Share

มู่หรงเยว่ชิง ท่านหญิงตำลึงทอง
มู่หรงเยว่ชิง ท่านหญิงตำลึงทอง
Penulis: Priyada

บทนำ

ช่วงพักกลางวันในย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า บนท้องถนนมีรถราที่แน่นขนัด ส่วนริมทางเดินก็ขวักไขว่ไปด้วยพนักงานของบริษัทต่าง ๆ ที่ออกมาหาอาหารมื้อกลางวันรับประทาน

ใยไหม หญิงสาวร่างเล็กใบหน้าหมดจดเดินมากับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน พวกเธอกำลังเดินกลับออฟฟิศหลังจากรับประทานมื้อกลางวันกันเสร็จแล้ว พลันสายตาเธอดันไปเห็นรถเข็นขายผลไม้เข้า

“พวกเธอขึ้นไปก่อนได้เลย เดี๋ยวเราไปซื้อผลไม้ก่อน” เธอบอกกับเพื่อนก่อนที่จะแยกย้ายกันออกไป

เธอเดินตรงไปเลือกผลไม้สองสามอย่างและให้แม่ค้าคิดเงิน

“ทั้งหมดเท่าไหร่คะป้า”

“สี่สิบบาทจ้ะ”

เธอเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วแล้วจะควักเงินจ่าย ในนั้นมีแบงก์พันหนึ่งใบ แบงก์ห้าร้อยหนึ่งใบ แบงก์ยี่สิบอีกหนึ่งใบ นอกนั้นเป็นเหรียญซึ่งมีมากพอสมควร นิสัยอย่างหนึ่งของหญิงสาวคือไม่ชอบแตกแบงก์ เนื่องจากเงินหายาก เธอเลยตั้งใจเก็บแบงก์ใหญ่ให้นานที่สุด เธอจึงค่อย ๆ นับเหรียญ พอนับครบแล้วเธอก็ยื่นส่งให้แม่ค้า แต่ตอนที่วางเงินให้แม่ค้าเธอดันทำเหรียญบาทหล่นไปเหรียญหนึ่ง แน่นอนคนรู้จักค่าของเงินอย่างเธอต้องตามไปเก็บอย่างแน่นอน

เธอกวาดสายตามองไปที่พื้น มันตกแล้วกลิ้งไปไปไกลพอสมควร

“แป๊บนะป้า เหรียญบาทหล่นไปเหรียญนึง ขอหนูไปเก็บก่อน”

“ไม่เป็นไรหนูแค่บาทเดียวเอง”

“ไม่ได้ค่ะป้า เงินหายาก บาทเดียวก็มีค่า”

เธอบอกแม่ค้าเสร็จก็เดินไปที่ริมถนนเพื่อจะเก็บเหรียญที่ตกอยู่ ตอนที่เธอกำลังก้มเก็บ ทันใดนั้นรถจักรยานยนต์คันหนึ่งก็พุ่งเข้ามา

โครม!!!

ภาพทุกอย่างดับวูบโดยพลัน…

นี่คืออาหารทั้งหมด ที่กูเหนียงน้อยนางหนึ่งจะกินได้จริง ๆ หรือ

บุรุษผู้มีท่าทางโอ่อ่าสมเป็นคุณชายตระกูลสูง หมายมั่นปั้นมือจะเอาอกเอาใจกูเหนียงน้อยผู้เลื่องลือด้านความงดงามไปทั่วไท่หยวน เมืองหลวงแห่งแคว้นจงหยวน เขาลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อเห็นอาหารทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า ในโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่ง ขึ้นชื่อเรื่องความใหญ่โตหรูหราและราคายังสูงเป็นอันดับหนึ่งของเมืองด้วยเช่นกัน อาหารของที่นี่ว่ากันว่ารสชาติความอร่อยไม่แพ้อาหารในพระราชวังเลยทีเดียว หรืออาจจะล้ำเลิศกว่าก็เป็นได้ เนื่องจากมีเหล่าเชื้อพระวงศ์เสด็จแวะเวียนมาเป็นประจำ

เถ้าแก่เจ้าของร้านละทิ้งงานทุกอย่างและลูกค้าทุกคน ตรงรี่เข้ามาคอยบริการสองหนุ่มสาวที่แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ ด้วยรู้ว่าวันนี้ตนเองจะได้รับทรัพย์อื้อซ่าแน่นอน

“แน่ใจหรือว่าเจ้าจะกินหมด” ซ่งเฉียนจินบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของคหบดีซ่งเอ่ยถามเสียงเบา พยายามจะไม่ให้เป็นการเสียมารยาท

แต่ทั้งอาหารเรียกน้ำย่อย เป็ดตัวอ้วนพี ไก่อบ เนื้อสัตว์ที่เลือกแต่ส่วนอร่อยนุ่มลิ้น ปลานึ่ง ขาหมู เนื้อตุ๋นยาจีน รวมทั้งอาหารง่าย ๆ อย่างผัดผัก น้ำแกง หมั่นโถวและซาลาเปา ล้วนดูมากเกินไป สำหรับสตรีที่ตัวเล็กกว่าบุรุษทั่วไปเกือบครึ่ง

“หากข้ากินไม่หมด ก็แบ่งให้บ่าวรับใช้ทั้งจวนก็ได้นี่เจ้าคะ” นางใช้ตะเกียบคีบเนื้อไก่เข้าปาก ด้วยท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด

ชายหนุ่มนึกในใจอยากจะบอกว่าแล้วทำไมไม่สั่งแค่พอกินแต่แรกเล่า แต่หากพูดแบบนั้นออกไป นอกจากจะไร้มารยาทแล้ว ยังจะทำให้ตัวเองดูเป็นคนจิตใจคับแคบอีกต่างหาก

“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็กินให้อิ่มเถอะนะ” เขายิ้มปลอบใจตัวเองพลางบอกนาง

“คุณชายก็กินด้วยกันสิเจ้าคะ” นางแย้มยิ้มด้วยอารมณ์ร่าเริงสดใส แล้วคีบอาหารใส่ปากอีกคำ

มู่หรงเยว่ชิงเป็นบุตรีเพียงคนเดียวในบรรดาบุตรธิดาของท่านแม่ทัพใหญ่มู่หรงเซียนหลิว ผู้ใกล้ชิดและได้รับความไว้วางพระทัยจากองค์ฮ่องเต้ นางเป็นที่โปรดปรานถึงขนาดได้รับพระราชทานยศเป็นถึงท่านหญิงจนใครต่อใครต่างอิจฉา แม้จะยังเป็นเพียงกูเหนียงน้อย แต่กลับฉายแววโฉมสะคราญ กอปรกับเป็นถึงบุตรีเพียงหนึ่งเดียวของท่านแม่ทัพใหญ่ จึงเป็นที่หมายปองของเหล่าบุรุษทั่วทั้งแคว้น แต่จะมีสักกี่คนกันที่จะเรียกได้ว่าคู่ควร แม้กระนั้นด้วยความงามและยศถาบรรดาศักดิ์อันถึงพร้อม ก็ทำให้มีคนอีกมากมายที่ยังไม่ละความพยายามที่จะเกี้ยวพาและหมายมั่นจะคว้าหัวใจนางมาไว้ในครอบครองให้จงได้

เพียงแต่ท่านหญิงผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องความรัก…จนอาจจะถึงขั้นหลงใหลในเงินทองของมีค่าเสียเหลือเกิน กระทั่งมีคำกล่าวเปรียบเปรยว่า

มู่หรงเยว่ชิงใช้สิ่งเหล่านี้ในการหายใจแทนอากาศ นางนอนกอดก้อนตำลึงทองบนเตียงและเดินบนพื้นที่ปูด้วยเหรียญเงิน

ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ในเมื่อนางเกิดอยู่บนกองเงินกองทอง และความรักเงินนี้ก็ทำให้คุณชายหลายคนถอยหนีเพราะเอาใจและมอบของกำนัลให้นางไม่ไหว

และในวันนี้คุณชายซ่งเฉียนจินซึ่งหาทางเข้าหานางผ่านทางบิดามาหลายครั้งหลายครา ก็สบโอกาสชวนนางมาเดินเล่นที่ตลาดตามประสา อีกทั้งยังอาสาจะเลี้ยงอาหารนางให้อิ่มหนำ เพียงแต่เขาไม่ได้เตรียมอกเตรียมใจว่ามันจะเป็นมื้อใหญ่ ที่ผลาญเงินทองปานนี้ ยิ่งไปกว่านั้น อาหารกว่าครึ่งนางก็ไม่ได้แตะเสียด้วยซ้ำ

ทว่าคุณชายผู้ยังไม่ละความพยายามยังคงจ่ายเงินให้กับเถ้าแก่ที่ยิ้มหน้าบาน ก่อนจะพากันเดินออกมาด้านนอก

ใบหน้างดงามยิ้มกว้างเบิกบาน แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวอารมณ์ดีกว่าปกติ เพราะแน่ใจว่าวันนี้ นางจะได้ซื้อของสวย ๆ งาม ๆ มากมายแน่นอน

“คุณหนูเจ้าคะ เดินช้า ๆ หน่อยเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทร้องเรียก หันมองคุณชายซ่งที่แทบจะตามร่างเล็กที่ซอกแซกผ่านผู้คนไปมาไม่ทัน เขามัวแต่เบียดตัวหลบพ่อค้าแม่ขาย จนกระทั่งหันมาอีกที มู่หรงเยว่ชิงก็หายไปจากครรลองสายตาเสียแล้ว

“คุณหนูเจ้าคะ”

“รีบตามมาสิเพ่ยเพ่ย เดี๋ยวตลาดก็วายหมดพอดี”

มู่หรงเยว่ชิงลืมชายหนุ่มที่ท่านพ่อเอ่ยปากให้นางออกมาเดินเล่นด้วยไปเสียสนิท ด้วยความที่มีทั้งพี่ชายและน้องชายที่หวงนางยิ่งกว่าไข่ในหิน คอยดูแลและตามติดแจ นางจึงไม่ค่อยได้มีโอกาสออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกบ่อยนัก หรือถ้าจะมา พี่ชายน้องชายก็ต้องมาด้วย และพวกเขาชอบกันคนอื่นไม่ให้เข้าใกล้นาง แม้แต่พ่อค้าขายของ หรือคนที่เดินผ่านไปมาบนถนน นี่จึงเป็นโอกาสอันดีงามที่นางจะได้ทำอะไรตามใจตนเอง

“สนใจร้านนี้หรือ” ซ่งเฉียนจินที่เพิ่งจะแหวกผ่านผู้คนพลุกพล่านตามมาได้ทันเงยหน้ามองร้านใหญ่โตก่อนจะเอ่ยปากถาม

“เจ้าค่ะ เราเข้าไปดูได้ไหมเจ้าคะ” นางถามด้วยเสียงออดอ้อน ดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นชุดที่จัดแสดงอยู่หน้าร้าน กับม้วนผ้าหลากสีด้านในที่ดึงดูดนางราวกับมีแม่เหล็กดูดเข้าหา

คุณชายผู้ตั้งใจจะสร้างความประทับใจพยักหน้ารับอย่างยินดี ก่อนจะหันไปพูดกับช่างฝึกหัดที่รับหน้าที่ดูแลลูกค้าไปในตัวด้วยความใจกว้าง

“ไม่ว่านางจะอยากได้สิ่งใดให้จัดหาให้นาง แล้วมาคิดเงินที่ข้า”

มู่หรงเย่วชิงหันมายิ้ม ซึ่งรอยยิ้มของนางสามารถทำให้ใครก็ตามถึงกับลมหายใจสะดุด เพราะความงามตามธรรมชาติไร้เดียงสาที่

เปล่งประกายออกมาผ่านความอ่อนหวานของรอยยิ้มนั้นสะกดจิตสะกดใจคนนักแล

“เพ่ยเพ่ยมาช่วยข้าเลือกหน่อยสิ”

“คุณหนูของบ่าว ใส่ชุดไหนก็งามเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทพูดอย่างเอาใจ

“หรือเจ้าจะตัดชุดใหม่เลยก็ได้นะเยว่ชิง” ชายหนุ่มถือโอกาสเรียกนางอย่างสนิทสนม และนางก็ไม่ได้ว่าอะไร อาจเพราะต้องการทำให้เขาพอใจ เขาจะได้ยินยอมซื้อของให้โดยไม่อิดออด

“ท่านว่าสองสีนี้ สีไหนเหมาะกับข้ามากกว่าเจ้าคะ” นางทาบชุดสีฟ้าอ่อนปักลายนกตัวเล็กสีขาว กับสีเขียวเหมือนสีของใบไม้ในฤดูร้อนปักแซมด้วยดอกไม้เป็นช่อ

“ข้าว่าสีฟ้า”

“แต่ข้าก็ชอบสีเขียวด้วยนี่นา” นางบ่นพึมพำ ก้มหน้ามองชุดที่อยู่ในมือ ก่อนจะหันไปหาเพ่ยเพ่ย “เจ้าล่ะ คิดว่าอย่างไร”

“บ่าวเลือกไม่ได้หรอกเจ้าค่ะคุณหนู ในสายตาของบ่าว มันก็สวยด้วยกันทั้งคู่ ไม่แปลกใจที่คุณหนูจะตัดสินใจไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น เราซื้อไปทั้งสองชุดเลยไม่ได้หรือเจ้าคะ”

มู่หรงเยว่ชิงทำท่าทอดถอนใจคิดหนักหันไปหาชายหนุ่มข้างกายด้วยสีหน้าอิหลักอิเหลื่อ “เรื่องนั้น...คงต้องถามคุณชายซ่ง”

“เช่นนั้นก็ซื้อทั้งสองชุดตามที่สาวใช้ของเจ้าบอกนั่นล่ะ” ในเมื่อพูดมาขนาดนี้ เขาจะไม่ตามน้ำไปก็กะไรอยู่

ซ่งเฉียนจินไม่มีทางตามทันเล่ห์เหลี่ยมที่มู่หรงเยว่ชิงใช้โดยกระทำผ่านสาวใช้ที่รู้ใจนางเป็นอย่างดี การทำเป็นเลือกระหว่างสิ่งของที่มากกว่าหนึ่งอย่างไม่ได้ และหันไปถามเพ่ยเพ่ย ก็คือการปูทางให้หญิงสาวแสร้งทำเป็นหาคำตอบไม่ได้ และแนะแนวทางให้เลือกทุกอย่างที่มี ด้วยวิธีการนี้

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status