วันหนึ่งมาถึงงานช่วงกลางคืนได้พักใหญ่ก็แยกตัวออกจากน่านน้ำออกมาเดินเล่นกับน้ำผึ้งเพราะรู้สึกตื่นเต้นอยากดูเก็บรายละเอียดพิธีกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"นี่อะไรอะผึ้ง"
วันหนึ่งจ้องมองไปยังแก้วไม้ไผ่เล็กๆที่วางบนถาดในมือของน้ำผึ้งอยากรู้นักว่าน้ำใสๆในแก้วที่น้ำผึ้งคอยเอาไปเสริฟเหล่าผู้ชายที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่หลายครั้งแล้วคืออะไร
"ลองชิมดูสิคะ"
"อืมม..อ่าาา..ขมจัง"
วันหนึ่งรีบคว้าแก้วในถาดมากระดกอึกใหญ่พอหมดแก้วได้ก็มีสีหน้าเหยเกเพราะรู้สึกว่าไอ้น้ำใสๆที่ดื่มไปเมื่อครู่ทั้งขมทั้งบาดคอ
"กลืนไปอึกใหญ่เลยเหรอคะเดี๋ยวก็เมาหรอกค่ะ..นั่นเหล้าต้มของพ่อผึ้งเองแรงมากเลยนะคะ"
น้ำผึ้งรีบหยิบแก้วในมือของวันหนึ่งมาถือเอาไว้ทั้งยังมีสีหน้าตกใจที่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะยกไปกระดกหมดแก้วทีเดียวแบบนั้นทั้งที่ผู้ชายที่คุ้นเคยกับเหล้าต้มที่นี่นังค่อยๆจิบทีละนิด
"อ้าว..ก็ไม่บอกพี่ว่ามันคือเหล้า"
“ก็ไม่คิดว่าจะกระดกจนหมดแบบนั้นนี่คะ”
น้ำผึ้งรู้ได้เลยว่าหลังจากนี้อีกไม่กี่นาทีวันหนึ่งได้เมาแอ๋แน่นอนและแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆหลังจากที่วันหนึ่งดื่มเหล้าต้มที่ได้ชื่อว่าแรงมากเธอก็หน้าแดงตาเยิ้มลอยเริ่มเดินสะเปะสะปะไปยังหน้าบ้านของคู่บ่าวสาวที่พึ่งเข้าหอกันไป
"นี่อาราย"
"สร้อยไม้มงคลค่ะทั้งเส้นทำด้วยไม้มงคลทั้งนั้นเอาไว้ห้อยคอเจ้าบ่าวเจ้าสาวตอนเข้าพิธีแต่งงานค่ะ"
น้ำผึ้งอธิบายให้หญิงสาวที่ยืนจับสร้อยไม้ประคำที่ลงอักขระมงคลไว้ทุกเม็ดของคู่บ่าวสาวที่แขวนเอาไว้หน้าบ้านเป็นสัญลักษณ์ว่าบ้านหลังนี้มีคู่บ่าวสาวกำลังเข้าหอ
"ขอใส่หน่อยนะ"
คนเมาที่ทำอะไรไม่ค่อยมีสติก็เริ่มเอาสร้อยมาใส่คอตัวเองและดึงอีกเส้นเอาไว้ในมือรีบวิ่งไปยังกลางวงที่มีชาวบ้านกำลังเต้นรำใกล้ๆกองไฟกองใหญ่
"พี่หนึ่งคะไม่ใช่ของใส่เล่นค่า"
น้ำผึ้งรีบวางของในมือลงและวิ่งตามหลังวันหนึ่งไปแต่ก็ไม่ทันแล้วตอนนี้คนตัวเล็กที่กำลังเมาเข้าไปกลางวงเหล่าชาวบ้านที่เต้นรำกันอยู่
“หนึ่ง..ทำอะไรออกมานี่เลย”
น่านน้ำที่เห็นวันหนึ่งทำอะไรทะเล่อทะล่าเกือบจะทำลายพิธีกรรมก็รีบเข้าไปหาหญิงสาวและลากเธอออกมาจากวงล้อมทันที
"พ่อเลี้ยงเอาไปใส่ค่ะ"
คนมือเร็วรีบคล้องสร้อยในมือให้กับพ่อเลี้ยงหนุ่ม
"โอ้ย...จะบอกยังไงดีล่ะเนี่ย"
น้ำผึ้งที่เห็นเช่นนั้นก็ตะลึงงันทำอะไรไม่ถูกเพราะพิธีกรรมของคนที่นี่หากหลังจากคู่บ่าวสาวคู่แรกเข้าหอไปแล้วคนที่จะแต่งงานคู่ต่อไปก็ต้องเอาสร้อยของบ่าวสาวไปใส่ภายในเวลาที่ชาวบ้านยังล้อมวงเต้นรำในคืนแต่งงานของคู่บ่าวสาวคู่แรก
"ยินดีด้วยนะพ่อเลี้ยงเจ้าสาวน่ารักน่าชังจริงๆ"
เหล่าคนในหมู่บ้านที่เต้นรำล้อมวงกันคราแรกก็เริ่มกรูเข้ามาล้อมสองหนุ่มสาวและเอ่ยแสดงความยินดีจนน่านน้ำเริ่มขมวดคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขานั้นกล่าว
“ห้ะ”
"เต้นๆๆ..รำๆ"
คนตัวเล็กยังคงเต้นเก้ๆกังๆทำท่าตามคนในหมู่บ้านที่ล้อมรอบตัวเธอเอาไว้น่านน้ำรีบกวาดสายตาหาคำปันเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่ชาวบ้านทำเท่าไร
“ไหนบอกว่าเป็นแค่แม่ครัวไง”
คำปันที่เห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มไปอยู่กลางวงได้ก็จ้องมองอย่างสงสัยเพราะไม่คิดว่าน่านน้ำจู่ๆคิดจะมาแต่งงานกับคนที่บอกว่าเป็นแค่แม่ครัว
“แสดงว่าที่น้ำผึ้งคิดเป็นเรื่องจริง”
ภูผากอดอกจ้องมองไปยังคนทั้งสองในวงล้อมเท่ากับว่าสิ่งที่น้องสาวของเขาพูดเป็นเรื่องจริง
“เรื่องอะไร”
คำปันหันมามองหน้าลูกชายตนด้วยสีหน้าสงสัย
“น้ำผึ้งเห็นสองคนนั้นทำตัวใกล้ชิดกันบ่อยๆเมื่อวานฉันยังเห็นพ่อเลี้ยงแบกพี่หนึ่งไปเดินเล่นที่น้ำตกอยู่เหมือนกัน”
“ก็คงจะเป็นคนรักกันแต่ไม่กล้าบอกเราตรงๆล่ะมั้ง”
คำปันรู้เช่นนี้ก็เอาแต่ยิ้มยินดีกับสองหนุ่มสาวและนั่งดูจนทั้งสองถูกคนในหมู่บ้านเต้นรำล้อมรอบจนครบสามรอบเป็นอันเสร็จสิ้นการแต่งงานของทั้งคู่
น่านน้ำแบกคนที่เมากลับมาที่กระท่อมท้ายหมู่บ้านเมื่อเข้าใกล้รุ่งสางเขาพึ่งรู้จากคำปันเมื่อก่อนหน้าที่จะกลับนี้เองว่าเขาได้เข้าพิธีแต่งงานกับวันหนึ่งไปเสร็จสิ้นแล้ว นึกว่าตัวเองรู้พิธีกรรมในหมู่บ้านดีแล้วเสียอีกจนได้คำตอบจากคำปันว่าการที่วันหนึ่งใส่สร้อยเจ้าสาวและเอาสร้อยเจ้าบ่าวมาคล้องให้เขาหลังจากที่บ่าวสาวคู่แรกเข้าห้องหอไปจะกลายเป็นว่าเขาและวันหนึ่งต้องการแต่งงานกัน และที่คนในหมู่บ้านมาร่วมล้อมวงเต้นรำรอบๆเขาและหญิงสาวจนครบสามรอบเท่ากับว่าเสร็จสิ้นพิธีการแต่งงาน คำปันเองก็พึ่งจะรู้เมื่อเสร็จพิธีแล้วเหมือนกันว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเข้าพิธีแต่งงาน
“สร้างเรื่องอะไรไว้จะรู้ตัวหรือเปล่า"
เมื่อวางคนที่เมาจนตัวแดงลงที่นอนเธอได้เขาก็จ้องมองหน้าคนสร้างเรื่องครู่หนึ่งก่อนจะไปจัดที่หลับที่นอนของตัวเอง
"โอ้ย.. ปวดหัวจัง"
วันหนึ่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาช่วงสายของอีกวันเธอรู้สึกหนักหัวอยู่พอสมควรและจำไม่ได้ด้วยว่าเมื่อคืนกลับมาที่กระท่อมอย่างไรเมื่อจะหันไปถามคนที่คอยนอนเฝ้าอยู่ข้างๆก็กลับไม่เห็นว่าเขานั้นอยู่ที่นี่ ที่หลับที่นอนของเขาก็ถูกเก็บเข้ามุมเรียบร้อยแล้วด้วย
คนตัวเล็กลงจากกระท่อมไปล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยพอขึ้นมาจึงเห็นน่านน้ำนั่งรอด้วยสีหน้าระรื่นอยู่ที่หน้าชานกระท่อมแล้ว
"พ่อเลี้ยงไปไหนมาคะ"
"ผมไปหาลุงคำปันมาตอนนี้พวกเสี่ยทรงยศถูกตำรวจรวบแล้วเราจะได้กลับบ้านกันแล้ว"
"จริงเหรอคะ"
สาวเจ้าดีใจจนหน้าบานเช่นเดียวกับพ่อเลี้ยงหนุ่มรู้แบบนี้ก็โล่งใจที่คนชั่วจะได้รับการลงโทษเสียทีและเธอก็จะได้กลับไปหาย่าและไม่มีชื่อว่าได้ตายไปแล้วเสียที
"แล้วกลับมาเที่ยวหาผึ้งบ้างนะคะพี่หนึ่ง"
"ถ้ามีโอกาสพี่จะมาแน่นอน"
"โชคดีนะคะ"
หลังจากที่ร่ำลากันได้พักใหญ่ตอนนี้วันหนึ่งและน่านน้ำก็จะได้เตรียมตัวออกจากหมู่บ้านกันเสียทีโดยมีคำปันเป็นคนนำทางกลับ
"หลานย่าเป็นยังไงบ้างลูก..นี่แผลหนูเหรอต้องเจ็บมากแน่ๆใช่ไหม"
นฤดีเห็นหลานสาวตัวเองกลับมาได้ก็โผเข้ากอดแน่นน้ำตาคลอด้วยเป็นห่วงวันหนึ่งแทบขาดใจ น่านน้ำที่เห็นภาพเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิดที่เขานั้นเป็นส่วนหนึ่วที่ทำให้หญิงสาวได้รับอันตราย
"ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ"
"ผมต้องขอโทษคุณย่าด้วยนะครับที่หนึ่งต้องมาเจ็บตัวก็เพราะผม"
"ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกคนชั่วพวกนั้นต่างหากที่ผิด"
นฤดีไม่ได้คิดโกรธอะไรน่านน้ำแม้แต่น้อยยังนึกขอบคุณชายหนุ่มเพราะได้ยินจากปากของไออุ่นว่าเขาดูแลหลานเธอเป็นอย่างดี
"ผมจะให้หนึ่งพักสักอาทิตย์นะครับแล้วผมจะมีสินน้ำใจปลอบใจให้เธอด้วย"
"ขอบคุณค่ะพ่อเลี้ยง"
วันหนึ่งยิ้มปลื้มปริ่มที่น่านน้ำไม่เคยลืมว่าใครมีบุญคุณด้วยแม้จะเป็นเพียงแค่แม่ครัวตัวเล็กๆอย่างเธอคุณสมบัติที่ดีแบบนี้เหมาะแล้วที่จะเป็นพ่อของลูกเธอในอนาคต
"ช่วงนี้คุณย่าเป็นยังไงบ้างครับ"
เมื่อคุยธุระเรื่องของวันหนึ่งจบน่านน้ำก็หันมาถามเรื่องสุขภาพของย่าหญิงสาวต่อเพราะรู้มาตั้งแต่วันหนึ่งเข้าทำงานกับเขาแล้วว่าย่าของเธอป่วยกระเสาะกระแสะ
"อ๋อ..ฉันสบายดีค่ะสบายมากเลย"
นฤดีตอบกลับพ่อเลี้ยงหนุ่มเสียงชัดแจ๋วเธอเป็นคนมีอายุที่แข็งแรงไม่เป็นอะไรง่ายๆอยู่แล้วข้อนี้ที่เธอภูมิใจเพราะไม่ได้เป็นคนแก่ที่เป็นภาระลูกหลาน
"แต่หนึ่งบอกว่าคุณย่าป่วยหลายโรคแถมยังหลงๆลืมๆ"
คำตอบของนฤดีทำน่านน้ำเริ่มขมวดคิ้วและนฤดีเองก็ตกใจกับคำพูดของน่านน้ำเช่นกัน
"หา.."วันหนึ่งเริ่มหน้าเสียและขยิบตาเล็กน้อยเพื่อให้ย่าเธอได้รู้ว่าควรตามน้ำไปก่อน"อ..อ๋อ..ใช่..ค่ะฉันป่วย..โอ้ยฉันก็ขี้หลงขี้ลืมอย่างนี้นั่นแหละค่ะ""รักษาสุขภาพด้วยนะครับถ้าอยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยตอบแทนที่หนึ่งช่วยชีวิตผมเอาไว้""ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยงใจดีจริงๆ"แววตาของนฤดีมีแววชื่นชมว่าที่หลานเขยคนนี้พอสมควร"ผมขอตัวกลับไร่ก่อนนะครับ..""บ๊ายบายค่ะพ่อเลี้ยง"คนที่หันหลังกลับไปแล้วหยุดชะงักฝีเท้าและหันมายิ้มให้คนที่เอ่ยลาเสียงเจื้อยแจ้วก่อนจะรีบขับรถกลับไปที่ไร่เพราะมีหลายอย่างเกี่ยวกับคดีของปู่ที่เขาจะต้องไปพูดคุยกับตำรวจ"สายตาที่เค้ามองหลานย่าดูเยิ้มเป็นพิเศษนะ"หลังจากพ่อเลี้ยหงนุ่มให้หลังไปได้นฤดีก็เอ่ยหยอกลานสาวตนถึงเรื่องที่ดูสายตาของน่านน้ำออก"หนึ่งบอกชอบเค้าไปแล้วค่ะ""งั้นเหรอแล้วเค้าว่าไงลูก""เค้าน่าจะไม่เชื่อค่ะให้หนึ่งถามตัวเองให้แน่ใจก่อนเพราะยังไม่เห็นอีกหลายๆมุมของเค้าแล้วอีกสามเดือนค่อยมาพูดอีกทีว่าชอบเค้าจริงๆหรือเปล่า""ย่ามองออกว่าเค้าชอบหลานย่าแล้วแต่เราล่ะชอบเค้าจริงๆหรือพูดแบบนั้นไปเพราะคำทำนาย"ไม่ใช่น่านน้ำที่ยังไม่คิดว่าวันหนึ่งชอบตัวเองได้จริงๆนฤดีเอง
"พี่เอื้อง..หยุดฟังหนึ่งก่อน""ไม่ฟัง"เอื้องฟ้าสะบัดมือของวันหนึ่งทิ้ง"หนึ่งกับพี่สายเป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ"วันหนึ่งจึงต้องโพร่งประโยคสำคัญออกมาเพื่อรั้งให้เอื้องฟ้านั้นฟังเธอให้ได้และมันก็ได้ผลเอื้องฟ้าหันมาขมวดคิ้วมองหน้าวันหนึ่งด้วยท่าทีแปลกใจกับสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อครู่"ว่าไงนะ"“เรื่องมันอาจจะยาวสักหน่อยแต่หนึ่งจะเล่าความจริงให้พี่เอื้องฟังค่ะ”วันหนึ่งใช้เวลาอธิบายตั้งแต่ว่าเธอเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่รวมถึงภาพเมื่อครู่ที่เอื้องฟ้าเห็นเธอกับสายน้ำไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าพี่น้อง"เชื่อเรื่องดวงขนาดนี้เลยเหรอ"เอื้องฟ้าพอจะเข้าใจได้เรื่องที่วันหนึ่งกับสายน้ำเป็นอะไรกันแต่มาแปลกใจตรงที่หญิงสาวเชื่อเรื่องดวงมากจนทิ้งชีวิตคุณหนูมาเป็นแม่ครัวอยู่บ้านไร่เพียงเพราะคำทำนายของหมอดู"ค่ะ..คุณย่ากับหนึ่งเดินตามดวงกันมานานแล้วพวกเราเชื่อเรื่องนี้กันมากจริงๆ""ก็คงจะจริงไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ทิ้งชีวิตคุณหนูมาลำบากแบบนี้หรอก...แล้วหมอสายน้ำล่ะเดินตามดวงอะไรด้วยหรือเปล่า""ไม่เกี่ยวค่ะพี่สายน้ำแค่อยากหาที่สงบอยู่เท่านั้นหนึ่งก็พึ่งรู้ว่าพี่สายน้ำอยู่ที่นี่วันที่พี่สายน้ำพาหนึ่งไปฉีดวัคซีนวัว
"หนึ่งว่าบ้านพ่อเลี้ยงน่าอยู่มากๆแล้วที่นี่ดูน่าอยู่มากกว่าอีกนะคะบ้านหลังเล็กๆกับวิวที่สวยสุดยอดเลย"วันหนึ่งเดินดูรอบบ้านด้วยท่าทีตื่นเต้นบ้านหลังเล็กนี้เหมือนบ้านพักในฝันที่เคยเคยคิดอยากจะสร้างก็ว่าได้"ผมสร้างที่นี่เพื่อเอาไว้พักผ่อนเงียบๆ...แต่เป็นเพราะงานที่ยุ่งก็เลยไม่ได้มานานแล้ว""หนึ่งขอมาที่นี่บ่อยๆได้ไหมคะ""ได้อยู่แล้ว...ผมว่าจะให้คุณแบ่งเวลามาทำความสะอาดที่นี่บ้างแต่ไม่ได้ใช้ฟรีผมจะให้เงินพิเศษเพิ่ม""ว้า.. นึกว่าอยากพามาสวีทแต่อยากให้มาทำงานบ้านซะงั้น""เบื่อที่จะเป็นแม่ครัวแม่บ้านให้ผมแล้วหรือไง""เปล่าค่ะ...ได้อยู่ใกล้พ่อเลี้ยงหนึ่งเป็นอะไรก็ได้ค่ะ"พ่อเลี้ยงหนุ่มวาดมือหนายีหัวทุยเล่นด้วยท่าทีเอ็นดูคนตัวเล็กเป็นพิเศษที่ขยันหยอดคำหวานกับเขาได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน"ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อนคุณคงได้ไปสมัครเรียนแล้ว""ไว้รอไปสมัครตอนเค้าเปิดรับอีกทีก็ได้ค่ะหนึ่งไม่รีบ...แต่ดูท่าเหมือนพ่อเลี้ยงจะรีบกว่าหนึ่งนะคะ""คุณอายุยังน้อยถ้าเรียนได้วุฒิสูงๆยังสร้างประโยชน์อะไรได้มากกว่ามาทำงานเป็นแม่บ้านดีไม่ดีคุณอาจจะกลายเป็นบัญชีฝีมือดีหรือไม่อาจจะบริหารองค์กรใหญ่ๆได้เลยก็ได้"น่านน
"หนึ่ง.. จะไปไหนแล้วร้องให้ทำไม"สายน้ำที่ขับรถATVคันเก่งจะไปดูแกะในฟาร์มช่วงสายขณะที่กำลังขับไปที่ฟาร์มเห็นว่าเป็นวันหนึ่งเดินอยู่จึงได้เข้าไปทักแต่เขาก็ต้องหน้าเสียเมื่อเห็นน้องสาวตนนั้นร้องให้จนหน้าตาแดงก่ำไปหมด"พี่สายพาหนึ่งออกไปจากไร่ได้ไหมคะ..ฮือๆๆ"มือเรียวยกปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะกระโดดขึ้นหลังรถหมอหนุ่ม จนสายน้ำต้องละงานไปก่อนและพาวันหนึ่งมาสงบอารมณ์ที่คลินิกของเขา"เป็นอะไรบอกพี่ได้หรือเปล่า"สายน้ำเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เอาแต่กอดหมอนร้องให้อยู่บนโซฟาโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง"หนึ่ง..ฮึก..ฮือๆๆ..เสียใจขออยู่เงียบๆ..ฮือๆๆ""โอเคๆ..งั้นก็พักที่นี่ก่อนแล้วกันพี่จะไปตรวจเจ้าแกะที่ฟาร์มต่อ""ฮือๆ..อย่าบอกใครนะคะ..ฮือๆ..ๆ..ว่าหนึ่งอยู่ที่นี่""ได้พักให้สบายใจได้เลย"ถึงสายน้ำจะคาใจกับอาการเสียใจของวันหนึ่งพอสมควรแต่ก็ไม่เลือกที่จะเค้นถามอะไรในเมื่อคนอย่างวันหนึ่งถึงขั้นร้องให้ฟูมฟายขออยู่คนเดียวคงเป็นเรื่องปวดใจมากแน่คิดว่ารอให้น้องสาวของเขาอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยจะดีกว่าน่านน้ำคุยกับกวินตราจนหญิงสาวสบายใจจนกลับไปได้ตอนนี้ก็เป็นฝ่ายน่านน้ำที่กังวลใจเพราะหาแม่ครัวตัวเล็กของตัวเองไม่เจอโท
นฤดีจำต้องทำตัวเป็นนางเล่าเรื่องให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้กระจ่างถึงความจริงว่าเธอและวันหนึ่งไม่ได้ไปบวชอย่างที่ว่าแต่พาหลานไปหาคู่ตามคำทำนาย วิริยาได้ฟังทั้งหมดก็แทบจะลมจับเธอว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก"คุณแม่ไม่ได้ไปบวชแต่พาหลานไปหาคู่เหรอคะ!...คุณแม่จะพายัยหนึ่งงมงายเกินไปแล้วนะคะ""ผมว่าแล้วจะต้องมีเรื่องอะไรให้ปวดหัว"สิทธิเดชยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดเผื่อใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าแม่ตนต้องพาลูกสาวไปทำอะไรพิเลนๆอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ"เอาน่าจะว่าอะไรแม่ก็ช่างเถอะ...แต่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยัยหนึ่งก่อนว่าเป็นอะไรถึงได้หนีกลับมาดื้อๆแบบนี้""หนึ่งลูก..คุณย่ากลับมาแล้วนะลูกออกมาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า""หนึ่งอยากอยู่คนเดียวอย่าพึ่งมายุ่งกับหนึ่งได้ไหมคะ"เมื่อคุยกันจบทั้งวิริยาและนฤดีก็มาเคาะห้องของวันหนึ่งแต่ก็ต้องเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกันทั้งคู่เพราะทำยังไงเจ้าของห้องก็ไม่ยอมออกมาคุยได้"คุณแม่แน่ใจนะคะว่ายัยหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ"วิริยาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้นไม่มีอาการเป็นแบบนี้แน่ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่สามี
วันต่อมา"ยัยหนึ่งไปอิตาลีค่ะคุณแม่"เช้านี้ทุกคนในบ้านต่างก็ต้องปวดหัวกันอีกรอบเมื่อวันหนึ่งเลือกที่จะหนีไปอิตาลีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวคนในบ้านก่อนได้แต่เพียงเขียนจดหมายเอาไว้ให้เท่านั้น"หลานคนนี้นี่มีอะไรทำไมไม่พูดกันนะ"นฤดีบ่นอุกด้วยดูท่าหลานเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองใหญ่แล้ว"ใครเลี้ยงก็เหมือนคนนั้นแหละครับ""อย่าพึ่งซ้ำเติมกันได้ไหมตาเดช"สิทธิเดชไม่วายหยอกคนเป็นแม่เล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพราะไม่ได้ห่วงอะไรลูกสาวมากนักด้วยไฟล์บินก็เช็กได้ว่าไปที่ไหนที่พักก็น่าจะหาไม่ยากเช่นกันนฤดีที่ทนกังวลใจต่อไปไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะติดต่อทอฝันเพื่อที่จะขอคุยกับเฟื่องฟ้าถึงสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดในตอนนี้"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่"เฟื่องฟ้าเห็นหน้านฤดีได้ก็รีบเอ่ยให้เพื่อนเธอนั้นหายกังวลเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงแล้ว"หา...แต่งตอนไหน"คำพูดของเฟื่องฟ้าทำนฤดีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเรื่องแต่งงานหลานเธอไม่เห็นเคยพูดให้ฟังสักคำ"ค่อยไปถามหลานสาวตัวเองเองแล้วกัน""ฉันงงไปหมดแล้วตอนนี้""เอาเป็นว่าไม่นานเดี๋ยวสองคนนั้นก็ลงเอยกันด้วยดี"เฟื่องฟ้าบ
"ครับคุณป้า..เธอมาหาผมแล้วครับ...ผมขออนุญาตดัดนิสัยสักหน่อยนะครับ"น่านน้ำรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันหนึ่งจะมาที่นี่เพราะวิริยาโทรมาอธิบายกับเขาทุกอย่างว่าวันหนึ่งเข้าใจผิดเรื่องอะไรและตอนนี้เขาก็ไม่คิดถือโทษเธอแล้วแต่อยากจะแกล้งเพื่อดัดนิสัยหญิงสาวบ้างจะได้รู้ว่าการถูกพูดหรือกระทำไม่ดีใส่มันรู้สึกอย่างไร และก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ลืมโทรไปย้ำกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นหมอสายน้ำเอื้องฟ้าหรือไออุ่นว่าถ้าวันหนึ่งไปขอความช่วยเหลืออะไรห้ามช่วยทุกอย่างวันหนึ่งขับรถมาถึบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มได้เธอก็ลองเข้าครัวอีกสักตั้งเพราะยังไงก็จะพยายามง้อน่านน้ำให้สำเร็จ หญิงสาวอยู่ในครัวนานสองนานเพื่อที่จะทำปลาทับทิมนึ่งและน้ำจิ้มรสเด็ดที่น่านน้ำนั้นชอบเมื่อทำเสร็จนำมาวางที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยน่านน้ำก็กลับมาพอดี"กลับมาแล้วเหรอคะหนึ่งเตรียมอาหารเย็นไว้ให้พ่อเลี้ยงพึ่งเสร็จเลยนะคะ""ผมมีปิ่นโตของผมแล้ว.."คนตัวโตชูปิ่นโตเถาใหญ่ที่ถือกลับมาจากโรงครัวในไร่ให้วันหนึ่งได้เห็น จนวันหนึ่งเริ่มหน้าเจื่อนอีกครั้งที่ถูกน่านน้ำปฏิเสธอาหารของเธอ"อ่อ...ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไปผมจะไปนอนที่บ้านท้ายไร่""ถ้าถึงขนาดที่ไม่อยากจะอยู่
“หนึ่งจะทำให้ได้ค่ะคุณย่า”วันหนึ่งพูดด้วยแววตาและน้ำเสียงที่แน่วแน่ดูซิทั้งสาวทั้งสวยอย่างเธอหรือจะมัดใจชายชาวไร่ไม่ได้ก็ให้มันรู้กันไปคุณหนูนักเรียนนอกที่พึ่งเรียนจบอย่าง วันหนึ่ง พิวัฒน์วรวงค์ ลูกสาวคนเดียวของสิทธิเดชและวิริยา พิวัฒน์วรวงค์เจ้าของธุรกิจจิวเวอร์รี่เพชรพลอยรายใหญ่ของประเทศเลือกที่จะเดินทางขึ้นเหนือมาตามคำทำนายที่ว่าเธอจะต้องรีบมีสามีภายในเวลาหกเดือนหลังเรียนจบวันหนึ่งเป็นหญิงสาวตัวกระเปี๊ยกหุ่นบางร่างน้อยผิวขาวอมชมพูผมลอนฟาร่าสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังใบหน้ารูปไข่คิ้วบางได้รูปดวงตากลมโตมีแก้มเล็กน้อยปากนิดจมูกหน่อย นิสัยค่อนข้างเป็นยัยคุณหนูที่แอบซนเชื่อมั่นในตัวเองสูง เธอรักในการดูดวงและการที่ดำเนินชีวิตตามดวงเธอไม่ได้มีความเชื่อมาจากพ่อหรือแม่แต่ได้มาจากคนเป็นย่าอย่างนฤดีที่เชื่อเรื่องนี้มากและเป็นคนเลี้ยงหลานเองวันหนึ่งจึงได้รับการปลูกฝังมาเช่นนี้ณ บ้านไม้ยกสูงสองชั้นหลังขนาดกลางข้างบ้านเป็นสวนผักร่มรื่นน่าอยู่แห่งนี้อยู่ที่แถวชนบทของจังหวัดน่านเป็นบ้านของอุไรและไออุ่นสองแม่ลูกที่เคยอยู่กับนฤดีเมื่อครั้งที่วันหนึ่งยังเล็กๆ“คุณท่านแน่ใจนะคะว่าจะปล่อยให้คุณหนูทำตามแ