงสัยเรื่องสาเหตุการตายของปู่ว่าไม่ปกติเขาน่าจะสันนิษฐานถูกทางด้านวันหนึ่งในเวลานี้เธอก็ยังคงนอนกลิ้งนอนเกลือกอยู่บนเตียงเล็กดวงตากลมโตยังคงไม่มีอาการหนังตาหย่อนแม้แต่น้อยเพราะยังคงสนุกกับการเรียนรู้วิธีกรทำอาหารในอินเตอร์เน็ต“มันไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคนอย่างเราหรอก..ตาพ่อเลี้ยงหน้าหล่อต้องหลงในฝีมือการทำอาหารของเราแน่”สาวเจ้าแววตาหยาดเยิ้มฉีกริมฝีปากบางยิ้มร่าอย่างเพ้อฝันถึงวันข้
“พ่อเลี้ยงคะน้ำค่ะ”วันหนึ่งเดินตรงมายังพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังยืนส่งกระเบื้องให้กับคนบนหลังคาก่อนจะรีบยื่นน้ำให้กับเขา“ขอบคุณ”แกร๊ก.. กึก“ระวังค่ะ” วันหนึ่งมองไปยังต้นเสียงด้านบนที่รู้สึกว่ามันผิดปกติและก็เห็นว่ามีค้อนกำลังหล่นลงมาจะถึงหัวของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังดื่มน้ำเธอจึงรีบกระโจนผลักชายหนุ่มจนล้มลงไปกองกับพื้นกันทั้งคู่ฟึ่บ.. “โอ้ย..” น่านน้ำหัวโขกกับกองไม้จนหางคิ้วแตก"ผมขอโทษครับไม่เห็นจริงๆ"มนัสชายหนุ่มชาวบ้านวัยกลางคนรีบกระโดดลงมาขอโทษพ่อเลี้ยงหนุ่มทันทีรวมถึงคนที่อยู่ระแวกนั้นก็เข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย“พ่อเลี้ยง..ดีนะคะที่หลบทัน..แต่..เลือด”วันหนึ่งค่อยๆลุกพร้อมกันกับน่านน้ำเมื่อเห็นว่าเขามีเลือดออกที่หางคิ้วก็รีบควักผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็กให้เขาได้กดแผลเอาไว้ น่านน้ำเห็นค้อนปอนที่หล่นมากองกับพื้นก็นึกหวาดเสียวพอสมควรไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากมันหล่นใส่หัวของเขาสภาพตัวเองตอนนี้จะเป็นเช่นไรคิดได้เช่นนั้นก็หันไปขอบคุณแม่ครัวตัวเล็กทันที“ขอบคุณนะหนึ่ง”"ไม่เป็นไรค่ะ..พ่อเลี้ยงไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ""นั่นสิครับ"คำอ้ายที่ยืนมองพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วยความเ
"คนพวกนั้นทำไมใจจืดใจดำแบบนี้นะ"ขณะนั่งรถกลับสาวเจ้าก็บ่นอุกถึงเรื่องที่พึ่งเจอ"คราวหลังอย่าหาเรื่องใส่ตัวคนพวกนั้นเป็นคนของเสี่ยทรงยศเจ้าของที่ตลาดขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาล""ถึงว่าล่ะ..แต่หนึ่งไม่กลัวหรอกค่ะ"วันหนึ่งคิดเอาไว้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่พ้นอันธพาลและมีอิทธิพลที่นี่ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าวางมาดกันขนาดนั้นหรอก"หัดกลัวไว้บ้างก็เงินที่จ่ายไปถึงบ้านแล้วผมจะคืนให้""ไม่เอาค่ะหนึ่งไม่ได้เดือดร้อน"คนที่กำลังอารมณ์เดิอดดาลส่ายหัวหงึกหงัก"ไม่ได้เดือดร้อนอะไร..คุณยังต้องหาเงินอีกเยอะเพื่อรักษาย่าคุณไม่ใช่หรือไง""อ๋อค่ะ..เดือดร้อนขอบคุณนะคะ"สาวเจ้าตำหนิตัวเองในใจที่จะเผลอหลุดตัวตนออกมาในขณะที่ไม่สติแล้ว"คุณอยากเรียนต่อหรือเปล่า"น่านน้ำว่าจะพูดเรื่องนี้กับวันหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่ก็ลืมเพราะเขาเห็นว่าเธออายุยังน้อยหากได้เรียนสูงๆคงมีโอกาสทำงานดีๆกว่าจะมาเป็นแม่บ้าน"ทำไมเหรอคะ""ผมจะส่งคุณเรียนช่วงเสาร์อาทิตย์คุณโอเคไหมถ้าคุณมีความรู้เพิ่มอาจจะได้ทำงานที่ดีกว่าเป็นแม่บ้าน"เรื่องสนับสนุนการศึกษาเขายินดีทำอยู่แล้วเพราะก่อนหน้าก็เห็นปู่ของเขาชอบให้ทุนการศึกษากับลูกคนงานในไร่หลายคน
"เป็นยังไงบ้างคะคุณหนูงานบ้านงานครัวทำไหวหรือเปล่าคะ"อุไรยกอาหารเย็นสำรับใหญ่มาวางกลางโต๊ะอาหารหลังจากที่ไออุ่นไปรับวันหนึ่งมาทานข้าวเย็นที่นี่เมื่อเห็นหน้าคุณหนูตัวเล็กได้ก็ไม่วายอยากจะรู้ว่าวันหนึ่งไหวกับงานบ้านงานครัวหรือเปล่า"สบายมากค่ะป้าไรหนึ่งสนุกมากค่ะที่ได้ทำอาหาร""แน่ใจนะว่าไม่ได้ทำอะไรของเค้าเสียหาย"นฤดีเอ่ยหยอกหลานสาวที่เอ่ยตอบอุไรยิ้มปากบานด้วยความมั่นใจเธอไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างที่หลานเธอว่าเพราะรู้ดีว่าวันหนึ่งไม่เคยได้ทำงานบ้านงานครัวเก่ง"ไม่มี๊.. ไม่มีแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ"ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายหัวหงึกหงัก ไออุ่นมองมายังวันหนึ่งก็ยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะเปรยเอ่ยหยอกเรื่องที่รับรู้มากับวันหนึ่ง"เอ.. พี่ได้ยินมาว่าพ่อเลี้ยงต้องไปหากับข้าวที่โรงครัวในไร่เพราะใครดันลืมปิดแก๊สกันน้า""นั่นไงย่าว่าแล้ว""ผิดพลาดนิดหน่อยเองค่ะ"นฤดียิ้มร่าคิดเอาไว้ไม่มีผิดคนที่ไม่มีอะไรจะเถียงอย่างวันหนึ่งก็ได้แต่นั่งก้มหน้างุดทำท่าทีสนใจอาหารตรงหน้าแก้เขินทำเอาคนที่รายล้อมโต๊ะอาหารต่างก็อมยิ้มเอ็นดู"คุณพ่อกับคุณแม่โทรตามเราบ้างหรือเปล่าคะคุณย่า"หลังจากทานข้าวเย็นเรียบร้อยว