วันต่อมา
"ยัยหนึ่งไปอิตาลีค่ะคุณแม่"
เช้านี้ทุกคนในบ้านต่างก็ต้องปวดหัวกันอีกรอบเมื่อวันหนึ่งเลือกที่จะหนีไปอิตาลีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวคนในบ้านก่อนได้แต่เพียงเขียนจดหมายเอาไว้ให้เท่านั้น
"หลานคนนี้นี่มีอะไรทำไมไม่พูดกันนะ"
นฤดีบ่นอุกด้วยดูท่าหลานเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองใหญ่แล้ว
"ใครเลี้ยงก็เหมือนคนนั้นแหละครับ"
"อย่าพึ่งซ้ำเติมกันได้ไหมตาเดช"
สิทธิเดชไม่วายหยอกคนเป็นแม่เล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพราะไม่ได้ห่วงอะไรลูกสาวมากนักด้วยไฟล์บินก็เช็กได้ว่าไปที่ไหนที่พักก็น่าจะหาไม่ยากเช่นกัน
นฤดีที่ทนกังวลใจต่อไปไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะติดต่อทอฝันเพื่อที่จะขอคุยกับเฟื่องฟ้าถึงสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดในตอนนี้
"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่"
เฟื่องฟ้าเห็นหน้านฤดีได้ก็รีบเอ่ยให้เพื่อนเธอนั้นหายกังวลเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงแล้ว
"หา...แต่งตอนไหน"
คำพูดของเฟื่องฟ้าทำนฤดีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเรื่องแต่งงานหลานเธอไม่เห็นเคยพูดให้ฟังสักคำ
"ค่อยไปถามหลานสาวตัวเองเองแล้วกัน"
"ฉันงงไปหมดแล้วตอนนี้"
"เอาเป็นว่าไม่นานเดี๋ยวสองคนนั้นก็ลงเอยกันด้วยดี"
เฟื่องฟ้าบอกนฤดีให้สบายใจได้เพียงเท่านี้เพราะเรื่องที่นฤดีกังวัลอยู่ในตอนนี้อีกไม่นานก็คลี่คลาย
สามวันต่อมา
"คุณแม่รู้ได้ยังไงคะว่าหนึ่งอยู่ที่นี่"
วันหนึ่งไม่คิดว่าจะเห็นแม่เธอตามมาถึงที่นี่ทั้งที่ไม่ได้บอกใครเลยว่ามาที่พักไหน
"ก็โรงแรมนี้เป็นโรงแรมของคุณน้านาถไงจ้ะ"
ที่วิริยารู้เร็วก็เพราะโรงแรมแห่งนี้อนงค์นาถเป็นหุ้นส่วนอยู่เธอจึงหาลูกสาวเธอได้ไม่ยาก
"น้านาถ..ที่คุณแม่บอกว่าเป็นลูกค้าประจำคุณแม่น่ะเหรอคะ"
"ใช่จ่ะ...แล้วเค้าก็เป็นแม่ตาน่านพ่อเลี้ยงที่เราไปทำภารกิจพิชิตใจเค้าด้วยนะ"
"อะไรนะคะ...พ่อเลี้ยงเนี่ยนะคะเป็นลูกคุณน้านาถ"
วันหนึ่งไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเท่าที่เธอรู้ลูกๆของอนงค์นาถแต่ละคนน่าจะบริหารพวกรีสอร์ทโรงแรมไม่น่าจะมาบริหารไร่ลำบากอย่างนั้น
"ใช่แล้วล่ะ..ลูกกับเค้าน่าจะจำกันไม่ได้หรอกเพราะไม่ได้เจอกันนานมาก..แล้วตุ๊กตาที่เราติดต้องนอนกอดทุกวันก็เป็นของน่านน้ำที่เลือกซื้อมาเป็นของขวัญตอนที่เราเกิด"
ด้วยความที่ลูกสาวของเธอไปเมืองนอกตั้งแต่เด็กส่วนน่านน้ำก็ไม่ค่อยได้ออกงานจนไม่มีรูปในสื่อไม่แปลกที่คนสองคนจะจำกันไม่ได้
"โลกกลมเหมือนกันนะคะ...แต่ทำไมเค้าถึงเลือกไปเป็นชาวไร่ล่ะคะ"
"เห็นว่าต้องการสืบเรื่องคดีของปู่เค้าน่ะจบจากเรื่องนั้นแล้วแม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะบริหารไร่ต่อหรือเปล่า"
"อืม..ช่างเค้าเถอะค่ะหนึ่งไม่อยากพูดถึงเค้าแล้ว"
"แม่พอจะรู้เรื่องทั้งหมดจากคุณย่าเรามาว่าเราก็ดูชอบน่านน้ำไม่น้อยเลยทำไมหนีกลับมาง่ายๆล่ะลูก"
วันหนึ่งเริ่มรู้สึกหน่วงในใจอีกครั้งเมื่อถูกคนเป็นแม่ถามจี้ใจดำก่อนจะยอมเอ่ยถึงเรื่องที่ทำให้เสียใจน้ำเสียงสั่นเครือ
"เค้า...กำลังจะมีครอบครัวค่ะ.."
"หืม..ครอบครัวหมายถึงอะไร"
วิริยาคิดว่าลูกเธอน่าจะกำลังเข้าใจอะไรผิดไปใหญ่แล้ว
"เค้าคบกับพี่เกรซญาติห่างๆเราไงคะหนึ่งไปเจอรูปตอนเค้าคบกันแล้วก็เห็นกับตาว่าเค้ากอดกันดีใจที่จะมีลูก"
"แม่ว่า...เราน่าจะเข้าใจอะไรผิดไปนะเพราะเกรซพึ่งหมั้นกับชรันแล้วก็ใกล้จะแต่งกันแล้วด้วย"
"อะไรนะคะ"
และแล้ววิริยาก็อยากให้วันหนึ่งได้รับความกระจ่างเรื่องที่คาใจจึงเลือกที่จะต่อสายหากวินตราเพื่อถามถึงเหตุการณ์ในวันที่วันหนึ่งเข้าใจผิดและก็ได้คำตอบกับกวินตรามาว่าวันนั้นกวินตราไปเพื่อบอกข่าวดีกับน่านน้ำเรื่องที่เธอท้องในฐานะเพื่อนกันเท่านั้น ทำให้ตอนนี้วันหนึ่งรู้สึกผิดกับน่านน้ำเอามากๆและเลือกที่จะกลับไปที่ประเทศไทยทันทีเพราะไม่รู้ว่าน่านน้ำโกรธเธอแค่ไหนแล้ว
ร่วมสองวันแล้วที่น่านน้ำกลับมาที่ไร่หลังจากพักใจอยู่ที่กรุงเทพจนดีขึ้นบ้าง เมื่อกลับมาได้เขาก็เอาแต่ทำงานพวกเอกสารอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปพบปะกับใครแล้วเวลานี้ก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆหน้าห้องทำงานของเขาก็มีแม่ครัวตัวเล็กยืนอยู่หน้าห้อง
"พ่อเลี้ยงคะ"
พอน่านน้ำเห็นเช่นนั้นเขาก็รีบลุกจากโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าไม่พอใจเดินผ่านหน้าหญิงสาวอย่างไม่สนใจตรงไปยังห้องของเขาทันที
"ที่หนึ่งพูดกับพ่อเลี้ยงแบบนั้นเพราะหนึ่งเข้าใจผิดค่ะ...หนึ่งรู้สึกดีกับพ่อเลี้ยงจริงๆค่ะแต่หนึ่งคิดว่าพ่อเลี้ยงกำลังจะมีครอบครัวกับพี่เกรซเลยพูดทำร้ายจิตใจพ่อเลี้ยงแบบนั้น"
ปังงง
วันหนึ่งสะดุ้งเฮือกเมื่อเดินอธิบายตามหลังคนตัวโตเพื่อที่จะให้เขาได้เข้าใจกลับถูกปิดประตูใส่หน้าเสียงดัง
"หนึ่งขอโทษค่ะ..หนึ่งไม่ควรคิดเองเออเองควรถามพ่อเลี้ยงก่อน..หนึ่งขอโทษจริงๆ"
สาวเจ้ายังคงไม่ยอมหยุดที่จะพูดกับน่านน้ำเพราะรู้ว่าอย่างไรคนที่อยู่ในห้องก็ต้องได้ยินที่เธอพูด
"กลับบ้านคุณไปได้แล้ว"
"ไม่ค่ะหนึ่งไม่กลับ"
หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงของคนข้างในตอบกลับมาวันหนึ่งที่ไม่รู้จะพูดอะไรไปได้ดีกว่าคำขอโทษที่พูดไปแล้วก็เลือกที่จะมานั่งพักที่ห้องชั้นล่างของตัวเองที่เคยอยู่คิดว่ายังไงก็ต้องหาวิธีง้อน่านน้ำให้ได้
เช้าวันต่อมาวันหนึ่งยังทำตัวเป็นแม่ครัวคนเดิมลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้น่านน้ำแต่เช้าด้วยหวังว่าเขาจะใจอ่อนยอมฟังเรื่องที่เธอจะพูดด้วยบ้าง
"หนึ่งทำอาหารเช้าไว้ให้แล้วค่ะ"
เมื่อเห็นว่าเขาแต่งตัวในชุดทำงานลงมาช่วงเช้าตรู่จึงรีบเรียกให้เขามานั่งทานข้าวต้มปลาร้อนๆที่เธอพึ่งทำเสร็จ แต่ดูท่าว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มนั้นจะทำเหมือนวันหนึ่งเป็นธาตุอากาศไม่ได้สนใจเสียงเรียกของเธอและเดินออกจากบ้านไปดื้อๆโดยที่ไม่คิดจะสนใจอาหารที่เธอทำเอาไว้ให้แม้แต่หางตา
"จะโกรธหนึ่งอีกนานแค่ไหนคะ.. หนึ่งผิดไปแล้วจริงๆ"
สาวเจ้าบ่นอู้อี้ตามหลังคนตัวโตเธอไม่ชอบให้เขาเมินเธอเช่นนี้เลย สาวเจ้าที่นั่งคิดมาแล้วทั้งวันก็ยังไม่รู้ว่าจะง้อพ่อเลี้ยงหนุ่มยังไงช่วงเย็นจึงขับรถไปขอความช่วยเหลือจากไออุ่นและเอื้องฟ้ารวมถึงหมอสายน้ำที่ฟาร์มแกะ
"จะให้พวกเราช่วยยังไง.. คิดไม่ออกเลย"
ทั้งไออุ่นและเอื้องฟ้าฟังวันหนึ่งเล่าวีรกรรมที่ตัวเองเข้าใจผิดและพูดกับน่านน้ำไม่ดีจบก็ส่ายหัวกันทั้งคู่เพราะไม่รู้จะช่วยหญิงสาวยังไงในการง้อพ่อเลี้ยงหนุ่ม
"เฮ้อ... งานนี้หนึ่งต้องลุยเดี่ยวเหรอคะ"
คนตัวเล็กนั่งหน้ามุ่ยบ่นอู้อี้ที่คิดว่าจะมีความเห็นจากทุกคนว่าเธอจะต้องทำอย่างไรแต่กลับไม่ได้คำตอบอะไรเลย
"คงต้องเป็นอย่างงั้นก็ไปพูดทำร้ายจิตใจพ่อเลี้ยงก่อนเอง"
สายน้ำไม่ได้คิดจะปลอบน้องสาวตนแม้แต่น้อยเพราะฟังจากที่วันหนึ่งเล่าเธอก็พูดกับพ่อเลี้ยงแรงอยู่เหมือนกัน
"ก็จริงค่ะ...เฮ้อ"
เมื่อไม่มีตัวช่วยวันหนึ่งก็เดินตกไปที่รถและขับกลับไปที่บ้านของน่านน้ำ
"สงสารอยู่เหมือนกันนะเนี่ย"
ไออุ่นที่มองตามหลังรถวันหนึ่งจนสุดลูกตาก็แอบสงสารหญิงสาวอยู่เหมือนกันแต่จะทำไงได้ก็พวกเธอรับปากพ่อเลี้ยงหนุ่มเอาไว้แล้วว่าจะไม่ให้ความช่วยเหลือวันหนึ่งเรื่องที่เธอจะง้อพ่อเลี้ยง
"พ่อเลี้ยงคงไม่แกล้งวันหนึ่งนานหรอกมั้ง"
สายน้ำรู้ว่าตอนนี้น่านน้ำไม่ได้โกรธอะไรวันหนึ่งแล้วแค่อยากจะดัดนิสัยเท่านั้น
"ฉันก็ภาวนาให้เป็นแบบนั้น"
เอื้องฟ้าก็ภาวนาให้เป็นอย่างที่สายน้ำพูดเพราะเธอเคยเห็นวันหนึ่งในแบบที่ร่าเริงมาเห็นในโหมดเศร้าก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน
"ครับคุณป้า..เธอมาหาผมแล้วครับ...ผมขออนุญาตดัดนิสัยสักหน่อยนะครับ"น่านน้ำรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันหนึ่งจะมาที่นี่เพราะวิริยาโทรมาอธิบายกับเขาทุกอย่างว่าวันหนึ่งเข้าใจผิดเรื่องอะไรและตอนนี้เขาก็ไม่คิดถือโทษเธอแล้วแต่อยากจะแกล้งเพื่อดัดนิสัยหญิงสาวบ้างจะได้รู้ว่าการถูกพูดหรือกระทำไม่ดีใส่มันรู้สึกอย่างไร และก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ลืมโทรไปย้ำกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นหมอสายน้ำเอื้องฟ้าหรือไออุ่นว่าถ้าวันหนึ่งไปขอความช่วยเหลืออะไรห้ามช่วยทุกอย่างวันหนึ่งขับรถมาถึบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มได้เธอก็ลองเข้าครัวอีกสักตั้งเพราะยังไงก็จะพยายามง้อน่านน้ำให้สำเร็จ หญิงสาวอยู่ในครัวนานสองนานเพื่อที่จะทำปลาทับทิมนึ่งและน้ำจิ้มรสเด็ดที่น่านน้ำนั้นชอบเมื่อทำเสร็จนำมาวางที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยน่านน้ำก็กลับมาพอดี"กลับมาแล้วเหรอคะหนึ่งเตรียมอาหารเย็นไว้ให้พ่อเลี้ยงพึ่งเสร็จเลยนะคะ""ผมมีปิ่นโตของผมแล้ว.."คนตัวโตชูปิ่นโตเถาใหญ่ที่ถือกลับมาจากโรงครัวในไร่ให้วันหนึ่งได้เห็น จนวันหนึ่งเริ่มหน้าเจื่อนอีกครั้งที่ถูกน่านน้ำปฏิเสธอาหารของเธอ"อ่อ...ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไปผมจะไปนอนที่บ้านท้ายไร่""ถ้าถึงขนาดที่ไม่อยากจะอยู่
“หนึ่งจะทำให้ได้ค่ะคุณย่า”วันหนึ่งพูดด้วยแววตาและน้ำเสียงที่แน่วแน่ดูซิทั้งสาวทั้งสวยอย่างเธอหรือจะมัดใจชายชาวไร่ไม่ได้ก็ให้มันรู้กันไปคุณหนูนักเรียนนอกที่พึ่งเรียนจบอย่าง วันหนึ่ง พิวัฒน์วรวงค์ ลูกสาวคนเดียวของสิทธิเดชและวิริยา พิวัฒน์วรวงค์เจ้าของธุรกิจจิวเวอร์รี่เพชรพลอยรายใหญ่ของประเทศเลือกที่จะเดินทางขึ้นเหนือมาตามคำทำนายที่ว่าเธอจะต้องรีบมีสามีภายในเวลาหกเดือนหลังเรียนจบวันหนึ่งเป็นหญิงสาวตัวกระเปี๊ยกหุ่นบางร่างน้อยผิวขาวอมชมพูผมลอนฟาร่าสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังใบหน้ารูปไข่คิ้วบางได้รูปดวงตากลมโตมีแก้มเล็กน้อยปากนิดจมูกหน่อย นิสัยค่อนข้างเป็นยัยคุณหนูที่แอบซนเชื่อมั่นในตัวเองสูง เธอรักในการดูดวงและการที่ดำเนินชีวิตตามดวงเธอไม่ได้มีความเชื่อมาจากพ่อหรือแม่แต่ได้มาจากคนเป็นย่าอย่างนฤดีที่เชื่อเรื่องนี้มากและเป็นคนเลี้ยงหลานเองวันหนึ่งจึงได้รับการปลูกฝังมาเช่นนี้ณ บ้านไม้ยกสูงสองชั้นหลังขนาดกลางข้างบ้านเป็นสวนผักร่มรื่นน่าอยู่แห่งนี้อยู่ที่แถวชนบทของจังหวัดน่านเป็นบ้านของอุไรและไออุ่นสองแม่ลูกที่เคยอยู่กับนฤดีเมื่อครั้งที่วันหนึ่งยังเล็กๆ“คุณท่านแน่ใจนะคะว่าจะปล่อยให้คุณหนูทำตามแ
“ปิ่นโตค่ะพ่อเลี้ยง..ตอนนี้แม่ยังเดินไม่ค่อยไหวค่ะแต่ก็กินอะไรได้มากกว่าเดิมค่ะ”ไออุ่นวางปิ่นโตที่แม่เธอฝากเอามาให้น่านน้ำที่โต๊ะไม้สักใหญ่หน้าบ้านของพ่อเลี้ยงหนุ่มทั้งทักทายเจ้านายด้วยรอยยิ้มกว้างนับว่าวันนี้เธอโชคดีที่มาทันก่อนที่เขาจะออกไปข้างนอก“ว่างๆผมจะเข้าไปเยี่ยม”วันหนึ่งชะเง้อมองชายหนุ่มเบิกดวงดวงตากลมโตจ้องมองคนหล่อร่างกำยำทั้งริมฝีปากบางยังยกยิ้มเล็กน้อยปลื้มใจที่ผู้ชายในคำทำนายดูดีราวกับดารานายแบบแม้นเขาจะมีผิวคล้ำดำแดดบ้างก็ยังดูดีอยู่ดีแบบนี้เธอค่อยมีกำลังใจที่จะพิชิตหัวใจของเขาหน่อย“ขอบคุณค่ะ…เอ่อ..พ่อเลี้ยงคะนี่วันหนึ่งญาติห่างๆอุ่นเองค่ะว่าจะพามาสมัครเป็นแม่ครัวแทนแม่ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงได้แม่ครัวใหม่หรือยังคะ”คนที่ถูกแนะนำยืนยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงเธอพยายามทำตัวเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้ทั้งท่องภาวนาในใจว่าให้เขานั้นรับเธอเข้าทำงานได้อย่างง่ายดายเรื่องทุกอย่างต่อจากนี้จะได้ง่ายขึ้น“อ่อ..ก็..”พ่อเลี้ยงหนุ่มมองไปยังคนที่ยิ้มไม่หุบแอบทั้งที่เขาก็หลบสายตาของเธออยู่หลายหนคิดในใจว่าเธอยังเป็นคนปกติดีอยู่หรือเปล่า“หนึ่งทำกับข้าวได้ทุกอย่างเลยนะคะพ่อเลี้ยงแถมยังทำงาน
"ญาติห่างๆอุ่นเองจ่ะพี่เอื้องชื่อวันหนึ่ง""แล้วพ่อเลี้ยงรับทำงานแล้วหรือไงถึงได้มาป้วนเปี้ยนที่นี่ก็รู้นี่ว่าพ่อเลี้ยงไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามที่นี่"คำพูดคำจาจีบปากจีบคอของเอื้องฟ้าทำวันหนึ่งเริ่มขมวดคิ้วเพราะดูออกว่าผู้หญิงหน้าสวยผิวน้ำผึ้งคนนี้ไม่มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย"ใช่จ่ะ""ฝากปิ่นโตไว้ให้พ่อเลี้ยงด้วยละกัน"เอื้องฟ้ายื่นปิ่นโตให้ไออุ่นพร้อมตวัดหางตามองวันหนึ่งแสดงออกให้หญิงสาวรู้ว่าตนไม่ชอบหน้าก่อนจะหันหลังสะบัดก้นเดินออกไป"ใครอะพี่อุ่นหน้าตาก็สวยนะแต่สายตาดูไม่เป็นมิตรเลย""พี่เอื้องฟ้าน่ะลูกลุงคำอ้ายผู้จัดการไร่ส่วนแม่เธอคือป้าดอกสร้อยแม่ครัวที่ไร่""อ๋อ..ก็เหมือนใหญ่ในไร่นี้งี้เหรอ""ก็ไม่ถึงขนาดนั้นแต่แค่เธอน่าจะชอบพ่อเลี้ยงเท่าที่พี่ดูแล้วเธอก็ไม่น่าจะชอบให้สาวๆมาอยู่ใกล้พ่อเลี้ยงล่ะมั้ง"ประโยคนี้ไออุ่นต้องกระซิบกระซาบกับวันหนึ่งด้วยรู้ว่าชนบทแห่งนี้หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง"อย่างนี้นี่เอง""ห่างเธอได้ก็ให้ห่างไว้เพราะน้อยคนที่นี่ที่จะชอบนิสัยเธอที่ทุกคนเกรงใจก็เห็นว่าเป็นลูกลุงคำอ้ายกับป้าสร้อยเท่านั้น"วันหนึ่งรู้แบบนี้คนที่เธอจะมองเป็นคู่แข่งคนแรกก็เห็นจะเป็นเอื้องฟ
“พ่อมีคนมาหา”ทรงพลลูกชายคนเดียวของทรงยศจอมอันธพาลในย่านนี้ที่ใครๆก็รู้จักดีเดินนำหน้าน่านน้ำขึ้นมาทีเรือนไม้ในห้องทำงานคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจพอสมควรเพราะน้อยครั้งนักที่คนของไร่เพชรพนาจะมาที่นี่แถมวันนี้ยังเป็นพ่อเลี้ยงของไร่เป็นคนมาเองด้วย“อ้าว..พ่อเลี้ยงทำไมถึงมาที่นี่กะทันหันได้หรือตัดสินใจได้แล้วว่าจะขายที่ให้ผม..อย่างว่าแหละน้าเด็กหนุ่มไฟแรงคนกรุงเทพอย่างคุณหรือจะมาทำสวนทำไร่”ทรงยศเสี่ยใหญ่ร่างท้วมรีบเข้ามาทักทายน่านน้ำหน้าระรื่นที่เห็นพ่อเล้ยงหนุ่มมาหาถึงที่ในยามเย็นเช่นนี้“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเสี่ยก็อย่าคิดเองเออเองสิครับ...ผมไม่ได้อยากมาเหยียบที่นี่แต่ที่ต้องมาเพราะผมจะมาถามให้แน่ใจว่าสวนป่าของผมที่ถูกไฟไหม้เสี่ยไม่เกี่ยวข้องใช่หรือเปล่าครับเพราะผมคิดว่าคนอย่างเสี่ยคงจะไม่ใช้วิธีหมาลอบกัด”น่านน้ำยืนจ้องหน้าทรงยศด้วยสายตาและท่าทีที่ไม่ได้ให้ความเคารพเท่าไรเพราะเขาเชื่อว่าฝีมือการเผาสวนป่าก็คงไม่พ้นเป็นคนของทรงยศเพราะเป็นคนเดียวที่อยากได้ที่ของเขานักหนาและขึ้นชื่อเรื่องการเล่นสกปรกเป็นที่สุดด้วยไร่หลายที่ในจังหวัดน่านทรงยศก็ได้มาจากการคดโกงหรือไม่ก็ใช้อำนาจเงินและอิทธ
"กลับมาแล้ว"วันหนึ่งที่ขึ้นมาเดินเล่นบนชานบ้านเพื่อดูหมู่ดาวบนท้องฟ้าเมื่อได้เห็นรถกระบะสีดำขับเข้ามาเธอก็จำได้ว่าเป็นรถน่านน้ำจึงรีบวิ่งลงมารับหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มทันที"ทำไมยังไม่ไปพักผ่อน"น่านน้ำเปิดประตูลงจากรถได้ก็ขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กในชุดนอนเจ้าหญิงสีชมพูปล่อยผมสยายด้วยแววตาฉงนว่าเธอมาทำอะไรตรงนี้เพราะตอนนี้ดึกพอสมควร"รอพ่อเลี้ยงกลับมาก่อนค่ะ"สาวเจ้าฉีกยิ้มตอบเสียงใส"อุ่นไม่ได้บอกหรือไงว่าไม่ต้องรอ"คนที่ถูกถามไม่ได้สนใจคำถามสักนิดเธอค่อยๆเดินเข้าไปเพ่งมองหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มใกล้ๆก็เห็นว่าใบหน้าของเขาเขียวช้ำแถมริมฝีปากยังมีรอยแตกเลือดซิบอีกต่างหาก"หน้าพ่อเลี้ยงเป็นอะไรคะทำไมช้ำแบบนั้น...เข้าบ้านก่อนค่ะเดี๋ยวหนึ่งทำแผลให้"วันหนึ่งรีบดึงมือน่านน้ำเข้าไปในบ้าน พฤติกรรมของหญิงสาวทำน่านน้ำตกใจพอสมควรเพราะน้อยคนนักที่จะเข้าถึงเนื้อถึงตัวของเขา"ไปมีเรื่องกับใครมาเหรอคะ"วันหนึ่งหยิบกล้องปฐมพยาบาลมาวางตรงหน้าน่านน้ำก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆชายหนุ่มเธอเอาแต่มองรอบๆหน้าของคนบาดเจ็บด้วยสายตาที่เป็นห่วงทั้งยังอยากรู้ว่าเขาไปทำอะไรมากันแน่ถึงได้มีสภาพกลับมาเช่นนี้"คุณไปพักเถอะผมทำแผลเองไ
"แม่หนูจะไปไหนล่ะน่ะ"คำอ้ายขับรถกระบะตอนเดียวสีน้ำตาลคันเก่ามาทางที่จะไปฟาร์มแกะเมื่อเห็นมีผู้หญิงตัวเล็กเดินจูงจักรยานอยู่ตรงหน้าจึงรีบขับมาเทียบจอดถาม"อ๋อ..คือหนึ่งจะเอาปิ่นโตไปส่งพ่อเลี้ยงที่ฟาร์มแกะน่ะค่ะคุณลุง"วันหนึ่งหันมาตอบตอบคนที่ถามพร้อมยกมือปาดเหงื่อสองสามครั้งและส่งยิ้มร่าอย่างเป็นมิตรกับคนที่ถามด้วยรู้ว่าตอนนี้กำลังมีคนจะช่วยเหลือเธอแล้ว"อ๋อ..หนูเองเหรอที่เป็นแม่ครัวคนใหม่ลุงชื่อคำอ้ายเป็นผู้จัดการไร่..แล้วจักรยานเป็นอะไรถึงต้องจูง"คำอ้ายมองสำรวจไปยังคนตัวเล็กผิวขาวสวมหมวกคาวบอยสีน้ำตาลเขาก็พอจะรู้แล้วว่าเธอเป็นแม่ครัวคนใหม่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มเพราะเธอสวยน่ารักเหมือนกับที่เอื้องฟ้าได้เปรยให้ฟังมิน่าลูกตนถึงได้มีท่าทีไม่ชอบใจเมื่อพูดถึงแม่ครัวคนนี้เท่าไรนัก"หนึ่งปั่นไม่เป็นค่ะแต่พ่อเลี้ยงบอกให้เอาจักรยานไปพร้อมกับปิ่นโตหนึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมพ่อเลี้ยงไม่เอาจักรยานขึ้นรถกระบะไปตั้งแต่แรก""งั้นเดี๋ยวเอาขึ้นรถลุงไปลุงกำลังจะไปฟาร์มแกะพอดี"สาวเจ้าบ่นน้ำเสียงอู้อี้ทำคำอ้ายยิ้มออกคิดว่ามีบางอย่างที่พ่อเลี้ยงหนุ่มสื่อสารกับแม่ครัวตัวเองพลาดแน่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาที่ทำตอนนี้ก
“หนึ่งอยากทำงานที่นี่จริงๆตอนนี้หนึ่งไม่มีที่ไปหนึ่งพาย่ามาขออาศัยบ้านป้าอุไรแถมย่าหนึ่งก็ป่วยหลงๆลืมๆทานอะไรก็ไม่ค่อยจะได้หนึ่งต้องทำงานเก็บเงินเอาไว้รักษาย่าค่ะแล้วอีกอย่างนึงหนึ่งก็อยากมีอาชีพเผื่อวันหน้าจะได้มีบ้านอยู่ของตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งญาติพี่น้อง”วันหนึ่งใช้ลูกอ้อนอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตจ้องพ่อเลี้ยงหนุ่มเรียกร้องความสงสารไม่ขาดระยะจนน่านน้ำต้องหลบสายตาของเธออยู่หลายจังหวะด้วยรู้กำลังรู้สึกใจอ่อนไปกับคำพูดที่เรียกร้องความสงสาร“เฮ้อ..!”เป็นอีกครั้งที่น่านน้ำต้องถอนหายใจให้กับแม่ครัวที่ชื่อวันหนึ่งคนนี้“สงสารหนึ่งเถอะนะคะ..หนึ่งจะไม่ให้มันเกิดความผิดพลาดอะไรอีก..นะคะพ่อเลี้ยง..นะค้า..”มือน้อยเกาะเขย่าขาคนที่เอาแต่หันหน้าหนีเธอพยายามออดอ้อนเช่นดั่งที่เคยออดอ้อนคนในครอบครัววิธีนี้เธอใช้ได้ผลทุกครั้งและภาวนาว่าจะใช้ได้ผลกับพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วย“อืม”เสียงตอบกลับสั้นๆห้วนๆของน่านน้ำทำวันหนึ่งหายความกังวลใจไปปลิดทิ้งใช่แล้ววิธีการขอความเห็นใจเช่นนี้เธอใช้มันได้ผล“แต่..ห้ามพลาดอะไรอีกเข้าใจหรือเปล่าทำอะไรต้องมีสติรอบคอบใส่ใจกับสิ่งที่ทำเสมอ”“หนึ่งจะจำไว้ค่ะพ่อเลี้ยง..พ่อเลี้ย