"หนึ่งว่าบ้านพ่อเลี้ยงน่าอยู่มากๆแล้วที่นี่ดูน่าอยู่มากกว่าอีกนะคะบ้านหลังเล็กๆกับวิวที่สวยสุดยอดเลย"
วันหนึ่งเดินดูรอบบ้านด้วยท่าทีตื่นเต้นบ้านหลังเล็กนี้เหมือนบ้านพักในฝันที่เคยเคยคิดอยากจะสร้างก็ว่าได้
"ผมสร้างที่นี่เพื่อเอาไว้พักผ่อนเงียบๆ...แต่เป็นเพราะงานที่ยุ่งก็เลยไม่ได้มานานแล้ว"
"หนึ่งขอมาที่นี่บ่อยๆได้ไหมคะ"
"ได้อยู่แล้ว...ผมว่าจะให้คุณแบ่งเวลามาทำความสะอาดที่นี่บ้างแต่ไม่ได้ใช้ฟรีผมจะให้เงินพิเศษเพิ่ม"
"ว้า.. นึกว่าอยากพามาสวีทแต่อยากให้มาทำงานบ้านซะงั้น"
"เบื่อที่จะเป็นแม่ครัวแม่บ้านให้ผมแล้วหรือไง"
"เปล่าค่ะ...ได้อยู่ใกล้พ่อเลี้ยงหนึ่งเป็นอะไรก็ได้ค่ะ"
พ่อเลี้ยงหนุ่มวาดมือหนายีหัวทุยเล่นด้วยท่าทีเอ็นดูคนตัวเล็กเป็นพิเศษที่ขยันหยอดคำหวานกับเขาได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
"ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อนคุณคงได้ไปสมัครเรียนแล้ว"
"ไว้รอไปสมัครตอนเค้าเปิดรับอีกทีก็ได้ค่ะหนึ่งไม่รีบ...แต่ดูท่าเหมือนพ่อเลี้ยงจะรีบกว่าหนึ่งนะคะ"
"คุณอายุยังน้อยถ้าเรียนได้วุฒิสูงๆยังสร้างประโยชน์อะไรได้มากกว่ามาทำงานเป็นแม่บ้านดีไม่ดีคุณอาจจะกลายเป็นบัญชีฝีมือดีหรือไม่อาจจะบริหารองค์กรใหญ่ๆได้เลยก็ได้"
น่านน้ำพูดไปตามสิ่งที่เขาคิดเพราะคิดว่าวัยอย่างวันหนึ่งหากได้รับกาพัฒนาความรู้เธออาจจะทำอะไรได้หลายอย่างอย่างที่ไม่คาดคิดก็ได้
"ถ้าหนึ่งไม่ได้เป็นแม่บ้านให้พ่อเลี้ยงใครจะดูแลพ่อเลี้ยงล่ะคะหนึ่งไม่อยากห่างแฟนหนึ่งไปไหน"
สาวเจ้าว่าพร้อมเกาะแขนแกร่งออดอ้อนดั่งลูกแมวน้อยกับคนตัวโต
"ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าตกลงเป็นแฟนคุณ"
"ไม่รู้ล่ะตอนนี้หนึ่งถือตัวว่าเป็นแฟนพ่อเลี้ยงไปแล้ว"
"หึ่..เข้าข้างในกันเถอะวันนี้ผมจะทำอาหารให้คุณทานเอง"
เป็นวันแรกในรอบอาทิตย์ที่น่านน้ำจะยิ้มได้เยอะกว่าปกติเมื่อได้แม่ครัวตัวแสบกลับมาอยู่ข้างกายแล้ว
"นับว่าเป็นลาภปากของหนึ่งนะคะเนี่ยเดี๋ยวหนึ่งจะนั่งรอทานแบบสวยๆเลยค่ะ"
สาวเจ้าว่าด้วยท่าทางอารมณ์ดี
น่านน้ำเข้าครัวทำสเต็กหมูพักใหญ่เขาตั้งใจทำเมนูนี้ค่อนข้างมากเพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้เข้าครัว กว่าทั้งคู่จะได้มานั่งทานมื้อเย็นกันได้ฟ้าก็เริ่มสลัวแล้ว
"สเต็กฝีมือพ่อเลี้ยงเทียบได้กับอาหารในโรงแรมหรูๆเลยนะคะ"
สาวเจ้าเอ่ยชมน่านน้ำเปราะหลังจากชิ้นสเต็กชิ้นแรกได้ลงคอไปเรียบร้อย
"คุณเคยทานอาหารในโรงแรมหรือไงถึงได้ชมผมขนาดนั้น"
"เอ่อ.. ก็.. ไม่เคยทานค่ะแต่อยากชมแฮร่.."
ใครว่ากันล่ะไม่ว่าจะโรงแรมไหนที่ว่าขึ้นชื่อเรื่องสเต็กเธอไปลองชิมมาหมดแล้วและคำที่ชมชายหนุ่มไปเมื่อครู่มันไม่เกินจริงเลยไม่รู้ว่าเขาไปฝึกการทำอาหารมาจากไหนถึงได้มีฝีมือเช่นนี้
หลังจากจบมื้ออาหารเย็นจนนั่งคุยกันจนอาหารย่อยแล้วตอนนี้ฟ้าก็เริ่มเข้าสู่ความมืดเต็มที่น่านน้ำจึงพาวันหนึ่งออกมานั่งชมหิ่งห้อยพร้อมจิบไวน์เบาๆ
"สวยพอๆกับในหมู่บ้านเลยนะคะ"
ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองไปยังเหล่าหิ่งห้อยที่บินล้อมพุ่มไม้สูงขณะที่มือยังคงถือแก้วไวน์ขึ้นจิบอยู่เรื่อยๆ
"อย่าดื่มเยอะล่ะเดี๋ยวจะเมาไม่รู้เรื่องอย่างคืนนั้นอีก"
"เสียดายนะคะที่วันนั้นหนึ่งเมาจนไม่มีสติเลยจำไม่ได้ว่าทำยังไงถึงได้ไปแต่งงานกับพ่อเลี้ยง.. อิๆ"
"รู้ด้วยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น..."
น่านน้ำเริ่มจ้องไปยังหญิงสาวที่นั่งข้างๆด้วยสีหน้าแปลกใจว่าเธอรู้เรื่องคืนนั้นได้อย่างไรทั้งที่เขาไม่ได้คิดจะเล่าให้เธอฟัง
“น้ำผึ้งเล่าให้ฟังก่อนกลับค่ะ”
คนตัวเล็กตอบด้วยสีหน้าภูมิใจว่าเธอนั้นรู้เรื่องที่เขาคิดจะปิดเอาไว้หากน่านน้ำไม่เลือกที่จะพูดถึงเรื่องคืนนั้นเธอก็คงจะไม่พูดออกมาว่ารู้อะไร
“ไม่รู้สึกว่าตัวเองจะเสียหายบ้างเหรอถึงได้ดูภูมิใจกับเรื่องที่รู้นัก”
"ได้แต่งงานกับพ่อเลี้ยงเสียหายตรงไหนล่ะคะถึงจะทำไปเพราะเมาแต่หนึ่งก็รู้สึกดีมากๆเลยนะคะ"
สาวเจ้าว่าจบก็ทิ้งตัวนอนลงที่ตักของพ่อเลี้ยงหนุ่มเช่นที่เคยทำน่านน้ำส่ายหัวให้กับคนที่ยังดูภูมิใจแทนที่จะเขินอายก่อนจะหันหน้าไปมองธรรมชาติยามค่ำคืน หลังจากทุกอย่างอยู่ในความเงียบมาพักใหญ่เหมือนเหตุกาณ์ในช่วงที่อยู่ในหมู่บ้านหวนกลับมาเพราะวันหนึ่งนอนหลับคาตักของเขาเป็นครั้งที่สอง
“ผมหายเหงาได้ก็เพราะคุณรู้หรือเปล่า”
น่านน้ำอุ้มคนตัวเล็กมานอนในห้องของเขาได้ก่ายกระซิบข้างหูของเธอเบาๆริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่แดงระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลก่อนจะลักหลับคนตัวเล็กด้วยการกดจมูกโด่งหอมแก้มยัยตัวแสบหนึ่งฟอดจนชื่นใจหลังจากนั้นจึงออกไปนอนที่โซฟาห้องนั่งเล่น
วันหนึ่งสะลึมสะลือตื่นมาในช่วงสายของวันถัดมาเธอมองรอบๆห้องก็เกาหัวแกรกๆมองหาพ่อเลี้ยงหนุ่มแต่ไม่ยักจะเห็นพลันสายตาก็เหลือบไปสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่หล่นอยู่ในซอกตู้ลิ้นชักเล็กข้างเตียง
"พี่เกรซนี่นา"
สาวเจ้าตาตื่นในทันทีเมื่อเห็นรูปคู่ของน่านน้ำและกวินตราที่ถ่ายด้วยกันอีกทั้งหลังภาพยังมีข้อความของสองลายมือที่เขียนเอาไว้อีก
"เราต้องสร้างครอบครัวแล้วก็มีลูกกันก่อนอายุ30นะคะน่าน"
"ครับ..มีลูกสักสามคนเป็นไง"
"เป็นแฟนกันเหรอ"
วันหนึ่งอ่านข้อความไม่กี่ประโยคก็พอจะเดาออกว่าทั้งคู่คบกันแต่ก็ไม่รู้เลยว่าทำไมน่านน้ำที่เป็นพ่อเลี้ยงอยู่ที่ไร่ต่างจังหวัดแบบนี้จะไปคบกับลูกสาวนายธนาคารใหญ่ญาติทางแม่เธอได้ ในใจตอนนี้รู้สึกหน่วงพอสมควรและอยากจะได้ยินจากปากของน่านน้ำว่าตกลงเขามีแฟนอยู่แล้วทำไมมาให้ความหวังเธออยู่ได้
"อ้าวพี่เอื้อง.."
คนที่กำลังเดินตามหาพ่อเลี้ยงหนุ่มเห็นเอื้องฟ้าพึ่งขับรถมาที่นี่ก็รีบเข้าไปทัก
"ตื่นแล้วเหรอพ่อเลี้ยงให้มารอรับเธอกลับเห็นว่าต้องออกไปก่อนเพราะมีแขกมาที่บ้านแต่เช้า"
"อ๋อ..ค่ะ"
วันหนึ่งมีอาการไม่พอใจพ่อเลี้ยงหนุ่มพอสมควรที่ควรจะบอกเธอก่อนออกไปก็ได้แต่ไม่ทำแต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจนั้นออกมาให้เอื้องฟ้าได้เห็น
"ฉันส่งแค่นี้นะต้องไปช่วยแม่เตรียมอาหารกลางวันที่โรงครัวต่อ"
เอื้องฟ้าส่งวันหนึ่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ได้ก็หันหัวรถกลับทันทีเพราะเธอยังมีงานที่โรงครัวต่อ
"ค่ะ"
หลังจากลงรถได้วันหนึ่งก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านอยากจะรู้นักว่าใครมาที่บ้านของน่านน้ำจนเขาต้องทิ้งเธอเอาไว้ที่บ้านเล็กคนเดียวแบบนั้น
"เกรซดีใจนะคะที่ตอนนี้น่านดูสดใสขึ้นเยอะ..ที่เกรซที่นี่ก็เพราะไม่อยากคาใจค่ะ..อยากคุยกับคุณต่อหน้าว่าเรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหมคะ"
กวินตราเลืกที่จะมาคุยกับน่านน้ำต่อหน้าเพราะหลังจากที่เธอส่งข้อความหาเขาวันนั้นน่านน้ำก็ยังไม่ตอบเธอเลยจึงอยากจะมารักษามิตรภาพเพื่อความสบายใจ
"อืม..ยังไงผมก็มีแต่ความหวังดีให้คุณเสมอ"
จนถึงตอนนี้น่านน้ำก็ขจัดความเจ็บปวดจากรักครั้งเก่าได้อย่างสนิทใจดีแล้วเพราะหัวใจของเขาเริ่มมีเจ้าของหัวใจใหม่เข้ามาเติมเต็ม
"เกรซรู้แบบนี้ก็สบายใจค่ะ..อ่อ.เกรซมีเรื่องสำคัญจะบอกน่านด้วยค่ะ"
วันหนึ่งชะงักฝีเท้าแอบฟังอยู่ที่หน้าประตูเมื่อเห็นว่าแขกของน่านน้ำคือกวินตรา
"เรื่องอะไรเหรอ"
"จำได้ใช่ไหมคะว่าเกรซอยากจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่เกินอายุ30.. ตอนนี้เกรซมีเจ้าตัวน้อยแล้วค่ะ"
"จริงเหรอ.. ผมดีใจจริงๆที่คุณทำความฝันนี้ได้"
สองหนุ่มสาวโผกอดกันด้วยความยินดีน่านน้ำรู้สึกโล่งใจที่ตัวเองขจัดความรู้สึกผิดต่อกวินตราได้อีกเรื่องเพราะเขาดันไปเคยสัญญากับเธอเอาไว้ว่าจะสร้างครอบครัวให้กับเธอแต่ก็ทำไม่ได้ตอนนี้ดีใจกับหญิงสาวมากๆที่เธอได้มีคนทำให้ความฝันของเธอเป็นจริงเสียที
"ม.. มีเจ้าตัวน้อย"
ภาพทั้งหมดอยู่ในสายตาของวันหนึ่งทำเอาคนตัวเล็กอ้าปากค้างเริ่มน้ำตาคลอตอนนี้เธอไม่มีอะไรจะถามน่านน้ำแล้วเพราะเขาใจว่าเขากำลังจะมีครอบครัวกับกวินตรา หัวใจตอนนี้รู้สึกเหมือนมีใครมาบีบเค้นปวดหน่วงไปหมดที่ทำได้ตอนนี้ก็คือออกไปจากตรงนี้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
"หนึ่ง.. จะไปไหนแล้วร้องให้ทำไม"สายน้ำที่ขับรถATVคันเก่งจะไปดูแกะในฟาร์มช่วงสายขณะที่กำลังขับไปที่ฟาร์มเห็นว่าเป็นวันหนึ่งเดินอยู่จึงได้เข้าไปทักแต่เขาก็ต้องหน้าเสียเมื่อเห็นน้องสาวตนนั้นร้องให้จนหน้าตาแดงก่ำไปหมด"พี่สายพาหนึ่งออกไปจากไร่ได้ไหมคะ..ฮือๆๆ"มือเรียวยกปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะกระโดดขึ้นหลังรถหมอหนุ่ม จนสายน้ำต้องละงานไปก่อนและพาวันหนึ่งมาสงบอารมณ์ที่คลินิกของเขา"เป็นอะไรบอกพี่ได้หรือเปล่า"สายน้ำเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เอาแต่กอดหมอนร้องให้อยู่บนโซฟาโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง"หนึ่ง..ฮึก..ฮือๆๆ..เสียใจขออยู่เงียบๆ..ฮือๆๆ""โอเคๆ..งั้นก็พักที่นี่ก่อนแล้วกันพี่จะไปตรวจเจ้าแกะที่ฟาร์มต่อ""ฮือๆ..อย่าบอกใครนะคะ..ฮือๆ..ๆ..ว่าหนึ่งอยู่ที่นี่""ได้พักให้สบายใจได้เลย"ถึงสายน้ำจะคาใจกับอาการเสียใจของวันหนึ่งพอสมควรแต่ก็ไม่เลือกที่จะเค้นถามอะไรในเมื่อคนอย่างวันหนึ่งถึงขั้นร้องให้ฟูมฟายขออยู่คนเดียวคงเป็นเรื่องปวดใจมากแน่คิดว่ารอให้น้องสาวของเขาอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยจะดีกว่าน่านน้ำคุยกับกวินตราจนหญิงสาวสบายใจจนกลับไปได้ตอนนี้ก็เป็นฝ่ายน่านน้ำที่กังวลใจเพราะหาแม่ครัวตัวเล็กของตัวเองไม่เจอโท
นฤดีจำต้องทำตัวเป็นนางเล่าเรื่องให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้กระจ่างถึงความจริงว่าเธอและวันหนึ่งไม่ได้ไปบวชอย่างที่ว่าแต่พาหลานไปหาคู่ตามคำทำนาย วิริยาได้ฟังทั้งหมดก็แทบจะลมจับเธอว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก"คุณแม่ไม่ได้ไปบวชแต่พาหลานไปหาคู่เหรอคะ!...คุณแม่จะพายัยหนึ่งงมงายเกินไปแล้วนะคะ""ผมว่าแล้วจะต้องมีเรื่องอะไรให้ปวดหัว"สิทธิเดชยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดเผื่อใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าแม่ตนต้องพาลูกสาวไปทำอะไรพิเลนๆอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ"เอาน่าจะว่าอะไรแม่ก็ช่างเถอะ...แต่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยัยหนึ่งก่อนว่าเป็นอะไรถึงได้หนีกลับมาดื้อๆแบบนี้""หนึ่งลูก..คุณย่ากลับมาแล้วนะลูกออกมาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า""หนึ่งอยากอยู่คนเดียวอย่าพึ่งมายุ่งกับหนึ่งได้ไหมคะ"เมื่อคุยกันจบทั้งวิริยาและนฤดีก็มาเคาะห้องของวันหนึ่งแต่ก็ต้องเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกันทั้งคู่เพราะทำยังไงเจ้าของห้องก็ไม่ยอมออกมาคุยได้"คุณแม่แน่ใจนะคะว่ายัยหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ"วิริยาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้นไม่มีอาการเป็นแบบนี้แน่ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่สามี
วันต่อมา"ยัยหนึ่งไปอิตาลีค่ะคุณแม่"เช้านี้ทุกคนในบ้านต่างก็ต้องปวดหัวกันอีกรอบเมื่อวันหนึ่งเลือกที่จะหนีไปอิตาลีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวคนในบ้านก่อนได้แต่เพียงเขียนจดหมายเอาไว้ให้เท่านั้น"หลานคนนี้นี่มีอะไรทำไมไม่พูดกันนะ"นฤดีบ่นอุกด้วยดูท่าหลานเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองใหญ่แล้ว"ใครเลี้ยงก็เหมือนคนนั้นแหละครับ""อย่าพึ่งซ้ำเติมกันได้ไหมตาเดช"สิทธิเดชไม่วายหยอกคนเป็นแม่เล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพราะไม่ได้ห่วงอะไรลูกสาวมากนักด้วยไฟล์บินก็เช็กได้ว่าไปที่ไหนที่พักก็น่าจะหาไม่ยากเช่นกันนฤดีที่ทนกังวลใจต่อไปไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะติดต่อทอฝันเพื่อที่จะขอคุยกับเฟื่องฟ้าถึงสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดในตอนนี้"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่"เฟื่องฟ้าเห็นหน้านฤดีได้ก็รีบเอ่ยให้เพื่อนเธอนั้นหายกังวลเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงแล้ว"หา...แต่งตอนไหน"คำพูดของเฟื่องฟ้าทำนฤดีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเรื่องแต่งงานหลานเธอไม่เห็นเคยพูดให้ฟังสักคำ"ค่อยไปถามหลานสาวตัวเองเองแล้วกัน""ฉันงงไปหมดแล้วตอนนี้""เอาเป็นว่าไม่นานเดี๋ยวสองคนนั้นก็ลงเอยกันด้วยดี"เฟื่องฟ้าบ
"ครับคุณป้า..เธอมาหาผมแล้วครับ...ผมขออนุญาตดัดนิสัยสักหน่อยนะครับ"น่านน้ำรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันหนึ่งจะมาที่นี่เพราะวิริยาโทรมาอธิบายกับเขาทุกอย่างว่าวันหนึ่งเข้าใจผิดเรื่องอะไรและตอนนี้เขาก็ไม่คิดถือโทษเธอแล้วแต่อยากจะแกล้งเพื่อดัดนิสัยหญิงสาวบ้างจะได้รู้ว่าการถูกพูดหรือกระทำไม่ดีใส่มันรู้สึกอย่างไร และก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ลืมโทรไปย้ำกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นหมอสายน้ำเอื้องฟ้าหรือไออุ่นว่าถ้าวันหนึ่งไปขอความช่วยเหลืออะไรห้ามช่วยทุกอย่างวันหนึ่งขับรถมาถึบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มได้เธอก็ลองเข้าครัวอีกสักตั้งเพราะยังไงก็จะพยายามง้อน่านน้ำให้สำเร็จ หญิงสาวอยู่ในครัวนานสองนานเพื่อที่จะทำปลาทับทิมนึ่งและน้ำจิ้มรสเด็ดที่น่านน้ำนั้นชอบเมื่อทำเสร็จนำมาวางที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยน่านน้ำก็กลับมาพอดี"กลับมาแล้วเหรอคะหนึ่งเตรียมอาหารเย็นไว้ให้พ่อเลี้ยงพึ่งเสร็จเลยนะคะ""ผมมีปิ่นโตของผมแล้ว.."คนตัวโตชูปิ่นโตเถาใหญ่ที่ถือกลับมาจากโรงครัวในไร่ให้วันหนึ่งได้เห็น จนวันหนึ่งเริ่มหน้าเจื่อนอีกครั้งที่ถูกน่านน้ำปฏิเสธอาหารของเธอ"อ่อ...ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไปผมจะไปนอนที่บ้านท้ายไร่""ถ้าถึงขนาดที่ไม่อยากจะอยู่
“หนึ่งจะทำให้ได้ค่ะคุณย่า”วันหนึ่งพูดด้วยแววตาและน้ำเสียงที่แน่วแน่ดูซิทั้งสาวทั้งสวยอย่างเธอหรือจะมัดใจชายชาวไร่ไม่ได้ก็ให้มันรู้กันไปคุณหนูนักเรียนนอกที่พึ่งเรียนจบอย่าง วันหนึ่ง พิวัฒน์วรวงค์ ลูกสาวคนเดียวของสิทธิเดชและวิริยา พิวัฒน์วรวงค์เจ้าของธุรกิจจิวเวอร์รี่เพชรพลอยรายใหญ่ของประเทศเลือกที่จะเดินทางขึ้นเหนือมาตามคำทำนายที่ว่าเธอจะต้องรีบมีสามีภายในเวลาหกเดือนหลังเรียนจบวันหนึ่งเป็นหญิงสาวตัวกระเปี๊ยกหุ่นบางร่างน้อยผิวขาวอมชมพูผมลอนฟาร่าสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังใบหน้ารูปไข่คิ้วบางได้รูปดวงตากลมโตมีแก้มเล็กน้อยปากนิดจมูกหน่อย นิสัยค่อนข้างเป็นยัยคุณหนูที่แอบซนเชื่อมั่นในตัวเองสูง เธอรักในการดูดวงและการที่ดำเนินชีวิตตามดวงเธอไม่ได้มีความเชื่อมาจากพ่อหรือแม่แต่ได้มาจากคนเป็นย่าอย่างนฤดีที่เชื่อเรื่องนี้มากและเป็นคนเลี้ยงหลานเองวันหนึ่งจึงได้รับการปลูกฝังมาเช่นนี้ณ บ้านไม้ยกสูงสองชั้นหลังขนาดกลางข้างบ้านเป็นสวนผักร่มรื่นน่าอยู่แห่งนี้อยู่ที่แถวชนบทของจังหวัดน่านเป็นบ้านของอุไรและไออุ่นสองแม่ลูกที่เคยอยู่กับนฤดีเมื่อครั้งที่วันหนึ่งยังเล็กๆ“คุณท่านแน่ใจนะคะว่าจะปล่อยให้คุณหนูทำตามแ
“ปิ่นโตค่ะพ่อเลี้ยง..ตอนนี้แม่ยังเดินไม่ค่อยไหวค่ะแต่ก็กินอะไรได้มากกว่าเดิมค่ะ”ไออุ่นวางปิ่นโตที่แม่เธอฝากเอามาให้น่านน้ำที่โต๊ะไม้สักใหญ่หน้าบ้านของพ่อเลี้ยงหนุ่มทั้งทักทายเจ้านายด้วยรอยยิ้มกว้างนับว่าวันนี้เธอโชคดีที่มาทันก่อนที่เขาจะออกไปข้างนอก“ว่างๆผมจะเข้าไปเยี่ยม”วันหนึ่งชะเง้อมองชายหนุ่มเบิกดวงดวงตากลมโตจ้องมองคนหล่อร่างกำยำทั้งริมฝีปากบางยังยกยิ้มเล็กน้อยปลื้มใจที่ผู้ชายในคำทำนายดูดีราวกับดารานายแบบแม้นเขาจะมีผิวคล้ำดำแดดบ้างก็ยังดูดีอยู่ดีแบบนี้เธอค่อยมีกำลังใจที่จะพิชิตหัวใจของเขาหน่อย“ขอบคุณค่ะ…เอ่อ..พ่อเลี้ยงคะนี่วันหนึ่งญาติห่างๆอุ่นเองค่ะว่าจะพามาสมัครเป็นแม่ครัวแทนแม่ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงได้แม่ครัวใหม่หรือยังคะ”คนที่ถูกแนะนำยืนยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงเธอพยายามทำตัวเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้ทั้งท่องภาวนาในใจว่าให้เขานั้นรับเธอเข้าทำงานได้อย่างง่ายดายเรื่องทุกอย่างต่อจากนี้จะได้ง่ายขึ้น“อ่อ..ก็..”พ่อเลี้ยงหนุ่มมองไปยังคนที่ยิ้มไม่หุบแอบทั้งที่เขาก็หลบสายตาของเธออยู่หลายหนคิดในใจว่าเธอยังเป็นคนปกติดีอยู่หรือเปล่า“หนึ่งทำกับข้าวได้ทุกอย่างเลยนะคะพ่อเลี้ยงแถมยังทำงาน
"ญาติห่างๆอุ่นเองจ่ะพี่เอื้องชื่อวันหนึ่ง""แล้วพ่อเลี้ยงรับทำงานแล้วหรือไงถึงได้มาป้วนเปี้ยนที่นี่ก็รู้นี่ว่าพ่อเลี้ยงไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามที่นี่"คำพูดคำจาจีบปากจีบคอของเอื้องฟ้าทำวันหนึ่งเริ่มขมวดคิ้วเพราะดูออกว่าผู้หญิงหน้าสวยผิวน้ำผึ้งคนนี้ไม่มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย"ใช่จ่ะ""ฝากปิ่นโตไว้ให้พ่อเลี้ยงด้วยละกัน"เอื้องฟ้ายื่นปิ่นโตให้ไออุ่นพร้อมตวัดหางตามองวันหนึ่งแสดงออกให้หญิงสาวรู้ว่าตนไม่ชอบหน้าก่อนจะหันหลังสะบัดก้นเดินออกไป"ใครอะพี่อุ่นหน้าตาก็สวยนะแต่สายตาดูไม่เป็นมิตรเลย""พี่เอื้องฟ้าน่ะลูกลุงคำอ้ายผู้จัดการไร่ส่วนแม่เธอคือป้าดอกสร้อยแม่ครัวที่ไร่""อ๋อ..ก็เหมือนใหญ่ในไร่นี้งี้เหรอ""ก็ไม่ถึงขนาดนั้นแต่แค่เธอน่าจะชอบพ่อเลี้ยงเท่าที่พี่ดูแล้วเธอก็ไม่น่าจะชอบให้สาวๆมาอยู่ใกล้พ่อเลี้ยงล่ะมั้ง"ประโยคนี้ไออุ่นต้องกระซิบกระซาบกับวันหนึ่งด้วยรู้ว่าชนบทแห่งนี้หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง"อย่างนี้นี่เอง""ห่างเธอได้ก็ให้ห่างไว้เพราะน้อยคนที่นี่ที่จะชอบนิสัยเธอที่ทุกคนเกรงใจก็เห็นว่าเป็นลูกลุงคำอ้ายกับป้าสร้อยเท่านั้น"วันหนึ่งรู้แบบนี้คนที่เธอจะมองเป็นคู่แข่งคนแรกก็เห็นจะเป็นเอื้องฟ
“พ่อมีคนมาหา”ทรงพลลูกชายคนเดียวของทรงยศจอมอันธพาลในย่านนี้ที่ใครๆก็รู้จักดีเดินนำหน้าน่านน้ำขึ้นมาทีเรือนไม้ในห้องทำงานคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจพอสมควรเพราะน้อยครั้งนักที่คนของไร่เพชรพนาจะมาที่นี่แถมวันนี้ยังเป็นพ่อเลี้ยงของไร่เป็นคนมาเองด้วย“อ้าว..พ่อเลี้ยงทำไมถึงมาที่นี่กะทันหันได้หรือตัดสินใจได้แล้วว่าจะขายที่ให้ผม..อย่างว่าแหละน้าเด็กหนุ่มไฟแรงคนกรุงเทพอย่างคุณหรือจะมาทำสวนทำไร่”ทรงยศเสี่ยใหญ่ร่างท้วมรีบเข้ามาทักทายน่านน้ำหน้าระรื่นที่เห็นพ่อเล้ยงหนุ่มมาหาถึงที่ในยามเย็นเช่นนี้“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเสี่ยก็อย่าคิดเองเออเองสิครับ...ผมไม่ได้อยากมาเหยียบที่นี่แต่ที่ต้องมาเพราะผมจะมาถามให้แน่ใจว่าสวนป่าของผมที่ถูกไฟไหม้เสี่ยไม่เกี่ยวข้องใช่หรือเปล่าครับเพราะผมคิดว่าคนอย่างเสี่ยคงจะไม่ใช้วิธีหมาลอบกัด”น่านน้ำยืนจ้องหน้าทรงยศด้วยสายตาและท่าทีที่ไม่ได้ให้ความเคารพเท่าไรเพราะเขาเชื่อว่าฝีมือการเผาสวนป่าก็คงไม่พ้นเป็นคนของทรงยศเพราะเป็นคนเดียวที่อยากได้ที่ของเขานักหนาและขึ้นชื่อเรื่องการเล่นสกปรกเป็นที่สุดด้วยไร่หลายที่ในจังหวัดน่านทรงยศก็ได้มาจากการคดโกงหรือไม่ก็ใช้อำนาจเงินและอิทธ