บททั้งหมดของ มู่หรงเยว่ชิง ท่านหญิงตำลึงทอง: บทที่ 1 - บทที่ 10

15

บทนำ

ช่วงพักกลางวันในย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า บนท้องถนนมีรถราที่แน่นขนัด ส่วนริมทางเดินก็ขวักไขว่ไปด้วยพนักงานของบริษัทต่าง ๆ ที่ออกมาหาอาหารมื้อกลางวันรับประทานใยไหม หญิงสาวร่างเล็กใบหน้าหมดจดเดินมากับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน พวกเธอกำลังเดินกลับออฟฟิศหลังจากรับประทานมื้อกลางวันกันเสร็จแล้ว พลันสายตาเธอดันไปเห็นรถเข็นขายผลไม้เข้า“พวกเธอขึ้นไปก่อนได้เลย เดี๋ยวเราไปซื้อผลไม้ก่อน” เธอบอกกับเพื่อนก่อนที่จะแยกย้ายกันออกไปเธอเดินตรงไปเลือกผลไม้สองสามอย่างและให้แม่ค้าคิดเงิน“ทั้งหมดเท่าไหร่คะป้า”“สี่สิบบาทจ้ะ”เธอเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วแล้วจะควักเงินจ่าย ในนั้นมีแบงก์พันหนึ่งใบ แบงก์ห้าร้อยหนึ่งใบ แบงก์ยี่สิบอีกหนึ่งใบ นอกนั้นเป็นเหรียญซึ่งมีมากพอสมควร นิสัยอย่างหนึ่งของหญิงสาวคือไม่ชอบแตกแบงก์ เนื่องจากเงินหายาก เธอเลยตั้งใจเก็บแบงก์ใหญ่ให้นานที่สุด เธอจึงค่อย ๆ นับเหรียญ พอนับครบแล้วเธอก็ยื่นส่งให้แม่ค้า แต่ตอนที่วางเงินให้แม่ค้าเธอดันทำเหรียญบาทหล่นไปเหรียญหนึ่ง แน่นอนคนรู้จักค่าของเงินอย่างเธอต้องตามไปเก็บอย่างแน่นอนเธอกวาดสายตามองไปที่พื้น มันตกแล้วกลิ้งไปไปไกลพอสมควร“
Read More

ท่านหญิงตำลึงทอง

นี่คืออาหารทั้งหมด ที่กูเหนียงน้อยนางหนึ่งจะกินได้จริง ๆ หรือบุรุษผู้มีท่าทางโอ่อ่าสมเป็นคุณชายตระกูลสูง หมายมั่นปั้นมือจะเอาอกเอาใจกูเหนียงน้อยผู้เลื่องลือด้านความงดงามไปทั่วไท่หยวน เมืองหลวงแห่งแคว้นจงหยวน เขาลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อเห็นอาหารทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า ในโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่ง ขึ้นชื่อเรื่องความใหญ่โตหรูหราและราคายังสูงเป็นอันดับหนึ่งของเมืองด้วยเช่นกัน อาหารของที่นี่ว่ากันว่ารสชาติความอร่อยไม่แพ้อาหารในพระราชวังเลยทีเดียว หรืออาจจะล้ำเลิศกว่าก็เป็นได้ เนื่องจากมีเหล่าเชื้อพระวงศ์เสด็จแวะเวียนมาเป็นประจำเถ้าแก่เจ้าของร้านละทิ้งงานทุกอย่างและลูกค้าทุกคน ตรงรี่เข้ามาคอยบริการสองหนุ่มสาวที่แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ ด้วยรู้ว่าวันนี้ตนเองจะได้รับทรัพย์อื้อซ่าแน่นอน “แน่ใจหรือว่าเจ้าจะกินหมด” ซ่งเฉียนจินบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของคหบดีซ่งเอ่ยถามเสียงเบา พยายามจะไม่ให้เป็นการเสียมารยาทแต่ทั้งอาหารเรียกน้ำย่อย เป็ดตัวอ้วนพี ไก่อบ เนื้อสัตว์ที่เลือกแต่ส่วนอร่อยนุ่มลิ้น ปลานึ่ง ขาหมู เนื้อตุ๋นยาจีน รวมทั้งอาหารง่าย ๆ อย่างผัดผัก น้ำแกง หมั่นโถวและซาลาเปา ล้ว
Read More

หลี่อวี้อ๋อง 1

เฉินหลี่อวี้หรือที่รู้จักในนามหลี่อวี้อ๋องนั่งอยู่กับผู้ติดตามคนสนิทในโรงเตี๊ยมของคนพเนจร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะกับเขาเลยแม้แต่น้อย เขามีศักดิ์เป็นพระอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เปี่ยมทั้งอำนาจบริวารและเป็นที่กลัวเกรงของทุกคนในราชสำนัก ด้วยเพราะแม้แต่ตัวฮ่องเต้เองก็ยังรับฟังคำแนะนำหรือคำคัดค้านในกิจการบ้านเมืองของหลี่อวี้อ๋องแต่เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตหรือจดจำได้ เขาจึงต้องแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดาสีซีดจางเนื้อหยาบ ราวกับคนใช้แรงงานหนัก เสียแต่ว่าพวกเสื้อผ้าซอมซ่อเหล่านี้ยังมิสามารถปิดปังความมีสง่าราศี ผิวพรรณผุดผ่องและท่วงท่าแบบคนชั้นสูงของชายหนุ่มได้ช่วงนี้หลี่อวี้อ๋องมักจะออกมาสืบราชการลับข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง แต่วันนี้นอกจากงานอันหนักหนาที่ทำอยู่ เขายังต้องการที่จะตามหากูเหนียงน้อยนางหนึ่งที่สะดุดตาเขาในตลาดเมื่อวานนี้ การจะรู้ชื่อแซ่ของนางคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก เพราะคงมีสตรีเพียงไม่กี่คนที่จะงดงามตราตรึงได้เช่นนาง และจะมีที่ไหนเหมาะไปกว่าโรงเตี๊ยมที่ผู้คนมากมายพร้อมจะตอบคำถาม หรือเล่าทุกความลับ เพียงเพื่อแลกกับเหล้าหนึ่งไหหรือไก่หนึ่งตัว อาจจะเป็นการง่ายกว่า หากเขาจะเพี
Read More

หลี่อวี้อ๋อง 2

การเดินทางมาที่จวนของแม่ทัพใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางเมืองไม่ยากเย็นอะไรนัก บริเวณโดยรอบสงบเงียบราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ทันทีที่มาถึงหน้าประตู หลี่อวี้อ๋องก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่ผิดจากปกติ เมื่อฉีฟ่างแจ้งว่าเจ้านายของเขาต้องการพบกับท่านแม่ทัพ ก็ได้รับคำตอบว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพมีแขกเข้าพบอยู่ก่อนแล้ว“แขกหรือ” เขาทวนคำ ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องเป็นแขกที่สำคัญมากทีเดียว ทุกอย่างถึงได้มีการคุ้มกันแน่นหนาและดูเป็นจริงเป็นจังถึงเพียงนี้ “ขอรับ”“ข้าจะรอ” “ถ้าเช่นนั้นก็เรียนเชิญท่านด้านในขอรับ ข้าน้อยจะไปรายงานนายท่านให้”“เดี๋ยว ยังไม่ต้องรายงาน รอให้แม่ทัพเสร็จธุระกับแขกก่อนก็ได้”“ขอรับ” บ่าวรับใช้รับคำอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่งหลี่อวี้อ๋องให้ฉีฟ่างรออยู่ด้านนอก ตัวเองก็เดินเข้ามาในจวนอันร่มรื่น มีลานขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางแบบบ้านของผู้มีอันจะกินทั่วไป เขาสอดส่ายสายตา หวังว่าจะเห็นกูเหนียงน้อยที่ตนเองลงทุนตามหา หลี่อวี้อ๋องไม่ได้เจอแม่ทัพมู่หรงเป็นการส่วนตัวหรือคุยธุระด้วยมานานแล้ว สาเหตุเพราะตอนนี้บ้านเมืองสงบสุข ร้างราจากศึกสงครามมาเนิ่นนาน แต่ตอนนี้มีข่าวก
Read More

หนีเที่ยว 1

ร่างเล็กในชุดสาวใช้เดินก้มหน้าก้มตาผ่านโรงครัวไปทางประตูหลังของจวน ฝีเท้าของนางเร่งรีบ แต่เสียงเดินแผ่วเบาราวกับไม่อยากให้ใครได้ยิน นางเหลียวมองด้านหลังเล็กน้อย เมื่อไม่เห็นใครหรือสิ่งใดผิดปกติ สองเท้าก็จ้ำพรวดผ่านประตูออกไปยืนท่ามกลางแสงแดดแผดกล้า ก่อนจะรีบเข้าไปในรถม้าที่ถูกเรียกมาจากข้างนอก โดยมีหญิงสาวอีกนางนั่งรออยู่ด้านในก่อนแล้ว“คุณหนู ทำแบบนี้จะดีหรือเจ้าคะ”“ชู่ววว”“แต่...”คราวนี้คนที่ถูกเรียกว่าคนหนูถลึงตาใส่สาวใช้ ก่อนจะเคาะที่หลังคารถม้ารับจ้าง เป็นสัญญาณว่าไปได้“เราไม่ได้ทำแบบนี้เป็นครั้งแรกเสียหน่อย และเจ้าก็ออกปากเตือนข้ามาตลอด ข้าเคยฟังหรืออย่างไรกัน”“ไม่ฟังเจ้าค่ะ”“ก็นั่นปะไร”มู่หรงเยว่ชิงในชุดสาวใช้ยิ้มอย่างซุกซน เพียงแค่นึกถึงตอนที่จะได้เที่ยวเล่น ห่างไกลจากการงานน่าเบื่อทั้งหลาย นางก็พลันมีความสุขขึ้นมา “ถ้าหากคุณชายรู้ เพ่ยเพ่ยคนนี้ต้องโดนเอ็ดอีกแน่ แต่นั่นยังไม่แย่เท่ากับที่ทุกคนจะหันมาห่วงคุณหนูหนักกว่าเดิม คราวนี้ท่านก็จะไปไหนมาไหนได้ยากยิ่งขึ้น”“เรื่องนั้นเอาไว้คิดทีหลังน่า” นางบอกปัด มู่หรงเยว่ชิงตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นในหมู่บ้าน ชมนกชมไม้ การเก็บเกี่
Read More

หนีเที่ยว 2

“คุณชาย ข้าต้องขออภัย ปล่อยข้าไปเถิด จะให้ข้าทำสิ่งใดข้าก็ยอม ขอร้องเถิดขอรับ” เมื่อใช้แรงสู้ไม่ได้ผล และพิจารณาดูแล้ว ชายผู้นี้ไม่น่าใช่คนธรรมดา คนที่เคยอวดเบ่งก็ต้องใช้วิธีขอร้องอ้อนวอนแทน“ฮึ เจ้าสุนัขนี่ไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย” เขาสะบัดมือออก ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดอย่างถือตัวยิ่งทำเช่นนั้น เยว่ชิงก็ยิ่งแน่ใจว่าเขาน่าจะเป็นคุณชาย บัณทิต ขุนนาง หรือที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือทหารในกองทัพเลยทีเดียว ถึงได้มีความสามารถในการต่อสู้ และคงไว้ซึ่งท่าทางเย่อหยิ่งไปในคราวเดียวกัน“เอาละ ทีนี้ก็เอ่ยขออภัยแม่นางทั้งสองซะ”คำขอโทษพรั่งพรูออกมาจากปากไอ้สุนัขหน้าเหม็นพร้อมด้วยสีหน้าเศร้าสลดเยว่ชิงมองอย่างไร้ความหมาย บอกให้เพ่ยเพ่ยเอาเงินให้ชายชราที่ยืนตัวลีบอยู่ทางด้านหลัง ก่อนจะหันมาขอบคุณผู้ช่วยชีวิตของนาง“คุณชายท่านนี้ ข้าต้องขอบคุณท่านมาก สำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้”นางกล่าวด้วยเสียงและท่าทางที่ไม่อ่อนน้อมนัก เนื่องจากติดนิสัยพูดกับบ่าวรับใช้ในจวน แต่เมื่อรู้ตัวว่าถ้อยคำเหล่านั้นแสนจะห้วนสั้น จึงเติมคำที่ท้ายประโยคประโยคลงไปเพื่อความแนบเนียน “หมายถึง...ขอบคุณเหลือเกินเจ้าค่ะ”
Read More

มาถึงจวน 1

การมาถึงของหลี่อวี้อ๋องเงียบเชียบปราศจากความเอิกเกริก เฉกเช่นเดียวกับการไปปรากฏตัวตามที่ต่าง ๆ ของเขาเพื่อสืบราชการลับ แม้ในจวนของท่านแม่ทัพใหญ่จะใหญ่โตกว้างขวาง แต่กลับไม่มีบ่าวไพร่เดินให้ขวักไขว่ดังเช่นจวนขุนนางอื่น ๆ หากเทียบกันแล้วจวนแห่งนี้มีบ่าวไพร่เพียงหนึ่งในสามของจวนขุนนางเหล่านั้นเท่านั้น แต่นี่ไม่ได้เป็นการแสดงความอัตคัดขัดสนแม้แต่น้อย ตระกูลมู่หรงแม้เพียงกระถางต้นไม้หนึ่งต้น ย่อมมีราคากว่าที่ดินสิบแปลง หลี่อวี้อ๋องรู้สึกรู้สึกพึงพอใจในบรรยากาศของจวนแห่งนี้ไม่น้อย ขณะที่กำลังเดินอยู่เขาได้สอดส่ายสายตาไปมาเพื่อจะมองหาท่านหญิง จอมแก่นด้วยตนเอง พยายามนึกว่าสาวน้อยเช่นนางจะโปรดปรานการทำสิ่งใดในช่วงสายของวันเช่นนี้ หากเป็นหญิงสาวทั่วไปที่เขารู้จัก คงจะไม่พ้นการไปนั่งพักผ่อน พูดคุยกับคนสนิทข้างกาย หรือเข้าอบรมบ่มนิสัย ไม่เช่นนั้นก็นั่งจิบชาเสียเฉย ๆ แต่ดูแล้ว มู่หรงเยว่ชิงคงจะไม่เป็นเช่นนั้น จวนใหญ่โตมักจะสร้างสวนเอาไว้หลายแห่ง ทั้งเพื่อพักผ่อน หย่อนใจ อวดความมั่งคั่ง หรือเพื่อปิดบังตัวเรือนชั้นในจากสายตาคนนอก นอกจากนั้นก็ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจนัก หากจะนึกให้พิเรนท์สักหน่อย ก็เห
Read More

มาถึงจวน 2

“อย่างเช่นสิ่งใดหรือเพคะ” เยว่ชิงทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวจึงเอ่ยปากถาม “อย่างเช่นพูดกับข้าเหมือนตอนก่อนที่เจ้าจะรู้ว่าข้าเป็นอ๋องน่ะ” “อ้อ” นางหลุบตาต่ำ รู้สึกอับอายขึ้นมาเล็กน้อย “แล้วเรื่องที่หม่อมฉัน…ข้าต้องทำ…อย่างเช่นสิ่งใดหรือเจ้าคะ” “อย่างเช่นไปช่วยข้าเลือกลูกม้าตัวใหม่” “ลูกม้า!” สองพ่อลูกอุทานแล้วมองหน้ากัน “ใช่ แล้วข้าจะให้เจ้าตัวหนึ่งด้วย เลือกเอาตัวที่แพงที่สุดก็ได้ จะไปหรือไม่ไป” น้ำเสียงของหลี่อวี้อ๋องไม่ใช่การถามความสมัครใจ แต่เยว่ชิงไม่ได้สังเกต นางรีบตอบตกลงเพราะตื่นเต้นที่จะลูกม้าตัวที่แพงที่สุด ก่อนที่บิดาจะเป็นฝ่ายหยิกนางจนเนื้อเขียวแล้วตอบตกลงให้แทน ถึงแม้นางจะงุนงงไม่น้อยว่าการเลือกลูกม้าเป็นการทำคุณให้แผ่นดินไปได้อย่างไร และนางก็ไม่ได้อยากจะไปในที่แบบนั้นกับบุรุษที่เป็นถึงท่านอ๋อง แต่กลับหาเรื่องกลั่นแกล้งนางมาตั้งแต่เมื่อวานก็ตาม แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นใดหลงเหลืออยู่เลย และหากจะคิดปลอบใจตนเอง ก็คงกล่าวได้ว่าอย่างน้อย นางก็จะได้เจ้าม้าน้อยน่ารักกลับมาด้วย “ข้าจะพานางกลับมาก่อนค่ำโดยไม่ทำให้นางเสื่อมเสียเกียร
Read More

ท่านอ๋องผู้มีจิตใจกว้างขวาง 1

การฝึกขี่ม้าที่หลี่อวี้อ๋องแอบอ้างจบลงในเวลาไม่นานนัก ด้วยเหตุผลที่ว่ามันอาจจะทำให้หญิงสาวบอบบางเช่นนางจะต้องปวดเมื่อยเนื้อตัว หากหักโหมฝึกฝนจนเกินไป แต่อันที่จริง เขาเพียงแต่คิดว่าการจะเป็นผึ้งที่ได้ดอมดมเกสรดอกไม้ จะต้องระวังไม่ให้ดอกไม้อันสวยงามชอกช้ำ การที่เขาให้เยว่ชิงนั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกันแล้วเหยาะย่างไปรอบทุ่งเพื่อกินลมชมทิวทัศน์ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับในวันนี้ อีกประการหนึ่ง ในการที่จะทนต่อสิ่งเร้าอย่างเช่นเรือนร่างที่แม้จะอยู่ภายใต้อาภรณ์ปกปิด แต่ก็ไม่สามารถสกัดกั้นความเย้ายวนใจได้ เส้นผมนุ่มสลวยดำขลับที่มักจะถูกลมพัดผ่านใต้จมูกของเขา คละเคล้าไปกับกลิ่นหอมกรุ่นจากเรือนร่างของนางเอง ก็เป็นการยากเหลือเกินที่จะทำจิตใจให้สงบอยู่ได้ “สรุปว่าเอาตัวนี้นะ” เขาถามย้ำ เมื่อเห็นนางลังเลใจในการจะเลือกลูกม้ากลับไปเลี้ยงตามที่เขาได้ลั่นวาจาเอาไว้ เยว่ชิงยกมือลูบจมูกลูกม้าสีขาวท่าทางปราดเปรียวเกินอายุ ก่อนจะเหลียวมองเจ้าตัวสีดำที่อยู่ในคอกถัดไป แล้วหันมามองท่านอ๋องที่ยืนเอามือไพล่หลังรออยู่ “ท่านคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ” นางถูกชะตากับเจ้ามาสีขาวตัวนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ถามค
Read More

ท่านอ๋องผู้มีจิตใจกว้างขวาง 2

“ข้าพูดจริงนะ เรื่องความงามของเจ้า” เยว่ชิงไม่ตอบอะไร เพียงแต่เม้มปากแน่น มันเป็นการกระทำที่ติดเป็นนิสัย และสร้างความน่าเอ็นดูให้กับนางไปโดยปริยาย “ท่านอย่าชมให้ข้าได้ใจไปมากกว่านี้เลยเจ้าค่ะ” อันที่จริงนางรู้ตัวและได้ยินได้ฟังจนเบื่อแล้ว คนงามถึงอย่างไรก็งามอยู่วันยังค่ำ “ข้าพูดความจริง เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการชดเชยที่ทำให้เจ้าต้องเก้อในวันนี้ ข้าจะพาเจ้ามาเดินเล่นและทำทุกอย่างที่เจ้าอยากจะทำในครั้งหน้า ตกลงไหม” “ตกลงเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ” “ทีนี้ ข้าจะให้รถม้าไปส่งเจ้ากลับจวน ส่วนข้าจะแยกไปตรงนี้ เพราะธุระของข้าเร่งด่วนมาก จะเป็นอันใดหรือไม่” “จะเป็นอันใดกันเล่าเจ้าคะ ขอเพียงไม่ต้องเดินกลับ ข้าก็พอใจแล้ว” นางกล่าวด้วยเสียงที่ร่าเริงขึ้นมาเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ดี ข้าขอโทษจริง ๆ นะ วันของเจ้าไม่ควรหมดสนุกเพียงเท่านี้” หลี่อวี้อ๋องแตะข้อศอกนางให้เดินกลับไปรอที่หน้าถนน ก่อนจะทำมือให้ฉีฟ่างไปเรียกรถม้ามาให้ “ทำคุณประโยชน์ให้กับทางการ จะสนุกได้อย่างไร” เขายิ้มออกมาเล็กน้อย “แต่มันก็ไม่ควรต้องน่าเบื่อ เอาละ ไปได้” มู่หรงเยว่ชิงย่อตัว
Read More
ก่อนหน้า
12
DMCA.com Protection Status