ทั่วทั้งใต้หล้าสตรีที่ขึ้นชื่อเรื่องความงามพอ ๆ กับ ความงกเห็นจะมิพ้นมู่หรงเยว่ชิง ฉายาท่านหญิงตำลึงทองมิใช่จู่ ๆ ก็ได้มาเล่น ๆ
ดูเพิ่มเติมตลอดชั่วชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบของมู่หรงเย่วชิง นางสามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าตัวเองมีวันอันงดงามมากมายเกินกว่าจะนับได้ แต่เมื่อนางเห็นของที่กองอยู่ตรงหน้า พร้อมด้วยช่างตัดเสื้อกับพับผ้าที่เรียงกันเป็นตั้งของเขา นางก็สามารถสรุปได้อย่างง่ายดายว่านี่คือช่วงเวลาที่พิเศษที่สุดมากกว่าวันไหน ๆ เลยทีเดียวความจริงก็อาจจะตัดสินยากอยู่สักหน่อย หากนึกไปถึงของที่องค์ชายชางพระราชทานให้เมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งกองพะเนินเทินทึกส่องประกายวับวาวราวกับรัศมีของแสงอาทิตย์กระจายอยู่ในห้อง แต่เยว่ชิงก็แทบลืมไปแล้วเมื่อมีเรื่องของหลี่อวี้อ๋องให้ต้องขบคิดในหลายวันที่ผ่านมานี้อันที่จริง นางออกจะเอนเอียงไปทางท่านอ๋องเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะเขามีรสนิยมดี ในอันที่จะรู้ว่าหญิงสาวควรจะแต่งกายอย่างไร หรือเครื่องประดับชิ้นไหนเหมาะกับชุดเหล่านี้ และจับคู่มาอย่างพิถีพิถัน ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำเรื่องเหล่านี้ด้วยตนเอง“ท่านอ๋องทรงเลือกของทุกอย่างด้วยพระองค์เองจริงหรือ” นางถามช่างตัดเสื้อวัยสี่สิบปลาย ๆ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือว่าจะตัดชุดสวยงามออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ในเมื่อชุดท
“อันใดหรือ” “ต้องทำงานอย่างหนักและเสี่ยงอันตรายถึงเพียงนี้” “เจ้าคิดว่าคนเป็นอ๋องทำเพียงแค่กินกับนอนหรืออย่างไร” ด้วยความที่น้ำเสียงของเขาไม่ได้เจือความโกรธเกรี้ยว เยว่ชิงจึงกล้าพูดมากขึ้น “เจ้าค่ะ และมีแต่หญิงงามรายล้อมรอบกาย” “ข้าไม่ค่อยชอบเรื่องไร้สาระ ส่วนเรื่องผู้หญิง หากข้ารู้สึกพอใจใครจริง ๆ แล้วละก็ ข้าก็คงไม่ชายตาแลคนอื่นอีกต่อไป” นางผ่อนลมหายใจเบา ๆ แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องโล่งใจกับคำตอบนั้นก็ตาม “เจ้าอยากตัดชุดใหม่หรือไม่” เยว่ชิงยังคงงุนงงกับคำถามปุบปับ เขาจึงถามย้ำอีกรอบ “ข้าชอบเสื้อผ้าอาภรณ์ ไม่เพียงแต่ชอบสวมใส่ แต่ยังใส่ใจเรื่องเนื้อผ้า การออกแบบและการตัดเย็บด้วยเจ้าค่ะ” “เจ้าไม่ชอบอยู่เฉย ๆ สินะ” “ข้ามักจะเบื่อหน่ายจนต้องหาอะไรทำอยู่บ่อย ๆ ในวันข้างหน้าเมื่อม้าของข้าโตพอ ข้าคงจะได้ขี่มันไปยังที่ต่าง ๆ” ขณะพูดใบหน้าของนางเคลิ้มฝัน ดวงตาเป็นประกาย “แล้วบิดาของเจ้าจะยอมหรือ” “พี่น้องข้ามากกว่าที่จะห้าม แต่ข้าค่อยแอบไปตอนพวกเขาไม่อยู่ก็ได้” นางตอบอย่างมุ่งมั่น “แต่หากแต่งงาน เจ้าก็ต้องทำตั
คนแจวเรือยืนทำหน้าที่แข็งขันให้เรือล่องไปได้เรื่อย ๆ ท่ามกลางกระแสน้ำสงบและลมพัดแผ่วให้ความรู้สึกเย็นสบายผ่อนคลาย เยว่ชิงแหงนหน้ามองดวงดารากระจัดกระจายบนท้องฟ้าสีหมึก ขณะที่หลี่อวี้อ๋องก็มองนางอย่างเพลิดเพลิน “ดูท่าเจ้าจะชอบออกมาข้างนอกมาก” “ข้าชอบที่จะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ เจ้าค่ะ” “ก็คิดว่าชอบออกมาซื้อของเสียอีก” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “ก็ท่านเป็นฝ่ายบอกให้ข้าหาเหตุผลที่ควรจะซื้อ หากเห็นว่าเข้าท่าก็จะซื้อให้ ตอนนี้จะมาบ่นย้อนหลังไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ” น้ำเสียงนางแง่งอนเล็กน้อย แต่คนฟังกลับมองว่าน่ารัก “ข้าไม่ได้บ่น” เขายิ้มละมุน “แล้วเราได้ข้อมูลอะไรมาบ้างหรือไม่จากการเล่นเป็นคู่รักกันเช่นนี้” วันทั้งวันนางไม่เห็นท่านอ๋องจะทำสิ่งใดนอกจากโอบเอวหรือโอบไหล่นางเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ช่วยนางเลือกของ ควักเงินจ่าย นางไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ แม้แต่น้อย “ได้สิ แต่ข้าคิดว่ามันจับตาดูเราอยู่โดยไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม” เขาตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ท่านเห็นมันหรือเจ้าคะ” นางตกใจอยากรู้ “แม้แต่คนแจวเรือข้ายังสงสัยเลย” เขาพูดให้นางกลัวซึ่งก็ได้ผล ดรุณีน้
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ นางไม่อาจจะชี้ชัดลงไปได้เลยว่าหลี่อวี้อ๋องเป็นอย่างไรกันแน่ เขาจะแค่หาเรื่องแก้เบื่อโดยการลากนางไปทั่วทั้งเมือง หรือโกรธที่นางไปลบหลู่ดูหมิ่นตนเข้า จึงอยากจะทรมานนางให้พบเจอกับความยากลำบากของการต้องทำงานเพื่อไถ่โทษกันแน่ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่นางแอบสงสัย งานที่ท่านอ๋องว่านั้นว่ากันตามตรงไม่สร้างความลำบากให้นางแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำนางยังสนุกสนานเพลิดเพลินที่ได้ออกจากจวนอีกต่างหาก หรือความจริง…พอนึกมาถึงตรงนี้นัยน์ตาดอกท้อก็เบิกโตขึ้น หรืออาจจะเป็นแบบที่เพ่ยเพ่ยว่า คือท่านอ๋องสนใจในตัวนาง แบบที่บุรุษทุกผู้ทุกนามให้ความสนใจ แม้นนางไม่ใช่คนหลงตนเองนัก แต่ก็รู้ดีว่าผู้คนมากมายพากัน ชื่นชมความงามนี้ แต่หลี่อวี้อ๋องผู้ซึ่งอยู่ในรั้วในวัง เจอสาวงามนับร้อยนับพัน ขอแค่ไม่ใช่คนในพระประสงค์ของฮ่องเต้ จะชี้นิ้วเลือกใครก็ได้ทั้งนั้น จะสนใจนางได้อย่างไร แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง นางก็จะถือได้ว่ามีผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในแผ่นดินถึงสองคนมาติดพัน หนึ่งคือองค์ชายชาง ซึ่งบิดาเคยเปรยเอาไว้ หรือสองคือท่านอ๋อง ผู้ที่นั่งมองนางไม่ละสายตาอยู่ในตอนนี้ เพียงแต่ว่า…กับเขาผู้นี้…ค
“ท่านพ่อ ไม่มีทางใดที่จะทำให้พวกเราได้ตามเสด็จหลี่อวี้อ๋องไปด้วยเลยหรือขอรับ” ชายหนุ่มหน้ามนเกาะชายเสื้อผู้เป็นบิดาพลางพูดด้วยสีหน้าร้อนอกร้อนใจ ขณะที่คนถูกอ้อนวอนกลับรู้สึกรำคาญเสียมากกว่า เช้าตรู่ของวันใหม่ในจวนท่านแม่ทัพได้ต้อนรับคนสนิทของ หลี่อวี้อ๋อง ที่รีบร้อนมาแจ้งว่าท่านอ๋องต้องการตัวมู่หรงเยว่ชิงให้ไปทำธุระทางราชการด้วยกัน โดยจะเดินทางมาในช่วงบ่ายเพื่อให้นางได้มีเวลาเตรียมตัว ซึ่งนางก็จำต้องตอบรับอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ทั้งที่ในใจอยากจะอยู่ที่จวนเพื่อดูแลลูกม้าตัวใหม่ของนางโดยไม่ทำอะไรอื่นเลย “มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเราเลยแม้แต่น้อย พวกเจ้าจะอยากไปทำไม” “ไม่ใช่ได้อย่างไรกัน พี่หญิงของข้าต้องออกไปเสี่ยงชีวิต ตกระกำลำบาก เดินทางระหกระเหิน เรื่องนี้ย่อมเกี่ยวกับเราโดยตรงนะขอรับท่านพ่อ” “เซียวเฟิง พี่สาวของเจ้าแค่จะออกไปล่องเรือกับท่านอ๋อง!” ท่านแม่ทัพใหญ่ขึ้นเสียงพลางดึงมือบุตรชายคนเล็กประจำตระกูลที่เกาะแขนอยู่ออก กำลังจะเดินหนีไปอีกทาง แต่ก็ยังช้ากว่าลูกอีกสองคนที่ตรงรี่เข้ามาหา “ท่านพ่อ ข้าเพิ่งทราบว่าพี่หญิงจะออกไปเผชิญอันตรายข้างนอก เราจะ
“ข้าพูดจริงนะ เรื่องความงามของเจ้า” เยว่ชิงไม่ตอบอะไร เพียงแต่เม้มปากแน่น มันเป็นการกระทำที่ติดเป็นนิสัย และสร้างความน่าเอ็นดูให้กับนางไปโดยปริยาย “ท่านอย่าชมให้ข้าได้ใจไปมากกว่านี้เลยเจ้าค่ะ” อันที่จริงนางรู้ตัวและได้ยินได้ฟังจนเบื่อแล้ว คนงามถึงอย่างไรก็งามอยู่วันยังค่ำ “ข้าพูดความจริง เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการชดเชยที่ทำให้เจ้าต้องเก้อในวันนี้ ข้าจะพาเจ้ามาเดินเล่นและทำทุกอย่างที่เจ้าอยากจะทำในครั้งหน้า ตกลงไหม” “ตกลงเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ” “ทีนี้ ข้าจะให้รถม้าไปส่งเจ้ากลับจวน ส่วนข้าจะแยกไปตรงนี้ เพราะธุระของข้าเร่งด่วนมาก จะเป็นอันใดหรือไม่” “จะเป็นอันใดกันเล่าเจ้าคะ ขอเพียงไม่ต้องเดินกลับ ข้าก็พอใจแล้ว” นางกล่าวด้วยเสียงที่ร่าเริงขึ้นมาเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ดี ข้าขอโทษจริง ๆ นะ วันของเจ้าไม่ควรหมดสนุกเพียงเท่านี้” หลี่อวี้อ๋องแตะข้อศอกนางให้เดินกลับไปรอที่หน้าถนน ก่อนจะทำมือให้ฉีฟ่างไปเรียกรถม้ามาให้ “ทำคุณประโยชน์ให้กับทางการ จะสนุกได้อย่างไร” เขายิ้มออกมาเล็กน้อย “แต่มันก็ไม่ควรต้องน่าเบื่อ เอาละ ไปได้” มู่หรงเยว่ชิงย่อตัว
การฝึกขี่ม้าที่หลี่อวี้อ๋องแอบอ้างจบลงในเวลาไม่นานนัก ด้วยเหตุผลที่ว่ามันอาจจะทำให้หญิงสาวบอบบางเช่นนางจะต้องปวดเมื่อยเนื้อตัว หากหักโหมฝึกฝนจนเกินไป แต่อันที่จริง เขาเพียงแต่คิดว่าการจะเป็นผึ้งที่ได้ดอมดมเกสรดอกไม้ จะต้องระวังไม่ให้ดอกไม้อันสวยงามชอกช้ำ การที่เขาให้เยว่ชิงนั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกันแล้วเหยาะย่างไปรอบทุ่งเพื่อกินลมชมทิวทัศน์ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับในวันนี้ อีกประการหนึ่ง ในการที่จะทนต่อสิ่งเร้าอย่างเช่นเรือนร่างที่แม้จะอยู่ภายใต้อาภรณ์ปกปิด แต่ก็ไม่สามารถสกัดกั้นความเย้ายวนใจได้ เส้นผมนุ่มสลวยดำขลับที่มักจะถูกลมพัดผ่านใต้จมูกของเขา คละเคล้าไปกับกลิ่นหอมกรุ่นจากเรือนร่างของนางเอง ก็เป็นการยากเหลือเกินที่จะทำจิตใจให้สงบอยู่ได้ “สรุปว่าเอาตัวนี้นะ” เขาถามย้ำ เมื่อเห็นนางลังเลใจในการจะเลือกลูกม้ากลับไปเลี้ยงตามที่เขาได้ลั่นวาจาเอาไว้ เยว่ชิงยกมือลูบจมูกลูกม้าสีขาวท่าทางปราดเปรียวเกินอายุ ก่อนจะเหลียวมองเจ้าตัวสีดำที่อยู่ในคอกถัดไป แล้วหันมามองท่านอ๋องที่ยืนเอามือไพล่หลังรออยู่ “ท่านคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางถูกชะตากับเจ้ามาสีขาวตัวนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ถามค
“อย่างเช่นสิ่งใดหรือเพคะ” เยว่ชิงทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวจึงเอ่ยปากถาม “อย่างเช่นพูดกับข้าเหมือนตอนก่อนที่เจ้าจะรู้ว่าข้าเป็นอ๋องน่ะ” “อ้อ” นางหลุบตาต่ำ รู้สึกอับอายขึ้นมาเล็กน้อย “แล้วเรื่องที่หม่อมฉัน…ข้าต้องทำ…อย่างเช่นสิ่งใดหรือเจ้าคะ” “อย่างเช่นไปช่วยข้าเลือกลูกม้าตัวใหม่” “ลูกม้า!” สองพ่อลูกอุทานแล้วมองหน้ากัน “ใช่ แล้วข้าจะให้เจ้าตัวหนึ่งด้วย เลือกเอาตัวที่แพงที่สุดก็ได้ จะไปหรือไม่ไป” น้ำเสียงของหลี่อวี้อ๋องไม่ใช่การถามความสมัครใจ แต่เยว่ชิงไม่ได้สังเกต นางรีบตอบตกลงเพราะตื่นเต้นที่จะลูกม้าตัวที่แพงที่สุด ก่อนที่บิดาจะเป็นฝ่ายหยิกนางจนเนื้อเขียวแล้วตอบตกลงให้แทน ถึงแม้นางจะงุนงงไม่น้อยว่าการเลือกลูกม้าเป็นการทำคุณให้แผ่นดินไปได้อย่างไร และนางก็ไม่ได้อยากจะไปในที่แบบนั้นกับบุรุษที่เป็นถึงท่านอ๋อง แต่กลับหาเรื่องกลั่นแกล้งนางมาตั้งแต่เมื่อวานก็ตาม แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นใดหลงเหลืออยู่เลย และหากจะคิดปลอบใจตนเอง ก็คงกล่าวได้ว่าอย่างน้อย นางก็จะได้เจ้าม้าน้อยน่ารักกลับมาด้วย “ข้าจะพานางกลับมาก่อนค่ำโดยไม่ทำให้นางเสื่อมเสียเกียร
การมาถึงของหลี่อวี้อ๋องเงียบเชียบปราศจากความเอิกเกริก เฉกเช่นเดียวกับการไปปรากฏตัวตามที่ต่าง ๆ ของเขาเพื่อสืบราชการลับ แม้ในจวนของท่านแม่ทัพใหญ่จะใหญ่โตกว้างขวาง แต่กลับไม่มีบ่าวไพร่เดินให้ขวักไขว่ดังเช่นจวนขุนนางอื่น ๆ หากเทียบกันแล้วจวนแห่งนี้มีบ่าวไพร่เพียงหนึ่งในสามของจวนขุนนางเหล่านั้นเท่านั้น แต่นี่ไม่ได้เป็นการแสดงความอัตคัดขัดสนแม้แต่น้อย ตระกูลมู่หรงแม้เพียงกระถางต้นไม้หนึ่งต้น ย่อมมีราคากว่าที่ดินสิบแปลง หลี่อวี้อ๋องรู้สึกรู้สึกพึงพอใจในบรรยากาศของจวนแห่งนี้ไม่น้อย ขณะที่กำลังเดินอยู่เขาได้สอดส่ายสายตาไปมาเพื่อจะมองหาท่านหญิง จอมแก่นด้วยตนเอง พยายามนึกว่าสาวน้อยเช่นนางจะโปรดปรานการทำสิ่งใดในช่วงสายของวันเช่นนี้ หากเป็นหญิงสาวทั่วไปที่เขารู้จัก คงจะไม่พ้นการไปนั่งพักผ่อน พูดคุยกับคนสนิทข้างกาย หรือเข้าอบรมบ่มนิสัย ไม่เช่นนั้นก็นั่งจิบชาเสียเฉย ๆ แต่ดูแล้ว มู่หรงเยว่ชิงคงจะไม่เป็นเช่นนั้น จวนใหญ่โตมักจะสร้างสวนเอาไว้หลายแห่ง ทั้งเพื่อพักผ่อน หย่อนใจ อวดความมั่งคั่ง หรือเพื่อปิดบังตัวเรือนชั้นในจากสายตาคนนอก นอกจากนั้นก็ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจนัก หากจะนึกให้พิเรนท์สักหน่อย ก็เห
ความคิดเห็น