Share

บทที่34 ง้อ

วันต่อมา

"ยัยหนึ่งไปอิตาลีค่ะคุณแม่"

เช้านี้ทุกคนในบ้านต่างก็ต้องปวดหัวกันอีกรอบเมื่อวันหนึ่งเลือกที่จะหนีไปอิตาลีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวคนในบ้านก่อนได้แต่เพียงเขียนจดหมายเอาไว้ให้เท่านั้น

"หลานคนนี้นี่มีอะไรทำไมไม่พูดกันนะ"

นฤดีบ่นอุกด้วยดูท่าหลานเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองใหญ่แล้ว

"ใครเลี้ยงก็เหมือนคนนั้นแหละครับ"

"อย่าพึ่งซ้ำเติมกันได้ไหมตาเดช"

สิทธิเดชไม่วายหยอกคนเป็นแม่เล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพราะไม่ได้ห่วงอะไรลูกสาวมากนักด้วยไฟล์บินก็เช็กได้ว่าไปที่ไหนที่พักก็น่าจะหาไม่ยากเช่นกัน

นฤดีที่ทนกังวลใจต่อไปไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะติดต่อทอฝันเพื่อที่จะขอคุยกับเฟื่องฟ้าถึงสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดในตอนนี้

"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่"

เฟื่องฟ้าเห็นหน้านฤดีได้ก็รีบเอ่ยให้เพื่อนเธอนั้นหายกังวลเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงแล้ว

"หา...แต่งตอนไหน"

คำพูดของเฟื่องฟ้าทำนฤดีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเรื่องแต่งงานหลานเธอไม่เห็นเคยพูดให้ฟังสักคำ

"ค่อยไปถามหลานสาวตัวเองเองแล้วกัน"

"ฉันงงไปหมดแล้วตอนนี้"

"เอาเป็นว่าไม่นานเดี๋ยวสองคนนั้นก็ลงเอยกันด้วยดี"

เฟื่องฟ้าบอกนฤดีให้สบายใจได้เพียงเท่านี้เพราะเรื่องที่นฤดีกังวัลอยู่ในตอนนี้อีกไม่นานก็คลี่คลาย

สามวันต่อมา

"คุณแม่รู้ได้ยังไงคะว่าหนึ่งอยู่ที่นี่"

วันหนึ่งไม่คิดว่าจะเห็นแม่เธอตามมาถึงที่นี่ทั้งที่ไม่ได้บอกใครเลยว่ามาที่พักไหน

"ก็โรงแรมนี้เป็นโรงแรมของคุณน้านาถไงจ้ะ"

ที่วิริยารู้เร็วก็เพราะโรงแรมแห่งนี้อนงค์นาถเป็นหุ้นส่วนอยู่เธอจึงหาลูกสาวเธอได้ไม่ยาก

"น้านาถ..ที่คุณแม่บอกว่าเป็นลูกค้าประจำคุณแม่น่ะเหรอคะ"

"ใช่จ่ะ...แล้วเค้าก็เป็นแม่ตาน่านพ่อเลี้ยงที่เราไปทำภารกิจพิชิตใจเค้าด้วยนะ"

"อะไรนะคะ...พ่อเลี้ยงเนี่ยนะคะเป็นลูกคุณน้านาถ"

วันหนึ่งไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเท่าที่เธอรู้ลูกๆของอนงค์นาถแต่ละคนน่าจะบริหารพวกรีสอร์ทโรงแรมไม่น่าจะมาบริหารไร่ลำบากอย่างนั้น

"ใช่แล้วล่ะ..ลูกกับเค้าน่าจะจำกันไม่ได้หรอกเพราะไม่ได้เจอกันนานมาก..แล้วตุ๊กตาที่เราติดต้องนอนกอดทุกวันก็เป็นของน่านน้ำที่เลือกซื้อมาเป็นของขวัญตอนที่เราเกิด"

ด้วยความที่ลูกสาวของเธอไปเมืองนอกตั้งแต่เด็กส่วนน่านน้ำก็ไม่ค่อยได้ออกงานจนไม่มีรูปในสื่อไม่แปลกที่คนสองคนจะจำกันไม่ได้

"โลกกลมเหมือนกันนะคะ...แต่ทำไมเค้าถึงเลือกไปเป็นชาวไร่ล่ะคะ"

"เห็นว่าต้องการสืบเรื่องคดีของปู่เค้าน่ะจบจากเรื่องนั้นแล้วแม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะบริหารไร่ต่อหรือเปล่า"

"อืม..ช่างเค้าเถอะค่ะหนึ่งไม่อยากพูดถึงเค้าแล้ว"

"แม่พอจะรู้เรื่องทั้งหมดจากคุณย่าเรามาว่าเราก็ดูชอบน่านน้ำไม่น้อยเลยทำไมหนีกลับมาง่ายๆล่ะลูก"

วันหนึ่งเริ่มรู้สึกหน่วงในใจอีกครั้งเมื่อถูกคนเป็นแม่ถามจี้ใจดำก่อนจะยอมเอ่ยถึงเรื่องที่ทำให้เสียใจน้ำเสียงสั่นเครือ

"เค้า...กำลังจะมีครอบครัวค่ะ.."

"หืม..ครอบครัวหมายถึงอะไร"

วิริยาคิดว่าลูกเธอน่าจะกำลังเข้าใจอะไรผิดไปใหญ่แล้ว

"เค้าคบกับพี่เกรซญาติห่างๆเราไงคะหนึ่งไปเจอรูปตอนเค้าคบกันแล้วก็เห็นกับตาว่าเค้ากอดกันดีใจที่จะมีลูก"

"แม่ว่า...เราน่าจะเข้าใจอะไรผิดไปนะเพราะเกรซพึ่งหมั้นกับชรันแล้วก็ใกล้จะแต่งกันแล้วด้วย"

"อะไรนะคะ"

และแล้ววิริยาก็อยากให้วันหนึ่งได้รับความกระจ่างเรื่องที่คาใจจึงเลือกที่จะต่อสายหากวินตราเพื่อถามถึงเหตุการณ์ในวันที่วันหนึ่งเข้าใจผิดและก็ได้คำตอบกับกวินตรามาว่าวันนั้นกวินตราไปเพื่อบอกข่าวดีกับน่านน้ำเรื่องที่เธอท้องในฐานะเพื่อนกันเท่านั้น ทำให้ตอนนี้วันหนึ่งรู้สึกผิดกับน่านน้ำเอามากๆและเลือกที่จะกลับไปที่ประเทศไทยทันทีเพราะไม่รู้ว่าน่านน้ำโกรธเธอแค่ไหนแล้ว

ร่วมสองวันแล้วที่น่านน้ำกลับมาที่ไร่หลังจากพักใจอยู่ที่กรุงเทพจนดีขึ้นบ้าง เมื่อกลับมาได้เขาก็เอาแต่ทำงานพวกเอกสารอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปพบปะกับใครแล้วเวลานี้ก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆหน้าห้องทำงานของเขาก็มีแม่ครัวตัวเล็กยืนอยู่หน้าห้อง

"พ่อเลี้ยงคะ"

พอน่านน้ำเห็นเช่นนั้นเขาก็รีบลุกจากโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าไม่พอใจเดินผ่านหน้าหญิงสาวอย่างไม่สนใจตรงไปยังห้องของเขาทันที

"ที่หนึ่งพูดกับพ่อเลี้ยงแบบนั้นเพราะหนึ่งเข้าใจผิดค่ะ...หนึ่งรู้สึกดีกับพ่อเลี้ยงจริงๆค่ะแต่หนึ่งคิดว่าพ่อเลี้ยงกำลังจะมีครอบครัวกับพี่เกรซเลยพูดทำร้ายจิตใจพ่อเลี้ยงแบบนั้น"

ปังงง

วันหนึ่งสะดุ้งเฮือกเมื่อเดินอธิบายตามหลังคนตัวโตเพื่อที่จะให้เขาได้เข้าใจกลับถูกปิดประตูใส่หน้าเสียงดัง

"หนึ่งขอโทษค่ะ..หนึ่ง​ไม่ควรคิดเองเออเองควรถามพ่อเลี้ยงก่อน..หนึ่งขอโทษจริงๆ"

สาวเจ้ายังคงไม่ยอมหยุดที่จะพูดกับน่านน้ำเพราะรู้ว่าอย่างไรคนที่อยู่ในห้องก็ต้องได้ยินที่เธอพูด

"กลับบ้านคุณไปได้แล้ว"

"ไม่ค่ะหนึ่งไม่กลับ"

หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงของคนข้างในตอบกลับมาวันหนึ่งที่ไม่รู้จะพูดอะไรไปได้ดีกว่าคำขอโทษที่พูดไปแล้วก็เลือกที่จะมานั่งพักที่ห้องชั้นล่างของตัวเองที่เคยอยู่คิดว่ายังไงก็ต้องหาวิธีง้อน่านน้ำให้ได้

เช้าวันต่อมาวันหนึ่งยังทำตัวเป็นแม่ครัวคนเดิมลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้น่านน้ำแต่เช้าด้วยหวังว่าเขาจะใจอ่อนยอมฟังเรื่องที่เธอจะพูดด้วยบ้าง

"หนึ่งทำอาหารเช้าไว้ให้แล้วค่ะ"

เมื่อเห็นว่าเขาแต่งตัวในชุดทำงานลงมาช่วงเช้าตรู่จึงรีบเรียกให้เขามานั่งทานข้าวต้มปลาร้อนๆที่เธอพึ่งทำเสร็จ แต่ดูท่าว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นจะทำเหมือนวันหนึ่งเป็นธาตุอากาศไม่ได้สนใจเสียงเรียกของเธอและเดินออกจากบ้านไปดื้อๆโดยที่ไม่คิดจะสนใจอาหารที่เธอทำเอาไว้ให้แม้แต่หางตา

"จะโกรธหนึ่งอีกนานแค่ไหนคะ.. หนึ่งผิดไปแล้วจริงๆ"

สาวเจ้าบ่นอู้อี้ตามหลังคนตัวโตเธอไม่ชอบให้เขาเมินเธอเช่นนี้เลย สาวเจ้าที่นั่งคิดมาแล้วทั้งวันก็ยังไม่รู้ว่าจะง้อพ่อเลี้ยงหนุ่มยังไงช่วงเย็นจึงขับรถไปขอความช่วยเหลือจากไออุ่นและเอื้องฟ้ารวมถึงหมอสายน้ำที่ฟาร์มแกะ

"จะให้พวกเราช่วยยังไง.. คิดไม่ออกเลย"

ทั้งไออุ่นและเอื้องฟ้าฟังวันหนึ่งเล่าวีรกรรมที่ตัวเองเข้าใจผิดและพูดกับน่านน้ำไม่ดีจบก็ส่ายหัวกันทั้งคู่เพราะไม่รู้จะช่วยหญิงสาวยังไงในการง้อพ่อเลี้ยงหนุ่ม

"เฮ้อ... งานนี้หนึ่งต้องลุยเดี่ยวเหรอคะ"

คนตัวเล็กนั่งหน้ามุ่ยบ่นอู้อี้ที่คิดว่าจะมีความเห็นจากทุกคนว่าเธอจะต้องทำอย่างไรแต่กลับไม่ได้คำตอบอะไรเลย

"คงต้องเป็นอย่างงั้นก็ไปพูดทำร้ายจิตใจพ่อเลี้ยงก่อนเอง"

สายน้ำไม่ได้คิดจะปลอบน้องสาวตนแม้แต่น้อยเพราะฟังจากที่วันหนึ่งเล่าเธอก็พูดกับพ่อเลี้ยงแรงอยู่เหมือนกัน

"ก็จริงค่ะ...เฮ้อ"

เมื่อไม่มีตัวช่วยวันหนึ่งก็เดินตกไปที่รถและขับกลับไปที่บ้านของน่านน้ำ

"สงสารอยู่เหมือนกันนะเนี่ย"

ไออุ่นที่มองตามหลังรถวันหนึ่งจนสุดลูกตาก็แอบสงสารหญิงสาวอยู่เหมือนกันแต่จะทำไงได้ก็พวกเธอรับปากพ่อเลี้ยงหนุ่มเอาไว้แล้วว่าจะไม่ให้ความช่วยเหลือวันหนึ่งเรื่องที่เธอจะง้อพ่อเลี้ยง

"พ่อเลี้ยงคงไม่แกล้งวันหนึ่งนานหรอกมั้ง"

สายน้ำรู้ว่าตอนนี้น่านน้ำไม่ได้โกรธอะไรวันหนึ่งแล้วแค่อยากจะดัดนิสัยเท่านั้น

"ฉันก็ภาวนาให้เป็นแบบนั้น"

เอื้องฟ้าก็ภาวนาให้เป็นอย่างที่สายน้ำพูดเพราะเธอเคยเห็นวันหนึ่งในแบบที่ร่าเริงมาเห็นในโหมดเศร้าก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status