มนต์มีนาคือหญิงสาวที่ครอบครัวของพิชยะให้ความช่วยเหลือตอนเธอไร้ที่พึ่ง นอกจากนี้เธอยังเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวตัวแสบ การได้อยู่ร่วมชายคากันทำให้เขาและเธอเกิดความชิดใกล้ จนอยู่มาวันหนึ่ง..เพื่อนของน้องสาวดันริจะมีแฟน เขี้ยวเล็บที่พิชยะซ่อนเอาไว้อย่างดีจึงค่อย ๆ งอกออกมา เขารุกและอ่อยเธออย่างหนักจนหัวใจของมนต์มีนาอ่อนปวกเปียกเหลวเป็นวุ้น ยอมเป็นแมงเม่าโบยบินเข้าไปในกองไฟด้วยตัวเอง *สปอยล์เนื้อหาบางส่วน* “เฮียไม่ชอบให้มีนสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น หวง…เข้าใจไหม” เขากระซิบชิดริมหูของเธอ "แต่เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ” "ต้องเป็นก่อนใช่ไหมถึงจะหวงได้” สายตาที่มองลงมาเจิดจ้าลุกวาวชวนให้มนต์มีนาหนาวเยือกเย็นขึ้นมา ทั้งที่อุณหภูมิในห้องไม่ได้ส่งผลต่อร่างกาย “ทำไมไม่ตอบล่ะ” เสียงของพิชยะใกล้เข้ามาลมหายใจร้อนผ่าวเจือกลิ่นเหล้ากรุ่นอยู่ข้างแก้ม แล้วฉวยโอกาสหนึ่งสอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากแล้วบดเบียด ลิ้นอุ่นครูดสีไปกับเรียวลิ้นเล็กอย่างเนิบช้าแต่ไม่อ่อนโยน โปรดระวัง คืนหมาหอน แต่จะเป็นหมาหรือหมอต้องดูดี ๆ
View More“ช่วยปลดกระดุมเสื้อด้วยนะครับ” ชายหนุ่มแต่งกายภูมิฐานนั่งลงเก้าอี้เบื้องหน้าของมนต์มีนาโดยมีพยาบาลเป็นผู้ช่วย ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือท่าที พิชยะก็ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกับเธอมาก่อน“คะ?”“ในการตรวจหาก้อนเนื้อคนไข้จำเป็นต้องปลดกระดุมเสื้อออกนะคะ” พยาบาลช่วยชี้แจงแทนคุณหมอเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นมนต์มีนาก็ยังไม่ได้ทำตาม พยาบาลเข้าใจว่าเธอกังวลเรื่องที่เป็นหมอผู้ชายจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจ“ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณหมอเชี่ยวชาญด้านนี้มาก คนไข้สบายใจได้ค่ะ”ก็เพราะถึงมือหมอแล้วนี่ยังไงเล่าเธอถึงได้นั่งเป็นตอไม้อยู่เธอต้องปลดกระดุมเสื้อให้เขาคลำหน้าอก สำหรับเธอเป็นปัญหาใหญ่เลยต่างหากถ้าหากคุณหมอที่ทำการตรวจให้ไม่ใช่พิชยะ เธอคงจะกังวลน้อยกว่านี้วันนี้เธอสวมเชิ้ตมาเพื่อสะดวกต่อวิธีการตรวจรักษา มนต์มีนารวบรวมความกล้าได้ก็ค่อย ๆ ลงมือปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกทีละเม็ด เผยให้เห็นขอบบราเซียสีเดียวกันกับเสื้อหญิงสาวหายใจไม่ทั่วท้องมือเล็กทั้งสองข้างสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อการกระทำของเธออยู่ในสายตาของชายหนุ่มตลอดเวลาและแน่นอนว่านอกจากชุดชั้นในลายลูกไม้อย่างที่เธอชอบใส่ ตอน
“โทษทีนะ ฉันยังไม่แก่แล้วอายุเท่าฉันเนี่ย เขาเรียกว่าเป็นวัยที่มีความมั่นคงในหน้าที่การงาน สามารถดูแลตัวเองและคนอื่นได้ทั้งชีวิต เข้าใจ๊…” พูดจบศัลยแพทย์หนุ่มก็เดินออกไปจากโต๊ะอาหารไม่เหมือนคนที่กำลังร้อนตัวสักนิดเห็นท่าทางน่าหมั่นไส้พิชชาก็แต่กำหมัดขึ้นแทบอยากจะวิ่งเข้าไปกระโดดถีบขาคู่ไอ้พี่ชายผู้มั่นหน้ามั่นโหนกถ้าไม่ติดว่าตอนเด็ก ๆ พิชยะเป็นคนป้อนข้าวป้อนน้ำ แม่จะวิ่งเอาหมัดไปเสยคางให้ดู หึ้ยย!“พูดแค่นี้ทำเป็นจริงจังไปได้ ชิ! แบบนี้ยังไม่เรียกว่าแก่อีกเหรอ ว่าไหม”“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ” ศรที่ยังยืนรอรับใช้ตอบคำถามเพราะคิดว่าพิชชาขอความเห็นจากตน“ฟินน์ไม่ได้ถามพี่ศรค่ะฟินน์ถามยัยมีน” มนต์มีนาหลุดขำแต่การที่จู่ ๆ ก็ถูกดึงเข้าไปร่วมในสงครามเล็ก ๆ ระหว่างพี่กับน้องก็ทำตัวไม่ถูกอยู่ดี ไม่แน่ใจด้วยว่าพิชชาหมายถึงเรื่องที่พิชยะไม่ควรจริงจังกับคำพูดแค่นี้ หรือเรื่องอายุอานามกันแต่หากเป็นอย่างหลัง พิชยะไม่ได้ดูแก่เลยสักนิดถึงแม้อายุจะเข้าเลขสามแต่รูปร่างเนื้อหนัง ทุกอย่างของเขายังดูดีและน่ามองยิ่งกล้ามท้องกล้ามแขนไม่ต้องพูดถึง เห็นแค่นั้นเธอก็พอจะรู้ว่ามันแข็งแรง ฟิตปึ๋งปั๋งแค่ไหน
ดึกแล้วแต่มนต์มีนายังไม่หลับเธอกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอน แหงนหน้ามองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ดวงจันทร์ที่ซ่อนอยู่หลังหมู่เมฆมืดดำทอแสงเข้ามากระทบหัวเตียงเป็นเงาสลัวราง'เตรียมรับมือไว้ด้วยนะ'ไม่ทันได้พูดอะไร พิชยะก็เดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังมองมา เขาจงใจทำให้เธอกระวนกระวาย กระทั่งตอนนี้ก็ไม่อาจลบสายตาที่มองเธอในยามนั้นออกไปจากความคิดเมื่อคืนนี้นอนไม่ค่อยหลับด้วยมีเรื่องให้ขบคิด กว่าจะข่มตาลงหลับได้ก็เกือบรุ่งสาง เช้านี้มนต์มีนาจึงนอนตื่นสาย หญิงสาวลงมาข้างล่างจวนจะเจ็ดโมงเช้า“เมื่อคืนดื่มเยอะไปแหง ๆ วันนี้มีนถึงได้ตื่นสายแบบนี้” นาน ๆ ทีพิชชาจะลงมาก่อนจึงแซวขึ้น ก่อนจะหันไปบอกคนรับใช้ให้ตักข้าวใส่จานนาย ศร ที่ปกติจะดูแลงานสวนเสียมากกว่าต้องอยู่รับหน้าที่ทำทุกอย่างแทน เพราะภรรยากับน้องสาวออกไปทำธุระแต่เช้ามืด“คงงั้น” คลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนที่สายตาจะเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งตรงข้าม เช้านี้พิชยะไม่ได้ดูต่างไปจากเดิม เวลานั่งทานข้าวมักจะให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้า กาแฟและตำราแพทย์ ไม่ก็หนังสือพิมพ์ต่างประเทศมากกว่าจะมาร่วมวงสนทนา“ต้องเป็นเหล้าที่คิณให้มีนดื่มแน่เลย เห็นบอกเอา
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” เสียงทุ้มดังไล่หลังทำให้เท้าทั้งสองข้างของเธอหยุดโดยอัตโนมัติ มนต์มีนาค่อย ๆ หันกลับไปมองชายหนุ่ม“มีอะไรเหรอคะ” เธอยิ้มน้อย ๆ ภายใต้แสงไฟสลัวราง ศัลยแพทย์หนุ่มยกยิ้มที่มุมปากแล้วก้าวเข้าไปหาร่างเล็ก หยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาวเหมือนกับที่เขาเพิ่งจะถูกเธอกระทำ“เปล่า แค่จะบอกว่า…” มือเล็กกอบกำเข้าหากันเมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงไปใกล้ น้ำเสียงพร่าแหบผสมกลิ่นเหล้าร้อนแรงดังชิดริมหู ใบหน้าสวยหวานผ่าวร้อนขึ้นมาทันทีที่พิชยะพูดประโยคนี้“จูบเมื่อกี้โคตรไม่ได้เรื่องเลย” การถูกคนที่แอบชอบพูดเรื่องแบบนี้ออกมาตรง ๆ ย่อมเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เธอก็ยอมรับความจริงตั้งใจจะเรียนหนังสือให้จบก่อนค่อยคิดเรื่องแฟน มนต์มีนาจึงไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครมาก่อนกระทั่งปีสุดท้ายในรั้วมหาฯลัยมาถึงมนต์มีนาจึงเริ่มคิดเรื่องความรัก อยากมีใครสักคนดูแลออกไปดูหนังทานข้าว ร่วมแชร์ทุกข์สุขให้กันและกันเหมือนหนุ่มสาวทั่วไป ตอนที่อคิณมาสารภาพความรู้สึกเธอจึงคิดจะให้โอกาสเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายจริงใจกับตนเองแต่พอพิชยะทำตัวแปลกไป เธอก็เริ่มลังเล...ไม่สิ ต้องบอกว่าเธอเริ่มรู้ใจตัวเองถึ
“เห็นแก่ที่วันนี้เป็นวันเกิดของน้องสาวสุดที่รัก จะยอมเสียเวลาสักวันก็ได้” ใบหน้ายังคงเรียบเฉย ดวงตาคมคายปราศจากความเจ้าเล่ห์แสนกลทั้งที่จริงแล้วพิชยะแทบจะรอจุมพิตจากมนต์มีนาไม่ไหวอยากรู้ว่ารสจูบของเธอจะพัฒนาขึ้นจากคราวที่แล้วไหมแม้จะมีบางส่วนอยากให้เธอปฏิเสธแต่พอได้ยินแบบนั้นต่างก็ส่งเสียงเชียร์ให้หญิงสาวรับคำท้ามนต์มีนาใช้เวลาตรึกตรองครู่เดียวก็ผละมือตัวเองออกจากมือของพิชชาและขอให้เพื่อนเข้าใจเธอในการตัดสินใจครั้งนี้ร่างบางระหงในชุดราตรีสั้นสีเงินเดินตรงไปหาเป้าหมายก่อนจะหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของศัลยแพทย์หนุ่มพิชยะละสายตาจากแก้ววิสกี้ในมือแล้วโฉบสายตาขึ้นไปจ้องใบหน้านวลเนียนนิ่ง ไม่ต่างจากสัตว์ป่าดุร้ายที่รอคอยเหยื่อมาแรมปีทว่ามนต์มีนากลับคาดเดาสายตาลุ่มลึกของอีกฝ่ายไม่ออกหญิงสาวผ่อนลมหายใจเข้าลึกอยู่หลายหนในการเตรียมใจไม่สิ ในการตระเตรียมริมฝีปากต่างหากเธอกำลังคิดว่าจูบของพวกเพื่อน ๆ หมายถึง…แค่แตะริมฝีปากลงไปหรือเธอต้องสอดลิ้นเข้าไปด้วยนะ???แต่เอ๊ะ! กติกาก็ไม่ได้ระบุไว้สักหน่อยนี่ เอาเป็นว่าเธอแค่เอาปากค้างไว้ที่ปากของพิชยะก็น่าจะพอแล้วใช่ เอาตามนี้แหละ เพื่อเงินสองหมื
“กติกามีอยู่ว่า…ถ้าเป็นผู้ชายจับได้กระดาษใบนี้ต้องจูบกับยัยฟินน์ต่อหน้าทุกคน แต่ถ้าเป็นผู้หญิงจับได้…ต้องไปจูบพี่ชายของยัยฟินน์ที่นั่งอยู่ตรงโน้น” ทุกคนต่างพากันอึ้งหลังจากได้ฟังกติกาพิเรนทร์ ๆ ที่หนึ่งในพวกเขาเป็นคนคิดขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองแขกรับเชิญพิเศษของกติกา ลุ้นว่าเจ้าตัวจะยอมมาร่วมสนุกด้วยหรือจะลุกขึ้นมาอบรมพวกตนเพราะตามกติกานั่นแปลว่า มนต์มีนาจะต้องเข้าไปจูบพิชยะต่อหน้าของทุกคน“ใครคิดกติกานี้วะ” หลังจากตรวจสอบข้อความในกระดาษแล้วพิชชาก็จ้องหน้าทีละคน ไม่เห็นด้วยที่พวกเพื่อนดึงคนอื่นเข้ามาเอี่ยวโดยไม่ยอมบอกตนหรือขออนุญาตพิชยะก่อน แต่ก็ไม่มีใครรับสารภาพ“ถ้ามีนไม่อยากทำก็จับใหม่ได้นะ” พิชชาพูดขึ้น“เฮ้ย! ได้ไง กติกาเป็นกติกาดิวะ” หนุ่มนักศึกษาคนหนึ่งแย้งขึ้นกลางวงก่อนจะรีบชูสามนิ้วเมื่อถูกเจ้าของวันเกิดเล็งสายตามาที่ตนเอง“กูเปล่านะเว้ยฟินน์กูไม่ได้เป็นคนคิดกติกานี้นะเว้ย จะให้กูไปสาบานวัดไหนหรือสาบานต่อหน้าศาลพระภูมิบ้านมึงตอนนี้เลยก็ได้”“มึงก็อย่าซีเรียสสิวะฟินน์ พี่มึงยังไม่เห็นจะว่าอะไรเลย เอางี้งั้นก็จับใหม่ แต่ตามกติกาคนที่ถูกจับชื่อขึ้นมาแล้วไม่ทำตามรอบหน้าก็เล่นไม่ได้แ
พิชยะ กิจธาดาวงศ์ หรือ ฟัน บุตรชายคนโตของตระกูล กิจธาดาวงศ์ ครอบครัวผู้มีพระคุณช่วยเหลือยามเธอทุกข์ยากเธอเรียกพิชยะนำหน้าว่า ‘เฮีย’ แทนที่จะเป็น พี่ฟัน เหมือนที่เพื่อนของเธอเรียกจนติดปากมนต์มีนาเอื้อมมือไปปัดเส้นผมดำขลับที่หล่นลงระแนวคิ้วเข้มออกให้ชายหนุ่มอย่างเบามือ มองแพขนตาดกหนาที่ทาบทับลงบนโหนกแก้ม เรื่อยลงไปยังสันจมูกโด่งคมรับกับริมฝีปากได้รูปทว่าในตอนนั้นทั้งร่างของเธอก็ถูกชายหนุ่มจับกดลงไปกับโซฟานุ่ม คนตัวใหญ่กว่าพลิกตัวขึ้นมาทาบทับในทันที“เฮีย” ตกใจราวกับว่าตัวเองเป็นขโมยขโจรแอบย่องเข้าบ้านคนอื่นแล้วถูกเจ้าของบ้านจับได้คาหนังคาเขา“ทำอะไร” น้ำเสียงแหบห้วนชวนให้มนต์มีนาเกิดอาการหวาดหวั่นหน้าซีด สายตาที่ไม่คล้ายคนงัวเงียลืมขึ้นมาจ้องเขม็ง หากแต่คล้ายคนที่มีแอลกอฮอล์อยู่ในร่างกายเธอรู้มาจาก พิชชา เพื่อนของเธอว่าวันนี้พิชยะจะไปงานวันเกิดของนางแบบสาวชื่อดัง เธอเคยเห็นรูปนางแบบคนนั้นผ่านนิตยสารแฟชั่นที่พิชชาเคยเอาให้ดู อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่สวยและรูปร่างดีสมกับเป็นนางแบบเบอร์ต้น ๆ ของวงการพิชยะทำตัวไม่ต่างจากหนุ่มโสด กินดื่มกับผู้หญิงแทบจะไม่ซ้ำหน้าทั้งที่เขามีแฟนอยู่แล้ว ชื่อร
ตั้งแต่คุณมนูญกับคุณเพ็ญพิชย์เจ้าของบ้านกิจธาดาวงศ์ตัดสินใจไปทำกิจการร้านอาหารไทยอยู่ที่ต่างประเทศเมื่อหนึ่งปีก่อน พิชชา บุตรสาวคนเล็กก็จะทานข้าวคนเดียวเสียส่วนใหญ่พิชยะไม่ค่อยมีเวลาทานมื้อเช้า แถมยังไม่ค่อยกลับมานอนบ้าน หรือในวันไหนกลับก็จะหลังจากเที่ยงคืนไปแล้วมีเพียงพักหลัง ๆ มานี้ที่พิชชารู้สึกว่าพี่ชายของเธอทำตัวดีขึ้น ปกติหากพิชยะเลิกงานดึกเขาจะไปนอนค้างที่คอนโดเพราะอยู่ใกล้โรงพยาบาล“สายป่านนี้เฮียยังไม่ลงมากินข้าวสงสัยเมื่อคืนจะกลับดึกอีกแหง” พิชชาเอ่ยขึ้นขณะตักข้าวต้มเข้าปากไปด้วย“ก็ไม่ดึกเท่าไหร่นะ” กว่าที่มนต์มีนาจะรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากพูดออกไปก็ตอนที่ถูกเพื่อนหันมาจ้องหน้า“รู้ได้ไง” เธอแสดงสีหน้าตกใจประหนึ่งคนร้อนตัวแต่ยังดีที่หัวไว“เมื่อคืนเราลงมาดื่มน้ำเลยเห็นตอนที่เฮียฟันกลับมาพอดี”“อ้อ” พิชชาไม่ได้มีท่าทีสงสัยมนต์มีนาจึงโล่งใจไป โดยที่เธอคิดไม่ถึงว่าคนที่พวกเธอกำลังพูดถึงอยู่จะมาได้ยินเข้าพอดีวันนี้ชายหนุ่มสวมเชิ้ตสีแดงสดทำให้ผิวขาวที่ดูสะอาดสะอ้านไปทั้งใบหน้าคมคายนั้นยิ่งน่ามอง เขาเดินผ่านด้านหลังของทั้งสองสาวไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับมนต์มีนาซึ่งเป็นตำแหน่งประจำ“นึก
“อืม” น้ำเสียงดังอยู่ในลำคอ หากแต่เสียงนั้นก็ดังพอให้พิชชากับสาวใช้ในบ้านพากันแปลกใจ เพราะทุกครั้งพิชยะจะตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ใช่ยอมรับปากง่าย ๆ อย่างในครั้งนี้“จริงเหรอเฮียเฮียรับปากฟินน์แล้วนะ ห้ามเบี้ยว” คนเป็นน้องทำหน้าขู่ฟ่อ ๆ“ฉันไม่กล้าผิดคำพูดหรอกเพราะกลัวเด็กแถวนี้จะโทรไปร้องห่มร้องไห้ฟ้องป๊ากับม้าฉันขี้เกียจจะฟังท่านบ่น”“คำก็เด็กสองคำก็เด็กอย่าเอาเด็กมาทำเมียแล้วกัน” เถียงไปทันควันและไม่ลืมจะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนเป็นพี่ อย่างนี้ไงพิชยะถึงได้คิดว่าน้องสาวของเขาเป็นเด็กไม่รู้จักโตสักทีขณะที่บนโต๊ะอาหารกำลังเกิดสงครามเล็ก ๆ ระหว่างพี่ชายกับน้องสาว มนต์มีนาก็มีอาการปวดที่หน้าอกขึ้นมาจนหน้านิ่ว อาการนี้เธอเป็นมาสักพักหนึ่งแล้ว เวลาที่ใช้มือคลำพบเป็นก้อน ๆ อยู่ในเต้านมแต่ช่วงนี้เรียนหนักทุกวันเธอจึงยังไม่ได้ไปตรวจดู“เป็นอะไรมีนเจ็บหน้าอกอีกแล้วเหรอ” พิชชาถามขึ้นก่อนจะลุกไปดูเพื่อนด้วยความเป็นห่วง มนต์มีนายังมีอาการเจ็บหน้าอกอยู่มือประกบที่หน้าอก พิชชาเลยเป็นกังวลมากกว่าเดิม“เราว่าไปหาหมอดีกว่า ปล่อยไว้นานไม่ดี เกิดเป็นอะไรร้ายแรงจะทำไง จริงสิ เฮียช่วยดูให้หน่อยสิว่ามีนเป็นอะไ
“เฮียไม่ชอบให้มีนสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น หวง…เข้าใจไหม” เขากระซิบชิดริมหูของเธอ“แต่เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ" หากเป็นในเวลาปกติมนต์มีนาก็คงจะไม่กล้าพูดออกมาตรง ๆ แต่ตอนนี้เธอไม่มีสติให้คิดไตร่ตรอง“ต้องเป็นก่อนใช่ไหมถึงจะหวงได้” สายตาที่มองลงมาเจิดจ้าลุกวาวชวนให้มนต์มีนาหนาวเยือกเย็นขึ้นมา ทั้งที่อุณหภูมิในห้องไม่ได้ส่งผลต่อร่างกาย“ทำไมไม่ตอบล่ะ” เสียงของพิชยะใกล้เข้ามาลมหายใจร้อนผ่าวเจือกลิ่นเหล้ากรุ่นอยู่ข้างแก้ม หญิงสาวถดตัวออกห่างจากเขายังไม่เคยผ่านเรื่องบนเตียงมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าเธอจะปิดหูปิดตาไม่รู้เรื่องพวกนี้อยากผลักไสหากแต่ร่างกายกลับโอนอ่อน ลิ้นอุ่นร้อนฉวยโอกาสในจังหวะนั้นสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากอ่อนนุ่มแล้วบดเบียด ลิ้นสากครูดสีไปกับเรียวลิ้นเล็กอย่างเนิบช้าแต่ไม่อ่อนโยนเธอเคยถูกพิชยะจูบมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ล้ำลึกเนิ่นนานกว่าทุกครั้งเขาถอนริมฝีปากออก พรมจูบไปตามซอกคอ มนต์มีนาที่เพิ่งถูกล่อลวงด้วยจุมพิตร้อนแรงแทบไม่รู้ตัว เขาลงมือปลดเกาะอกของเธอออกไปตอนไหน“ย…อย่าค่ะ” เสียงของเธอสั่นพร่าหวาดหวั่นกับอารมณ์วาบหวามที่แล่นซ่านขึ้นมา ทว่าสัญชาตญาณก็บอกให้เธอยกมือขึ้นปั...
Comments