"หนึ่ง.. จะไปไหนแล้วร้องให้ทำไม"
สายน้ำที่ขับรถATVคันเก่งจะไปดูแกะในฟาร์มช่วงสายขณะที่กำลังขับไปที่ฟาร์มเห็นว่าเป็นวันหนึ่งเดินอยู่จึงได้เข้าไปทักแต่เขาก็ต้องหน้าเสียเมื่อเห็นน้องสาวตนนั้นร้องให้จนหน้าตาแดงก่ำไปหมด
"พี่สายพาหนึ่งออกไปจากไร่ได้ไหมคะ..ฮือๆๆ"
มือเรียวยกปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะกระโดดขึ้นหลังรถหมอหนุ่ม จนสายน้ำต้องละงานไปก่อนและพาวันหนึ่งมาสงบอารมณ์ที่คลินิกของเขา
"เป็นอะไรบอกพี่ได้หรือเปล่า"
สายน้ำเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เอาแต่กอดหมอนร้องให้อยู่บนโซฟาโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง
"หนึ่ง..ฮึก..ฮือๆๆ..เสียใจขออยู่เงียบๆ..ฮือๆๆ"
"โอเคๆ..งั้นก็พักที่นี่ก่อนแล้วกันพี่จะไปตรวจเจ้าแกะที่ฟาร์มต่อ"
"ฮือๆ..อย่าบอกใครนะคะ..ฮือๆ..ๆ..ว่าหนึ่งอยู่ที่นี่"
"ได้พักให้สบายใจได้เลย"
ถึงสายน้ำจะคาใจกับอาการเสียใจของวันหนึ่งพอสมควรแต่ก็ไม่เลือกที่จะเค้นถามอะไรในเมื่อคนอย่างวันหนึ่งถึงขั้นร้องให้ฟูมฟายขออยู่คนเดียวคงเป็นเรื่องปวดใจมากแน่คิดว่ารอให้น้องสาวของเขาอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยจะดีกว่า
น่านน้ำคุยกับกวินตราจนหญิงสาวสบายใจจนกลับไปได้ตอนนี้ก็เป็นฝ่ายน่านน้ำที่กังวลใจเพราะหาแม่ครัวตัวเล็กของตัวเองไม่เจอโทรไปถามเอื้องฟ้าก็ได้คำตอบมาว่าไปรับวันหนึ่งมาส่งเรียบร้อยแล้วแต่เขาหาทั้งบ้านก็ไม่ยักจะเห็น
"ไปไหนของคุณนะ"
น่านน้ำเริ่มเดินหัวเสียเดาไม่ออกเลยว่าตอนนี้วันหนึ่งไปอยู่ที่ไหน
ตื๊ดๆ..
"หนึ่งขอลาออกค่ะ"
คิ้วหนาขมวดติดกันจนผูกโบว์เมือจู่ๆคนที่เขาเป็นห่วงจนร้อนใจอยู่ตอนนี้กลับส่งข้อความมาขอลาออกกะทันหันเสียอย่างนั้น มือหนารีบกดโทรกลับไปก็ถูกตัดสายทิ้งแถมโทรไปอีกครั้งยังปิดเครื่องหนีเขาอีก
"เป็นอะไรของคุณ"
"ทำไมจู่ๆคุณหนึ่งก็หนีกลับกรุงเทพไปแบบนั้นคะ"
ไออุ่นรู้ข่าวจากคนเป็นแม่ว่าวันหนึ่งโทรมาหานฤดีว่าตอนนี้กำลังกลับไปกรุงเทพดื้อๆเธอจึงรีบกลับมาคุยกับคนที่บ้านในช่วงพักเที่ยงเพราะไม่เข้าใจกับการกระทำของวันหนึ่งเอามากๆ
"ย่าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันอยู่ๆก็โทรมาบอกว่าอยู่สนามบินแล้ว..หลานคนนี้นึกจะทำอะไรก็ทำ"
นฤดีมีสีหน้าแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานสาวถึงได้หนีกลับไปโดยที่ไม่ให้เหตุผลอะไรกับเธอเลย
"ไหนบอกว่าจะอยู่พิชิตใจพ่อเลี้ยงไงคะอุตส่าห์ลงทุนมาเป็นแม่ครัวลำบากที่นี่แต่กลับถอดใจหนีกลับไปเสียอย่างนั้น"
ไออุ่นคิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่เข้าใจว่าวันหนึ่งคิดอะไรอยู่ทั้งที่เรื่องราวในกำลังไปได้ดีอยู่แล้ว ขณะที่ทุกคนนั่งสงสัยกันก็ไม่ทันได้สังเกตว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มกำลังเดินดุ่มเข้ามาที่นี่และได้ยินสิ่งที่ไออุ่นเอ่ยออกมาทุกคำ
"ลงทุนลำบากเป็นแม่ครัวคืออะไร"
"เอ่อ.."
ไออุ่นเริ่มไปไม่เป็นและหันมามองหน้ากับคนเป็นแม่ด้วยท่าทีตกใจ
"มีอะไรปิดบังผมอยู่หรือเปล่า"
"คือ.."
คนที่ถูกเค้นถามอย่างไออุ่นยังคงอึกอักเพราะไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้กับพ่อเลี้ยงหนุ่มอย่างไรดีจะโกหกต่อไปหรือควรจะพูดความจริงกัน
"เฮ้อ..ไหนๆเรื่องมันก็น่าวุ่นวายพอแล้วฉันบอกความจริงกับพ่อเลี้ยงก็ได้..."
นฤดีเห็นว่าอะไรๆมันมาถึงตอนนี้แล้วเธอเลยคิดว่าผู้ใหญ่อย่างเธอควรจะพูดความจริงจะดีกว่า และได้เล่าทุกอย่างให้น่านน้ำได้ฟังอย่างหมดเปลือกทำพ่อเลี้ยงหนุ่มถึงกับยืนไม่อยู่นั่งหน้าเจื่อนตกใจจนพูดอะไรไม่ค่อยออก
"นี่ทุกคนตั้งใจหลอกผม...เพราะเชื่อเรื่องดวงอะไรนั่นแค่นั้นเหรอครับ"
น่านน้ำไม่อยากจะเชื่อว่าวันหนึ่งยอมทำอะไรลำบากเพื่อเข้ามาใกล้ชิดเขาเพียงเพราะเชื่อเรื่องการทำนาย
"อย่าโกรธอุไรกับไออุ่นเลยสองคนนี้ช่วยฉันเพราะเห็นแก่บุญคุณที่ฉันเคยมี"
"คุณย่าก็อายุมากแล้วนะครับทำไมยอมให้หลานคุณย่าเลือกคู่ชีวิตเพราะเชื่อเรื่องดวงผมว่ามันไร้สาระสิ้นดี"
น่านน้ำไม่ได้อยากก้าวร้าวกับผู้ใหญ่แต่เรื่องนี้อดพูดออกมาไม่ได้จริงๆ
"ฉันไม่ว่าที่พ่อเลี้ยงจะไม่พอใจฉันแต่ฉันกับหลานเดินตามดวงกันมาตลอดแล้วทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรติดขัด.. อีกอย่างเรื่องการเลือกคู่ฉันก็มีแอบกังวลเหมือนกันแต่พอรู้จากปากยัยหนึ่งแล้วก็ทุกคนที่รู้จักพ่อเลี้ยงต่างก็บอกว่าพ่อเลี้ยงเป็นคนดีฉันก็ไม่ได้คิดจะห้ามอะไรที่วันหนึ่งจะเลือกคนดีๆมาเป็นคู่ชีวิต"
"พ่อเลี้ยงคะอุ่นรู้นะคะว่าตอนนี้พ่อเลี้ยงกำลังโกรธคุณหนึ่ง..แต่อุ่นยืนยันได้นะคะว่าคุณหนึ่งมีความรู้สึกดีๆให้พ่อเลี้ยงจริงๆไม่ได้ทำทุกอย่างไปเพราะคำทำนายเท่านั้น"
"เรื่องนั้นผมพอเข้าใจได้...ตอนนั้นที่เธอเสี่ยงชีวิตเพื่อผม..ผมก็เข้าใจแล้วว่าเธอจริงใจกับผมแค่ไหน..แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าจู่ๆเธอจะไปจากผมเพื่ออะไรในเมื่อทุกอย่างมันกำลังไปได้ดี"
"พวกเราก็ไม่รู้ค่ะ"
ไออุ่นก้มหน้าส่ายหัวเรื่องนี้พวกเธอเองก็ยังต้องปวดกันอยู่ตอนนี้
"พ่อเลี้ยงไม่โกรธหลานฉันใช่ไหม"
"ถ้าเอาตามตรงผมก็รู้สึกไม่ดีที่ถูกหลอก.. แล้วก็ยังรู้สึกไม่ดีที่เธอเลือกที่จะจากไปดื้อๆทั้งที่..."
น่านน้ำเลือกที่จะไม่พูดประโยคสุดท้ายออกมาเพราะตอนนี้รู้สึกไม่ดีเอามากๆที่วันหนึ่งทำเหมือนมาล้อเล่นกับชีวิตของเขา
"ทั้งที่ได้หัวใจพ่อเลี้ยงไปแล้วเหรอคะ"
น่านน้ำไม่ได้ตอบอะไรไออุ่นเขาเพียงลุกขึ้นเดินหันหลังคอตกกลับไปเท่านั้น
"หวังว่าคุณจะไม่มาล้อเล่นกับความรู้สึกผมนะหนึ่ง"
น่านน้ำกลับมาทบทวนเรื่องราวพักใหญ่เรื่องเล่นละครหลอกลวงที่วันหนึ่งเล่นสนุกเขาพอจะสลัดมันออกจากใจได้แต่ที่คาใจอยู่ตอนนี้คือหญิงสาวเลือกที่จะทิ้งเขาไปดื้อๆทำไมกันภาวนาในใจว่าอย่าให้สิ่งดีๆที่เธอทำให้กับเขาเป็นเพียงแค่การทำไปตามดวงเลย
Rrrrr
"พ่อเลี้ยงคะ...คุณย่าบอกว่าถ้าอยากเจอคุณหนึ่งให้ไปตามที่อยู่ที่ฉันส่งให้ค่ะ"
“ขอบคุณครับ”
เมื่อวางสายจากไออุ่นได้น่านน้ำก็รีบเปิดดูข้อความทันทีเพราะเขาเป็นคนที่เชื่อในสิ่งที่เห็นและได้ยินหากเขายังไม่ได้ยินเหตุผลจากปากของวันหนึ่งเขาจะยังไม่ฟันธงไปต่างๆนาๆเด็ดขาด
"ยัยหนึ่งล่ะ"
นฤดีกลับมาถึงบ้านได้ก็รีบถามหาหลานสาวกับลูกชายและลูกสะใภ้ทันทีด้วยอยากจะรู้เหตุผลจากวันหนึ่งแย่ว่าหนีกลับมากะทันหันทำไมกัน
"มาถึงก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องค่ะใครไปเคาะก็ไม่ยอมเปิด"
วิริยาก็ร้อนใจไม่ต่างอะไรกับนฤดีที่ลูกเธอกลับมาก็ดูไม่ดีแถมแม่สามีเธอก็ยังดูกังวลจนเธออดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองไปบวชกันยังไงถึงได้กลับมาดูเคร่งเครียดเช่นนี้
"เฮ้อ..."
"ตกลงทำไมยัยหนึ่งหนีคุณแม่กลับมาก่อนแล้วยังกลับมายังมีสีหน้าไม่ดีอีก"
"ถ้าเล่าอะไรให้ฟังสัญญาก่อนว่าห้ามบ่นแม่เพราะแค่นี้แม่ก็ปวดหัวพอแล้ว"
นฤดีจำต้องทำตัวเป็นนางเล่าเรื่องให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้กระจ่างถึงความจริงว่าเธอและวันหนึ่งไม่ได้ไปบวชอย่างที่ว่าแต่พาหลานไปหาคู่ตามคำทำนาย วิริยาได้ฟังทั้งหมดก็แทบจะลมจับเธอว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก"คุณแม่ไม่ได้ไปบวชแต่พาหลานไปหาคู่เหรอคะ!...คุณแม่จะพายัยหนึ่งงมงายเกินไปแล้วนะคะ""ผมว่าแล้วจะต้องมีเรื่องอะไรให้ปวดหัว"สิทธิเดชยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดเผื่อใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าแม่ตนต้องพาลูกสาวไปทำอะไรพิเลนๆอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ"เอาน่าจะว่าอะไรแม่ก็ช่างเถอะ...แต่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยัยหนึ่งก่อนว่าเป็นอะไรถึงได้หนีกลับมาดื้อๆแบบนี้""หนึ่งลูก..คุณย่ากลับมาแล้วนะลูกออกมาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า""หนึ่งอยากอยู่คนเดียวอย่าพึ่งมายุ่งกับหนึ่งได้ไหมคะ"เมื่อคุยกันจบทั้งวิริยาและนฤดีก็มาเคาะห้องของวันหนึ่งแต่ก็ต้องเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกันทั้งคู่เพราะทำยังไงเจ้าของห้องก็ไม่ยอมออกมาคุยได้"คุณแม่แน่ใจนะคะว่ายัยหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ"วิริยาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้นไม่มีอาการเป็นแบบนี้แน่ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่สามี
วันต่อมา"ยัยหนึ่งไปอิตาลีค่ะคุณแม่"เช้านี้ทุกคนในบ้านต่างก็ต้องปวดหัวกันอีกรอบเมื่อวันหนึ่งเลือกที่จะหนีไปอิตาลีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวคนในบ้านก่อนได้แต่เพียงเขียนจดหมายเอาไว้ให้เท่านั้น"หลานคนนี้นี่มีอะไรทำไมไม่พูดกันนะ"นฤดีบ่นอุกด้วยดูท่าหลานเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองใหญ่แล้ว"ใครเลี้ยงก็เหมือนคนนั้นแหละครับ""อย่าพึ่งซ้ำเติมกันได้ไหมตาเดช"สิทธิเดชไม่วายหยอกคนเป็นแม่เล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพราะไม่ได้ห่วงอะไรลูกสาวมากนักด้วยไฟล์บินก็เช็กได้ว่าไปที่ไหนที่พักก็น่าจะหาไม่ยากเช่นกันนฤดีที่ทนกังวลใจต่อไปไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะติดต่อทอฝันเพื่อที่จะขอคุยกับเฟื่องฟ้าถึงสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดในตอนนี้"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่"เฟื่องฟ้าเห็นหน้านฤดีได้ก็รีบเอ่ยให้เพื่อนเธอนั้นหายกังวลเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงแล้ว"หา...แต่งตอนไหน"คำพูดของเฟื่องฟ้าทำนฤดีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเรื่องแต่งงานหลานเธอไม่เห็นเคยพูดให้ฟังสักคำ"ค่อยไปถามหลานสาวตัวเองเองแล้วกัน""ฉันงงไปหมดแล้วตอนนี้""เอาเป็นว่าไม่นานเดี๋ยวสองคนนั้นก็ลงเอยกันด้วยดี"เฟื่องฟ้าบ
"ครับคุณป้า..เธอมาหาผมแล้วครับ...ผมขออนุญาตดัดนิสัยสักหน่อยนะครับ"น่านน้ำรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันหนึ่งจะมาที่นี่เพราะวิริยาโทรมาอธิบายกับเขาทุกอย่างว่าวันหนึ่งเข้าใจผิดเรื่องอะไรและตอนนี้เขาก็ไม่คิดถือโทษเธอแล้วแต่อยากจะแกล้งเพื่อดัดนิสัยหญิงสาวบ้างจะได้รู้ว่าการถูกพูดหรือกระทำไม่ดีใส่มันรู้สึกอย่างไร และก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ลืมโทรไปย้ำกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นหมอสายน้ำเอื้องฟ้าหรือไออุ่นว่าถ้าวันหนึ่งไปขอความช่วยเหลืออะไรห้ามช่วยทุกอย่างวันหนึ่งขับรถมาถึบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มได้เธอก็ลองเข้าครัวอีกสักตั้งเพราะยังไงก็จะพยายามง้อน่านน้ำให้สำเร็จ หญิงสาวอยู่ในครัวนานสองนานเพื่อที่จะทำปลาทับทิมนึ่งและน้ำจิ้มรสเด็ดที่น่านน้ำนั้นชอบเมื่อทำเสร็จนำมาวางที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยน่านน้ำก็กลับมาพอดี"กลับมาแล้วเหรอคะหนึ่งเตรียมอาหารเย็นไว้ให้พ่อเลี้ยงพึ่งเสร็จเลยนะคะ""ผมมีปิ่นโตของผมแล้ว.."คนตัวโตชูปิ่นโตเถาใหญ่ที่ถือกลับมาจากโรงครัวในไร่ให้วันหนึ่งได้เห็น จนวันหนึ่งเริ่มหน้าเจื่อนอีกครั้งที่ถูกน่านน้ำปฏิเสธอาหารของเธอ"อ่อ...ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไปผมจะไปนอนที่บ้านท้ายไร่""ถ้าถึงขนาดที่ไม่อยากจะอยู่
“หนึ่งจะทำให้ได้ค่ะคุณย่า”วันหนึ่งพูดด้วยแววตาและน้ำเสียงที่แน่วแน่ดูซิทั้งสาวทั้งสวยอย่างเธอหรือจะมัดใจชายชาวไร่ไม่ได้ก็ให้มันรู้กันไปคุณหนูนักเรียนนอกที่พึ่งเรียนจบอย่าง วันหนึ่ง พิวัฒน์วรวงค์ ลูกสาวคนเดียวของสิทธิเดชและวิริยา พิวัฒน์วรวงค์เจ้าของธุรกิจจิวเวอร์รี่เพชรพลอยรายใหญ่ของประเทศเลือกที่จะเดินทางขึ้นเหนือมาตามคำทำนายที่ว่าเธอจะต้องรีบมีสามีภายในเวลาหกเดือนหลังเรียนจบวันหนึ่งเป็นหญิงสาวตัวกระเปี๊ยกหุ่นบางร่างน้อยผิวขาวอมชมพูผมลอนฟาร่าสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังใบหน้ารูปไข่คิ้วบางได้รูปดวงตากลมโตมีแก้มเล็กน้อยปากนิดจมูกหน่อย นิสัยค่อนข้างเป็นยัยคุณหนูที่แอบซนเชื่อมั่นในตัวเองสูง เธอรักในการดูดวงและการที่ดำเนินชีวิตตามดวงเธอไม่ได้มีความเชื่อมาจากพ่อหรือแม่แต่ได้มาจากคนเป็นย่าอย่างนฤดีที่เชื่อเรื่องนี้มากและเป็นคนเลี้ยงหลานเองวันหนึ่งจึงได้รับการปลูกฝังมาเช่นนี้ณ บ้านไม้ยกสูงสองชั้นหลังขนาดกลางข้างบ้านเป็นสวนผักร่มรื่นน่าอยู่แห่งนี้อยู่ที่แถวชนบทของจังหวัดน่านเป็นบ้านของอุไรและไออุ่นสองแม่ลูกที่เคยอยู่กับนฤดีเมื่อครั้งที่วันหนึ่งยังเล็กๆ“คุณท่านแน่ใจนะคะว่าจะปล่อยให้คุณหนูทำตามแ
“ปิ่นโตค่ะพ่อเลี้ยง..ตอนนี้แม่ยังเดินไม่ค่อยไหวค่ะแต่ก็กินอะไรได้มากกว่าเดิมค่ะ”ไออุ่นวางปิ่นโตที่แม่เธอฝากเอามาให้น่านน้ำที่โต๊ะไม้สักใหญ่หน้าบ้านของพ่อเลี้ยงหนุ่มทั้งทักทายเจ้านายด้วยรอยยิ้มกว้างนับว่าวันนี้เธอโชคดีที่มาทันก่อนที่เขาจะออกไปข้างนอก“ว่างๆผมจะเข้าไปเยี่ยม”วันหนึ่งชะเง้อมองชายหนุ่มเบิกดวงดวงตากลมโตจ้องมองคนหล่อร่างกำยำทั้งริมฝีปากบางยังยกยิ้มเล็กน้อยปลื้มใจที่ผู้ชายในคำทำนายดูดีราวกับดารานายแบบแม้นเขาจะมีผิวคล้ำดำแดดบ้างก็ยังดูดีอยู่ดีแบบนี้เธอค่อยมีกำลังใจที่จะพิชิตหัวใจของเขาหน่อย“ขอบคุณค่ะ…เอ่อ..พ่อเลี้ยงคะนี่วันหนึ่งญาติห่างๆอุ่นเองค่ะว่าจะพามาสมัครเป็นแม่ครัวแทนแม่ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงได้แม่ครัวใหม่หรือยังคะ”คนที่ถูกแนะนำยืนยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงเธอพยายามทำตัวเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้ทั้งท่องภาวนาในใจว่าให้เขานั้นรับเธอเข้าทำงานได้อย่างง่ายดายเรื่องทุกอย่างต่อจากนี้จะได้ง่ายขึ้น“อ่อ..ก็..”พ่อเลี้ยงหนุ่มมองไปยังคนที่ยิ้มไม่หุบแอบทั้งที่เขาก็หลบสายตาของเธออยู่หลายหนคิดในใจว่าเธอยังเป็นคนปกติดีอยู่หรือเปล่า“หนึ่งทำกับข้าวได้ทุกอย่างเลยนะคะพ่อเลี้ยงแถมยังทำงาน
"ญาติห่างๆอุ่นเองจ่ะพี่เอื้องชื่อวันหนึ่ง""แล้วพ่อเลี้ยงรับทำงานแล้วหรือไงถึงได้มาป้วนเปี้ยนที่นี่ก็รู้นี่ว่าพ่อเลี้ยงไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามที่นี่"คำพูดคำจาจีบปากจีบคอของเอื้องฟ้าทำวันหนึ่งเริ่มขมวดคิ้วเพราะดูออกว่าผู้หญิงหน้าสวยผิวน้ำผึ้งคนนี้ไม่มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย"ใช่จ่ะ""ฝากปิ่นโตไว้ให้พ่อเลี้ยงด้วยละกัน"เอื้องฟ้ายื่นปิ่นโตให้ไออุ่นพร้อมตวัดหางตามองวันหนึ่งแสดงออกให้หญิงสาวรู้ว่าตนไม่ชอบหน้าก่อนจะหันหลังสะบัดก้นเดินออกไป"ใครอะพี่อุ่นหน้าตาก็สวยนะแต่สายตาดูไม่เป็นมิตรเลย""พี่เอื้องฟ้าน่ะลูกลุงคำอ้ายผู้จัดการไร่ส่วนแม่เธอคือป้าดอกสร้อยแม่ครัวที่ไร่""อ๋อ..ก็เหมือนใหญ่ในไร่นี้งี้เหรอ""ก็ไม่ถึงขนาดนั้นแต่แค่เธอน่าจะชอบพ่อเลี้ยงเท่าที่พี่ดูแล้วเธอก็ไม่น่าจะชอบให้สาวๆมาอยู่ใกล้พ่อเลี้ยงล่ะมั้ง"ประโยคนี้ไออุ่นต้องกระซิบกระซาบกับวันหนึ่งด้วยรู้ว่าชนบทแห่งนี้หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง"อย่างนี้นี่เอง""ห่างเธอได้ก็ให้ห่างไว้เพราะน้อยคนที่นี่ที่จะชอบนิสัยเธอที่ทุกคนเกรงใจก็เห็นว่าเป็นลูกลุงคำอ้ายกับป้าสร้อยเท่านั้น"วันหนึ่งรู้แบบนี้คนที่เธอจะมองเป็นคู่แข่งคนแรกก็เห็นจะเป็นเอื้องฟ
“พ่อมีคนมาหา”ทรงพลลูกชายคนเดียวของทรงยศจอมอันธพาลในย่านนี้ที่ใครๆก็รู้จักดีเดินนำหน้าน่านน้ำขึ้นมาทีเรือนไม้ในห้องทำงานคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจพอสมควรเพราะน้อยครั้งนักที่คนของไร่เพชรพนาจะมาที่นี่แถมวันนี้ยังเป็นพ่อเลี้ยงของไร่เป็นคนมาเองด้วย“อ้าว..พ่อเลี้ยงทำไมถึงมาที่นี่กะทันหันได้หรือตัดสินใจได้แล้วว่าจะขายที่ให้ผม..อย่างว่าแหละน้าเด็กหนุ่มไฟแรงคนกรุงเทพอย่างคุณหรือจะมาทำสวนทำไร่”ทรงยศเสี่ยใหญ่ร่างท้วมรีบเข้ามาทักทายน่านน้ำหน้าระรื่นที่เห็นพ่อเล้ยงหนุ่มมาหาถึงที่ในยามเย็นเช่นนี้“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเสี่ยก็อย่าคิดเองเออเองสิครับ...ผมไม่ได้อยากมาเหยียบที่นี่แต่ที่ต้องมาเพราะผมจะมาถามให้แน่ใจว่าสวนป่าของผมที่ถูกไฟไหม้เสี่ยไม่เกี่ยวข้องใช่หรือเปล่าครับเพราะผมคิดว่าคนอย่างเสี่ยคงจะไม่ใช้วิธีหมาลอบกัด”น่านน้ำยืนจ้องหน้าทรงยศด้วยสายตาและท่าทีที่ไม่ได้ให้ความเคารพเท่าไรเพราะเขาเชื่อว่าฝีมือการเผาสวนป่าก็คงไม่พ้นเป็นคนของทรงยศเพราะเป็นคนเดียวที่อยากได้ที่ของเขานักหนาและขึ้นชื่อเรื่องการเล่นสกปรกเป็นที่สุดด้วยไร่หลายที่ในจังหวัดน่านทรงยศก็ได้มาจากการคดโกงหรือไม่ก็ใช้อำนาจเงินและอิทธ
"กลับมาแล้ว"วันหนึ่งที่ขึ้นมาเดินเล่นบนชานบ้านเพื่อดูหมู่ดาวบนท้องฟ้าเมื่อได้เห็นรถกระบะสีดำขับเข้ามาเธอก็จำได้ว่าเป็นรถน่านน้ำจึงรีบวิ่งลงมารับหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มทันที"ทำไมยังไม่ไปพักผ่อน"น่านน้ำเปิดประตูลงจากรถได้ก็ขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กในชุดนอนเจ้าหญิงสีชมพูปล่อยผมสยายด้วยแววตาฉงนว่าเธอมาทำอะไรตรงนี้เพราะตอนนี้ดึกพอสมควร"รอพ่อเลี้ยงกลับมาก่อนค่ะ"สาวเจ้าฉีกยิ้มตอบเสียงใส"อุ่นไม่ได้บอกหรือไงว่าไม่ต้องรอ"คนที่ถูกถามไม่ได้สนใจคำถามสักนิดเธอค่อยๆเดินเข้าไปเพ่งมองหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มใกล้ๆก็เห็นว่าใบหน้าของเขาเขียวช้ำแถมริมฝีปากยังมีรอยแตกเลือดซิบอีกต่างหาก"หน้าพ่อเลี้ยงเป็นอะไรคะทำไมช้ำแบบนั้น...เข้าบ้านก่อนค่ะเดี๋ยวหนึ่งทำแผลให้"วันหนึ่งรีบดึงมือน่านน้ำเข้าไปในบ้าน พฤติกรรมของหญิงสาวทำน่านน้ำตกใจพอสมควรเพราะน้อยคนนักที่จะเข้าถึงเนื้อถึงตัวของเขา"ไปมีเรื่องกับใครมาเหรอคะ"วันหนึ่งหยิบกล้องปฐมพยาบาลมาวางตรงหน้าน่านน้ำก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆชายหนุ่มเธอเอาแต่มองรอบๆหน้าของคนบาดเจ็บด้วยสายตาที่เป็นห่วงทั้งยังอยากรู้ว่าเขาไปทำอะไรมากันแน่ถึงได้มีสภาพกลับมาเช่นนี้"คุณไปพักเถอะผมทำแผลเองไ