"หา.."
วันหนึ่งเริ่มหน้าเสียและขยิบตาเล็กน้อยเพื่อให้ย่าเธอได้รู้ว่าควรตามน้ำไปก่อน
"อ..อ๋อ..ใช่..ค่ะฉันป่วย..โอ้ยฉันก็ขี้หลงขี้ลืมอย่างนี้นั่นแหละค่ะ"
"รักษาสุขภาพด้วยนะครับถ้าอยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เลยตอบแทนที่หนึ่งช่วยชีวิตผมเอาไว้"
"ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยงใจดีจริงๆ"
แววตาของนฤดีมีแววชื่นชมว่าที่หลานเขยคนนี้พอสมควร
"ผมขอตัวกลับไร่ก่อนนะครับ.."
"บ๊ายบายค่ะพ่อเลี้ยง"
คนที่หันหลังกลับไปแล้วหยุดชะงักฝีเท้าและหันมายิ้มให้คนที่เอ่ยลาเสียงเจื้อยแจ้วก่อนจะรีบขับรถกลับไปที่ไร่เพราะมีหลายอย่างเกี่ยวกับคดีของปู่ที่เขาจะต้องไปพูดคุยกับตำรวจ
"สายตาที่เค้ามองหลานย่าดูเยิ้มเป็นพิเศษนะ"
หลังจากพ่อเลี้ยหงนุ่มให้หลังไปได้นฤดีก็เอ่ยหยอกลานสาวตนถึงเรื่องที่ดูสายตาของน่านน้ำออก
"หนึ่งบอกชอบเค้าไปแล้วค่ะ"
"งั้นเหรอแล้วเค้าว่าไงลูก"
"เค้าน่าจะไม่เชื่อค่ะให้หนึ่งถามตัวเองให้แน่ใจก่อนเพราะยังไม่เห็นอีกหลายๆมุมของเค้าแล้วอีกสามเดือนค่อยมาพูดอีกทีว่าชอบเค้าจริงๆหรือเปล่า"
"ย่ามองออกว่าเค้าชอบหลานย่าแล้วแต่เราล่ะชอบเค้าจริงๆหรือพูดแบบนั้นไปเพราะคำทำนาย"
ไม่ใช่น่านน้ำที่ยังไม่คิดว่าวันหนึ่งชอบตัวเองได้จริงๆนฤดีเองก็อยากจะถามหลานสาวให้มั่นใจเช่นกัน
"อยู่ใกล้เค้าแล้วใจเต้นแรง..ไม่ว่าเค้าจะพูดอะไรทำอะไรก็น่ารักไปหมดถึงจะเป็นคำดุก็ดูน่ารักค่ะ"
คนตัวเล็กพูดไปยิ้มไปด้วยท่าทางเคอะเขินนฤดีเห็นแค่นี้ก็เชื่อแล้วว่าวันหนึ่งกำลังมีความรักจริงๆ
"โลกสีเป็นสีชมพูสินะ"
"ประมาณนั้นค่ะ"
"แต่เอ.. ย่าว่าย่าคุ้นๆหน้าพ่อเลี้ยงนะ"
นฤดีว่าจะพูดกับน่านน้ำตั้งแต่เมื่อครู่ว่าเคยเจอกันที่ไหนหรือไม่ก็ไม่ทันได้ถาม
"คุณย่าอาจจะจำผิดหรือเปล่าคะอายุมากแล้วหลงๆลืมๆหรือเปล่า"
"ไม่นะ... อืม.. ต้องเคลียกันหน่อยแล้วเรื่องที่เราไปบอกพ่อเลี้ยงว่าย่าป่วย"
"เอ่อ.. ก็ต้องหาเรื่องเรียกคะแนนความสงสารค่ะพอเอ่ยถึงอาการป่วยของคุณย่าพ่อเลี้ยงใจอ่อนทุกทีเลยนะคะ"
"หาวิธีอื่นไม่ได้หรือไงทำไมต้องแช่งย่าด้วย"
"ก็ตอนนั้นมันคิดไม่ทันนี่คะ..แฮร่ๆ"
คนผิดสวมกอดซุกหัวทุยเอ่ยน้ำเสียงออดอ้อนคนเป็นย่าเพื่อที่จะไม่ให้ถูกย่าเธอนั้นเคืองเรื่องนี้
"ตอนนี้ผมอธิบายให้คนในไร่เข้าใจหมดแล้วล่ะครับว่าทำไมพ่อเลี้ยงกับหนูวันหนึ่งต้องแกล้งตาย"
หลังจากน่านน้ำกลับมาจากโรงพักได้คำอ้ายก็มาคุยกับเขาเรื่องที่ถือวิสาสะบอกความจริงกับคนในไร่ไปเมื่อเห็นว่าหลายคนตกใจที่ได้ข่าวว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มและแม่ครัวของเขายังมีชีวิตอยู่
"ขอบคุณมากครับลุงคำอ้าย"
"ผมถามหน่อยเถอะครับว่าจบเรื่องคดีพ่อเลี้ยงเพชรแล้วพ่อเลี้ยงยังจะอยู่บริหารที่ไร่ต่อหรือเปล่าครับ"
"ความตั้งใจแรกที่ผมมาที่นี่ก็เพราะสงสัยในการตายของคุณปู่คิดว่าหากเรื่องที่คาใจจบลงได้ผมก็จะไปจากไร่แต่ตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจว่าจะเอายังไง"
"ครับ...ยังไงผมก็เคารพการตัดสินใจของพ่อเลี้ยงนะครับ"
"ขอบคุณครับลุงคำอ้าย"
ตอนนี้น่านน้ำเองก็ยังคิดไม่ตกว่าจะอยู่ที่ไร่ต่อหรือจะบริหารงานของครอบครัวเพียงอย่างเดียวเพราะเขายังรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ที่นี่
หลังจากนั่งทำงานที่คั่งค้างมาหลายวันจนดึกน่านน้ำก็ออกมายืนดูดาวชานบ้านแอบรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไปเหมือนกันเมื่อไม่มีวันหนึ่งอยู่ใกล้ๆ
ตึ๊งงง... "คิดถึงหนึ่งหรือเปล่าคะ"
"ยัยทะเล้น"
และแล้วข้อความของวันหนึ่งที่ส่งมาหาก็ทำน่านน้ำยิ้มออกมาได้และไม่ลืมที่จะส่งข้อความกลับไปหาคนที่เขาคิดถึง
"ฝันดีค่ะ"
เมื่อบทสนทนาอันสั้นจบลงคนที่พึ่งเครียดกับเรื่องงานหลายอย่างเมื่อครู่ก็หายเครียดไปเป็นปลิดทิ้งและหันหลังกลับไปเข้าห้องนอนพักผ่อนอย่างสบายใจได้
วันต่อมา
"ตอนนี้พ่อเลี้ยงกับคุณหนึ่งก็มีความรู้สึกดีๆกันแล้วคุณหนึ่งจะบอกความจริงพ่อเลี้ยงตอนไหนคะว่าตัวเองเป็นใคร"
ไออุ่นรู้มาว่าความสัมพันธ์ของวันหนึ่งและพ่อเลี้ยงหนุ่มกำลังไปได้ดีตอนนี้เธอก็มาห่วงเรื่องความจริงที่วันหนึ่งควรจะบอกพ่อเลี้ยงหนุ่มไปในเร็ววัน
"อืม..หนึ่งว่าจะรอให้พ่อเลี้ยงยอมรับกับหนึ่งตรงๆก่อนว่าเค้าชอบหนึ่งค่ะ"
ถึงแม้นทุกคนในตอนนี้จะมองออกว่าน่านน้ำนั้นมีใจให้กับวันหนึ่งแต่สาวเจ้าเองก็ยังอยากได้ยินจากปากของน่านน้ำเองว่าเขาจะเอายังไงกับเธอกันแน่
"ยังไงก็บอกพ่อเลี้ยงให้เร็วที่สุดจะดีกว่านะคะเพราะเห็นแม่บอกว่าพ่อเลี้ยงไม่ชอบคนโกหกถ้าพ่อเลี้ยงมีความรู้สึกดีๆให้คุณหนึ่งมากขึ้นอาจจะเสียความรู้สึกมากเมื่อรู้ความจริงก็ได้ค่ะ"
"หนึ่งจะเก็บไปคิดดูนะคะพี่อุ่น..ขอบคุณนะคะ"
วันหนึ่งก็แอบคิดถึงวันที่บอกความจริงน่านน้ำเหมือนกันว่าเขาจะโกรธเธอหรือไม่แต่ยังไงเธอก็คิดว่ายังไม่อยากบอกความจริงน่านน้ำตอนนี้อยู่ดี
"เอาแกงเขียวหวานมาให้หนึ่งถึงที่นี่..คิดถึงหนึ่งใช่ไหมคะแต่เอาเจ้าแกงนี่เป็นของบังหน้า"
วันหนึ่งเอ่ยหยอกน่านน้ำด้วยสีหน้าทะเล้นเมื่อเห็นว่าเขาขับรถเอาแกงเขียวหวานมาให้เธอด้วยตัวเองทั้งที่ฝากไออุ่นเอากลับมาให้เธอก็ได้
"ถ้าอยากคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นผมก็ไม่ได้ว่า"
คนตัวโตเอ่ยด้วยรอยยิ้มแกมเขินแต่ก็พยายามข่มตัวเองไม่ให้แสดงอาการมากนัก
"โอเคค่ะหนึ่งจะคิดเข้าข้างตัวเอง"
"เดี๋ยวผมต้องขอตัวกลับก่อนที่ไร่ยังมีงานอีกเยอะ"
"ดูหน้าหนึ่งจนพอใจแล้วเหรอคะ"
ใบหน้าจิ้มลิ้มยื่นชะเง้อแป้นแล้นใกล้ใบหน้าของน่านน้ำ
"ถ้าไม่หยุดแซวผมจะไม่มาหาแล้ว"
"โอเคค่า.. หยอกนิดหยอกหน่อยเองบายค่ะ"
พ่อเลี้ยงหนุ่มหันหลังกลับไปด้วยใบหน้าอารมณ์ดี นี่สิเสียงเจื้อยแจ้วและคำพูดแกมหยอดที่ขาดหายไปจากหูเขาเมื่อวานหากรู้ว่าตัวเองจะเหงาเช่นนี้สู้ให้เธอไปพักผ่อนที่บ้านของเขาจะดีกว่าให้เธออยู่ที่นี่
"ครับคุณพ่อ.. ผมขอโทษครับที่ไม่ได้บอกอะไรแค่อยากหาหลักฐานให้แน่ใจที่สุดก่อนครับ...คนชั่วพวกนั้นจะไม่ได้ออกจากคุกมาลอยนวลอีกแน่ครับเพราะโดนหลายคดี"
น่านน้ำกลับบ้านมาได้ก็หน้าเสียเมื่อได้รับสายตำหนิจากคนเป็นพ่อที่ไม่ยอมบอกเรื่องที่สงสัยในการตายของปู่ตัวเองและภัทรพลก็ไม่ลืมที่จะย้ำกับลูกชายว่าอย่างไรก็ต้องเอาเรื่องทรงยศให้ถึงที่สุด น่านน้ำคิดว่ายังไงทรงยศก็รอดคดีได้ยากเพราะไหนจะเรื่องฆาตกรรมปู่ของเขาและเรื่องแผนแหล่งซ่องสุมของเถื่อนอีกยังไม่รวมถึงเรื่องการฟอกเงินในหลายๆกิจการ
สายน้ำรู้ข่าวว่าวันหนึ่งกลับมาตั้งแต่เมื่อวานเมื่อเคลียงานที่คลินิกเสร็จวันนี้จึงแวะมาหาน้องสาวตัวแสบในช่วงเย็นดูว่ายังคงสภาพเดิมอยู่หรือเปล่าหลังจากไปอยู่ป่ามาหลายวัน
"ไง...นึกว่าจะหายซ่าซะแล้ว"
สายน้ำยกมือยีหัวทุยของวันหนึ่งเล่นอย่างเอ็นดูเห็นว่าน้องสาวตนกลับมาครบ32ก็สบายใจ
"ไม่มีทาง..วันหนึ่งผู้แข็งแกร่งไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกค่ะ"
สาวเจ้ายกแขนทั้งสองโชว์กล้ามด้วยท่าทางทะเล้น
"ยังแสบเหมือนเดิมเลยนะ"
หมอหนุ่มนึกอยากแกล้งคนที่อวดว่าตัวเองแข็งแกร่งโดยการเข้าไปรวบกอดพร้อมจั๊กจี้ที่เอวจนคนตัวเล็กดิ้นพล่านหัวเราะร่า
"ฮ่าๆๆๆ.. พี่สาย.. ฮ่าๆๆหยุดได้แล้ว..ฮ่าๆๆ"
"ทำอะไรกัน"
เอื้องฟ้าที่หอบหิ้วของกินที่ซื้อมาจากตลาดนัดตอนเย็นเพื่อที่จะเอามาฝากวันหนึ่งก็ต้องรีบวางของในมือลงกับแคร่ไม้และเดินหนีไปเมื่อเห็นภาพที่ไม่ค่อยชอบในในการกระทำของหมอหนุ่มและวันหนึ่งเท่าไรนัก
"เดี๋ยวคุณเอื้อง.."
สายน้ำรู้ตัวเลยว่างานเข้าเขาแน่
"หนึ่งไปอธิบายกับเธอเองค่ะ"
วันหนึ่งรีบผละตัวออกจากคนเป็นพี่และสาวเท้าตามหลังเอื้องฟ้าไปดึงมือของเธอเอาไว้เพราะไม่อยากให้เอื้องฟ้าคิดไปไกลเรื่องของเธอกับสายน้ำ
"พี่เอื้อง..หยุดฟังหนึ่งก่อน""ไม่ฟัง"เอื้องฟ้าสะบัดมือของวันหนึ่งทิ้ง"หนึ่งกับพี่สายเป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ"วันหนึ่งจึงต้องโพร่งประโยคสำคัญออกมาเพื่อรั้งให้เอื้องฟ้านั้นฟังเธอให้ได้และมันก็ได้ผลเอื้องฟ้าหันมาขมวดคิ้วมองหน้าวันหนึ่งด้วยท่าทีแปลกใจกับสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อครู่"ว่าไงนะ"“เรื่องมันอาจจะยาวสักหน่อยแต่หนึ่งจะเล่าความจริงให้พี่เอื้องฟังค่ะ”วันหนึ่งใช้เวลาอธิบายตั้งแต่ว่าเธอเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่รวมถึงภาพเมื่อครู่ที่เอื้องฟ้าเห็นเธอกับสายน้ำไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าพี่น้อง"เชื่อเรื่องดวงขนาดนี้เลยเหรอ"เอื้องฟ้าพอจะเข้าใจได้เรื่องที่วันหนึ่งกับสายน้ำเป็นอะไรกันแต่มาแปลกใจตรงที่หญิงสาวเชื่อเรื่องดวงมากจนทิ้งชีวิตคุณหนูมาเป็นแม่ครัวอยู่บ้านไร่เพียงเพราะคำทำนายของหมอดู"ค่ะ..คุณย่ากับหนึ่งเดินตามดวงกันมานานแล้วพวกเราเชื่อเรื่องนี้กันมากจริงๆ""ก็คงจะจริงไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ทิ้งชีวิตคุณหนูมาลำบากแบบนี้หรอก...แล้วหมอสายน้ำล่ะเดินตามดวงอะไรด้วยหรือเปล่า""ไม่เกี่ยวค่ะพี่สายน้ำแค่อยากหาที่สงบอยู่เท่านั้นหนึ่งก็พึ่งรู้ว่าพี่สายน้ำอยู่ที่นี่วันที่พี่สายน้ำพาหนึ่งไปฉีดวัคซีนวัว
"หนึ่งว่าบ้านพ่อเลี้ยงน่าอยู่มากๆแล้วที่นี่ดูน่าอยู่มากกว่าอีกนะคะบ้านหลังเล็กๆกับวิวที่สวยสุดยอดเลย"วันหนึ่งเดินดูรอบบ้านด้วยท่าทีตื่นเต้นบ้านหลังเล็กนี้เหมือนบ้านพักในฝันที่เคยเคยคิดอยากจะสร้างก็ว่าได้"ผมสร้างที่นี่เพื่อเอาไว้พักผ่อนเงียบๆ...แต่เป็นเพราะงานที่ยุ่งก็เลยไม่ได้มานานแล้ว""หนึ่งขอมาที่นี่บ่อยๆได้ไหมคะ""ได้อยู่แล้ว...ผมว่าจะให้คุณแบ่งเวลามาทำความสะอาดที่นี่บ้างแต่ไม่ได้ใช้ฟรีผมจะให้เงินพิเศษเพิ่ม""ว้า.. นึกว่าอยากพามาสวีทแต่อยากให้มาทำงานบ้านซะงั้น""เบื่อที่จะเป็นแม่ครัวแม่บ้านให้ผมแล้วหรือไง""เปล่าค่ะ...ได้อยู่ใกล้พ่อเลี้ยงหนึ่งเป็นอะไรก็ได้ค่ะ"พ่อเลี้ยงหนุ่มวาดมือหนายีหัวทุยเล่นด้วยท่าทีเอ็นดูคนตัวเล็กเป็นพิเศษที่ขยันหยอดคำหวานกับเขาได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน"ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อนคุณคงได้ไปสมัครเรียนแล้ว""ไว้รอไปสมัครตอนเค้าเปิดรับอีกทีก็ได้ค่ะหนึ่งไม่รีบ...แต่ดูท่าเหมือนพ่อเลี้ยงจะรีบกว่าหนึ่งนะคะ""คุณอายุยังน้อยถ้าเรียนได้วุฒิสูงๆยังสร้างประโยชน์อะไรได้มากกว่ามาทำงานเป็นแม่บ้านดีไม่ดีคุณอาจจะกลายเป็นบัญชีฝีมือดีหรือไม่อาจจะบริหารองค์กรใหญ่ๆได้เลยก็ได้"น่านน
"หนึ่ง.. จะไปไหนแล้วร้องให้ทำไม"สายน้ำที่ขับรถATVคันเก่งจะไปดูแกะในฟาร์มช่วงสายขณะที่กำลังขับไปที่ฟาร์มเห็นว่าเป็นวันหนึ่งเดินอยู่จึงได้เข้าไปทักแต่เขาก็ต้องหน้าเสียเมื่อเห็นน้องสาวตนนั้นร้องให้จนหน้าตาแดงก่ำไปหมด"พี่สายพาหนึ่งออกไปจากไร่ได้ไหมคะ..ฮือๆๆ"มือเรียวยกปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะกระโดดขึ้นหลังรถหมอหนุ่ม จนสายน้ำต้องละงานไปก่อนและพาวันหนึ่งมาสงบอารมณ์ที่คลินิกของเขา"เป็นอะไรบอกพี่ได้หรือเปล่า"สายน้ำเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เอาแต่กอดหมอนร้องให้อยู่บนโซฟาโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง"หนึ่ง..ฮึก..ฮือๆๆ..เสียใจขออยู่เงียบๆ..ฮือๆๆ""โอเคๆ..งั้นก็พักที่นี่ก่อนแล้วกันพี่จะไปตรวจเจ้าแกะที่ฟาร์มต่อ""ฮือๆ..อย่าบอกใครนะคะ..ฮือๆ..ๆ..ว่าหนึ่งอยู่ที่นี่""ได้พักให้สบายใจได้เลย"ถึงสายน้ำจะคาใจกับอาการเสียใจของวันหนึ่งพอสมควรแต่ก็ไม่เลือกที่จะเค้นถามอะไรในเมื่อคนอย่างวันหนึ่งถึงขั้นร้องให้ฟูมฟายขออยู่คนเดียวคงเป็นเรื่องปวดใจมากแน่คิดว่ารอให้น้องสาวของเขาอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยจะดีกว่าน่านน้ำคุยกับกวินตราจนหญิงสาวสบายใจจนกลับไปได้ตอนนี้ก็เป็นฝ่ายน่านน้ำที่กังวลใจเพราะหาแม่ครัวตัวเล็กของตัวเองไม่เจอโท
นฤดีจำต้องทำตัวเป็นนางเล่าเรื่องให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้กระจ่างถึงความจริงว่าเธอและวันหนึ่งไม่ได้ไปบวชอย่างที่ว่าแต่พาหลานไปหาคู่ตามคำทำนาย วิริยาได้ฟังทั้งหมดก็แทบจะลมจับเธอว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก"คุณแม่ไม่ได้ไปบวชแต่พาหลานไปหาคู่เหรอคะ!...คุณแม่จะพายัยหนึ่งงมงายเกินไปแล้วนะคะ""ผมว่าแล้วจะต้องมีเรื่องอะไรให้ปวดหัว"สิทธิเดชยิ้มอย่างไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดเผื่อใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าแม่ตนต้องพาลูกสาวไปทำอะไรพิเลนๆอีกแน่แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ"เอาน่าจะว่าอะไรแม่ก็ช่างเถอะ...แต่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องยัยหนึ่งก่อนว่าเป็นอะไรถึงได้หนีกลับมาดื้อๆแบบนี้""หนึ่งลูก..คุณย่ากลับมาแล้วนะลูกออกมาคุยกันหน่อยได้หรือเปล่า""หนึ่งอยากอยู่คนเดียวอย่าพึ่งมายุ่งกับหนึ่งได้ไหมคะ"เมื่อคุยกันจบทั้งวิริยาและนฤดีก็มาเคาะห้องของวันหนึ่งแต่ก็ต้องเดินกลับไปด้วยสีหน้าที่ผิดหวังกันทั้งคู่เพราะทำยังไงเจ้าของห้องก็ไม่ยอมออกมาคุยได้"คุณแม่แน่ใจนะคะว่ายัยหนึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครจริงๆ"วิริยาเชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีปัญหาใหญ่ไม่อย่างนั้นไม่มีอาการเป็นแบบนี้แน่ถึงจะไม่ได้เลี้ยงลูกอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่สามี
วันต่อมา"ยัยหนึ่งไปอิตาลีค่ะคุณแม่"เช้านี้ทุกคนในบ้านต่างก็ต้องปวดหัวกันอีกรอบเมื่อวันหนึ่งเลือกที่จะหนีไปอิตาลีโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวคนในบ้านก่อนได้แต่เพียงเขียนจดหมายเอาไว้ให้เท่านั้น"หลานคนนี้นี่มีอะไรทำไมไม่พูดกันนะ"นฤดีบ่นอุกด้วยดูท่าหลานเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองใหญ่แล้ว"ใครเลี้ยงก็เหมือนคนนั้นแหละครับ""อย่าพึ่งซ้ำเติมกันได้ไหมตาเดช"สิทธิเดชไม่วายหยอกคนเป็นแม่เล่นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพราะไม่ได้ห่วงอะไรลูกสาวมากนักด้วยไฟล์บินก็เช็กได้ว่าไปที่ไหนที่พักก็น่าจะหาไม่ยากเช่นกันนฤดีที่ทนกังวลใจต่อไปไม่ไหวเธอจึงเลือกที่จะติดต่อทอฝันเพื่อที่จะขอคุยกับเฟื่องฟ้าถึงสถาณการณ์ที่น่าอึดอัดในตอนนี้"ไม่ต้องห่วงหรอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วเค้าสองคนแต่งงานกันแล้วนี่"เฟื่องฟ้าเห็นหน้านฤดีได้ก็รีบเอ่ยให้เพื่อนเธอนั้นหายกังวลเพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วงแล้ว"หา...แต่งตอนไหน"คำพูดของเฟื่องฟ้าทำนฤดีไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเพราะเรื่องแต่งงานหลานเธอไม่เห็นเคยพูดให้ฟังสักคำ"ค่อยไปถามหลานสาวตัวเองเองแล้วกัน""ฉันงงไปหมดแล้วตอนนี้""เอาเป็นว่าไม่นานเดี๋ยวสองคนนั้นก็ลงเอยกันด้วยดี"เฟื่องฟ้าบ
"ครับคุณป้า..เธอมาหาผมแล้วครับ...ผมขออนุญาตดัดนิสัยสักหน่อยนะครับ"น่านน้ำรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันหนึ่งจะมาที่นี่เพราะวิริยาโทรมาอธิบายกับเขาทุกอย่างว่าวันหนึ่งเข้าใจผิดเรื่องอะไรและตอนนี้เขาก็ไม่คิดถือโทษเธอแล้วแต่อยากจะแกล้งเพื่อดัดนิสัยหญิงสาวบ้างจะได้รู้ว่าการถูกพูดหรือกระทำไม่ดีใส่มันรู้สึกอย่างไร และก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ลืมโทรไปย้ำกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นหมอสายน้ำเอื้องฟ้าหรือไออุ่นว่าถ้าวันหนึ่งไปขอความช่วยเหลืออะไรห้ามช่วยทุกอย่างวันหนึ่งขับรถมาถึบ้านพ่อเลี้ยงหนุ่มได้เธอก็ลองเข้าครัวอีกสักตั้งเพราะยังไงก็จะพยายามง้อน่านน้ำให้สำเร็จ หญิงสาวอยู่ในครัวนานสองนานเพื่อที่จะทำปลาทับทิมนึ่งและน้ำจิ้มรสเด็ดที่น่านน้ำนั้นชอบเมื่อทำเสร็จนำมาวางที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยน่านน้ำก็กลับมาพอดี"กลับมาแล้วเหรอคะหนึ่งเตรียมอาหารเย็นไว้ให้พ่อเลี้ยงพึ่งเสร็จเลยนะคะ""ผมมีปิ่นโตของผมแล้ว.."คนตัวโตชูปิ่นโตเถาใหญ่ที่ถือกลับมาจากโรงครัวในไร่ให้วันหนึ่งได้เห็น จนวันหนึ่งเริ่มหน้าเจื่อนอีกครั้งที่ถูกน่านน้ำปฏิเสธอาหารของเธอ"อ่อ...ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไปผมจะไปนอนที่บ้านท้ายไร่""ถ้าถึงขนาดที่ไม่อยากจะอยู่
“หนึ่งจะทำให้ได้ค่ะคุณย่า”วันหนึ่งพูดด้วยแววตาและน้ำเสียงที่แน่วแน่ดูซิทั้งสาวทั้งสวยอย่างเธอหรือจะมัดใจชายชาวไร่ไม่ได้ก็ให้มันรู้กันไปคุณหนูนักเรียนนอกที่พึ่งเรียนจบอย่าง วันหนึ่ง พิวัฒน์วรวงค์ ลูกสาวคนเดียวของสิทธิเดชและวิริยา พิวัฒน์วรวงค์เจ้าของธุรกิจจิวเวอร์รี่เพชรพลอยรายใหญ่ของประเทศเลือกที่จะเดินทางขึ้นเหนือมาตามคำทำนายที่ว่าเธอจะต้องรีบมีสามีภายในเวลาหกเดือนหลังเรียนจบวันหนึ่งเป็นหญิงสาวตัวกระเปี๊ยกหุ่นบางร่างน้อยผิวขาวอมชมพูผมลอนฟาร่าสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังใบหน้ารูปไข่คิ้วบางได้รูปดวงตากลมโตมีแก้มเล็กน้อยปากนิดจมูกหน่อย นิสัยค่อนข้างเป็นยัยคุณหนูที่แอบซนเชื่อมั่นในตัวเองสูง เธอรักในการดูดวงและการที่ดำเนินชีวิตตามดวงเธอไม่ได้มีความเชื่อมาจากพ่อหรือแม่แต่ได้มาจากคนเป็นย่าอย่างนฤดีที่เชื่อเรื่องนี้มากและเป็นคนเลี้ยงหลานเองวันหนึ่งจึงได้รับการปลูกฝังมาเช่นนี้ณ บ้านไม้ยกสูงสองชั้นหลังขนาดกลางข้างบ้านเป็นสวนผักร่มรื่นน่าอยู่แห่งนี้อยู่ที่แถวชนบทของจังหวัดน่านเป็นบ้านของอุไรและไออุ่นสองแม่ลูกที่เคยอยู่กับนฤดีเมื่อครั้งที่วันหนึ่งยังเล็กๆ“คุณท่านแน่ใจนะคะว่าจะปล่อยให้คุณหนูทำตามแ
“ปิ่นโตค่ะพ่อเลี้ยง..ตอนนี้แม่ยังเดินไม่ค่อยไหวค่ะแต่ก็กินอะไรได้มากกว่าเดิมค่ะ”ไออุ่นวางปิ่นโตที่แม่เธอฝากเอามาให้น่านน้ำที่โต๊ะไม้สักใหญ่หน้าบ้านของพ่อเลี้ยงหนุ่มทั้งทักทายเจ้านายด้วยรอยยิ้มกว้างนับว่าวันนี้เธอโชคดีที่มาทันก่อนที่เขาจะออกไปข้างนอก“ว่างๆผมจะเข้าไปเยี่ยม”วันหนึ่งชะเง้อมองชายหนุ่มเบิกดวงดวงตากลมโตจ้องมองคนหล่อร่างกำยำทั้งริมฝีปากบางยังยกยิ้มเล็กน้อยปลื้มใจที่ผู้ชายในคำทำนายดูดีราวกับดารานายแบบแม้นเขาจะมีผิวคล้ำดำแดดบ้างก็ยังดูดีอยู่ดีแบบนี้เธอค่อยมีกำลังใจที่จะพิชิตหัวใจของเขาหน่อย“ขอบคุณค่ะ…เอ่อ..พ่อเลี้ยงคะนี่วันหนึ่งญาติห่างๆอุ่นเองค่ะว่าจะพามาสมัครเป็นแม่ครัวแทนแม่ไม่ทราบว่าพ่อเลี้ยงได้แม่ครัวใหม่หรือยังคะ”คนที่ถูกแนะนำยืนยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงเธอพยายามทำตัวเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้ทั้งท่องภาวนาในใจว่าให้เขานั้นรับเธอเข้าทำงานได้อย่างง่ายดายเรื่องทุกอย่างต่อจากนี้จะได้ง่ายขึ้น“อ่อ..ก็..”พ่อเลี้ยงหนุ่มมองไปยังคนที่ยิ้มไม่หุบแอบทั้งที่เขาก็หลบสายตาของเธออยู่หลายหนคิดในใจว่าเธอยังเป็นคนปกติดีอยู่หรือเปล่า“หนึ่งทำกับข้าวได้ทุกอย่างเลยนะคะพ่อเลี้ยงแถมยังทำงาน