"ญาติห่างๆอุ่นเองจ่ะพี่เอื้องชื่อวันหนึ่ง"
"แล้วพ่อเลี้ยงรับทำงานแล้วหรือไงถึงได้มาป้วนเปี้ยนที่นี่ก็รู้นี่ว่าพ่อเลี้ยงไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามที่นี่"
คำพูดคำจาจีบปากจีบคอของเอื้องฟ้าทำวันหนึ่งเริ่มขมวดคิ้วเพราะดูออกว่าผู้หญิงหน้าสวยผิวน้ำผึ้งคนนี้ไม่มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย
"ใช่จ่ะ"
"ฝากปิ่นโตไว้ให้พ่อเลี้ยงด้วยละกัน"
เอื้องฟ้ายื่นปิ่นโตให้ไออุ่นพร้อมตวัดหางตามองวันหนึ่งแสดงออกให้หญิงสาวรู้ว่าตนไม่ชอบหน้าก่อนจะหันหลังสะบัดก้นเดินออกไป
"ใครอะพี่อุ่นหน้าตาก็สวยนะแต่สายตาดูไม่เป็นมิตรเลย"
"พี่เอื้องฟ้าน่ะลูกลุงคำอ้ายผู้จัดการไร่ส่วนแม่เธอคือป้าดอกสร้อยแม่ครัวที่ไร่"
"อ๋อ..ก็เหมือนใหญ่ในไร่นี้งี้เหรอ"
"ก็ไม่ถึงขนาดนั้นแต่แค่เธอน่าจะชอบพ่อเลี้ยงเท่าที่พี่ดูแล้วเธอก็ไม่น่าจะชอบให้สาวๆมาอยู่ใกล้พ่อเลี้ยงล่ะมั้ง"
ประโยคนี้ไออุ่นต้องกระซิบกระซาบกับวันหนึ่งด้วยรู้ว่าชนบทแห่งนี้หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง
"อย่างนี้นี่เอง"
"ห่างเธอได้ก็ให้ห่างไว้เพราะน้อยคนที่นี่ที่จะชอบนิสัยเธอที่ทุกคนเกรงใจก็เห็นว่าเป็นลูกลุงคำอ้ายกับป้าสร้อยเท่านั้น"
วันหนึ่งรู้แบบนี้คนที่เธอจะมองเป็นคู่แข่งคนแรกก็เห็นจะเป็นเอื้องฟ้าแต่ยังไงตอนนี้เธอก็เป็นต่อเพราะได้ใกล้ชิดน่านน้ำมากกว่า
"อ่อ..อีกเรื่องพี่อุ่นกับป้าไรไม่รู้จริงๆเหรอคะว่าครอบครัวพ่อเลี้ยงเป็นใคร"
"พ่อเลี้ยงน่านเป็นคนกรุงเทพชอบมาที่นี่ช่วงปิดเทอมตั้งแต่เด็กๆหลังจากพ่อเลี้ยงเรียนจบก็น่าจะทำงานที่กรุงเทพเลยไม่ค่อยได้มาที่นี่..เมื่อหกเดือนก่อนพ่อเลี้ยงเพชรเสียไปหลังจากนั้นทุกคนคิดว่าจะไม่มีใครมาบริหารไร่แล้วแต่ก็มีพ่อเลี้ยงน่านที่เข้ามาดูแลที่นี่"
"อ๋อ..ถึงว่าเค้าดูดี๊ดูดีไม่เหมือนคนอยู่ป่าอยู่เขาแล้วเค้ามีพี่มีน้องไหมคะ"
"น่าจะมีนะแต่พวกเค้าก็ไม่ค่อยได้มาที่นี่ถึงมาก็อยู่กันแค่ในครอบครัวคนในไร่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาครอบครัวพ่อเลี้ยงเท่าไรหรอกแล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าครอบครัวพ่อเลี้ยงที่กรุงเทพทำกิจการอะไร"
"แสดงว่าบ้านนี้เค้ารักความเป็นส่วนตัวกันจริงๆ"
วันหนึ่งพนักหน้าเม้มริมฝีปากครุ่นคิดหากเป็นอย่างที่ไออุ่นบอกเธอก็เท่ากับว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มคงโลกส่วนตัวสูงมากกว่าที่เธอคิดแบบนี้ต้องรีบหาอ่านกลยุทธ์ตีตัวเข้าหาคนโลกส่วนตัวสูงเยอะๆแล้ว
"อืม..เรารีบกลับไปเก็บเสื้อผ้ากันเถอะค่ะเดี๋ยวจะได้กลับมาที่นี่ก่อนจะเย็น"
"ค่ะ"
สองสาวรีบกลับมาที่บ้านของอุไรพร้อมกับข่าวดีที่ว่าวันหนึ่งได้เป็นแม่ครัวให้พ่อเลี้ยงหนุ่มสมใจแล้ว
"พ่อเลี้ยงรับคุณหนึ่งง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ"
อุไรเข้ามาคุยกับไออุ่นขณะที่ลูกสาวเธอทำอาหารเย็นอยู่ในครัวแปลกใจพอสมควรที่น่านน้ำรับวันหนึ่งเข้าทำงานโดยง่ายทั้งที่ก่อนหน้ายังไม่ตกปากรับใครเข้ามาเป็นแม่บ้านหรือแม่ครัวคนใหม่หลังจากเธอลาออกเพราะเหตุผลที่ไม่ค่อยไว้ใจใครง่ายๆ
"อุ่นบอกไปว่าเธอเป็นญาติเราจ่ะแม่ตอนแรกก็ดูจะไม่ค่อยเชื่อว่าคุณหนึ่งจะทำอะไรได้แต่ก็ยอมรับเอาไว้เพราะน่าจะเห็นว่าไว้ใจได้"
"อืม.. แล้วคุณหนึ่งรู้หรือยังลูกว่าต้องทำอะไรบ้าง"
เท่าที่ฟังไออุ่นพูดอุไรก็แอบกังวลใจถึงเรื่องที่ต้องหลอกลวงน่านน้ำที่เชื่อใจพวกเธอแต่บุญคุณที่นฤดีมีให้เธอกับลูกสาวก็ค้ำคอไว้เยอะเสียเหลือเกินจะไม่ช่วยทั้งสองก็ทำไม่ลงเพราะลูกสาวเธอได้ที่เรียนดีๆจนจบมาได้ก็เพราะเงินของนฤดีทั้งนั้น
"อุ่นบอกแล้วล่ะจ่ะแต่ดูคุณหนึ่งเธอก็มั่นใจว่าจะทำทุกอย่างได้ไม่มีบ่นว่ายากสักอย่างเลย..แม่ว่าเรื่องดวงที่คุณหนึ่งกับคุณย่าเชื่อมันจะจริงไหม"
ไออุ่นยังคงคาใจเรื่องความเชื่อของนฤดีและวันหนึ่งพอสมควรว่าอะไรที่ทำให้สองย่าหลานเชื่อเรื่องดวงกันจนทำตามได้ถึงขนาดนี้
"อืม..อันนี้แม่ก็ไม่ลบหลู่นะลูกแม่คิดว่าคุณท่านกับคุณหนูคงพบเจอกับเรื่องตามคำทำนายมาหลายเรื่องพอสมควรถึงได้ดูเชื่อกันขนาดนี้แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของเค้าเราช่วยผู้มีพระคุณเท่าที่เราจะช่วยได้ก็พอลูก"
อุไรว่าไปตามความเห็นของตัวเอง
"จ่ะแม่"
"เค้าเป็นยังไงบ้างล่ะลูก"
นฤดีนั่งมองหลานสาวที่กำลังเก็บเสื้อผ้าคิดว่าหลานเธอกลับมาอารมณ์ดีขนาดนี้แสดงว่าต้องถูกใจผู้ชายในคำทำนายอยู่พอตัว
"จากที่เห็นเค้าก็หล่อดูดีมากเลยนะคะคุณย่าดูดีซะจนหนึ่งคิดว่าน่าจะเป็นลูกผู้ดีไม่น่าจะเป็นชาวไร่แถมยังดูสุภาพด้วย"
สาวเจ้าว่าไปยิ้มไปชมเปราะชายหนุ่มที่ได้เจอวันนี้ให้คนเป็นย่าฟังอย่างไม่เคอะเขินเพราะร่ำเรียนอยู่ต่างประเทศจนกลายเป็นคนที่ตรงไปตรงมาทุกเรื่องเว้นเรื่องที่จะไม่ตรงไปตรงมาก็เรื่องต้องปลอมตัวไปเป็นแม่ครัวเพื่อที่จะทำแผนพิชิตใจผู้ชายในคำทำนายนี่แหละ
"ยังยืนยันคำเดิมใช่ไหมว่าจะเดินตามดวงในเรื่องนี้"
นฤดีเชื่อเรื่องคำทำนายมากก็จริงแต่คิดไปคิดมาเรื่องการเลือกคู่เป็นเรื่องใหญ่จึงอยากถามหลานสาวเธอให้แน่ใจอีกครั้งว่าจะทำตามเจตนารมณ์แรกจริงๆหรือเปล่า
"แน่นอนค่ะถ้าหนึ่งได้พ่อเลี้ยงเป็นพ่อของลูกเพื่อนๆนับคงอิจฉากันน่าดูที่ได้สามีหล่อปานนายแบบขนาดนี้"
คนตัวเล็กว่าด้วยสีหน้าแววตาวาดฝันถึงความสุขในวันข้างหน้าเพราะรู้สึกประทับใจน่านน้ำตั้งแต่แรกเห็น
"ความรักไม่ใช่แค่ความสวยหล่อนะลูก"
นฤดียกมือลูบหัวทุยของวันหนึ่งเธอมองหลานที่ยังไร้เดียงสาเรื่องหัวใจด้วยสายตาเอ็นดูเพราะเลี้ยงหลานมากับมือและคอยอยู่ด้วยตลอดจึงรู้ว่าหลานเธอไม่เคยมีความรักแบบหนุ่มสาวเลย
"ยังไงเหรอคะคุณย่าคนเราก็ต้องมองหน้าตากันก่อนไม่ใช่เหรอคะ"
ดวงตากลมโตเริ่มเหลือบมองคนเป็นย่าด้วยแววตาสงสัยในคำพูดเมื่อครู่
"เอาเป็นว่าวันนึงหนูมีความรักเกิดขึ้นมาจริงๆก็จะเข้าใจเอง"
คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างนฤดีรู้ดีว่าจะอธิบายเรื่องรักๆไคร่ๆของหนุ่มสาวให้คนที่ไม่เคยมีความรักได้เข้าใจคงจะยากคงต้องปล่อยให้หลานของเธอไปเผชิญเสียก่อนวันนั้นถึงจะคุยกันเข้าใจ
"อ๋อ..ค่ะ..เอ่อคุณย่าคะแล้วถ้าคุณพ่อคุณแม่ถามหาหนึ่งล่ะคะ"
วันหนึ่งไม่ได้กังวลเรื่องความรักอะไรมากนักเพราะคิดว่าเดี๋ยวเธอทำดีกับพ่อเลี้ยงหนุ่มเรื่อยๆเค้าก็รักเธอเองที่กังวลตอนนี้ก็คือจะอยู่ที่นี่นานๆได้อย่างไรให้พ่อกับแม่ของเธอไม่สงสัยมากกว่า
"ย่ารับหน้าเองไม่ต้องห่วง"
"โอเคค่า...รู้แบบนี้สบายใจเลย"
สาวเจ้ายิ้มร่ามีแววตาเป็นประกายออกมาได้หลังจากสบายใจเรื่องปัญหานี้ไปหนึ่งเปราะหลังจากนี้เธอก็จะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำแผนของเธอให้สำเร็จ
“พ่อมีคนมาหา”ทรงพลลูกชายคนเดียวของทรงยศจอมอันธพาลในย่านนี้ที่ใครๆก็รู้จักดีเดินนำหน้าน่านน้ำขึ้นมาทีเรือนไม้ในห้องทำงานคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจพอสมควรเพราะน้อยครั้งนักที่คนของไร่เพชรพนาจะมาที่นี่แถมวันนี้ยังเป็นพ่อเลี้ยงของไร่เป็นคนมาเองด้วย“อ้าว..พ่อเลี้ยงทำไมถึงมาที่นี่กะทันหันได้หรือตัดสินใจได้แล้วว่าจะขายที่ให้ผม..อย่างว่าแหละน้าเด็กหนุ่มไฟแรงคนกรุงเทพอย่างคุณหรือจะมาทำสวนทำไร่”ทรงยศเสี่ยใหญ่ร่างท้วมรีบเข้ามาทักทายน่านน้ำหน้าระรื่นที่เห็นพ่อเล้ยงหนุ่มมาหาถึงที่ในยามเย็นเช่นนี้“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเสี่ยก็อย่าคิดเองเออเองสิครับ...ผมไม่ได้อยากมาเหยียบที่นี่แต่ที่ต้องมาเพราะผมจะมาถามให้แน่ใจว่าสวนป่าของผมที่ถูกไฟไหม้เสี่ยไม่เกี่ยวข้องใช่หรือเปล่าครับเพราะผมคิดว่าคนอย่างเสี่ยคงจะไม่ใช้วิธีหมาลอบกัด”น่านน้ำยืนจ้องหน้าทรงยศด้วยสายตาและท่าทีที่ไม่ได้ให้ความเคารพเท่าไรเพราะเขาเชื่อว่าฝีมือการเผาสวนป่าก็คงไม่พ้นเป็นคนของทรงยศเพราะเป็นคนเดียวที่อยากได้ที่ของเขานักหนาและขึ้นชื่อเรื่องการเล่นสกปรกเป็นที่สุดด้วยไร่หลายที่ในจังหวัดน่านทรงยศก็ได้มาจากการคดโกงหรือไม่ก็ใช้อำนาจเงินและอิทธ
"กลับมาแล้ว"วันหนึ่งที่ขึ้นมาเดินเล่นบนชานบ้านเพื่อดูหมู่ดาวบนท้องฟ้าเมื่อได้เห็นรถกระบะสีดำขับเข้ามาเธอก็จำได้ว่าเป็นรถน่านน้ำจึงรีบวิ่งลงมารับหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มทันที"ทำไมยังไม่ไปพักผ่อน"น่านน้ำเปิดประตูลงจากรถได้ก็ขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กในชุดนอนเจ้าหญิงสีชมพูปล่อยผมสยายด้วยแววตาฉงนว่าเธอมาทำอะไรตรงนี้เพราะตอนนี้ดึกพอสมควร"รอพ่อเลี้ยงกลับมาก่อนค่ะ"สาวเจ้าฉีกยิ้มตอบเสียงใส"อุ่นไม่ได้บอกหรือไงว่าไม่ต้องรอ"คนที่ถูกถามไม่ได้สนใจคำถามสักนิดเธอค่อยๆเดินเข้าไปเพ่งมองหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มใกล้ๆก็เห็นว่าใบหน้าของเขาเขียวช้ำแถมริมฝีปากยังมีรอยแตกเลือดซิบอีกต่างหาก"หน้าพ่อเลี้ยงเป็นอะไรคะทำไมช้ำแบบนั้น...เข้าบ้านก่อนค่ะเดี๋ยวหนึ่งทำแผลให้"วันหนึ่งรีบดึงมือน่านน้ำเข้าไปในบ้าน พฤติกรรมของหญิงสาวทำน่านน้ำตกใจพอสมควรเพราะน้อยคนนักที่จะเข้าถึงเนื้อถึงตัวของเขา"ไปมีเรื่องกับใครมาเหรอคะ"วันหนึ่งหยิบกล้องปฐมพยาบาลมาวางตรงหน้าน่านน้ำก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆชายหนุ่มเธอเอาแต่มองรอบๆหน้าของคนบาดเจ็บด้วยสายตาที่เป็นห่วงทั้งยังอยากรู้ว่าเขาไปทำอะไรมากันแน่ถึงได้มีสภาพกลับมาเช่นนี้"คุณไปพักเถอะผมทำแผลเองไ
"แม่หนูจะไปไหนล่ะน่ะ"คำอ้ายขับรถกระบะตอนเดียวสีน้ำตาลคันเก่ามาทางที่จะไปฟาร์มแกะเมื่อเห็นมีผู้หญิงตัวเล็กเดินจูงจักรยานอยู่ตรงหน้าจึงรีบขับมาเทียบจอดถาม"อ๋อ..คือหนึ่งจะเอาปิ่นโตไปส่งพ่อเลี้ยงที่ฟาร์มแกะน่ะค่ะคุณลุง"วันหนึ่งหันมาตอบตอบคนที่ถามพร้อมยกมือปาดเหงื่อสองสามครั้งและส่งยิ้มร่าอย่างเป็นมิตรกับคนที่ถามด้วยรู้ว่าตอนนี้กำลังมีคนจะช่วยเหลือเธอแล้ว"อ๋อ..หนูเองเหรอที่เป็นแม่ครัวคนใหม่ลุงชื่อคำอ้ายเป็นผู้จัดการไร่..แล้วจักรยานเป็นอะไรถึงต้องจูง"คำอ้ายมองสำรวจไปยังคนตัวเล็กผิวขาวสวมหมวกคาวบอยสีน้ำตาลเขาก็พอจะรู้แล้วว่าเธอเป็นแม่ครัวคนใหม่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มเพราะเธอสวยน่ารักเหมือนกับที่เอื้องฟ้าได้เปรยให้ฟังมิน่าลูกตนถึงได้มีท่าทีไม่ชอบใจเมื่อพูดถึงแม่ครัวคนนี้เท่าไรนัก"หนึ่งปั่นไม่เป็นค่ะแต่พ่อเลี้ยงบอกให้เอาจักรยานไปพร้อมกับปิ่นโตหนึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมพ่อเลี้ยงไม่เอาจักรยานขึ้นรถกระบะไปตั้งแต่แรก""งั้นเดี๋ยวเอาขึ้นรถลุงไปลุงกำลังจะไปฟาร์มแกะพอดี"สาวเจ้าบ่นน้ำเสียงอู้อี้ทำคำอ้ายยิ้มออกคิดว่ามีบางอย่างที่พ่อเลี้ยงหนุ่มสื่อสารกับแม่ครัวตัวเองพลาดแน่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาที่ทำตอนนี้ก
“หนึ่งอยากทำงานที่นี่จริงๆตอนนี้หนึ่งไม่มีที่ไปหนึ่งพาย่ามาขออาศัยบ้านป้าอุไรแถมย่าหนึ่งก็ป่วยหลงๆลืมๆทานอะไรก็ไม่ค่อยจะได้หนึ่งต้องทำงานเก็บเงินเอาไว้รักษาย่าค่ะแล้วอีกอย่างนึงหนึ่งก็อยากมีอาชีพเผื่อวันหน้าจะได้มีบ้านอยู่ของตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งญาติพี่น้อง”วันหนึ่งใช้ลูกอ้อนอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตจ้องพ่อเลี้ยงหนุ่มเรียกร้องความสงสารไม่ขาดระยะจนน่านน้ำต้องหลบสายตาของเธออยู่หลายจังหวะด้วยรู้กำลังรู้สึกใจอ่อนไปกับคำพูดที่เรียกร้องความสงสาร“เฮ้อ..!”เป็นอีกครั้งที่น่านน้ำต้องถอนหายใจให้กับแม่ครัวที่ชื่อวันหนึ่งคนนี้“สงสารหนึ่งเถอะนะคะ..หนึ่งจะไม่ให้มันเกิดความผิดพลาดอะไรอีก..นะคะพ่อเลี้ยง..นะค้า..”มือน้อยเกาะเขย่าขาคนที่เอาแต่หันหน้าหนีเธอพยายามออดอ้อนเช่นดั่งที่เคยออดอ้อนคนในครอบครัววิธีนี้เธอใช้ได้ผลทุกครั้งและภาวนาว่าจะใช้ได้ผลกับพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วย“อืม”เสียงตอบกลับสั้นๆห้วนๆของน่านน้ำทำวันหนึ่งหายความกังวลใจไปปลิดทิ้งใช่แล้ววิธีการขอความเห็นใจเช่นนี้เธอใช้มันได้ผล“แต่..ห้ามพลาดอะไรอีกเข้าใจหรือเปล่าทำอะไรต้องมีสติรอบคอบใส่ใจกับสิ่งที่ทำเสมอ”“หนึ่งจะจำไว้ค่ะพ่อเลี้ยง..พ่อเลี้ย
"ก็..จบแค่ม.ปลายค่ะเคยเป็นแม่บ้านมาก่อนนี่แหละค่ะ""ทำไมอ่านภาษาอังกฤษได้คล่อง"ดวงตาคมเริ่มจ้องแม่ครัวคนใหม่เขม็งเพราะความสงสัยในตัวของเธอเริ่มทวีคูณมากขึ้น"ก็..ขยันอ่านหนังสือสิคะสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนเข้าถึงง่ายมากเลยนะคะพ่อเลี้ยง"วันหนึ่งยังคงหาทางหนีทีไล่คนที่ถามได้ตลอดแอบภูมิใจกับตัวเองในใจที่ตนนั้นหัวไวอยู่เหมือนกันและเชื่อว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มคงจะไม่กังขาในความรู้ของเธอด้วยสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนมีได้ทุกที่อยู่ที่ใครอยากจะหาความรู้เพิ่มเติมหรือไม่เท่านั้น"อืม..”น่านน้ำนิ่งไปครู่หนึ่งทำเอาวันหนึ่งเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าจะเชื่อสิ่งที่เธอพูดหรือไม่“ผมชื่นชมนะคนเราถึงจะไม่ได้ร่ำเรียนมาสูงแต่รู้จักขวนขวายอันนี้ถือเป็นข้อดี""ขอบคุณที่ชมหนึ่งนะคะ..เดี๋ยวหนึ่งขอตัวไปทำความสะอาดส่วนอื่นก่อนนะคะ""อืม"วันหนึ่งยิ้มร่าอย่างโล่งอกและรีบเดินปรี่ออกไปจากห้องทำงานของน่านน้ำทันทีก่อนจะมีคำถามอะไรมาเพิ่ม ยังไม่ทันที่สาวเจ้าจะได้เดินผ่านห้องทำงานของน่านน้ำไปไกลเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนของพ่อเลี้ยงหนุ่มเปิดอยู่เธอก็รีบแทรกตัวเข้าไปในนั้นทันทีเพราะเมื่อตอนที่ไออุ่นพาดูห้องที่ต้องทำควา
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง”เกือบเที่ยงคืนแล้วแต่น่านน้ำยังคงตาสว่างเมื่อเพื่อนที่เป็นนักสืบได้โทรมาคุยเรื่องความคืบหน้าในการสืบเรื่องอุบัติเหตุของปู่“ได้ฉันจะอ่านในเมล..ขอบคุณมาก”เมื่อปลายสายบอกว่าได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้ในอีเมลคนตัวโตในชุดนอนก็ผุดลุกเปิดโน๊ตบุ๊คที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียงทันที“คิดอะไรเอาไว้ไม่ผิด”พักใหญ่ที่น่านน้ำนั่งอ่านข้อมูลในอีเมลเขากำมือแน่นกัดฟันกรอดพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้กระโตกกระตากอะไรไปก่อน หลังจากที่ได้รู้ว่าพื้นที่ที่ปู่ของเขาไปประสบอุบัติเหตุคือพื้นที่ของเสี่ยทรงยศที่ได้ทำการซื้อก่อนหน้าที่ปู่ของเขาจะเสียได้ไม่กี่เดือนและยังใช้ชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของเท่ากับว่าที่เขาสงสัยเรื่องสาเหตุการตายของปู่ว่าไม่ปกติเขาน่าจะสันนิษฐานถูกทางด้านวันหนึ่งในเวลานี้เธอก็ยังคงนอนกลิ้งนอนเกลือกอยู่บนเตียงเล็กดวงตากลมโตยังคงไม่มีอาการหนังตาหย่อนแม้แต่น้อยเพราะยังคงสนุกกับการเรียนรู้วิธีกรทำอาหารในอินเตอร์เน็ต“มันไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคนอย่างเราหรอก..ตาพ่อเลี้ยงหน้าหล่อต้องหลงในฝีมือการทำอาหารของเราแน่”สาวเจ้าแววตาหยาดเยิ้มฉีกริมฝีปากบางยิ้มร่าอย่างเพ้อฝันถึงวันข้
“พ่อเลี้ยงคะน้ำค่ะ”วันหนึ่งเดินตรงมายังพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังยืนส่งกระเบื้องให้กับคนบนหลังคาก่อนจะรีบยื่นน้ำให้กับเขา“ขอบคุณ”แกร๊ก.. กึก“ระวังค่ะ” วันหนึ่งมองไปยังต้นเสียงด้านบนที่รู้สึกว่ามันผิดปกติและก็เห็นว่ามีค้อนกำลังหล่นลงมาจะถึงหัวของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังดื่มน้ำเธอจึงรีบกระโจนผลักชายหนุ่มจนล้มลงไปกองกับพื้นกันทั้งคู่ฟึ่บ.. “โอ้ย..” น่านน้ำหัวโขกกับกองไม้จนหางคิ้วแตก"ผมขอโทษครับไม่เห็นจริงๆ"มนัสชายหนุ่มชาวบ้านวัยกลางคนรีบกระโดดลงมาขอโทษพ่อเลี้ยงหนุ่มทันทีรวมถึงคนที่อยู่ระแวกนั้นก็เข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย“พ่อเลี้ยง..ดีนะคะที่หลบทัน..แต่..เลือด”วันหนึ่งค่อยๆลุกพร้อมกันกับน่านน้ำเมื่อเห็นว่าเขามีเลือดออกที่หางคิ้วก็รีบควักผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็กให้เขาได้กดแผลเอาไว้ น่านน้ำเห็นค้อนปอนที่หล่นมากองกับพื้นก็นึกหวาดเสียวพอสมควรไม่อยากจะคิดว่าถ้าหากมันหล่นใส่หัวของเขาสภาพตัวเองตอนนี้จะเป็นเช่นไรคิดได้เช่นนั้นก็หันไปขอบคุณแม่ครัวตัวเล็กทันที“ขอบคุณนะหนึ่ง”"ไม่เป็นไรค่ะ..พ่อเลี้ยงไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ""นั่นสิครับ"คำอ้ายที่ยืนมองพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วยความเ
"คนพวกนั้นทำไมใจจืดใจดำแบบนี้นะ"ขณะนั่งรถกลับสาวเจ้าก็บ่นอุกถึงเรื่องที่พึ่งเจอ"คราวหลังอย่าหาเรื่องใส่ตัวคนพวกนั้นเป็นคนของเสี่ยทรงยศเจ้าของที่ตลาดขึ้นชื่อว่าเป็นอันธพาล""ถึงว่าล่ะ..แต่หนึ่งไม่กลัวหรอกค่ะ"วันหนึ่งคิดเอาไว้แล้วว่าคนพวกนี้ไม่พ้นอันธพาลและมีอิทธิพลที่นี่ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าวางมาดกันขนาดนั้นหรอก"หัดกลัวไว้บ้างก็เงินที่จ่ายไปถึงบ้านแล้วผมจะคืนให้""ไม่เอาค่ะหนึ่งไม่ได้เดือดร้อน"คนที่กำลังอารมณ์เดิอดดาลส่ายหัวหงึกหงัก"ไม่ได้เดือดร้อนอะไร..คุณยังต้องหาเงินอีกเยอะเพื่อรักษาย่าคุณไม่ใช่หรือไง""อ๋อค่ะ..เดือดร้อนขอบคุณนะคะ"สาวเจ้าตำหนิตัวเองในใจที่จะเผลอหลุดตัวตนออกมาในขณะที่ไม่สติแล้ว"คุณอยากเรียนต่อหรือเปล่า"น่านน้ำว่าจะพูดเรื่องนี้กับวันหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่ก็ลืมเพราะเขาเห็นว่าเธออายุยังน้อยหากได้เรียนสูงๆคงมีโอกาสทำงานดีๆกว่าจะมาเป็นแม่บ้าน"ทำไมเหรอคะ""ผมจะส่งคุณเรียนช่วงเสาร์อาทิตย์คุณโอเคไหมถ้าคุณมีความรู้เพิ่มอาจจะได้ทำงานที่ดีกว่าเป็นแม่บ้าน"เรื่องสนับสนุนการศึกษาเขายินดีทำอยู่แล้วเพราะก่อนหน้าก็เห็นปู่ของเขาชอบให้ทุนการศึกษากับลูกคนงานในไร่หลายคน